ประธานลู่หัวเราะหึ ๆ ขึ้นมาสองครั้งแล้วพูดว่า “ฉันเหรอ? จริง ๆ แล้วครั้งนี้ฉันใช้แค่ความคิดเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ความจริงฉันอยากเอาความคิดนี้ไปใช้ที่อื่น”“ที่ไหน? บอกพวกเราหน่อยเถอะ” นักธุรกิจอีกคนกล่าวออกมา “ให้พวกเราได้เรียนรู้ด้วย”ประธานลู่โบกมือขึ้นและกล่าวว่า “สิ่งนี้พวกคุณเรียนรู้ไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับโอกาส”ขณะเดียวกันประตูของห้องส่วนตัวก็เปิดออก บริกรถือเหล้าถาดหนึ่งเดินเข้ามา พลางเอ่ย “ประธานลู่ มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งให้ผมเอาสิ่งนี้มามอบให้กับท่านครับ”เขาดึงหนังสือม้วนนั้นออกมาจากใต้ถาดและส่งไปที่ด้านหน้าของประธานลู่เมื่อประธานลู่เห็นของสิ่งนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยทันที เขาตกใจไปครู่หนึ่ง พลันโยนม้วนภาพวาดนั้นออกไปและตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ผี! มีผี! ”นักธุรกิจคนอื่น ๆ ต่างก็มองว่าเขาแปลก ๆ “ประธานลู่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“เอาของสิ่งนี้ออกไป! เอาออกไป!” เขาพูดออกมาเสียงดังบริกรรีบหยิบภาพวาดม้วนนั้นขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป เมื่อเดินมาถึงข้างประตู ถังหมิงหลีก็เอาภาพม้วนนั้นออกมาจากในมือเขาและเดินเข้าไปในห้องช้า ๆ พอประธานลู่เห็นถังหมิงหลี สีหน้าของเขาก็ขาวซีดเ
ถังหมิงหลีเอ่ยต่อ “ยังอยากจะพูดอะไรอีก?”“ผมจะบอกคุณว่าคนที่สั่งให้ผมมอบภาพวาดนี้ให้แก่คุณคือใคร” ลู่ต๋าคายพูดขึ้นทันทีถังหมิงหลียิ้มมุมปาก “ถ้าพูดแบบนี้แต่แรก คุณก็คงไม่ต้องเจ็บตัวหรอก”“เขาคือกัวเทียนซง” ลู่ต๋าคายเอ่ยปาก “กัวเทียนซงได้ยินว่าผมประมูลภาพวาดสาวงามนั้นได้ เขาเลยมาหาผม เขาบอกว่าถ้าผมส่งภาพวาดนี้ไปให้คุณ เขาก็จะขายที่ดินที่เฉิงตงแปลงนั้นให้ผมในราคาถูก”นักธุรกิจสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากัน ที่แท้ที่ดินแปลงนั้นก็มีที่มาอย่างนี้นี่เองถังหมิงหลีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ลุงจง พาตัวเขาไปพบผู้อาวุโสกัวที”ลุงจงจับที่หลังคอเสื้อของเขาและจับร่างนั้นอุ้มพาดบนบ่า เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดถังหมิงหลีหันกลับมาจับมือฉันแล้วกระซิบว่า “ไปตระกูลกัวกับฉัน เธอก็เป็นคนที่ได้รับความเสียหายเหมือนกัน พวกเขาควรจะให้ความเป็นธรรมกับเธอ”วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ลูก ๆ ของผู้อาวุโสกัวต่างก็กลับมาบ้านเพื่อฉลองเทศกาลนี้ ในนั้นมีกัวเทียนซงและลูกของเขารวมอยู่ด้วย ที่ขวามือของกัวซวนยังเข้าเฝือกอยู่เลยผู้อาวุโสกัวยังมีลูกสาวอีกสองคนที่ต่างก็แต่งงานออกไปหลายปีแล้ว ปีนี้พวกเธอต่างก็อายุยี่สิ
เดิมทีผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ยึดตามเหตุผลอะไร เขาก็แค่คือปีศาจตนหนึ่งที่แค่อยากรีบพูดให้จบและหลบหนีออกไปเมื่อกัวเทียนเฟิงเห็นเขาสีหน้าก็ยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก กัวซู่กดที่ไหล่ของเขาและส่ายหัวไปมากัวหมิงเซี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเร็ว “นี่คุณลู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงอยู่ในสถาพนั้น? ถังหมิงหลี หรือว่าคุณทำร้ายเขา?”ถังหมิงหลีพูดหน้านิ่ง “ใช่ ผมเอง”กัวหมิงเซี่ยตวาดลั่น “ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว! คุณลู่เป็นถึงคนของตระกูลหลูแห่งตงไห่ นายกล้าทำร้ายเขาจนเป็นแบบนี้เลยเหรอ? ถ้านายอยากตายก็ไปตายคนเดียว อย่าทำให้ตระกูลกัวของพวกเราลำบากไปด้วย!”ผู้อาวุโสกัวไม่พูดอะไร เขารู้ว่าด้วยสถานะของถังหมิงหลีแล้ว อย่าว่าแต่ทำร้ายญาติของตระกูลหลูเลย ต่อให้ทำร้ายทายาทของตระหลู ตระกูลหลูก็ยังต้องพาลูกของตัวเองมาคำนับขอโทษถึงหน้าประตู“ผู้อาวุโส” ถังหมิงหลีกล่าว “หลายวันก่อนผมได้เจอกับเรื่องบางอย่างจนเกือบตาย คุณลู่ คุณพูดเถอะ”ลู่ต๋าคายตกใจกลัวจนเริ่มเสียสติ เขารีบพูดขึ้นว่า “เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมได้ซื้อภาพวาดสาวงามภาพหนึ่งมาจากฮ่องกง โดยมีตำนานมากมายเกี่ยวกับภาพวาดนั้น ว่ากันว่ามันถูกใช้เพื่อลอบสังหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ
หลังจากดูภาพวิดีโอเสร็จ ถังหมิงหลีก็พูดขึ้นว่า “กัวเทียนซง คุณคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าตอนที่วางแผนกับลู่ต๋าคายอยู่นั้น จริง ๆ แล้วเขาได้บันทึกกระบวนการทั้งหมดไว้ เพื่อที่จะได้ข่มขู่คุณต่อในอนาคต และเราก็ได้นำการ์ดหน่วยความจำนี้ออกมาจากในตู้นิรภัยของลู่ต๋าคาย”กัวเทียนซงถอยไปข้างหลังสองก้าวและนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ผู้อาวุโสโกรธจนหน้าซีดสลับแดง พลันตะโกนออกไปด้วยความโมโห “งามหน้าจริง ๆ!”กัวหมิงเซี่ยเอ่ยแย้ง “พ่อคะ เรื่องนี้ต้องโทษพ่อไม่ใช่เหรอ? ใครบอกให้พ่อลำเอียงไปทางคนนอกล่ะ? พี่ใหญ่เป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อและยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วยนะคะ”ผู้อาวุโสกัวยืนขึ้นทันที และตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พวกแกจะเข้าใจอะไร? พวกแกรู้ไหมว่าสาเหตุที่ตระกูลกัวประสบความสําเร็จจนมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่ามีหมิงหลีคนนี้!”กัวหมิงเซี่ยถอนหายใจอย่างไม่เห็นด้วย “แล้วเขามีดีอะไร? ก็แค่นักรบคนหนึ่งก็เท่านั้น”หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ ผู้อาวุโสกัวก็เดินเข้าไปตบหน้าเธออย่างแรง เธอโดนตบจนงงไปสักพักหนึ่ง“พ่อคะ พ่อ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะตีหนูแบบนี้” ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่รักเธอมากที่สุดก็คือพ่อของเธอ แม้แต่คำพูดแรง ๆ สักคำเข
