ถังหมิงหลีสั่นไปทั้งตัว ไม่นานดวงตาก็ฉายแววมีชีวิตชีวา เขามองไปรอบ ๆ แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พวกเรา...ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ?” ฉันรีบหยิบยารักษาออกมาให้เขากินสองเม็ด “พวกเราถูกหลอก!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เราหันกลับไปมองหนังสือที่ลอยอยู่กลางอากาศ กลุ่มเงาดําพรั่งพรูวนอยู่รอบ ๆ หนังสือไม่หยุด แววตาของถังหมิงหลีเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ฉันจึงเอ่ยปากหยุดเขาไว้ “ประมาทไม่ได้นะ” หยินฉางเซิงกล่าวในหูฟังของฉัน “ไม่ว่าจะเป็นผีจีนหรือผีต่างชาติ ระดับของปีศาจในหนังสือเล่มนี้ไม่สูงนัก นั่นก็คือผีร้าย แต่ความสามารถในการสับขาหลอกของมันแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ระวังแม้แต่นิด ก็อาจจะคล้อยตามมันได้ หนูหยวน เธอแค่ใช้การหยั่งรู้แห่งสวรรค์ต่อสู้กับมันก็พอ เห็นหมอกสีดำที่อยู่รอบ ๆ มันไหม? เธอใช้การหยั่งรู้แห่งสวรรค์บีบบังคับให้หมอกดําเหล่านั้นกลับเข้าไปในหนังสือได้ จากนั้นก็จุดไฟเผาหนังสือซะ” ฉันพูดกับถังหมิงหลี “ฉันมีวิธีจัดการกับมัน นายถอยหลังไปสองก้าว” ถังหมิงหลีเงียบไปครู่หนึ่ง พลันเอ่ยตอบ “ระวังตัวด้วยนะ” พูดจบเขาก็ถอยหลังไปสองสามก้าว[จอมเผด็จการปอดแหกได้ยังไง? ในเวลาแบบนี้จะป
ฉันเชิดคางเปลี่ยนการหยั่งรู้ให้กลายเป็นมือที่มองไม่เห็น พลันจับมันไว้แน่น มันกำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะหนี “จอมเผด็จการ!” ฉันจึงตะโกนเรีกหมิงหลีดังลั่น “เร็ว! เผามัน!” ถังหมิงหลีรีบล้วงไฟแช็กโลหะออกมาอย่างรวดเร็ว พลันจุดไฟและเขวี้ยงใส่หนังสือปีศาจ ในเวลาเดียวกันจุนเหยาก็คว้าสีชาดและขว้างไปที่หนังสือปีศาจ มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ก่อนที่หนังสือทั้งหมดจะเกิดไฟลุกโชนและถูกเผาไหม้ทั้งเล่ม ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น มือเรียวคว้าสีชาดแล้วขว้างออกไปอีกครั้ง เปลวไฟลุกโชนขึ้นทันที และเสียงกรีดร้องนั้นก็ค่อย ๆ แผ่วลง จนกระทั่งไม่ได้ยินอีกเลย จนกระทั่งเปลวไฟมอดลงเหลือไว้เพียงสันที่ไหม้เกรียม ขาเรียวเหยียบบดขยี้มันอย่างแรง เพื่อให้มันไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีก ฉันจ้องเขม่าที่อยู่บนพื้น พลางกล่าว “ไม่ว่าคุณจะอยู่ต่างประเทศมานานขนาดไหนแล้ว ถ้าเข้ามาที่ประเทศจีนของฉัน ถ้าเป็นมังกรคุณต้องนั่งขัดสมาธิอย่างสงบ และถ้าเป็นเสือคุณต้องนอนคว่ำหมอบอย่างเชื่อฟัง ประเทศจีนของฉัน ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาพาลเกเรได้อย่างแน่นอน!” [แอดมินพ
