ฉันเอ่ยปาก “คุณบอกเราได้ไหมคะว่า คุณจะใช้ปีศาจทำอะไร?” ชายชุดดํามองมาที่ฉัน มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ลึกลับราวกับมีดโค้ง ทําให้ผู้ชมสาว ๆ ที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เลือดกําเดาไหลกันเป็นแถว เขามองฉันอย่างสนใจเป็นเวลานาน ก่อนกล่าว “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ เจ้าหนุ่ม นายกับฉันมาทำข้อตกลงกันดีไหม?” ถังหมิงหลีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี “ข้อตกลงอะไร?” “ฉันต้องการผู้หญิงคนนี้ แค่นายมอบหล่อนให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อยเจ้าปีศาจนี่ให้นายจัดการได้ตามสบาย” ชายชุดดําแสยะยิ้ม “ว่าไง?” ถังหมิงหลีตวาดอย่างโกรธเคือง “ไม่มีทาง!” ฉันก็ไม่เข้าใจความคิดของชายแปลกหน้าเหมือนกัน ตอนนี้ฉันใส่หมวกกับหน้ากากอยู่เลยนะ เขาน่าจะมองไม่เห็นหน้าตาฉันไม่ใช่เหรอ? ทําไมเธอถึงสนใจฉันล่ะ? ชายชุดดําหัวเราะ พลางกล่าว “ฉันยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์มอบให้นายอีกด้วยนะ ว่าไงล่ะ?” ถังหมิงหลีตกใจตาโต อาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธที่มีพลังลึกลับ มันสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของจอมยุทธ์ได้มากเลยทีเดียว ในสมัยชุนชิวจ้านกั๋วคือสวรรค์ของจอมยุทธ์ ในช่วงเวลานั้นมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์กลื่อนกลาดมากมาย เช่น กระบี่คู่กั้นเจี้ยงมั่วเย๋
ในใจของฉันด่าเทพยดาเสียเละเลย นี่มันความวัวยังไม่หาย ความควายเข้ามาแทรกจริง ๆ “ฮ่า ฮ่า น่าสนใจจัง” ราชาแห่งหวางซานหัวเราะอย่างชั่วร้าย “การต่อสู้ระหว่างพวกเธอกับปีศาจเมื่อครู่ ได้ปลุกปีศาจร้ายต่างชาติโบราณขึ้นมา การไลฟ์สดในค่ำคืนนี้ช่างยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้” “พิลึกจริง ๆ!” ถังหมิงหลีมองหนังสือโบราณนั้นแวบหนึ่ง พลันกอดฉันแล้วหันหลังวิ่งหนีไป เขาคิดว่ามันช้าเกินไปถ้าจะออกทางประตู เขาจึงแตะปลายเท้าและพุ่งตัวไปยังเพดานที่ถูกทําลายโดยฝ่ามือของเขา ทันใดนั้น หนังสือก็เปิดออกเอง หน้าของหนังสือพลิกเปิดอย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติทั้ง ๆ ที่ไม่มีลม ใบหน้าของปีศาจตะวันตกปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด เรากระโดดออกจากคฤหาสน์และรีบเข้าไปในฮัมเมอร์เอชทู หมิงหลีใส่เกียร์ขับออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ว่าขับออกมาไกลแค่ไหนแล้ว ผ่านไปพักใหญ่เราถึงหยุดจอด “โชคดีที่พวกเราหนีออกมาได้” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางมองไปรอบ ๆ เราสองคนอยู่บนถนนเส้นหนึ่ง ทั้งสองฝั่งเป็นป่าที่เงียบสงัด ดูเหมือนว่าถังหมิงหลีจะสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง จึงเอ่ยราวตกใจ “มีบางอย่างอยู่ในป่า!” เงาของต้นไม้สั่นไหว และมีตัวดำ
