ใบหน้าของหัวหน้าชิวเต็มไปด้วยการประจบประแจงจนแทบจะคุกเข่ากอดขาอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ “คาถาของท่านอาจารย์โจวดีอย่างที่คิดไว้จริง ๆ แต่เด็กบางคนแถวนี้ดันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มาท้าทายท่านอาจารย์โจวซะได้”สีหน้าของอาจารย์โจวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองพวกเรา เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าว “คนอย่างฉันจะไปเหมือนกับเด็กที่มีประสบการณ์ธรรมดา ๆ พวกนั้นได้ยังไง?”“ท่านอาจารย์โจววางใจเถอะ รับประกันได้เลยครับว่าค่าตอบแทนเจ็ดล้านของท่านครั้งนี้ ผมจะโอนเข้าบัญชีของท่านให้เร็วที่สุด” ทว่าพอพูดจบ หัวหน้าชิวก็หันไปเห็นบางอย่าง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พลันตัวแข็งเพราะตกตะลึง ใบหน้านั่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอาจารย์โจวขมวดคิ้ว ก่อนจะหันศีรษะไปดูอย่างช้า ๆบนไหล่ของเขามีใบหน้าซีดราวกระดาษวางอยู่ ดวงตาของหล่อนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยสีเลือดและผมยาวที่กำลังพันรอบแขนของอาจารย์โจว มุมปากของหล่อนเผยรอยยิ้มแห่งความโหดเหี้ยมอาฆาตแค้น“โอ้! ผี!” หัวหน้าชิวล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว กระถดตัวถอยกลับไม่หยุด“อย่าเพิ่งตื่นตระหนก!” อาจารย์โจวตะโกน “ดู ฉันจะสังหารวิญญาณเอง!”เขาชักดาบมาแทงไปทางข้างหล
อาจารย์โจวกล่าวอย่างนับถือ “ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเคยตามอาจารย์ของฉันขึ้นไปบนเขาชุนหยาง และได้เข้าพบท่านไต้ซือของนิกายชุนหยาง ตอนที่อาจารย์ให้ฉันเข้าไปเล่นในสวน ก็เห็นว่าลูกศิษย์ของชุนหยางสองสามคนกำลังฝึกวิชาสัญญาณมือนี้อยู่”พูดมาจนถึงตอนนี้เขาก็ถอนหายใจ “ฉันไม่เคยลืมวันนั้นที่ได้เจอท่านไต้ซือ ท่านเป็นคนที่สง่างามมาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ในประเทศจีน ผู้มีความสามารถด้านนี้ รวมทั้งอารยธรรมของนักรบโบราณกำลังถดถอย ผ่านมาหลายปีแล้วผู้บำเพ็ญเพียรจึงค่อย ๆ หายไปคนแล้วคนเล่า”ทว่าเสี้ยววิ อีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าประจบสอพลอออกมาทันที “อย่างไรก็ตาม ในบรรดานิกายชุนหยางอาจจะมีผู้หญิงที่มีพรสวรรค์สามารถใช้พลังหยางบริสุทธิ์ให้เป็นไฟได้ตั้งแต่ยังอายุยังน้อย และไม่แน่ว่าในอนาคตคงมีเพิ่มขึ้นอีกแน่ บางทีเธออาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของลัทธิเต๋าก็ได้”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางถอนหายใจ “ลัทธิเต๋าปฏิเสธพลังนั่นแล้ว แถมยังให้ลัทธินอกรีตพวกนั้นได้รับพลังไปอีก”ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วถาม “แล้วทำไมตอนนี้ถึงไม่ไล่ฉันไปล่ะ?”“ไม่รู้สิ” อาจารย์โจวกล่าว “เด็กน้อย ฉันไม่กล้าทำหรอก”ฉันเปล่งเสียงไม่พอใจเพราะขี้เ
