และนั่นต่อมา ก็ทำให้เธอพลอยตกใจด้วย
“เอ ลุงคะ แล้วนี่ ลุงรู้จักกับคนขับรถเบ๊นซ์คันนั้นไหมล่ะคะ”
และคนขับแท็กซี่คนเดิมสั่นหน้าอีกตอบ
“โอ้ย ไม่หรอกอีหนู แต่ว่า ไอ้ประเภทที่มีการเฉี่ยวชนกับรถเบ๊นซ์ก็พอมีเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นไอ้พวกนี้”
เมื่อคนขับพูดอย่างนั้น เลยพลอยทำให้จิตใจของฝ้ายนิลไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียแล้ว
นี่เธอปะเหมาะเคราะห์ร้ายหรือเปล่า
เหมือนกับคนหนีเสือมาปะจระเข้ด้วย
หญิงสาวพยายามครุ่นคิดอย่างมีสติ
“งั้น ลุง ก็ช่วยเร่งเครื่องแรงๆกว่านี้ได้ไหมคะ ไปหาจอดในย่านที่ชุมชนให้กับหนูหน่อย เอ้อ พอที่หนูจะหารถคันใหม่แทนได้ง่าย เพราะหนูอยากจะกลับบ้าน”
ฝ้ายนิลบอกความประสงค์
พร้อมทั้งพยายามชะเง้อมองหาคนขับรถเบ๊นซ์ เพราะว่าสีรถที่ดูเหมือนกับคุ้นเคย ว่าเห็นที่ไหนมาก่อน
“อ๋อนี่ คิดจะเร่งเครื่องหนีอีกหรือยังไง”
เลยทำให้กริญจ์สบถออกมาพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพิ่มแบบไม่ลดละ
จนเขานั้นสามารถวิ่งแซงตีคู่กับรถแท็กซี่
คันที่เป็นเป้าหมายได้แล้ว
เพราะกริญจ์ขับรถขนาบอยู่ทางด้านขวา ดังนั้นเขาจึงลดไขกระจกลง เพื่อให้เห็นหน้าชัดเจน
จากนั้นพอฝ้ายนิลมองเห็นหน้าชัดเจน ถึงกับตกใจในทันที
“อ๋อ นายบ้า คนนั้นเอง ตามมาอีกจนได้”
และเสียงบ่นออกมาของเธอทำให้คนขับหันมาถามอีก
“อ้าว นี่ หนูรู้จักกับคนขับด้วยหรือ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คงจะเป็นคนบ้าน่ะ คะ พวกโรคจิตที่คิดจะทำมิดีมิร้าย เอ้อ กับหนู”
เมื่อฝ้ายนิลตัดสินใจพูดออกไปอย่างนั้น
พอถึงสี่แยกข้างหน้า ก็เริ่มจะเป็นชุมชนใหญ่ที่มีผู้คนอยู่ในละแวกนั้นค่อนข้างหนาตาแล้ว คิดว่าผู้โดยสารจะปลอดภัย
“งั้น แจ้งตำรวจดีไหม ล่ะหนู เอ้อ ให้ลุงแจ้งไปที่วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน แต่ว่า ใกล้ๆจะถึง ลุงจะหยุดจอดให้หนู ตรงสี่แยกข้างหน้า มันเป็นชุมชนใหญ่ ที่หนูปลอดภัย”
“ได้ค่ะ คุณลุง” หล่อนตอบ
และในความคิดของฝ้ายนิลคิดว่าไหนๆชะตากรรมของเธอก็ต้องมาเจอกับคนโรคจิตแบบนี้
มันคงหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ แน่นอน
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นมาปะทะหน้ากันดีกว่า
สู้กันซึ่งหน้า
หล่อนไม่กลัวใครหรอก คนอย่างฝ้ายนิลเสียอย่าง
ก็กลางชุมชนเลยล่ะ
เพราะคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไร ที่ดูน่าเกลียดหรอก
เอ หากแต่ถ้ามีอะไรที่ดูร้ายแรงมากกว่านี้
เธอก็สามารถที่จะร้องตะโกนและวิ่งเข้าหาชาวบ้านตรงหน้า และให้คนแถวนั้นช่วยเหลือก็ได้
ฝ้ายนิลคิดหาทางป้องกันและทางหนีทีไล่
และในขณะนั้น สำหรับคนขับรถเบ๊นซ์
อย่างกริญจ์ เขาก็หัวเสียอย่างหนักเลยทีเดียว เพราะนี่ขนาดวิ่งตีคู่ขนาบกันขนาดนี้
เจ้าแท็กซี่ยังไม่หยุดจอดอีก มันน่าโมโหนัก และกลับเพิ่มความเร็วอีกจนว่า
เขาต้องรีบเร่งให้เท่ากัน เพราะเมื่อเกิดอาการที่หมั่นไส้เข้ามากๆ
เขาก็เลยบีบแตรให้เสียงดังลั่นสนั่นไปหมด
โดยไม่สนใจชาวบ้านจะตกใจมากแค่ไหน
“ฮึ ดูเอาเถอะ นายคนนี้มาทำโมโหบีบแตรไล่หลัง อย่างนี้ เอ้อ ลุง คะ หนูว่าจอดที่ตรงนี้ก็ได้ แล้วนี่ค่ะ สตางค์ค่ารถ ไม่ต้องทอนนะคะ เพราะเดี๋ยวหนูจะขึ้นคันใหม่ ”
หล่อนกลัวคนขับไม่ปลอดภัย ในสวัสดิภาพ เพราะถูกคุมคาม จากอันธพาลข้างถนนคนนั้น
ฝ้ายนิลพูดอย่างเข้าใจความรู้สึกของคนขับ
“เอ ไม่เป็นไร หรอกหนู ลุงไม่รับหรอกนะ ยังส่งไม่ถึงปลายทาง ให้หนูเก็บเอาไปต่อคันอื่นต่อเถอะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
หากคนขับรถนั้นเอ่ยปฏิเสธ
แต่ว่าทางฝ้ายนิลก็ไม่ยอมเช่นกัน
“แต่ไม่ได้นะคะคุณลุง เพราะหนูใช้บริการไม่ได้นั่งเปล่าๆ และก็ถือว่าเป็นความสบายใจของหนูด้วย นะคะ ถ้าลุงไม่รับ หนูไม่สบายใจแน่ถ้าไม่ได้จ่ายค่ารถ กว่าที่ลุงจะหาลูกค้าคนใหม่ได้อีก ก็นานนะคะ รับไปเถอะ”
ซึ่งฝ้ายนิลก็คะยั้นคะยอให้คนขับนั้นรับเงินค่าโดยสาร
ซึ่งเธอก็หยิบแบ๊งค์ร้อยหนึ่งใบ พร้อมกับคว้ากระเป๋าของตนเองเตรียมพร้อมจะลงในทันที
เมื่อคนขับนั้นหยุดจอดให้ชิดติดริมฟุตบาธ จากนั้นเธอก็เปิดประตูลงจากรถในทันที
พร้อมกับรีบวิ่งตรงไปข้างหน้า ซึ่งมีสะพานลอยอยู่ตรงบริเวณสี่แยกไฟแดง
เธอคิดว่าจะข้ามสะพานลอย
ไปดักเรียกแท็กซี่ ที่ฝั่งโน้นดีกว่า ยอมเสียเวลาหน่อย
แต่ว่าคงหนีพ้นจากผู้ชายโรคจิตคนนั้นอย่างแน่
ฮึ คนที่นำความเดือดร้อนมาให้เธอในเวลานี้ไง
เพราะกริญจ์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เมื่อเขาขับจนสามารถแซงหน้าหญิงสาวตัวเล็กได้
และรถไปจอดหยุดอยู่ตรงบริเวณเสาไฟฟ้าที่มืดสนิทตรงนั้น ดูเปลี่ยวบ้าง
แม้จะมีบ้านเรือนของผู้คน แต่ก็เงียบและปิดไฟดับสนิท จากนั้นรีบล๊อครถ
แล้วตัดสินใจวิ่งสวนกลับมายังทิศทางที่หญิงสาวนั้นเป็นฝ่ายวิ่งตรงมา
เพราะหล่อนไม่คาดคิดนั่นเอง และเมื่อฝ้ายนิลมองเห็นชัดเจน
