ถังหมิงหลีเอ่ยต่อ “ยังอยากจะพูดอะไรอีก?”“ผมจะบอกคุณว่าคนที่สั่งให้ผมมอบภาพวาดนี้ให้แก่คุณคือใคร” ลู่ต๋าคายพูดขึ้นทันทีถังหมิงหลียิ้มมุมปาก “ถ้าพูดแบบนี้แต่แรก คุณก็คงไม่ต้องเจ็บตัวหรอก”“เขาคือกัวเทียนซง” ลู่ต๋าคายเอ่ยปาก “กัวเทียนซงได้ยินว่าผมประมูลภาพวาดสาวงามนั้นได้ เขาเลยมาหาผม เขาบอกว่าถ้าผมส่งภาพวาดนี้ไปให้คุณ เขาก็จะขายที่ดินที่เฉิงตงแปลงนั้นให้ผมในราคาถูก”นักธุรกิจสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากัน ที่แท้ที่ดินแปลงนั้นก็มีที่มาอย่างนี้นี่เองถังหมิงหลีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ลุงจง พาตัวเขาไปพบผู้อาวุโสกัวที”ลุงจงจับที่หลังคอเสื้อของเขาและจับร่างนั้นอุ้มพาดบนบ่า เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดถังหมิงหลีหันกลับมาจับมือฉันแล้วกระซิบว่า “ไปตระกูลกัวกับฉัน เธอก็เป็นคนที่ได้รับความเสียหายเหมือนกัน พวกเขาควรจะให้ความเป็นธรรมกับเธอ”วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ลูก ๆ ของผู้อาวุโสกัวต่างก็กลับมาบ้านเพื่อฉลองเทศกาลนี้ ในนั้นมีกัวเทียนซงและลูกของเขารวมอยู่ด้วย ที่ขวามือของกัวซวนยังเข้าเฝือกอยู่เลยผู้อาวุโสกัวยังมีลูกสาวอีกสองคนที่ต่างก็แต่งงานออกไปหลายปีแล้ว ปีนี้พวกเธอต่างก็อายุยี่สิ
เดิมทีผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ยึดตามเหตุผลอะไร เขาก็แค่คือปีศาจตนหนึ่งที่แค่อยากรีบพูดให้จบและหลบหนีออกไปเมื่อกัวเทียนเฟิงเห็นเขาสีหน้าก็ยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก กัวซู่กดที่ไหล่ของเขาและส่ายหัวไปมากัวหมิงเซี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเร็ว “นี่คุณลู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงอยู่ในสถาพนั้น? ถังหมิงหลี หรือว่าคุณทำร้ายเขา?”ถังหมิงหลีพูดหน้านิ่ง “ใช่ ผมเอง”กัวหมิงเซี่ยตวาดลั่น “ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว! คุณลู่เป็นถึงคนของตระกูลหลูแห่งตงไห่ นายกล้าทำร้ายเขาจนเป็นแบบนี้เลยเหรอ? ถ้านายอยากตายก็ไปตายคนเดียว อย่าทำให้ตระกูลกัวของพวกเราลำบากไปด้วย!”ผู้อาวุโสกัวไม่พูดอะไร เขารู้ว่าด้วยสถานะของถังหมิงหลีแล้ว อย่าว่าแต่ทำร้ายญาติของตระกูลหลูเลย ต่อให้ทำร้ายทายาทของตระหลู ตระกูลหลูก็ยังต้องพาลูกของตัวเองมาคำนับขอโทษถึงหน้าประตู“ผู้อาวุโส” ถังหมิงหลีกล่าว “หลายวันก่อนผมได้เจอกับเรื่องบางอย่างจนเกือบตาย คุณลู่ คุณพูดเถอะ”ลู่ต๋าคายตกใจกลัวจนเริ่มเสียสติ เขารีบพูดขึ้นว่า “เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมได้ซื้อภาพวาดสาวงามภาพหนึ่งมาจากฮ่องกง โดยมีตำนานมากมายเกี่ยวกับภาพวาดนั้น ว่ากันว่ามันถูกใช้เพื่อลอบสังหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ
หลังจากดูภาพวิดีโอเสร็จ ถังหมิงหลีก็พูดขึ้นว่า “กัวเทียนซง คุณคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าตอนที่วางแผนกับลู่ต๋าคายอยู่นั้น จริง ๆ แล้วเขาได้บันทึกกระบวนการทั้งหมดไว้ เพื่อที่จะได้ข่มขู่คุณต่อในอนาคต และเราก็ได้นำการ์ดหน่วยความจำนี้ออกมาจากในตู้นิรภัยของลู่ต๋าคาย”กัวเทียนซงถอยไปข้างหลังสองก้าวและนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ผู้อาวุโสโกรธจนหน้าซีดสลับแดง พลันตะโกนออกไปด้วยความโมโห “งามหน้าจริง ๆ!”กัวหมิงเซี่ยเอ่ยแย้ง “พ่อคะ เรื่องนี้ต้องโทษพ่อไม่ใช่เหรอ? ใครบอกให้พ่อลำเอียงไปทางคนนอกล่ะ? พี่ใหญ่เป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อและยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วยนะคะ”ผู้อาวุโสกัวยืนขึ้นทันที และตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พวกแกจะเข้าใจอะไร? พวกแกรู้ไหมว่าสาเหตุที่ตระกูลกัวประสบความสําเร็จจนมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่ามีหมิงหลีคนนี้!”กัวหมิงเซี่ยถอนหายใจอย่างไม่เห็นด้วย “แล้วเขามีดีอะไร? ก็แค่นักรบคนหนึ่งก็เท่านั้น”หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ ผู้อาวุโสกัวก็เดินเข้าไปตบหน้าเธออย่างแรง เธอโดนตบจนงงไปสักพักหนึ่ง“พ่อคะ พ่อ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะตีหนูแบบนี้” ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่รักเธอมากที่สุดก็คือพ่อของเธอ แม้แต่คำพูดแรง ๆ สักคำเข
เธอหันหน้าไปหาถังหมิงหลีอีกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะสนใจสามีที่ดึงชายแขนเสื้อถึงสองครั้ง ไว้เลย พลันร้องตะโกนกล่าวหายกใหญ่ “นายเป็นหลาน จะมาบังคับปู่แบบนี้ได้ยังไงกัน? ที่บ้านสั่งสอนมายังไง? พ่อแม่นายสอนเรื่องมารยาทมาบ้างไหม?”ถังหมิงหลีโต้ตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าไม่พูอะไร นัยน์ตาของผู้อาวุโสกัวฉายแววตื่นตระหนก เขาร้องตะโกนขึ้นในทันที “บอดี้การ์ด”บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นผู้อาวุโสกัวก็พูดเสียงดัง “ยัยลูกโง่ ส่งเธอกลับบ้านตระกูลตี๋ไปเดี๋ยวนี้” ตี๋จวิ้นหน้าสลด พลางหันไปทางผู้อาวุโสกัวแล้วเอ่ยขึ้น “ขออภัยท่านผู้อาวุโส ผมจะดูอาเซี่ยให้ดีครับ”เมื่อพูดจบเขาก็ไม่รอให้บอดี้การ์ดเข้ามา ชายหนุ่มรีบร้อนลากภรรยาของเขาออกไปทันทีผู้อาวุโสกัวที่ดูเหมือนจะแก่ลงไปสิบกว่าปีโบกมือเล็กน้อย “พ่อเหนื่อยแล้ว พวกลูกออกไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะเรียกผู้อาวุโสในตระกูลมาจัดการเรื่องการแบ่งมรดกให้แต่ละครอบครัว”ถังหมิงหลีกล่าวลาผู้อาวุโสกัวและพาฉันออกจากบ้านตระกูลกัว ส่วนหลู่ต๋าคายถูกตระกูลกัวนำส่งตัวโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นมา ธุรกิจของหลู่ต๋าคายก็ดิ่งลงมาตลอด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเลี่ยงภาษีจำนวนมาก และจะถ
