ผู้พันเจิงตกตะลึงอีกทั้งรัฐมนตรีหลี่และผู้บริหารระดับสูงของแผนกป้องกันโรคระบาดในเมืองที่เดินตามหลังเขามา ก็ต่างพากันตกตะลึงเช่นกันฉันเดินไปหาเสี่ยวฉินที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด ท้องของเขาป่องขึ้นเหมือนหญิงสาวที่ตั้งครรภ์ได้เกือบสิบเดือนมือเรียวจับคอเสื้อของเขาไว้และดันให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง จากนั้นก็กรอกยาถอนพิษเก้าวงแหวนเข้าไปในปากของเขาตัวยาวิเศษละลายเข้าไปในปากและไหลเข้าไปในกระเพาะของเขา ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็มีเสียงกรีดร้องแปลก ๆ ดังออกมาจากท้องของเสี่ยวฉินเสียงนั้นเหมือนเสียงของผู้หญิง แถมยังเหมือนเสียงของทารกอีกด้วย เสียงที่ดังออกมาจากท้องของคนเป็น ทําเอาฉันขนลุกขนพองไม่หยุดร่างของเสี่ยวฉินสั่นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากกว้างคายบางสิ่งที่มีสีดำออกมามากมาย ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่ชวนให้อาเจียน ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนยวบและหมดสติไปขาเรียวเดินไปหาบุคลากรทางการแพทย์คนอื่น ๆ และให้พวกเขากินยาคนละเม็ด แต่ยังเหลือยาอีกสองเม็ด เธอจึงให้คนไข้สองคนที่ป่วยหนักที่สุดกิน พวกเขาต่างคายของบางอย่างที่มีสีดําสนิทเหมือนยางมะตอยออกมา จากนั้นก็สลบไป และท้องที่ป่องก็ก
“ไม่สนใจ” ฉันตอบพร้อมสะบัดมือ เขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นและพยายามโน้มน้าว “คุณหยวน อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิครับ นี่เป็นเรื่องที่ดีนะ ลองคิดดูอีกทีนะครับ”“ฉันไม่ชอบถูกบังคับ” จุนเหยาเอนหลังพิงโซฟาอย่างอ่อนแรง ทันใดนั้นคําเตือนของหวางหลูจือก็ดังขึ้นข้างหู “ระวัง! เขาเป็นกู่ซือ!”ฉันตกใจหวาดหวั่น ก่อนจะหันไปเห็นบางสิ่งกําลังคลานขยุกขยิกอยู่ในแขนเสื้อของทหารคนนั้น มันกลิ้งตกลงมาจากบนโซฟา ฉันจึงตะโกนขึ้น “เขาคือกู่ซือ เขาปล่อยหนอนพิษออกมาแล้ว!”สีหน้าของเสี่ยวหลินเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาบิดข้อมือ มีดปลายแหลมก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา มือหนายกขึ้นแทงมีดไปทางนายทหาร พลันงูพิษก็ถูกยิงออกมาจากแขนเสื้อของเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล้วพุ่งเข้าใส่เสี่ยวหลินหวางหลูจือกล่าว “นี่คืองูปล้องเงินปล้องทอง หากสัมผัสร่างกายพวกมัน จะตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย นังหนู ใช้สีชาดของเธอสิ!”มือเรียวคว้าสีชาดขึ้นมาโรยลงบนร่างของเสี่ยวหลิน ผงสีแดงฉานโปรยจนเต็มตัวเขาไปหมดเมื่องูปล้องเงินปล้องทองตกลงบนร่างของเสี่ยวหลิน ควันดําก็พวยพุ่งออกมาอย่างเร็วฉันพุ่งเข้าไปคว้าสีชาดมาสาดใส่งูพิษอีกครั้ง งูพิษจึงร่วงหล่นลงสู่พื้น พวกมันด