ดังนั้นหญิงสาวจึงพยายามจะวิ่งย้อนกลับไปยังที่เดิมอีกเพราะเขาวิ่งมาดักหน้าอย่างนี้
เพื่อจะหนีเขาไปให้ไกล
เพราะนี่เขาเล่นเอามือคว้าและกอดรัดร่างของหล่อนจนแทบจะหายใจไม่ออกด้วยซ้ำ จนสิ้นอิสรภาพเลยทำให้หล่อนต้องดื้อดึงเขาพร้อมกับแข็งขืน
“เป็นไงล่ะ แม่คุณ นี่ ฉันบอกแล้วไงว่า เธออย่าฤทธิ์มาก บอกให้อยู่เฉยๆ เพราะฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”
สำหรับหล่อนนั้นก็เห็นมีวิธีเดียวที่จะช่วยตัวเองได้ในยามนี้ ก็คือ เออออส่งๆไป
ถ้านายคนบ้านี้พูดอย่างที่เขารับปากไว้ก็ดี
ดังนั้นเธอจำเป็นต้องพูดดีกับเขาไปด้วย
เพราะตอนนี้จะให้ทำอะไรได้ เพราะสถานการณ์มันบังคับอีกสำหรับฝ้ายนิล เจอคนบ้า อารมณ์เถื่อน หลังจากนั้นเขาใช้วิธีลากจูงมือพร้อมกับแกมบังคับหล่อนให้ไปกับเขาด้วยกันกับเขา“งั้นเอาแบบนี้ ไปคุยกันที่รถของฉัน”แม้เป็นคำพูดสั้นๆ ที่ทำให้เธอนั้นจะต้องยอมและเชื่อเขาไปง่ายๆ ในขณะนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอะไรสำหรับเธอในขณะนี้เพราะหากถ้าเขาจะเอาไปฆ่าไปแกงอย่างไรก็ทำได้และเธอคงไม่รอดพ้นมือเขาเป็นแน่มีแต่ทางเสียเปรียบ ครั้นเมื่อหล่อนจ้องไปที่ใบหน้าของเขาซึ่งหน้าตาของเขานั้นไม่ได้น่าเกลียดสักหน่อย เพราะออกจะหล่อเหลา เอาการทีเดียวหากแต่ทำไมจิตใจเขาถึงเถื่อน ทมิฬ หินชาติอย่างนี้คือการใช้กำลังประทุษร้ายผู้หญิงอย่างนี้ถือว่าแสนเลวที่สุด“งั้นที่ฉันถามเธอในตอนนั้น ทำไมเธอถึงไม่ตอบ หรือเธอชอบผู้หญิงเพศเดียวกัน”ครั้นเมื่อเขาคิดไปแบบนี้เลยทำให้ฝ้ายนิลรีบรับสมอ้างทันที“ใช่ ใช่ละ เพราะฉันชอบแบบนั้น คือ ฉันไม่ชอบผู้ชายเลยสักนิด”“ฮึ ก็นั่น ไงฉันนึกแล้วไม่มีผิดเลย และมันก็แค่นี้เอง ที่ฉันอยากรู้ ชื่นชอบและนิยมตีฉิ่ง ก็ไม่บอกกันเสียแต่คราวแรก นี่ เธอมาทำให้ฉันอารมณ์เสียอย่างมาก ฮึ เอาล่ะไปเสียสิ ไปได้
นี่ มันอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ เพราะเขาก็ไม่สนใจพวกหล่อนเลย ดังนั้น เขา ชายหนุ่มที่หล่อเหลารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด และดวงตาดำมีเสน่ห์เส้นผมดำสนิทยามเขาเดินผ่านร้านรวงเหล่านั้นเส้นผมที่ปะทะพัดผ่านไปมาทำให้พะเยิบไหวไปตามแรงลม ริมฝีปากบางเหมือนลูกผู้ดี แต่ลึกลงไปเขาดูคล้ายเป็นคนเก็บกด เพราะไม่ชอบยิ้มให้ใครคิดว่า หากถ้าเขายิ้มโปรยออกมาบ้าง ก็จะทำให้เขาดูมีเสน่ห์เพิ่มกว่าเดิมมากที่สุดเพราะเป็นคนปากกว้างคางแหลม