พูดแล้วเขาก็โค้งคำนับฉันอย่างสุดซึ้ง “โจวจิน แสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส”ในโลกของนักบำเพ็ญเพียร ผู้แข็งแกร่งจะเป็นที่เคารพนับถือและผู้เชี่ยนชาญจะเป็นอาจารย์ที่น่าเกรงขาม ผู้อาวุโสไม่ได้ถูกตัดสินด้วยอายุ แต่เป็นรากฐานการฝึกฝน รากฐานการฝึกฝนของฉันสูงกว่าเขามาก เขาจึงจำเป็นต้องเรียกฉันว่า “ผู้อาวุโส”ในเวลานี้คนที่ตกใจที่สุดคือป้ากุ้ย ท่านใช้สายตาแปลกประหลาดมองฉันอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับว่าท่านไม่เคยรู้จักฉันมาก่อนหูตี๋และเถาจือเองก็เบิกตากว้างเช่นกัน เพราะไม่เข้าใจว่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงจะสามารถโค้งคำนับฉันจริง ๆ ในโลกใบนี้มีเรื่องมหัศจรรย์แบบนี้แล้วเหรอ?ฉันเงียบไม่พูดอะไรออกมา อาจารย์โจวมองมาที่พวกเราและพูดว่า “คุณนายหู ในเมื่อพวกคุณรู้จักผู้อาวุโสท่านนี้ ทำไมยังต้องขอร้องฉันด้วย? มีเธอคนนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีก?”ฉันมองไปยังชายหนุ่มเสื้อคอจีนสีขาวที่ตกใจจนสีหน้าถอดสี พลางเอ่ย “นี่คือลูกศิษย์ของคุณเหรอ? ฉันเป็นผู้หญิง แต่เขากลับพ่นไฟใส่บนใบหน้าฉัน เพื่อที่จะทำลายรูปลักษณ์ของฉัน จิตใจเขาช่างร้ายกาจมาก!”อาจารย์โจวมองชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่ามาให้ฉ
หลังจากที่บินบนมหาสมุทรแปซิฟิกมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ในที่สุดฉันก็มาถึงสนามบินลอสแอนเจลิสและเมื่อออกจากประตูสนามบินก็มีผู้ช่วยคนหนึ่งก็มารับผู้ช่วยคนนี้เป็นผู้ช่วยของสามีป้ากุ้ย เธอสวยมากและพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันแท้ได้คล่องมากด้วยตอนนี้ฉันยังคงสวมหมวกและหน้ากากเหมือนเดิม เธอเหลือบมองมาทางฉันและพูดด้วยภาษาอังกฤษว่า “มาดามคนคนนี้คือใคร? ทำไมถึงปิดหัวปิดหน้า? ช่วงนี้ในลอสแอนเจลิสมีกลุ่มผู้ก่อการร้ายออกมาจำนวนมาก สถานะของเธอไม่มีปัญหาใช่ไหม?”“วางใจได้ ป้ากุ้ยเห็นฉันมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน” ฉันตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษพวกเขาต่างก็มองฉันด้วยสายตาประหลาดใจ ประมาณว่าเธอจบแค่มัธยมตอนปลายไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้?แต่พวกเขาคงไม่รู้ว่าก่อนที่ฉันจะมา ฉันบ่นกับหยินฉางเซิงว่าตัวเองพูดและฟังภาษาอังกฤษได้ไม่ดีเท่าไหร่ และกลัวจะมาขายหน้าที่อเมริกาเมื่อพวกเขาได้ยินว่าฉันจะมาไลฟ์สดที่ต่างประเทศก็ล้วนเกิดความสนใจ ราชาแห่งหวางซานจึงได้สอนคาถาหนึ่งให้แก่ฉันคาถานี้เป็นการใช้จิตสำนึกแห่งสวรรค์ใส่เข้าไปในสมองของผู้อื่นโดยตรง ซึ่งเมื่อคุยกับคนอื่น ความจริงฉันก็ยังคงพูดภา