ถังหมิงหลีสั่นไปทั้งตัว ไม่นานดวงตาก็ฉายแววมีชีวิตชีวา เขามองไปรอบ ๆ แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พวกเรา...ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ?” ฉันรีบหยิบยารักษาออกมาให้เขากินสองเม็ด “พวกเราถูกหลอก!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เราหันกลับไปมองหนังสือที่ลอยอยู่กลางอากาศ กลุ่มเงาดําพรั่งพรูวนอยู่รอบ ๆ หนังสือไม่หยุด แววตาของถังหมิงหลีเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร ฉันจึงเอ่ยปากหยุดเขาไว้ “ประมาทไม่ได้นะ” หยินฉางเซิงกล่าวในหูฟังของฉัน “ไม่ว่าจะเป็นผีจีนหรือผีต่างชาติ ระดับของปีศาจในหนังสือเล่มนี้ไม่สูงนัก นั่นก็คือผีร้าย แต่ความสามารถในการสับขาหลอกของมันแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ระวังแม้แต่นิด ก็อาจจะคล้อยตามมันได้ หนูหยวน เธอแค่ใช้การหยั่งรู้แห่งสวรรค์ต่อสู้กับมันก็พอ เห็นหมอกสีดำที่อยู่รอบ ๆ มันไหม? เธอใช้การหยั่งรู้แห่งสวรรค์บีบบังคับให้หมอกดําเหล่านั้นกลับเข้าไปในหนังสือได้ จากนั้นก็จุดไฟเผาหนังสือซะ” ฉันพูดกับถังหมิงหลี “ฉันมีวิธีจัดการกับมัน นายถอยหลังไปสองก้าว” ถังหมิงหลีเงียบไปครู่หนึ่ง พลันเอ่ยตอบ “ระวังตัวด้วยนะ” พูดจบเขาก็ถอยหลังไปสองสามก้าว[จอมเผด็จการปอดแหกได้ยังไง? ในเวลาแบบนี้จะป
ฉันเชิดคางเปลี่ยนการหยั่งรู้ให้กลายเป็นมือที่มองไม่เห็น พลันจับมันไว้แน่น มันกำลังลอยอยู่กลางอากาศพร้อมต่อสู้ดิ้นรนสุดชีวิต เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะหนี “จอมเผด็จการ!” ฉันจึงตะโกนเรีกหมิงหลีดังลั่น “เร็ว! เผามัน!” ถังหมิงหลีรีบล้วงไฟแช็กโลหะออกมาอย่างรวดเร็ว พลันจุดไฟและเขวี้ยงใส่หนังสือปีศาจ ในเวลาเดียวกันจุนเหยาก็คว้าสีชาดและขว้างไปที่หนังสือปีศาจ มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ก่อนที่หนังสือทั้งหมดจะเกิดไฟลุกโชนและถูกเผาไหม้ทั้งเล่ม ท่ามกลางเปลวเพลิงนั้น มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น มือเรียวคว้าสีชาดแล้วขว้างออกไปอีกครั้ง เปลวไฟลุกโชนขึ้นทันที และเสียงกรีดร้องนั้นก็ค่อย ๆ แผ่วลง จนกระทั่งไม่ได้ยินอีกเลย จนกระทั่งเปลวไฟมอดลงเหลือไว้เพียงสันที่ไหม้เกรียม ขาเรียวเหยียบบดขยี้มันอย่างแรง เพื่อให้มันไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีก ฉันจ้องเขม่าที่อยู่บนพื้น พลางกล่าว “ไม่ว่าคุณจะอยู่ต่างประเทศมานานขนาดไหนแล้ว ถ้าเข้ามาที่ประเทศจีนของฉัน ถ้าเป็นมังกรคุณต้องนั่งขัดสมาธิอย่างสงบ และถ้าเป็นเสือคุณต้องนอนคว่ำหมอบอย่างเชื่อฟัง ประเทศจีนของฉัน ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาพาลเกเรได้อย่างแน่นอน!” [แอดมินพ