ก่อนหน้านี้หูชิงหยูเคยชวนฉันมาดื่มชา แต่รูปแบบของโรงน้ำชานั้นเทียบกันไม่ติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในนั้นเป็นแบบโบราณที่มีกลิ่นเก่าจาง ๆ บางชิ้นก็นำมาจากราชวงศ์ถังอีกทั้งเครื่องเรือนไม้จันทร์สีแดงแห่งราชวงศ์หมิง ทุกชิ้นล้วนล้ำค่าทั้งหมดที่กล่าวมาคือความหรูหราของที่นี่ภายในห้องน้ำชา ชายคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าหันหลังให้ฉัน และที่โต๊ะน้ำชาด้านหลังยังมีหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้นั่งอยู่ เธอสวมชุดกี่เพ้าที่ปักด้วยลายไม้ไผ่เซียงเฟยสาวงามนั้นอายุเพียงสิบห้าสิบหก เธอมีฝีมือกาชงชาที่ล้ำเลิศ และการเคลื่อนไหวของเธอก็ช่างงดงามจนยากที่จะละสายตาไปได้เริ่นเจิ้งเต๋อเอ่ย “ท่านครับ ผมพาเธอมาแล้ว”“ดีมาก ทำงานได้ดีไร้ที่ติจริง ๆ” ชายหนุ่มยืนขึ้น เขาสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ และรูปร่างหล่อเหลา แถมยังมีกลิ่นยาจาง ๆ ติดอยู่ตามร่างกายแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปกปิดความเย่อหยิ่งในดวงตาของเขาได้ชายคนนี้มีพรสวรรค์ เขามีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเด็กและกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้รับคำชม ดังนั้นเขาจึงเย่อหยิ่งเล็กน้อย และชอบดูถูกคนอื่นแม้ว่าตอนนี้เขาจะยิ้มให้ฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ชอบฉันเลย อีกทั้งแววตาของ
ตอนนี้ฉันยังไม่มีอำนาจ ถ้าหากเข้าร่วมสมาคมก็คงดีแต่เดี๋ยวก่อน ฉันอ่านต่อไปด้านล่าง บางทีอาจมีหลุมพลางอยู่ด้านหลังก็ได้ฉันเลื่อนสายตาลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นข้อความหนึ่งบอกว่าถ้างานที่สมาคมมอบหมายให้ไม่สำเร็จ จะสามารถชดเชยได้ด้วยวิธีการปรุงยาหรือโอสถวิญญาณ มิเช่นนั้นจะได้รับลงโทษที่รุนแรงนี่มันขี้โกงสุด ๆ ถ้าผู้ที่อยู่ในระดับสูงอยากได้ยาในมือของใครสักคน ก็แค่มอบหมายให้ทำภารกิจที่ไม่มีทางทำได้ให้ แล้วเขาก็จะได้ยาของคนคนนั้นไปใช่ไหม?และด้านหลังยังกำหนดอีกว่า เมื่อเข้าร่วมสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วจะต้องไม่ถอนตัวออก ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการทรยศ ซึ่งจะถูกบีบคั้นจากสมาคมทั้งหมด และจะไม่สามารถตั้งหลักในจีนได้อีกสมาคมแบบนี้ ถ้าฉันเข้าร่วมก็คงโง่เต็มที“คุณหยวนคิดเห็นเป็นเช่นไร?” แววตาของว่านจงอินฉายแววภาคภูมิใจ สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุหลายคน วิธีการปรุงยานั้นหาได้ยากยิ่ง แต่ตราบใดที่มีคะแนนอยู่ในสมาคมนั้นถือเป็นสิ่งล่อตาล่อใจอย่างมาก และคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทนต่อการล่อตาล่อใจนี้ได้ฉันปิดเอกสารด้วยความเสียใจ “คุณว่าน เงื่อนไขนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ของฉันเข้มงวดมา