นักขับไล่วิญญาณทั้งสองคนถือปืนสั้นที่ในปืนมีลูกกระสุนสีเงินอยู่ และรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองอย่างเร็วฉันเองก็ตามขึ้นไปอย่างเงียบ ๆ และยังคงเปิดห้องไลฟ์สดอยู่แต่เมื่อเปิดประตูห้องนั้น คาดไม่ถึงว่าหลังประตูจะไม่มีอะไรสักอย่าง ทว่าดวงตาแห่งหยินหยางของฉันสามารถมองเห็นผีเด็กเหล่านั้นได้ชัดเจน พวกเขาตกใจและต่างก็เข้าไปหลบในผนังพอผู้ชมที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เห็น ต่างก็หัวเราะออกมา[ดู ๆ แล้วนักขับไล่วิญญาณสองคนนี้ก็ไม่เท่าไหร่][เมื่อเทียบกับแอดมินของพวกเราแล้ว ปืนในมือของพวกเขาก็แค่ของเล่นเด็กเท่านั้น][แอดมิน สู้พวกเขาเลย!]ฉันแค่ก้าวเท้าตามไปดูความตื่นเต้นอยู่ด้านหลัง ไม่ได้ตั้งใจที่จะยื่นมือออกมาช่วยแต่อย่างใดทว่าจู่ ๆ เลสก็หันกลับมาและตะโกนเสียงดังลั่น “ออกไปให้พ้น!”ฉันเอียงตัวออกไป เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่เขายิงกระสุนมาที่ด้านหลังฉันเพราะที่ด้านหลังฉันมีผีผู้ชายสวมหน้ากากหัววัวอยู่คนหนึ่ง เนื้อตัวของเขาสกปรกไปทั้งตัว อีกทั้งเสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยคราบสกปรก และในมือของเขาถือขวานขนาดใหญ่อยู่เล่มหนึ่งกระสุนลูกนี้ยิงเข้าไปฝังในร่างกายของผีหัววัวผู้ชาย จากนั้นผีหัววัวผู้ชายก็ได้
“ไม่” ฉันส่ายหน้า “พวกคุณคิดผิดแล้ว ตัวที่เก่งกาจจริง ๆ ยังไม่ออกมา”ทว่าจู่ ๆ ฉันก็หยุดไปครู่หนึ่งและมองไปยังด้านหลังของพวกเขา แล้วพูดขึ้นว่า “เธอมาแล้ว”พวกเขาตกใจมากและรีบหันกลับไป ก่อนจะเห็นภาพวาดสีน้ำมันโบราณแผ่นหนึ่งที่แขวนอยู่บนผนังห้องนั่งเล่น เดิมทีบนภาพวาดสีน้ำมันนี้เป็นภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ที่แต่งกายด้วยชุดโบราณคนหนึ่ง เดิมทีเธอคนนี้สวยมาก แต่เวลานี้รูปลักษณ์ของเธอได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดขึ้นในดวงตาของเธอมีแสงสีแดงผุดขึ้นมา และใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นช้ำม่วง ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีดำและข้างในปากก็อัดแน่นไปด้วยเขี้ยวสีขาวซีดใบหน้าของเธอพุ่งออกจากในภาพวาดและกลายเป็นใบหน้าที่ใหญ่ยักษ์ มันก็พุ่งไปที่นักขับไล่วิญญาณทั้งสองอย่างรวดเร็วนักขับไล่วิญญาณตกใจมาก และรีบหลบออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ใบหน้านั้นข้ามผ่านพวกเขาแล้วพุ่งตรงเข้ามาหาฉันเลสตะโกนเสียงดังลั่น “รีบหนีไปซะ!”ฟิลิปดึงเขาไว้และพูดว่า “อย่าเข้าไป นายช่วยเธอไม่ได้หรอก!”สีหน้าฉันสงบลง ขาเรียวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาผูกตราผนึกธรรมที่หน้าอกและท่องบทสวยเสียงดัง “พลังเก้าหยางกล่อมความมืด แส