“เด็กคนนี้ไม่เลว เขามาถึงอันจินขั้นสุดท้ายแล้วและสามารถฝ่าไปถึงขั้นสุดยอดได้ทุกเมื่อ” ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าว “เขาอาจจะไปถึงขั้นหัวจิน และอีกไม่นานก็คงไปถึงขั้นหอโฮ่ว”“อันจิน?”“ศิลปะการต่อสู้แบ่งได้เป็นหมิงจิน อันจิน หัวจิน ตานจิน เหนือระดับตานจินคือ จงซือหรือที่เรียกว่าปรมาจารย์ เหนือระดับจงซือคือ ต้าจงซือหรือระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่” เขากล่าว “แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ประเทศจีนยังเหลือต้าจงซืออยู่อีกกี่ท่าน? ในระยะแรกของศิลปะการต่อสู้ ถึงแม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนอย่างพวกเรา แต่เมื่อผ่านระดับสี่มาแล้ว เราก็สามารถเปรียบเทียบกับระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ แต่ถ้าเกินระดับห้า ระดับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เหมือนแค่มดธรรมดา ๆ”ฉันพยักหน้า ผู้ที่เรียกว่าหมิงจิน คาดว่าน่าจะเป็นผู้ที่ไม่มีพลังปราณ และเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกกังฟู แต่เมื่อพลังปราณในร่างกายพัฒนาขึ้นก็จะกลายเป็นอันจินลมปราณของศิลปะการต่อสู้นี้แตกต่างกับพลังจิตที่ฉันฝึก มันให้ความรู้สึกเหมือนกระชับ แคบลงและความร้ายแรงของมันลดลงอย่างมากผู้ชมต่างตกตะลึงกับการขยับเพียงไม่กี่ครั้งของถังหมิงหลี[จอมเผด็จการ สมควรแล้วที่จะเป็นจอม
[แอดมินรักษาความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะ พวกเขากล้าวางอำนาจในเมืองซานเฉิงแห่งนี้ แสดงว่าจะต้องมีคนหนุนหลังแน่นอน]จุนเหยาไม่สนใจว่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตอนนี้เธอคิดแค่เพียงต้องการช่วยชีวิตคนให้เร็วที่สุดมือเรียวหยิบผ้าห่มมาปิดเรือนร่างของหญิงสาวคนนั้นไว้ พอกำลังจะเดินออกไปจากห้อง กลับเจอหัวหน้าโจวและบอดี้การ์ดต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่สี่คนยืนอยู่ ซึ่งทุกคนล้วนมีปืนอยู่ในมือ[พวกเขากล้าพกปืนเลยเหรอ? นี่ยังใช่ประเทศจีนอยู่ไหม? ใจกล้าจริง ๆ][เอ๊ะ นั่นปืนอินทรีย์ทะเลทรายหรือเปล่า? ฉันเห็นปืนอินทรีย์ทะเลทรายจริง ๆ ด้วย อยากสัมผัสดูจัง][เหอ เหอ ตระกูลโจวจบลงแล้ว คนที่คอยหนุนหลังเขาก็จบแล้ว กล้าโชว์ปืนต่อหน้ารุ่นพี่ อย่าว่าแค่ตำรวจเลย เป็นฉันก็จะไม่ไว้ชีวิตเขา] คนที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อสักครู่ คือปรมาจารย์ระดับหมิงจินที่ต้องการคำแนะนำจากถังหมิงหลี นามแฝงของเขาคือ “หมัดใต้หล้า”ถังหมิงหลียิ้มเยาะเย้ย “โจวผู้ซื่อสัตย์ คนที่อยู่เบื้องหลังแกมีความกล้ามากเกินไปหน่อยนะ ที่นี่คือประเทศจีน แกคิดว่าจะสามารถซ่อนสถานที่ที่น่ารังเกียจแบบนี้ได้เหรอ?”“เฮ เฮ อำนาจของเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของฉ
