ฉันละความสนใจจากมันแวบหนึ่ง ก่อนจับมือของเขาและพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย “วางใจเถอะท่านประธาน ฉันจะต้องใจทำมันให้ดี เพื่อมารับรางวัลผู้มาใหม่ที่ดีที่สุดทุกปีแน่นอนค่ะ”มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่าง หูชิงหยูและคนอื่น ๆ กุมหน้าผากของเขาด้วยความเขินอายฉันกลับมานั่งที่เดิมและมองดูโสมอายุร้อยกว่าปี ในใจชื่นชอบเสียจนวางไม่ลง คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รางวัลล้ำค่าขนาดนี้มาขั้นตอนต่อไปคือการจัดสรรทรัพยากร รัฐมนตรีของเมืองชุนเฉิงรีบกล่าวในทันที “มีสำนักพิษทองคำในมณฑลหยุน ทางสำนักงานใหญ่ได้ออกคำสั่งให้สาขาชุนเฉิงของเราทำลายสำนักของพวกเขาภายในสิ้นปีนี้ ถ้าหากว่าลดทรัพยากรของเราลง ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อการปฏิบัติการ”ในขณะที่พูด เธอก็มองไปที่หูชิงหยูด้วยสายตาที่ร้ายกาจ “เมืองเฉิงซานที่ความปลอดภัยมั่นคงอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีสำนักที่ชั่วร้าย จะให้พวกเขาใช้ทรัพยากรมากมายได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้หญิงที่เล่นแร่แปรธาตุได้ด้วย”หูชิงหยูหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “หลี่เฟิง เธออย่ามาแก้ตัว ปีที่แล้วเมืองซานเฉิงของเราได้กำจัดหลิวเผยจื้อ มือสังหารที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ทำไมเธอไม่แบ่งทรัพยากรให้พวก
จุนเหยาอยากทานอาหารอย่างเงียบ ๆ แต่กลับมีคนเข้ามาคุยกับเธอตลอด ร่างเล็กไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดังนั้นจึงสามารถยิ้มและคุยกับพวกเขาทีละคนได้สายตาของคนพวกนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ พวกเขามักจะถามเกี่ยวกับเรื่องยา ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ฉันเลยได้แต่ยิ้มตอบโดยที่ไม่พูดคำอื่นใดในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของหลี่เฟิงก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอหยิบมันขึ้นมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีเธอหันไปพูดกับท่านประธานพิเศษสกุลฟางว่า “มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ห้างโลตัสใจกลางเมือง ฉันอยากขอให้คุณหยวนช่วยเราคลี่คลายปัญหานี้เป็นการชั่วคราว”ท่านประธานพิเศษสกุลฟางขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ร้ายแรงไหม?”“ร้ายแรงมาก” หลี่เฟิงขมวดคิ้วและสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “มีผู้คนเกือบร้อยคนล้มป่วย กรมป้องกันการแพร่ระบาดได้ปิดกั้นทางเข้าออกของห้างสรรพสินค้า แต่สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง มันไม่ใช่โรคระบาดธรรมดา แต่อาจเป็นยาพิษปริศนา”สีหน้าของท่านประธานพิเศษเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นจึงยืนขึ้นและพูดว่า “สำนักพิษทองคำ?”หลี่เฟิงพยักหน้าตอบ “เป็นไปได้สูง”ท่านประทานพิเศษสกุลฟางหันมาทางฉัน “คุณหยวน คุณมีความเห็นในสถานการณ์นี้อย่างไร?”
หมอคนนั้นพูดด้วยความกังวล “นี่มัน เป็นไปไม่ได้ นี่คือกลลวงตาของเธอ พวกเราได้ส่องกล้องตรวจลำไส้ เอ็กซ์เรย์ ซีทีแสกน แม้กระทั่งการผ่าตัดผ่านกลองในช่องท้องของผู้ป่วย แต่กลับไม่พบอะไรเลย” “การรักษาแผนปัจจุบันไม่สามารถตรวจเจอพิษปริศนาได้” ฉันเอ่ย “ถ้าไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าแมลงพวกนั้นมาจากไหน?”