“ไม่ต้องยิงให้เปลืองกระสุนแล้ว!” ฉันพูดเสียงดังกว่าเดิม “พวกคุณไปปกป้องครอบครัวป้ากุ้ยเถอะ !”ทั้งสองคนมองหน้ากันและเลสก็พูดขึ้นว่า “ระวังตัวด้วย”พวกเขารีบพุ่งไปที่บันไดด้านล่างและพาครอบครัวป้ากุ้ยออกมา จากนั้นก็วิ่งออกไปทางประตูด้านนอกปัง!เสียงปิดประตูดังขึ้น มีเงาผีสองตัวกระโจนเข้าใส่พวกเขา พวกเขาจึงยกปืนขึ้นยิงให้เงาผีกระจัดกระจายออกไป พลันยิงอีกนัดใส่ที่ล็อคประตูเพื่อรีบพาพวกเขาออกไป“จุนเหยา!” ป้ากุ้ยและเถาจือตะโกนเรียกฉันด้วยความกังวัล “หนูต้องระวังตัวด้วยนะ!”พูดยังไม่ทันจบประตูก็ปิดลงอีกครั้งและไม่สามารถเปิดได้อีกต่อไปแล้วเงาผีที่เต็มอยู่ในห้องบินเข้ามาหาฉันพร้อม ๆ กัน เมื่อพวกมันรวมตัวกันอยู่เหนือหัว ฉันก็รีบทำสัญลักษณ์และค่ายปราบผีพลังเก้าหยางก็พุ่งลงมาเป็นเพลิงไฟอีกครั้ง พร้อมยิงไปที่บนตัวของเงาผีเหล่านั้นพอดี“ผั๊วะ!” ฉันตะโกนออกมาเสียงดัง เปลวไฟปกคลุมเงาผีทั้งหมดเอาไว้และลุกโชนอยู่เหนือหัวของฉัน มีเงาผีจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังดิ้นรน ซ้ำยังกรีดร้องอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้จนกระทั่งเงาผีทั้งหมดได้มอดไหม้และเสียงเปลวไฟก็ดับสลายไป มีเพียงประกายไฟเพียงเล็กน้อยตกล
อลิซาเบธเติบโตขึ้นในครอบครัวชนชั้นสูงของอังกฤษ แต่ครอบครัวของเธอตกต่ำลง และเพื่อไม่อยากใช้ชีวิตแบบสามัญชน เธอจึงแต่งงานกับสามีที่กำลังทำธุรกิจในอังกฤษ แล้วกลับมาใช้ชีวิตกับเขาที่อเมริกาสมิธ สามีของเธอตั้งใจสร้างบ้านสไตล์อังกฤษเพื่อให้เธออาศัยอยู่โดยเฉพาะ แต่อลิซาเบธไม่ได้รักสามีของเธอ และสมิธก็มักจะไม่จากบ้านไปทำงานเป็นเวลานาน เพราะเหตุนี้เธอจึงตกอยู่ในความเหงาและหนาวเปล่าเปลี่ยว พลันหลวมตัวเข้าไปในเงื้อมมือของปีศาจทุกคืนเธอจะฝันว่าชายหนุ่มรูปงามมาพบกับตัวเอง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตั้งครรภ์ แต่สามีของเธอได้ออกไปทำงานต่างที่เป็นเวลาครึ่งปีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะท้องเช่นนี้แต่เพื่อที่จะไม่ให้ข่าวรั่วไหลออกไป เธอจึงพาสาวใช้สองคนขึ้นไปอยู่บนห้องใต้หลังคา กระทั่งตั้งครรภ์ครบเก้าเดือนและคลอดเด็กออกมาเธอบอกในไดอารี่ว่าเด็กคนนี้คือปีศาจ แต่สำหรับเธอแล้วคือนางฟ้า เธอโกหกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของสาวใช้ แล้วเธอก็แอบเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ข้างกาย แต่ในโลกใบนี้ไม่มีความลับ เพราะเมื่อเด็กอายุได้เจ็ดขวบ ก็มีคนบอกสมิธว่าเด็กชายคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของอลิซาเบธสมิธโกรธมากพร้อมเดินถือตะเกียงน้ำมันข