“บอกเร็วกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์” หยินฉางเซิงกล่าว “เขาได้รับบาดเจ็บ พวกเธอสองคนรวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี ทำไมจะต้องรนหาที่ตายด้วยล่ะ?” หยินฉางเซิงเงียบไปแล้ว ไม่นานก็ออฟไลน์ ฉันดูผลการไลฟ์สดครั้งนี้ ปรากฏว่าฉันได้รับรางวัลสูงถึงหกล้าน มากกว่าครั้งก่อนถึงสามล้านกว่า! ผู้ชมยังคงชอบดูการต่อสู้ที่สนุกสนานและการไลฟ์สดแบบแปลก ๆ มากกว่า คําพูดเลือดร้อนสุดท้ายของฉัน แลกมาซึ่งรางวัลจากเด็กหนุ่มเลือดร้อนมากมายเช่นกัน เมื่อมองไปยังรางวัลที่ผู้อาวุโสหลายท่านมอบให้ ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางก็ได้ฝากข้อความถึงฉันว่า เขาส่งแผ่นหยกวิชาอาคมมาให้ฉัน ส่วนหวางหลูจือให้สูตรยา ซึ่งเป็นยาที่เหมาะกับผู้ฝึกตนระดับสองเพื่อบํารุงพลังลมปราณ นั่นก็คือยาบํารุงพลัง มันมีประสิทธิภาพดีกว่ายาเป่ยหยวนหลายเท่า ราชาแห่งหวางซานและหยินฉางเซิงให้เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์! สําหรับผู้ฝึกตนแล้ว เครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกวิชา เมื่อมีเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งเท่ากับว่ามีวิธีรักษาชีวิตอยู่กับตัวหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใดก็ตาม ล้วนเพียงพอที่จะทําให้เหล่าผ
ต่อมาแม่ฉันก็แต่งงานกับคนเลวนั่น เดิมทีป้ากุ้ยไม่เห็นด้วย แต่แม่ไม่ฟังท่าน และยืนกรานที่จะแต่งงาน ป้ากุ้ยจึงเย็นชาขึ้นและค่อยๆ ห่างเหินกับแม่ แต่ป้ากุ้ยสงสารฉัน ท่านจึงมาเยี่ยมฉันที่หมู่บ้านบ่อย ๆ และยังนําอาหารอร่อย ๆ มาให้ ยายของฉันสำนึกในบุญคุณมาก ทุกครั้งท่านมักจะเอาข้าวที่เป็นสินค้าท้องถิ่นใหม่ ๆ มาให้ยายเสมอ ไป ๆ มา ๆ ป้ากุ้ยกับพวกเราก็สนิทกันมาก ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบป้ากุ้ยมากที่สุด ขอแค่ท่านมาที่บ้านของฉัน ฉันก็จะยิ้มไม่หุบทั้งวัน อย่างไรก็ตาม ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้นปีหนึ่ง ครอบครัวของท่านก็ไปต่างประเทศและบอกว่าจะไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยเจอพวกเขาอีกเลย พอนึกถึงอดีตฉันก็รีบโทรกลับด้วยความดีใจ ป้ากุ้ยเองก็ดีใจเช่นกัน และชวนฉันไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน ในปีนั้นป้ากุ้ยเคยติดต่อหมอจํานวนมากมายให้ฉัน เพื่อที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยบนใบหน้า คืนนี้ฉันจึงวางแผนว่าจะไม่สวมหมวกและหน้ากากไปหาท่าน เพื่อหวังให้ท่านดีใจ มือบางหยิบกระโปรงสีดําที่ซื้อมาครั้งก่อนออกมาใส่ พลางถึงนึกขึ้นได้ว่ามีกิ๊บติดผมมุกอันนั้นอยู่ ใจจริงว่าจะคืนให้หยินเฉิงเหยา แต่หลังจากนั้นก