พวกนี้คือคนใหญ่คนโต อย่างเธอจะไปทำให้โกรธมากคงไม่ได้ฉันกัดฟันพูด “ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษอะไรทั้งนั้น นี่คือกรรมที่นายก่อขึ้น ฉันมาเพื่อคิดบัญชีกับพวกนายทั้งหมด" พลันบอสโจวก็สั่นไปทั้งตัวและพูดด้วยเสียงที่ติดขัด “ผี มีผี”ในเวลานี้ ผีสาวคนนั้นเขยิบขึ้นมาที่คอของเขา หล่อนก้มหน้าก่อนจะเงยขึ้นมาจ้องหน้าเขา แถมยังจ้องมองอย่างไม่ละสายตาอีกด้วย“เห้ย!” เขาร้องออกมาด้วยความกลัวอย่างเจ็บปวดและนั่งลงบนพื้นพวกทหารรับจ้างต่างชาติพวกนั้นเองก็ถูกควบคุมโดยกลุ่มผีสาวเช่นกัน พริบตาปืนในมือของพวกเขาก็ค่อย ๆ เล็งไปยังเพื่อนพ้องของตัวเอง“ไม่ ปีศาจ มีปีศาจ!” พวกเขาตะโกนภาษาอังกฤษกันวุ่นวาย ก่อนเหนี่ยวไกปืนดังปัง เสียงปืนดังขึ้น และทั้งสี่ก็ล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลนองเต็มตัวผีสาวพวกนั้นแย่งกันวิ่งเข้าไปหาเลือดที่กองท่วมอยู่พลางเลียกินอย่างกับผีที่หิวโหยราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางเอ่ยต่อ “นังหนู เจ้าไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาอยู่ในโลกมนุษย์ได้ ส่งพวกเขาไปยังยมโลกใต้พิภพซะ พวกเธอจะได้กลับชาติมาเกิดใหม่”ฉันพยักหน้านึกถึงสิ่งที่ในหนังสือเล่มนั้นพูด มือเรียวใช้ซินนาบาร์เพื่อวาดยันต์บนพื้นและป้อนพลังงานจิต
ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีกลิ่นความผิดหวังลอยเข้ามาในจมูกถ้า...ถ้าฉันไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ได้ดีขนาดนั้น และถ้าพวกเรามาเจอกันในฐานะคนธรรมดามันคงจะดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ในโลกใบนี้ไม่มีเรื่องสมมุติมากมายขนาดนั้นหรอก ฉันกลับไปถึงห้องแล้วปิดประตูลง พลันเงยหน้าขึ้นเพื่อกั้นไม่ให้หยดน้ำตาไหลลงมาผ่านไปซักพัก ความเจ็บปวดในใจก็ค่อย ๆ จางลง มือเรียวเปิดคอมพิวเตอร์ดูรายรับของวันนี้ เมื่อเห็นตัวเลขทั้งหมดก็ทำให้ฉันแปลกใจมาก ผู้ชมประทับใจขั้นสุด มิหนำซ้ำรางวัลในครั้งนี้ยังทะลุหนึ่งแสนสองหมื่นกว่าหยวนแล้ว ในใจคิดว่าควรจะแบ่งให้ถังหมิงหลีบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขาดเงิน แต่ถ้าไม่มีเขา การปราบผีครั้งนี้ก็คงไม่ราบรื่นนัก เป็นคนต้องรู้จักบุญคุณคนฉันเปิดแถบเพื่อนอีกครั้ง พลันเหลือบไปเห็นว่าราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางและนางฟ้าหยุนเซี๋ยต่างก็ฝากข้อความถึงฉัน นางฟ้าหยุนเซี๋ยกล่าวว่า คราวนี้ฉันช่วยผดุงความยุติธรรมและทำมันออกมาได้สวยงามมาก เธอจึงให้ใบสั่งยากับฉันอีกครั้งฉันรีบรับไฟล์มาด้วยความดีใจ พอเปิดออกมาก็พบว่ามันคือยารักษาโรค วัตถุดิบในครั้งนี้ค่อนข้างหายาก เช่น ในตัวยาจำเป็นต