“บอกเร็วกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์” หยินฉางเซิงกล่าว “เขาได้รับบาดเจ็บ พวกเธอสองคนรวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี ทำไมจะต้องรนหาที่ตายด้วยล่ะ?” หยินฉางเซิงเงียบไปแล้ว ไม่นานก็ออฟไลน์ ฉันดูผลการไลฟ์สดครั้งนี้ ปรากฏว่าฉันได้รับรางวัลสูงถึงหกล้าน มากกว่าครั้งก่อนถึงสามล้านกว่า! ผู้ชมยังคงชอบดูการต่อสู้ที่สนุกสนานและการไลฟ์สดแบบแปลก ๆ มากกว่า คําพูดเลือดร้อนสุดท้ายของฉัน แลกมาซึ่งรางวัลจากเด็กหนุ่มเลือดร้อนมากมายเช่นกัน เมื่อมองไปยังรางวัลที่ผู้อาวุโสหลายท่านมอบให้ ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางก็ได้ฝากข้อความถึงฉันว่า เขาส่งแผ่นหยกวิชาอาคมมาให้ฉัน ส่วนหวางหลูจือให้สูตรยา ซึ่งเป็นยาที่เหมาะกับผู้ฝึกตนระดับสองเพื่อบํารุงพลังลมปราณ นั่นก็คือยาบํารุงพลัง มันมีประสิทธิภาพดีกว่ายาเป่ยหยวนหลายเท่า ราชาแห่งหวางซานและหยินฉางเซิงให้เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์! สําหรับผู้ฝึกตนแล้ว เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกวิชา เมื่อมีเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งเท่ากับว่ามีวิธีรักษาชีวิตอยู่กับตัวหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใดก็ตาม ล้วนเพียงพอที่จะทําให้เหล่าผ
ต่อมาแม่ฉันก็แต่งงานกับคนเลวนั่น เดิมทีป้ากุ้ยไม่เห็นด้วย แต่แม่ไม่ฟังท่าน และยืนกรานที่จะแต่งงาน ป้ากุ้ยจึงเย็นชาขึ้นและค่อยๆ ห่างเหินกับแม่ แต่ป้ากุ้ยสงสารฉัน ท่านจึงมาเยี่ยมฉันที่หมู่บ้านบ่อย ๆ และยังนําอาหารอร่อย ๆ มาให้ ยายของฉันสำนึกในบุญคุณมาก ทุกครั้งท่านมักจะเอาข้าวที่เป็นสินค้าท้องถิ่นใหม่ ๆ มาให้ยายเสมอ ไป ๆ มา ๆ ป้ากุ้ยกับพวกเราก็สนิทกันมาก ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบป้ากุ้ยมากที่สุด ขอแค่ท่านมาที่บ้านของฉัน ฉันก็จะยิ้มไม่หุบทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้นปีหนึ่ง ครอบครัวของท่านก็ไปต่างประเทศและบอกว่าจะไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยเจอพวกเขาอีกเลย พอนึกถึงอดีตฉันก็รีบโทรกลับด้วยความดีใจ ป้ากุ้ยเองก็ดีใจเช่นกัน และชวนฉันไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ในปีนั้นป้ากุ้ยเคยติดต่อหมอจํานวนมากมายให้ฉัน เพื่อที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยบนใบหน้า คืนนี้ฉันจึงวางแผนว่าจะไม่สวมหมวกและหน้ากากไปหาท่าน เพื่อหวังให้ท่านดีใจ มือบางหยิบกระโปรงสีดําที่ซื้อมาครั้งก่อนออกมาใส่ พลางถึงนึกขึ้นได้ว่ามีกิ๊บติดผมมุกอันนั้นอยู่ ใจจริงว่าจะคืนให้หยินเฉิงเหยา แต่หลังจากนั้นก