ในตอนนั้นเอง ฉันกลับพบว่าครอบครัวของพวกเขาทั้งสามคนมีรอยคล้ำ และบนตัวของพวกเขาก็มีกลิ่นอายของวิญญาณอยู่ ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย ป้ากุ้ยและพวกเขามีวิญญาณอะไรติดอยู่นะ ฉันจึงถามแบบอ้อม ๆ พลันใบหน้าของป้ากุ้ยก็เศร้าโศก ก่อนจะเล่าถึงสิ่งที่พบเจอตอนที่อยู่อเมริกา บริษัทสามีของป้ากุ้ยอยู่ในประเทศจีน จึงมักจะเดินทางไปมาระหว่างสองประเทศนี้บ่อย ๆ หลังจากที่ป้ากุ้ยย้ายไปอเมริกา ก็อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิสได้ไม่กี่ปี แต่ป้ากุ้ยมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ ไม่สามารถทนต่อความวุ่นวายในเมืองใหญ่ได้ จึงซื้อคฤหาสน์ในเมืองเล็ก ๆ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งห่างจากลอสแอนเจลิสเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น บ้านหลังนี้เก่ามาก ว่ากันว่ามีประวัติยาวนานประมาณสองถึงสามร้อยปี แม้ว่าบ้านจะเก่านิดหน่อย แต่เจ้าของบ้านคนก่อนก็ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ สภาพแวดล้อมและสิ่งอํานวยความสะดวกภายในบ้านก็ยังดีมาก หูตี๋และเถาจืออายุน้อยกว่าฉันหนึ่งปี ทั้งคู่พึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย และได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในลอสแอนเจลิส ป้ากุ้ยจึงอาศัยอยู่ในบ้านเก่าแก่หลังนี้เพียงคนเดียว จากนั้นในบ้านก็เริ่มมีวิญญาณรบกวน เริ่มแรก ป้ากุ้ยมักจะเห็น
ในโลกที่มองคนแต่ภายนี้ ทำให้คนอื่น ๆ ผิดหวังมากจริง ๆ พวกเราไปรับป้ากุ้ยและลูกสาวของท่านที่โรงแรมอีกครั้ง เมื่อเถาจือลงมาก็รีบเข้ามาจับมือของฉันและพูดว่า “จุนเหยา เธอดูสิผิวของฉันสิ มันเปลี่ยนเป็นขาวขึ้นแล้วและยังเรียบเนียนขึ้นด้วย”เมื่อฉันดูก็ได้เห็นว่ามันขาวกว่าเมื่อวานเล็กน้อยจริง ๆ“ยังมีอีกนะ เธอดูแม่ฉันสิ” เธอลากป้ากุ้ยเข้ามา “รอยเหี่ยวย่นตรงหางตากับมุมปากของแม่ก็ตื้นขึ้นด้วยใช่ไหม?”ฉันพยักหน้าและเธอก็พูดอย่างตื่นเต้นอีก “จุนเหยา พวกเราเพิ่งใช้สบู่แฮนเมดของเธอเมื่อคืนวาน ก็ประหลาดใจมากขนาดนี้แล้ว! พวกเราอยากใช้ต่อไปเรื่อย ๆ ฉันอยากดูเด็กลงเหมือนตอนสิบแปดและแม่ก็อยากดูสาวเหมือนคนอายุสามสิบ”ในหัวของฉันเต็มไปด้วยความสับสนนิด ๆ “มันคงเกินความสามารถฉันไปหน่อย”“จุนเหยา สบู่แฮนเมดของหนูไม่เลวเลยจริง ๆ” ป้ากุ้ยกล่าวขึ้น “เสียดายที่บ้านเราไม่ได้ทำธุรกิจเครื่องสำอาง ไม่งั้นสบู่ล้างหน้าของหนูคงขายได้ราคาในตลาดฝั่งนั้นแน่นอน”ฉันตกใจขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ายาวิเศษจะไม่สามารถวางขายในตลาดได้ แต่เครื่องสำอางเหล่านี้สามารถวางได้ เมื่อถึงเวลานั้น ฉันต้องปรึกษาถังหมิงหลีสักหน่อยว่าสามารถท
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