จมูกโด่งส่วนสูงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกว่ามาตรฐานคนเอเชียด้วยซ้ำเพราะว่าเขานั้นมีส่วนสูงถึง182เซนติเมตรจากนั้นเขาตัดสินใจเข้าไปในร้านมินิมาร์ท ที่อยู่ใกล้ๆสักครู่ก็เดินออกมาอีกครั้ง ด้วยหมากฝรั่งสำหรับไว้เคี้ยวเล่นดับกลิ่นปาก กับน้ำผลไม้แช่เย็นกล่องหนึ่งเป็นน้ำกีวีฟรุตพร้อมกับบัตรเติมเงินจากนั้นก็เดินตรงไปไขกุญแจที่รถเก๋งของตนเองอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถออกไปโดยที่ไม่มีจุดหมายปลายทางเหมือนเดิมบางทีเขาอาจจะไปหาเคียส เพื่อนรัก ที่คอนโดก็ได้ เอ หากถ้ามันไม่อยู่ หรือว่าไปต่างจังหวัด เขาจะทำยังไงดี ก็ต้องลองโทรหามันดูก่อนและเช้าของวันรุ่งขึ้น ในที่ทำงาน บริษัทที่ฝ้ายนิลทำงานอยู
ผู้หญิงคนนี้ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ถูกใจเขานักทำให้กริญจ์มอง เพิ่งกลับจากไปส่งหวานใจกลับคอนโด ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้พอชอบ อยากจีบทันทีผู้หญิงสวยเรียบดูไม่ฉูดฉาด ไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำ กริญจ์ทำเจ้าชู้ที่ริมถนนค่อนข้างมืดหล่อนคงไม่เห็นนัยน์ตาของเขาหรอกน่าแต่แล้วฝ้ายนิลรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง มองจ้องแล้วเดินมาถึงที่หล่อนขายของเดินตามหล่อนใกล้เข้ามา และเขาทำท่าจะมาจีบหล่อน“คุณครับหันมาทางนี้หน่อย อยากจะรู้จักคุณจังเลย ชื่ออะไรครับ”เขาทักหล่อนแบบนี้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันฝ้ายนิลเลยชะงัก แต่ลูกไม้ตื้นแบบนี้รู้ทัน เลยไม่อยากสนใจ อาจจะเป็นพวกขี้เมา พยายามหาทางลวนลามเห็นเธอเป็นแม่ค้าขายมาลัยริมทางก็จะมาเจ๊าะแจ๊ะแบบนี้มีบ่อย จนชิน“จะมาหาเรื่องเหรอ ไปเถอะคุณ วันนี้อารมณ์ไม่ดี”เธอตอบกลับไป ไม่ไว้ใจชายตรงหน้าคนถูกกล่าวหาว่า หาเรื่อง หน้าตึง เรื่องอะไรจะปล่อยคนอย่างกริญจน์ยอมใครที่ไหน“หน้าตาก็ไม่ได้ดีมาก ปากก็ไม่ดีด้วย”“เอ๊ะคุณ หาเรื่องเหรอ เห็นทีต้องพึ่งตำรวจเสียแล้ว”เมื่อเอ่ยคำว่าตำรวจ ทำให้อีกฝ่ายยิ่งหน้าตึงเพราะไม่ถูกกับชื่อนี้ หวังจะมาแบบมิตรคุยดีด้วย แต่ฝ่ายนี้คงระวังตัวแจ งั้นไ