ในตอนนั้นเอง ฉันกลับพบว่าครอบครัวของพวกเขาทั้งสามคนมีรอยคล้ำ และบนตัวของพวกเขาก็มีกลิ่นอายของวิญญาณอยู่ ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย ป้ากุ้ยและพวกเขามีวิญญาณอะไรติดอยู่นะ ฉันจึงถามแบบอ้อม ๆ พลันใบหน้าของป้ากุ้ยก็เศร้าโศก ก่อนจะเล่าถึงสิ่งที่พบเจอตอนที่อยู่อเมริกา บริษัทสามีของป้ากุ้ยอยู่ในประเทศจีน จึงมักจะเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศนี้บ่อย ๆ หลังจากที่ป้ากุ้ยย้ายไปอเมริกา ก็อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิสได้ไม่กี่ปี แต่ป้ากุ้ยมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ ไม่สามารถทนต่อความวุ่นวายในเมืองใหญ่ได้ จึงซื้อคฤหาสน์ในเมืองเล็ก ๆ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งห่างจากลอสแอนเจลิสเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น บ้านหลังนี้เก่ามาก ว่ากันว่ามีประวัติยาวนานประมาณสองถึงสามร้อยปี แม้ว่าบ้านจะเก่านิดหน่อย แต่เจ้าของบ้านคนก่อนก็ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ สภาพแวดล้อมและสิ่งอํานวยความสะดวกภายในบ้านก็ยังดีมาก หูตี๋และเถาจืออายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี ทั้งคู่พึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย และได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในลอสแอนเจลิส ป้ากุ้ยจึงอาศัยอยู่ในบ้านเก่าแก่หลังนี้เพียงคนเดียว จากนั้นในบ้านก็เริ่มมีวิญญาณรบกวน เริ่มแรก ป้ากุ้ยมักจะเห็น
ในโลกที่มองคนแต่ภายนี้ ทำให้คนอื่น ๆ ผิดหวังมากจริง ๆ พวกเราไปรับป้ากุ้ยและลูกสาวของท่านที่โรงแรมอีกครั้ง เมื่อเถาจือลงมาก็รีบเข้ามาจับมือของฉันและพูดว่า “จุนเหยา เธอดูสิผิวของฉันสิ มันเปลี่ยนเป็นขาวขึ้นแล้วและยังเรียบเนียนขึ้นด้วย”เมื่อฉันดูก็ได้เห็นว่ามันขาวกว่าเมื่อวานเล็กน้อยจริง ๆ“ยังมีอีกนะ เธอดูแม่ฉันสิ” เธอลากป้ากุ้ยเข้ามา “รอยเหี่ยวย่นตรงหางตากับมุมปากของแม่ก็ตื้นขึ้นด้วยใช่ไหม?”ฉันพยักหน้าและเธอก็พูดอย่างตื่นเต้นอีก “จุนเหยา พวกเราเพิ่งใช้สบู่แฮนเมดของเธอเมื่อคืนวาน ก็ประหลาดใจมากขนาดนี้แล้ว! พวกเราอยากใช้ต่อไปเรื่อย ๆ ฉันอยากดูเด็กลงเหมือนตอนสิบแปดและแม่ก็อยากดูสาวเหมือนคนอายุสามสิบ”ในหัวของฉันเต็มไปด้วยความสับสนนิด ๆ “มันคงเกินความสามารถฉันไปหน่อย”“จุนเหยา สบู่แฮนเมดของหนูไม่เลวเลยจริง ๆ” ป้ากุ้ยกล่าวขึ้น “เสียดายที่บ้านเราไม่ได้ทำธุรกิจเครื่องสำอาง ไม่งั้นสบู่ล้างหน้าของหนูคงขายได้ราคาในตลาดฝั่งนั้นแน่นอน”ฉันตกใจขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ายาวิเศษจะไม่สามารถวางขายในตลาดได้ แต่เครื่องสำอางเหล่านี้สามารถวางได้ เมื่อถึงเวลานั้น ฉันต้องปรึกษาถังหมิงหลีสักหน่อยว่าสามารถท