เว้ยหลานเข้าไปในอ่างยา คราวนี้เขาแช่น้ำสี่ชั่วโมง คาดว่าอ่างยานี่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อได้ รวมทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อศิลปะการต่อสู้ เขาจึงต้องการดูดซับพลังยามากขึ้น ฉันชื่นชมเขามาก ๆ เขาเป็นคนที่มีความพากเพียรมาก ในอนาคตศิลปะการต่อสู้ของเขาจะไม่ตกต่ำอย่างแน่นอนหลังจากแช่ตัวในอ่างยาเสร็จแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บภายในบริเวณเนื้อใต้สะดือล้วนหายเป็นปกติหมดแล้ว และความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยฉันก็วางแผนจะขอตัวลา แต่จู่ ๆ เว้ยหลานก็บอกให้ฉันหยุดก่อน คราวนี้ปฏิกิริยาของเขาดีขึ้นมาก อาจเป็นเพราะเขากลัวอาจารย์ที่ฉันเคยแอบอ้างเมื่อครั้งก่อน“คุณหยวน เธอสนใจเข้าร่วมงานประเมินสมบัติประจำปีนี้ไหม?”“งานประเมินสมบัติเหรอ?” ฉันเบิกตากว้างเว้ยหลานกล่าว “ทุกปีในวงการไฮโซของเมืองซานเฉิงของพวกเรา จะมีงานประเมินสมบัติเพื่อให้ทุกคนนำสมบัติล้ำค่าของตัวเองออกมาให้คนอื่น ๆ ได้ลิ้มรสหรือสัมผัสมัน แถมยังมีการเลือกราชาแห่งขุมทรัพย์ด้วย” ฉันรู้สึกสนใจมาก ฉันก็ไม่ได้อยากพ่ายแพ้ต่อวงการไฮโซหรอกนะ และนี่เป็นการดีที่จะสามารถเห็นโลกที่แตกต
ฉันจะไม่เคืองเลยถ้าเธอไม่พูดแบบนี้ และพอเธอพูดจบ เว้ยน่าก็ตะโกนขึ้นมา “คนที่มาวันนี้ล้วนเป็นคนสำคัญ ครอบครัวของเราทำงานอย่างหนักกว่าจะมาถึงจุดนี้ และตระกูลของพวกเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะจัดงานประเมินสมบัติให้ออกมาดีที่สุด ถ้าให้คนแบบนี้เข้ามาแล้วแขกท่านอื่นรู้เข้าจะว่ายังไง?”หล่อนก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าวและใช้นิ้วชี้กดลงที่จมูกของฉัน “พูดมา เธอเข้ามาได้ยังไง?"ทว่าขณะที่เว้ยน่ากำลังพูดก็มีผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ใจฉันสั่นมาก โจทย์เก่าทุกคนในวัยเด็กมารวมตัวกันครบหมดแล้ว ผู้ชายคนนี้ชื่อ เฉินตงหนาน เป็นเดือนโรงเรียนในตอนนั้นเขายื่นมือออกมาพลางกอดไหล่ของซือซิ่ว “ซิ่วซิ่ว น่าน่า ใครมันทำให้พวกเธอโกรธขนาดนี้เนี่ย?”ซื่อซิ่วอมยิ้ม “ตงหนาน นายดูสิว่าใครอยู่ที่นี่กับเราด้วย”เฉินตงหนานเหลือบมองมาที่ฉัน สีหน้าเขาประหลาดใจสุด ๆ “เธอ เธอคือหยวนล่ายจือในตอนนั้นเหรอ?” หยวนล่ายจือเป็นฉายาที่พวกเขาตั้งให้ฉัน คนพวกนี้นี่มัน ไม่ว่าจะตอนไหนก็ยังใจร้ายเหมือนเดิมซือซิ่วกล่าวอย่างร้ายกาจ “ในตอนนั้นเธอเขียนจดหมายรักถึงนายหนิ? พวกนายเจอกันทั้งที จะไม่พูดถึงอดีตหน่อยเหรอ?”เฉินตงหนานแ