เธอหันหน้าไปหาถังหมิงหลีอีกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะสนใจสามีที่ดึงชายแขนเสื้อถึงสองครั้ง ไว้เลย พลันร้องตะโกนกล่าวหายกใหญ่ “นายเป็นหลาน จะมาบังคับปู่แบบนี้ได้ยังไงกัน? ที่บ้านสั่งสอนมายังไง? พ่อแม่นายสอนเรื่องมารยาทมาบ้างไหม?”ถังหมิงหลีโต้ตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าไม่พูอะไร นัยน์ตาของผู้อาวุโสกัวฉายแววตื่นตระหนก เขาร้องตะโกนขึ้นในทันที “บอดี้การ์ด”บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นผู้อาวุโสกัวก็พูดเสียงดัง “ยัยลูกโง่ ส่งเธอกลับบ้านตระกูลตี๋ไปเดี๋ยวนี้” ตี๋จวิ้นหน้าสลด พลางหันไปทางผู้อาวุโสกัวแล้วเอ่ยขึ้น “ขออภัยท่านผู้อาวุโส ผมจะดูอาเซี่ยให้ดีครับ”เมื่อพูดจบเขาก็ไม่รอให้บอดี้การ์ดเข้ามา ชายหนุ่มรีบร้อนลากภรรยาของเขาออกไปทันทีผู้อาวุโสกัวที่ดูเหมือนจะแก่ลงไปสิบกว่าปีโบกมือเล็กน้อย “พ่อเหนื่อยแล้ว พวกลูกออกไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะเรียกผู้อาวุโสในตระกูลมาจัดการเรื่องการแบ่งมรดกให้แต่ละครอบครัว”ถังหมิงหลีกล่าวลาผู้อาวุโสกัวและพาฉันออกจากบ้านตระกูลกัว ส่วนหลู่ต๋าคายถูกตระกูลกัวนำส่งตัวโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นมา ธุรกิจของหลู่ต๋าคายก็ดิ่งลงมาตลอด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเลี่ยงภาษีจำนวนมาก และจะถ
ก่อนหน้านี้หูชิงหยูเคยชวนฉันมาดื่มชา แต่รูปแบบของโรงน้ำชานั้นเทียบกันไม่ติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในนั้นเป็นแบบโบราณที่มีกลิ่นเก่าจาง ๆ บางชิ้นก็นำมาจากราชวงศ์ถังอีกทั้งเครื่องเรือนไม้จันทร์สีแดงแห่งราชวงศ์หมิง ทุกชิ้นล้วนล้ำค่าทั้งหมดที่กล่าวมาคือความหรูหราของที่นี่ภายในห้องน้ำชา ชายคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าหันหลังให้ฉัน และที่โต๊ะน้ำชาด้านหลังยังมีหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้นั่งอยู่ เธอสวมชุดกี่เพ้าที่ปักด้วยลายไม้ไผ่เซียงเฟยสาวงามนั้นอายุเพียงสิบห้าสิบหก เธอมีฝีมือกาชงชาที่ล้ำเลิศ และการเคลื่อนไหวของเธอก็ช่างงดงามจนยากที่จะละสายตาไปได้เริ่นเจิ้งเต๋อเอ่ย “ท่านครับ ผมพาเธอมาแล้ว”“ดีมาก ทำงานได้ดีไร้ที่ติจริง ๆ” ชายหนุ่มยืนขึ้น เขาสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ และรูปร่างหล่อเหลา แถมยังมีกลิ่นยาจาง ๆ ติดอยู่ตามร่างกายแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปกปิดความเย่อหยิ่งในดวงตาของเขาได้ชายคนนี้มีพรสวรรค์ เขามีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเด็กและกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้รับคำชม ดังนั้นเขาจึงเย่อหยิ่งเล็กน้อย และชอบดูถูกคนอื่นแม้ว่าตอนนี้เขาจะยิ้มให้ฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ชอบฉันเลย อีกทั้งแววตาของ