พูดแล้วเขาก็โค้งคำนับฉันอย่างสุดซึ้ง “โจวจิน แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส”ในโลกของนักบำเพ็ญเพียร ผู้แข็งแกร่งจะเป็นที่เคารพนับถือและผู้เชี่ยนชาญจะเป็นอาจารย์ที่น่าเกรงขาม ผู้อาวุโสไม่ได้ถูกตัดสินด้วยอายุ แต่เป็นรากฐานการฝึกฝน รากฐานการฝึกฝนของฉันสูงกว่าเขามาก เขาจึงจำเป็นต้องเรียกฉันว่า “ผู้อาวุโส”ในเวลานี้คนที่ตกใจที่สุดคือป้ากุ้ย ท่านใช้สายตาแปลกประหลาดมองฉันอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับว่าท่านไม่เคยรู้จักฉันมาก่อนหูตี๋และเถาจือเองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เพราะไม่เข้าใจว่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงจะสามารถโค้งคำนับฉันจริง ๆ ในโลกใบนี้มีเรื่องมหัศจรรย์แบบนี้แล้วเหรอ?ฉันเงียบไม่พูดอะไรออกมา อาจารย์โจวมองมาที่พวกเราและพูดว่า “คุณนายหู ในเมื่อพวกคุณรู้จักผู้อาวุโสท่านนี้ ทำไมยังต้องขอร้องฉันด้วย? มีเธอคนนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก?”ฉันมองไปยังชายหนุ่มเสื้อคอจีนสีขาวที่ตกใจจนสีหน้าถอดสี พลางเอ่ย “นี่คือลูกศิษย์ของคุณเหรอ? ฉันเป็นผู้หญิง แต่เขากลับพ่นไฟใส่บนใบหน้าฉัน เพื่อที่จะทำลายรูปลักษณ์ของฉัน จิตใจเขาช่างร้ายกาจมาก!”อาจารย์โจวมองชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่ามาให้ฉ
หลังจากที่บินบนมหาสมุทรแปซิฟิกมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ในที่สุดฉันก็มาถึงสนามบินลอสแอนเจลิสและเมื่อออกจากประตูสนามบินก็มีผู้ช่วยคนหนึ่งก็มารับผู้ช่วยคนนี้เป็นผู้ช่วยของสามีป้ากุ้ย เธอสวยมากและพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันแท้ได้คล่องมากด้วยตอนนี้ฉันยังคงสวมหมวกและหน้ากากเหมือนเดิม เธอเหลือบมองมาทางฉันและพูดด้วยภาษาอังกฤษว่า “มาดามคนคนนี้คือใคร? ทำไมถึงปิดหัวปิดหน้า? ช่วงนี้ในลอสแอนเจลิสมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายออกมาจำนวนมาก สถานะของเธอไม่มีปัญหาใช่ไหม?”“วางใจได้ ป้ากุ้ยเห็นฉันมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” ฉันตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษพวกเขาต่างก็มองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ ประมาณว่าเธอจบแค่มัธยมตอนปลายไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้?แต่พวกเขาคงไม่รู้ว่าก่อนที่ฉันจะมา ฉันบ่นกับหยินฉางเซิงว่าตัวเองพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ไม่ดีเท่าไหร่ และกลัวจะมาขายหน้าที่อเมริกาเมื่อพวกเขาได้ยินว่าฉันจะมาไลฟ์สดที่ต่างประเทศก็ล้วนเกิดความสนใจ ราชาแห่งหวางซานจึงได้สอนคาถาหนึ่งให้แก่ฉันคาถานี้เป็นการใช้จิตสำนึกแห่งสวรรค์ใส่เข้าไปในสมองของผู้อื่นโดยตรง ซึ่งเมื่อคุยกับคนอื่น ความจริงฉันก็ยังคงพูดภา