“สไตล์การชอบใครสักคนหนึ่งของคุณแปลกมากจริง ๆ” จุนเหยาเอ่ยพลางเอาดาบออกมาจากด้านหลัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็มาสู้กันเถอะ”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า สู้กันเหรอ?” เลสหัวเราะ “ธงที่เธอปักไว้ข้างนอกนั่นใช้ไม่ได้แล้วใช่ไหม?”“ใช่” ฉันตอบ “พลังของค่ายปราบผีพลังเก้าหยางถูกใช้ไปเต็มที่แล้ว”“งั้นเธอจะใช้อะไรมาสู้กับฉัน?” เขาดูเหมือนจะมั่นใจว่าตัวเองจะชนะเหลือเกิน“ฉันจะใช้พลังทั้งหมดในชีวิตสู้กับคุณ” มือเรียวถอดหมวก หน้ากาก และเข็มกลัดออก แล้ววางลงพื้น[อา อา อา ในที่สุดเราก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของแอดมินแล้ว!][พระเจ้า สวยมาก ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน!][ทั้งสวยทั้งเท่! แอดมิน ผมอยากจะมีลูกกับคุณสักร้อยคน][สวย สวย สวยมาก สวยมาก ๆ เลย!]ฉันยกดาบขึ้นและชี้ปลายดาบขึ้นเพื่อรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ส่วนปลาย ทำให้ร่างกายของฉันกลายเป็นลำแสงและพุ่งเข้าไปหาเขาและแล้วในห้องไลฟ์สดก็เกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง[ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ฉันจะไปลอสแองเจลิสตอนนี้ ฉันจะไปช่วยแอดมิน!][หยุดตลกได้แล้ว กว่าคุณจะบินไปถึงคงทำได้แค่เก็บศพให้แอดมิน][ต่อให้ช่วยแอดมินไม่ได้ ฉันก็อยากไปแก้แค้นให้เธอ!]มีรอย
เขาพูดมีเหตุผลมาก ฉันถึงกับไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว[เอ๊ะ นี่ใช่คนที่โรงแรมผีสิงคนนั้นหรือเปล่า?][รู้สึกว่าจะนามสกุลหยินใช่ไหม? เป็นคนที่หล่อมากคนหนึ่งเลยนะ][คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมา แล้วเขาจะอยู่กับแอดมินถาวรไหม?]ฉันปิดห้องไลฟ์สดและทำท่าจะเดินออกไป แต่ฝีเท้าของฉันกลับอ่อนแรงจนเกือบจะล้มลงเขาเอื้อมมือออกมาพยุงฉัน แต่โดนฉันผลักออกไป ร่างบางยันผนังไว้แล้วเดินออกไปทีละก้าว ก่อนจะเห็นป้ากุ้ยและครอบครัวนอนอยู่บนพื้น ฉันจับชีพจรของพวกเขาดู โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่แค่เป็นลมไปเท่านั้นหยินเฉิงเหยาตามหลังฉันมา เขามองฉันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร“ทำไมนายถึงมาอเมริกาล่ะ?” ฉันถาม “ไม่ใช่ว่าสะกดรอยตามฉันมาจริง ๆ ใช่ไหม?”“ถ้าฉันบอกว่าฉันมาอเมริกาเพื่อหาพืชพลังงานจิตชนิดหนึ่ง เธอจะเชื่อไหม?” หยินเฉิงเหยาพูดฉันมองดูเขาอย่างเย็นชาและเขาก็พูดต่อว่า “หญ้าเฮยมี๋ มีคนบอกว่าเคยเห็นมันแถว ๆ นี้ ฉันต้องการมันเพื่อช่วยให้ฉันก้าวหน้าขึ้น”หญ้าเฮยมี๋เป็นหญ้าแห่งจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่เติบโตในที่ที่มีพลังงานมืดสูงที่แท้เขาก็ไม่ได้สะกดรอยตามฉันมามันคือพรหมลิขิตอันชั่วร้ายที่แท้จริง“เธอเกลียดฉัน
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