ตอนนี้ฉันยังไม่มีอำนาจ ถ้าหากเข้าร่วมสมาคมก็คงดีแต่เดี๋ยวก่อน ฉันอ่านต่อไปด้านล่าง บางทีอาจมีหลุมพลางอยู่ด้านหลังก็ได้ฉันเลื่อนสายตาลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นข้อความหนึ่งบอกว่าถ้างานที่สมาคมมอบหมายให้ไม่สำเร็จ จะสามารถชดเชยได้ด้วยวิธีการปรุงยาหรือโอสถวิญญาณ มิเช่นนั้นจะได้รับลงโทษที่รุนแรงนี่มันขี้โกงสุด ๆ ถ้าผู้ที่อยู่ในระดับสูงอยากได้ยาในมือของใครสักคน ก็แค่มอบหมายให้ทำภารกิจที่ไม่มีทางทำได้ให้ แล้วเขาก็จะได้ยาของคนคนนั้นไปใช่ไหม?และด้านหลังยังกำหนดอีกว่า เมื่อเข้าร่วมสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วจะต้องไม่ถอนตัวออก ไม่เช่นนั้นจะถือเป็นการทรยศ ซึ่งจะถูกบีบคั้นจากสมาคมทั้งหมด และจะไม่สามารถตั้งหลักในจีนได้อีกสมาคมแบบนี้ ถ้าฉันเข้าร่วมก็คงโง่เต็มที“คุณหยวนคิดเห็นเป็นเช่นไร?” แววตาของว่านจงอินฉายแววภาคภูมิใจ สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุหลายคน วิธีการปรุงยานั้นหาได้ยากยิ่ง แต่ตราบใดที่มีคะแนนอยู่ในสมาคมนั้นถือเป็นสิ่งล่อตาล่อใจอย่างมาก และคนส่วนใหญ่ไม่สามารถทนต่อการล่อตาล่อใจนี้ได้ฉันปิดเอกสารด้วยความเสียใจ “คุณว่าน เงื่อนไขนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ของฉันเข้มงวดมา
ฉันยื่นโทรศัพท์ไปข้างหน้าเขา ด้านในเป็นรูปถ่ายของคนหลายคนนอนกองอยู่ที่พื้น พร้อมร่างกายที่ฟกช้ำและบวมจากการทุบตีใบหน้าของว่านจงอินบูดบึ้งอย่างมากฉันวางโทรศัพท์ลง พลางเอ่ย “ในเมื่อนายมีความมั่นใจว่าสามารถแก้พิษที่ฉันทำไว้ได้ งั้นก็คงไม่ต้องพึ่งยาถอนพิษของฉันแล้วล่ะ ลาก่อน”ฉันหมุนตัวเดินกลับออกมา เริ่นเจิ้งเต๋อยังต้องการที่จะหยุดฉันไว้ แต่เขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่จุดถานจงเป็นอย่างมาก แขนขาของเขาอ่อนแรง จนไม่สามารถใช้กำลังภายในทั้งหมดได้ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องจากทางด้านหลัง และกาน้ำชาสีม่วงในมือของหญิงงามก็หล่นลงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยว่านจงอินยืนพิงกำแพงนิ่ง เขาจ้องมาที่ฉันอย่างดุเดือด “หยวนจุนเหยา เธอจะสู้กับสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุจริง ๆ ใช่ไหม?”“ฉันบอกแล้วว่านี่เป็นคำสั่งที่เข้มงวดของอาจารย์” ฉันตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “แต่นายต้องการจะพาตัวน้องชายของฉันไปและบังคับให้ฉันเข้าร่วมสมาคม แม้ว่าอาจารย์ของฉันจะไม่ได้สั่ง ฉันก็จะไม่มีวันเข้าร่วมสมาคมนี่เด็ดขาด”ในที่สุดฉันก็ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องนี้ได้ ทว่าเสียงที่เย็นชาดุจมีดและดุร้ายดุจงูของว่านจงอินยังลอยตามมา “แล้วเธอจะต้องเสียใ
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