หมอได้แต่จับเส้นผมของตัวเองไปมา เรื่องเหล่านี้ทำให้โลกทัศน์ของเขาพังทลายไปหลายสิบปีฉันไม่สนใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดห้องไลฟ์สดอย่างเงียบ ๆ ฉันไม่ได้บรรยายให้ทุกคนฟัง เพียงแต่กดปุ่มถ่ายเงียบ ๆ เท่านั้นคนแรกที่เข้ามาคือหวางลู่จือ และคนที่สองก็คือราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง ฉันตื่นเต้นมาก ในที่สุดราชาตัวจริงก็ออกมาราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดว่า “นังหนู เธอก้าวหน้าแล้วเหรอ? ขั้นที่หนึ่งระดับกลางใช่ไหม? ความเร็วของเธอค่อนข้างช้ากว่าคนอื่น แต่ตอนนี้พลังปราณแห่งโลกมนุษย์กำลังอ่อนแอ ก็นับว่าทำได้ไม่เลว”ฉันแสร้งทำเป็นดูอาการของคนไข้รายอื่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงต่ำลง “ราชาตัวจริง ตอนนี้คุณเลื่อนขั้นด้วยเหรอ?”ราชาแห่งตัวจริงเจิ้งหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้ามองจากรากฐานของฉันในตอนนี้ คงยากที่จะก้าวหน้า
ผู้พันเจิงหัวเราะเยาะสองครั้ง “เรื่องสาเหตุของการเจ็บป่วยน่ะคุณพูดถูก แต่น่าเสียดายที่มีคนรู้มานานแล้ว”ฉันขมวดคิ้วมองเสี่ยวฉินที่อยู่ข้าง ๆ ผู้พันเจิง แต่เขากลับหลบสายตาฉันทุกคนในหน่วยซานเฉิงโกรธมาก เสี่ยวหลินเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ก็เห็นชัดอยู่ว่าคุณหยวนเป็นคนแรกที่พบสาเหตุของการป่วย เสี่ยวฉิน เมื่อกี้คุณก็ได้ยินเธอพูดไม่ไช่เหรอ คุณเลยวิ่งไปหาผู้พันเจิงเพื่อขอความดีความชอบสินะ?”ผู้พันเจิงมีสีหน้าเข้มขึ้น “เดิมทีหมอฉินมาจากหุบเขาโอสถราชัน เขาเป็นศิษย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากฉินจื้อเจินแพทย์แผนจีนมือหนึ่งของประเทศ แล้วคุณล่ะเป็นใครกัน? มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ไหม? แล้วเป็นลูกศิษย์ของใคร? จบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ไหน?”ขณะเดียวกันหลี่เฟิงก็เหยียดยิ้มออกมา “ฉันได้ยินมาว่าคุณหยวนจบการศึกษาแค่ระดับมัธยมปลายไม่ใช่เหรอ?”“อะไรนะ? เรียนจบแค่มัธยมปลายจิ๊บจ๊อยแล้วยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างเต็มที่อีกเหรอ?” ผู้พันเจิงมีสีหน้าน่าอับอาย “เมืองซานเฉิงของพวกคุณช่างไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย ยังคุณมัวยืนงงอยู่ที่นี่ทําไมอีก? ยังไม่รีบออกไปอีกเหรอ?”ฉันมองไปที่หลี่เฟิงผู้ภาคภูมิใจแล
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากด้านหลัง มีบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคนถูกหนอนเจาะเข้าไปในร่างกาย เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือล้วนหวาดกลัวจนวิ่งหนีไป และไม่กล้าเข้ามาอีกเสี่ยวฉินเห็นคนเหล่านั้นล้มกลิ้งไปตามพื้นและกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาจึงคิดได้ว่าตัวเองนั้นคิดผิดไปเสียแล้ว และผิดอย่างมหันต์ด้วยเขาเป็นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงของฉินจื้อเจินหมอมือหนึ่งของประเทศ ถ้าเขาสามารถสร้างคุณงามความดีในการยับยั้งการระบาดของโรคนี้ได้ อาจารย์จะต้องมองเขาใหม่และยกยอเขามากกว่าเดิม อีกทั้งไม่แน่ว่าท่านอาจจะรับเขาเป็นศิษย์เข้าไปประจำในสํานักเลยก็เป็นได้ดังนั้นเขาจึงคิดแย่งคุณงามความดีของคนอื่นไป เดิมทีเขาคิดว่าขอเพียงแค่หาสาเหตุของโรคได้ ทางเรามีหมอมากมายขนาดนี้ ก็ต้องหาทางรักษาได้อยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหมอที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศเหล่านี้ กลับอับจนหนทางราวหมาจนตรอก“จริงสิ! อาจารย์!” เขาตบหน้าผากเบา ๆ พลางกล่าว “อาจารย์จะต้องช่วยคนเหล่านี้ได้แน่นอน ฉันจะไปหาอาจารย์”เขาวิ่งออกจากเต็นท์อย่างรีบร้อน แต่กลับมีทหารสองคนถือปืนเล็งไปที่เขาเสียก่อน“พวกคุณหลีกทางไป!” เขาตะโกนลั่