ฉันยื่นโทรศัพท์ไปข้างหน้าเขา ด้านในเป็นรูปถ่ายของคนหลายคนนอนกองอยู่ที่พื้น พร้อมร่างกายที่ฟกช้ำและบวมจากการทุบตีใบหน้าของว่านจงอินบูดบึ้งอย่างมากฉันวางโทรศัพท์ลง พลางเอ่ย “ในเมื่อนายมีความมั่นใจว่าสามารถแก้พิษที่ฉันทำไว้ได้ งั้นก็คงไม่ต้องพึ่งยาถอนพิษของฉันแล้วล่ะ ลาก่อน”ฉันหมุนตัวเดินกลับออกมา เริ่นเจิ้งเต๋อยังต้องการที่จะหยุดฉันไว้ แต่เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่จุดถานจงเป็นอย่างมาก แขนขาของเขาอ่อนแรง จนไม่สามารถใช้กำลังภายในทั้งหมดได้ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องจากทางด้านหลัง และกาน้ำชาสีม่วงในมือของหญิงงามก็หล่นลงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยว่านจงอินยืนพิงกำแพงนิ่ง เขาจ้องมาที่ฉันอย่างดุเดือด “หยวนจุนเหยา เธอจะสู้กับสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุจริง ๆ ใช่ไหม?”“ฉันบอกแล้วว่านี่เป็นคำสั่งที่เข้มงวดของอาจารย์” ฉันตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “แต่นายต้องการจะพาตัวน้องชายของฉันไปและบังคับให้ฉันเข้าร่วมสมาคม แม้ว่าอาจารย์ของฉันจะไม่ได้สั่ง ฉันก็จะไม่มีวันเข้าร่วมสมาคมนี่เด็ดขาด”ในที่สุดฉันก็ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องนี้ได้ ทว่าเสียงที่เย็นชาดุจมีดและดุร้ายดุจงูของว่านจงอินยังลอยตามมา “แล้วเธอจะต้องเสียใ
ถึงพวกเขาจะไม่ใช่นักรบระดับหัวจิน แต่สายดำทั้งห้าคนแบบนี้ คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันในตอนนี้อย่างแน่นอนเมื่อผู้คนในร้านขายยาพบเจอสถานการณ์แบบนี้ ต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอย่างเงียบ ๆ และแม้แต่เจ้าของร้านขายยาก็ยังแอบเข้าไปหลบในห้องโถงด้านในเลยฉันหรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกนายเป็นใคร?”“สมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ” หัวหน้ากลุ่มพูดเสียงดัง “คุณหยวน ได้โปรดไปกับเรา”ฉันเหลือบมองไปที่รถออฟโรดสีดำด้านนอก พลันมุมปากของฉันก็ยกขึ้นยิ้มเบา ๆ และเปิดห้องไลฟ์สด “สวรรค์” อย่างเงียบ ๆ ร่างบางก้าวขึ้นรถไป มือดีแห่งสายมืดทั้งสองคนนั่งประกบข้างฉัน ฉันจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “การต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ ดูเหมือนว่าสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุจะให้ความสำคัญกับฉันมากเลยสินะ?”นักยุทธ์เหล่านี้ไม่ยอมยิ้มหรือพูดคุย รถแล่นไปจนสุดทาง ก่อนพุ่งตรงไปยังสวนสไตล์จิงหนาน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสโมสรส่วนตัว ฉันเดิมตามสาวงามที่สวมชุดกี่เพ้าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของสวน สถานที่แห่งนี้คล้ายกับห้องโถงใหญ่ของตระกูลใหญ่โตสมัยโบราณในละครโทรทัศน์ เมื่อกวาดสายตามองดู ก็เห็นโล่ไม้ใหญ่แขวนอยู่บนคาน ภายใต้โล่ประกาศเกียรติคุณ มีชายชราคนหนึ่