นี่ มันอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ เพราะเขาก็ไม่สนใจพวกหล่อนเลย ดังนั้น เขา ชายหนุ่มที่หล่อเหลารูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด และดวงตาดำมีเสน่ห์เส้นผมดำสนิทยามเขาเดินผ่านร้านรวงเหล่านั้นเส้นผมที่ปะทะพัดผ่านไปมาทำให้พะเยิบไหวไปตามแรงลม ริมฝีปากบางเหมือนลูกผู้ดี แต่ลึกลงไปเขาดูคล้ายเป็นคนเก็บกด เพราะไม่ชอบยิ้มให้ใครคิดว่า หากถ้าเขายิ้มโปรยออกมาบ้าง ก็จะทำให้เขาดูมีเสน่ห์เพิ่มกว่าเดิมมากที่สุดเพราะเป็นคนปากกว้างคางแหลม จมูกโด่งส่วนสูงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกว่ามาตรฐานคนเอเชียด้วยซ้ำเพราะว่าเขานั้นมีส่วนสูงถึง182เซนติเมตรจากนั้นเขาตัดสินใจเข้าไปในร้านมินิมาร์ท ที่อยู่ใกล้ๆสักครู่ก็เดินออกมาอีกครั้ง ด้วยหมากฝรั่งสำหรับไว้เคี้ยวเล่นดับกลิ่นปาก กับน้ำผลไม้แช่เย็นกล่องหนึ่งเป็นน้ำกีวีฟรุตพร้อมกับบัตรเติมเงินจากนั้นก็เดินตรงไปไขกุญแจที่รถเก๋งของตนเองอีกครั้งก่อนจะสตาร์ทรถออกไปโดยที่ไม่มีจุดหมายปลายทางเหมือนเดิมบางทีเขาอาจจะไปหาเคียส เพื่อนรัก ที่คอนโดก็ได้ เอ หากถ้ามันไม่อยู่ หรือว่าไปต่างจังหวัด เขาจะทำยังไงดี ก็ต้องลองโทรหามันดูก่อนและเช้าของวันรุ่งขึ้น ในที่ทำงาน บริษัทที่ฝ้ายนิลทำงานอยู
เพราะตอนนี้จะให้ทำอะไรได้ เพราะสถานการณ์มันบังคับอีกสำหรับฝ้ายนิล เจอคนบ้า อารมณ์เถื่อน หลังจากนั้นเขาใช้วิธีลากจูงมือพร้อมกับแกมบังคับหล่อนให้ไปกับเขาด้วยกันกับเขา“งั้นเอาแบบนี้ ไปคุยกันที่รถของฉัน”แม้เป็นคำพูดสั้นๆ ที่ทำให้เธอนั้นจะต้องยอมและเชื่อเขาไปง่ายๆ ในขณะนี้ เพราะไม่มีทางเลือกอะไรสำหรับเธอในขณะนี้เพราะหากถ้าเขาจะเอาไปฆ่าไปแกงอย่างไรก็ทำได้และเธอคงไม่รอดพ้นมือเขาเป็นแน่มีแต่ทางเสียเปรียบ ครั้นเมื่อหล่อนจ้องไปที่ใบหน้าของเขาซึ่งหน้าตาของเขานั้นไม่ได้น่าเกลียดสักหน่อย เพราะออกจะหล่อเหลา เอาการทีเดียวหากแต่ทำไมจิตใจเขาถึงเถื่อน ทมิฬ หินชาติอย่างนี้คือการใช้กำลังประทุษร้ายผู้หญิงอย่างนี้ถือว่าแสนเลวที่สุด“งั้นที่ฉันถามเธอในตอนนั้น ทำไมเธอถึงไม่ตอบ หรือเธอชอบผู้หญิงเพศเดียวกัน”ครั้นเมื่อเขาคิดไปแบบนี้เลยทำให้ฝ้ายนิลรีบรับสมอ้างทันที“ใช่ ใช่ละ เพราะฉันชอบแบบนั้น คือ ฉันไม่ชอบผู้ชายเลยสักนิด”“ฮึ ก็นั่น ไงฉันนึกแล้วไม่มีผิดเลย และมันก็แค่นี้เอง ที่ฉันอยากรู้ ชื่นชอบและนิยมตีฉิ่ง ก็ไม่บอกกันเสียแต่คราวแรก นี่ เธอมาทำให้ฉันอารมณ์เสียอย่างมาก ฮึ เอาล่ะไปเสียสิ ไปได้