ผู้พันเจิงตกตะลึงอีกทั้งรัฐมนตรีหลี่และผู้บริหารระดับสูงของแผนกป้องกันโรคระบาดในเมืองที่เดินตามหลังเขามา ก็ต่างพากันตกตะลึงเช่นกันฉันเดินไปหาเสี่ยวฉินที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด ท้องของเขาป่องขึ้นเหมือนหญิงสาวที่ตั้งครรภ์ได้เกือบสิบเดือนมือเรียวจับคอเสื้อของเขาไว้และดันให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง จากนั้นก็กรอกยาถอนพิษเก้าวงแหวนเข้าไปในปากของเขาตัวยาวิเศษละลายเข้าไปในปากและไหลเข้าไปในกระเพาะของเขา ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็มีเสียงกรีดร้องแปลก ๆ ดังออกมาจากท้องของเสี่ยวฉินเสียงนั้นเหมือนเสียงของผู้หญิง แถมยังเหมือนเสียงของทารกอีกด้วย เสียงที่ดังออกมาจากท้องของคนเป็น ทําเอาฉันขนลุกขนพองไม่หยุดร่างของเสี่ยวฉินสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากกว้างคายบางสิ่งที่มีสีดำออกมามากมาย ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่ชวนให้อาเจียน ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนยวบและหมดสติไปขาเรียวเดินไปหาบุคลากรทางการแพทย์คนอื่น ๆ และให้พวกเขากินยาคนละเม็ด แต่ยังเหลือยาอีกสองเม็ด เธอจึงให้คนไข้สองคนที่ป่วยหนักที่สุดกิน พวกเขาต่างคายของบางอย่างที่มีสีดําสนิทเหมือนยางมะตอยออกมา จากนั้นก็สลบไป และท้องที่ป่องก็ก
“ไม่สนใจ” ฉันตอบพร้อมสะบัดมือ เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและพยายามโน้มน้าว “คุณหยวน อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิครับ นี่เป็นเรื่องที่ดีนะ ลองคิดดูอีกทีนะครับ”“ฉันไม่ชอบถูกบังคับ” จุนเหยาเอนหลังพิงโซฟาอย่างอ่อนแรง ทันใดนั้นคําเตือนของหวางหลูจือก็ดังขึ้นข้างหู “ระวัง! เขาเป็นกู่ซือ!”ฉันตกใจหวาดหวั่น ก่อนจะหันไปเห็นบางสิ่งกําลังคลานขยุกขยิกอยู่ในแขนเสื้อของทหารคนนั้น มันกลิ้งตกลงมาจากบนโซฟา ฉันจึงตะโกนขึ้น “เขาคือกู่ซือ เขาปล่อยหนอนพิษออกมาแล้ว!”สีหน้าของเสี่ยวหลินเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาบิดข้อมือ มีดปลายแหลมก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา มือหนายกขึ้นแทงมีดไปทางนายทหาร พลันงูพิษก็ถูกยิงออกมาจากแขนเสื้อของเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล้วพุ่งเข้าใส่เสี่ยวหลินหวางหลูจือกล่าว “นี่คืองูปล้องเงินปล้องทอง หากสัมผัสร่างกายพวกมัน จะตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย นังหนู ใช้สีชาดของเธอสิ!”มือเรียวคว้าสีชาดขึ้นมาโรยลงบนร่างของเสี่ยวหลิน ผงสีแดงฉานโปรยจนเต็มตัวเขาไปหมดเมื่องูปล้องเงินปล้องทองตกลงบนร่างของเสี่ยวหลิน ควันดําก็พวยพุ่งออกมาอย่างเร็วฉันพุ่งเข้าไปคว้าสีชาดมาสาดใส่งูพิษอีกครั้ง งูพิษจึงร่วงหล่นลงสู่พื้น พวกมันด
ฉันส่ายหัว “มันเป็นคาถาที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ในช่วงเวลาหนึ่งค่ะ”“แล้วเซี่ยหมินคนนั้น…ผู้ใต้บังคับบัญชาของผม…”“ฉันเกรงว่าโอกาสรอดน่าจะยากค่ะ” ฉันกล่าวผู้พันเจิงแสดงสีหน้าเศร้าโศกเสียใจ เขาหันกลับไปต่อยประตูกระจกที่อยู่ด้านข้าง ประตูกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ และยังแตกแบบละเอียดมากอีกด้วยฉันแอบตกใจ ผู้พันเจิงคนนี้ต้องเป็นยอดฝีมือระดับหัวจินอย่างแน่นอนมือเรียวกรีดท้องของกู่ซือออก ก่อนจะยื่นมือออกไปกวนข้างใน และจับหนอนขนาดเท่าแขนของทารกออกมาหนอนตัวนั้นมีความยาวหนึ่งเมตรเหมือนงู แต่ทั้งตัวเป็นสีขาวและยังคงดิ้นขยุกขยิกไม่หยุด“ไปเอาหม้อดินเผามา” ฉันตะโกนทันใดนั้นก็มีคนหยิบหม้อดินเผามาหนึ่งใบ ฉันใช้สีชาดทาลงบนตัวของนางพญาหนอนแล้วโยนมันลงไปในหม้อดินเผา จากนั้นก็วาดยันต์และโยนมันลงไปเช่นกัน สุดท้ายก็ปิดผนึกไว้ด้วยกระดาษเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากหม้อดินเผา มันฟังดูเหมือนเสียงผู้หญิงที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ พอได้ยินแล้วก็รู้สึกชาไปทั้งตัวพักหนึ่งเสียงกรีดร้องก็ค่อย ๆ เงียบหายไป ร่างบางจึงเปิดหม้อดินเผาและพบว่าหนอนที่อยู่ในนั้นหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงหม้อดินเท่านั้