และนั่นต่อมา ก็ทำให้เธอพลอยตกใจด้วย“เอ ลุงคะ แล้วนี่ ลุงรู้จักกับคนขับรถเบ๊นซ์คันนั้นไหมล่ะคะ”และคนขับแท็กซี่คนเดิมสั่นหน้าอีกตอบ“โอ้ย ไม่หรอกอีหนู แต่ว่า ไอ้ประเภทที่มีการเฉี่ยวชนกับรถเบ๊นซ์ก็พอมีเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นไอ้พวกนี้”เมื่อคนขับพูดอย่างนั้น เลยพลอยทำให้จิตใจของฝ้ายนิลไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียแล้ว นี่เธอปะเหมาะเคราะห์ร้ายหรือเปล่าเหมือนกับคนหนีเสือมาปะจระเข้ด้วยหญิงสาวพยายามครุ่นคิดอย่างมีสติ“งั้น ลุง ก็ช่วยเร่งเครื่องแรงๆกว่านี้ได้ไหมคะ ไปหาจอดในย่านที่ชุมชนให้กับหนูหน่อย เอ้อ พอที่หนูจะหารถคันใหม่แทนได้ง่าย เพราะหนูอยากจะกลับบ้าน”ฝ้ายนิลบอกความประสงค์พร้อมทั้งพยายามชะเง้อมองหาคนขับรถเบ๊นซ์ เพราะว่าสีรถที่ดูเหมือนกับคุ้นเคย ว่าเห็นที่ไหนมาก่อน“อ๋อนี่ คิดจะเร่งเครื่องหนีอีกหรือยังไง”เลยทำให้กริญจ์สบถออกมาพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพิ่มแบบไม่ลดละจนเขานั้นสามารถวิ่งแซงตีคู่กับรถแท็กซี่ คันที่เป็นเป้าหมายได้แล้วเพราะกริญจ์ขับรถขนาบอยู่ทางด้านขวา ดังนั้นเขาจึงลดไขกระจกลง เพื่อให้เห็นหน้าชัดเจนจากนั้นพอฝ้ายนิลมองเห็นหน้าชัดเจน ถึงกับตกใจในทันที“อ๋อ นายบ้า คนน
ผู้หญิงคนนี้ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ถูกใจเขานักทำให้กริญจ์มอง เพิ่งกลับจากไปส่งหวานใจกลับคอนโด ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้พอชอบ อยากจีบทันทีผู้หญิงสวยเรียบดูไม่ฉูดฉาด ไม่ได้แต่งหน้าด้วยซ้ำ กริญจ์ทำเจ้าชู้ที่ริมถนนค่อนข้างมืดหล่อนคงไม่เห็นนัยน์ตาของเขาหรอกน่าแต่แล้วฝ้ายนิลรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง มองจ้องแล้วเดินมาถึงที่หล่อนขายของเดินตามหล่อนใกล้เข้ามา และเขาทำท่าจะมาจีบหล่อน“คุณครับหันมาทางนี้หน่อย อยากจะรู้จักคุณจังเลย ชื่ออะไรครับ”เขาทักหล่อนแบบนี้ ทั้งที่ไม่รู้จักกันฝ้ายนิลเลยชะงัก แต่ลูกไม้ตื้นแบบนี้รู้ทัน เลยไม่อยากสนใจ อาจจะเป็นพวกขี้เมา พยายามหาทางลวนลามเห็นเธอเป็นแม่ค้าขายมาลัยริมทางก็จะมาเจ๊าะแจ๊ะแบบนี้มีบ่อย จนชิน“จะมาหาเรื่องเหรอ ไปเถอะคุณ วันนี้อารมณ์ไม่ดี”เธอตอบกลับไป ไม่ไว้ใจชายตรงหน้าคนถูกกล่าวหาว่า หาเรื่อง หน้าตึง เรื่องอะไรจะปล่อยคนอย่างกริญจน์ยอมใครที่ไหน“หน้าตาก็ไม่ได้ดีมาก ปากก็ไม่ดีด้วย”“เอ๊ะคุณ หาเรื่องเหรอ เห็นทีต้องพึ่งตำรวจเสียแล้ว”เมื่อเอ่ยคำว่าตำรวจ ทำให้อีกฝ่ายยิ่งหน้าตึงเพราะไม่ถูกกับชื่อนี้ หวังจะมาแบบมิตรคุยดีด้วย แต่ฝ่ายนี้คงระวังตัวแจ งั้นไ