ฉันส่ายหัว “มันเป็นคาถาที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ในช่วงเวลาหนึ่งค่ะ”“แล้วเซี่ยหมินคนนั้น…ผู้ใต้บังคับบัญชาของผม…”“ฉันเกรงว่าโอกาสรอดน่าจะยากค่ะ” ฉันกล่าวผู้พันเจิงแสดงสีหน้าเศร้าโศกเสียใจ เขาหันกลับไปต่อยประตูกระจกที่อยู่ด้านข้าง ประตูกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ และยังแตกแบบละเอียดมากอีกด้วยฉันแอบตกใจ ผู้พันเจิงคนนี้ต้องเป็นยอดฝีมือระดับหัวจินอย่างแน่นอนมือเรียวกรีดท้องของกู่ซือออก ก่อนจะยื่นมือออกไปกวนข้างใน และจับหนอนขนาดเท่าแขนของทารกออกมาหนอนตัวนั้นมีความยาวหนึ่งเมตรเหมือนงู แต่ทั้งตัวเป็นสีขาวและยังคงดิ้นขยุกขยิกไม่หยุด“ไปเอาหม้อดินเผามา” ฉันตะโกนทันใดนั้นก็มีคนหยิบหม้อดินเผามาหนึ่งใบ ฉันใช้สีชาดทาลงบนตัวของนางพญาหนอนแล้วโยนมันลงไปในหม้อดินเผา จากนั้นก็วาดยันต์และโยนมันลงไปเช่นกัน สุดท้ายก็ปิดผนึกไว้ด้วยกระดาษเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากหม้อดินเผา มันฟังดูเหมือนเสียงผู้หญิงที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ พอได้ยินแล้วก็รู้สึกชาไปทั้งตัวพักหนึ่งเสียงกรีดร้องก็ค่อย ๆ เงียบหายไป ร่างบางจึงเปิดหม้อดินเผาและพบว่าหนอนที่อยู่ในนั้นหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงหม้อดินเท่านั้
ในปีนั้นหูชิงหยูมีพรสวรรค์ด้านพลังจิตสูงมาก และเคยได้รับการเลี้ยงดูในฐานะผู้สืบทอด แต่น่าเสียดายที่ต่อมาเขาได้รับบาดเจ็บ จึงต้องออกจากการเลือกตั้ง และถูกส่งไปเป็นรัฐมนตรีของสาขาเมืองซานเฉิงฉันแอบตกใจ ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางส่งคนใหญ่คนโตเช่นนี้มาได้ อำนาจและฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนสวนชั้นบนสุดของโรงแรมถูกออกแบบให้เป็นสไตล์เอเชียใต้ที่มีเสน่ห์ และยังมีสระว่ายน้ำอีกด้วย ฉันมาถึงประตู ก่อนพบว่ามีนักข่าวเฉพาะกิจและรัฐมนตรีสาขาตะวันตกเฉียงใต้หลายคนกําลังรออยู่ที่ทางเข้า ใบหน้าของหูชิงหยูดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อยเสี่ยวหลินเอ่ย “คุณหยวน เชิญครับ”ฉันเดินเข้าไปในสวน ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งในชุดสูทสีขาวเงินยืนหันหลังให้ฉัน เขาไม่ได้สวมเสื้อโค้ท ท่าทีของเขาดูสูงสง่าและสมบูรณ์แบบมาก“พันโทเหลย” ฉันพูดเสียงเบา “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหยวนจุนเหยา”เหลยเจี๋ยหันกลับมา หน้าตาเขาไม่ได้หล่อมาก แต่เขามีความเป็นผู้ชายสูง“คุณหยวน ผมได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน” เขายิ้มพลางเดินเข้ามาจับมือฉัน คนใหญ่คนโตที่เข้าถึงได้ง่ายขนาดนี้ทําให้ฉันรู้สึกปลื้มปริ่มใจเล็กน้อย“ริชาร์ดเฮนเนสซี่เก้าสิบห้าปี” เขาห
“ตอนนี้เป็นยุคแห่งสันติภาพ” หยินเฉิงเหยาตอบ “แวมไพร์มากมายขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะบอกว่าฆ่าก็ฆ่าได้เลยหรอก ขอเพียงพวกเขาไม่ทําความชั่วร้าย รัฐบาลจีนก็จะอนุญาตให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อ”ฉันกุมขมับ “งั้นฉันก็โชคร้ายจริง ๆ ที่ได้พบกับแวมไพร์ชั่วร้ายในห้องน้ำ”ฉันฝืนยิ้มให้เขา “แต่บังเอิญจริง ๆ เลยนะ นี่นายกําลังจะกลับหุบเขาโอสถราชันเหรอ?”“ฉันมาหาเธอ” เฉิงเหยามองจุนเหยาไม่ละสายขาเรียวก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว “นายน้อยหยินมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”“ได้ยินมาว่าเธอทําเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะท้านดินที่เมืองชุนเฉิงเหรอ?” เขาถามฉันขมวดคิ้ว “เร็วอะไรขนาดนี้ ทุกคนรู้กันหมดแล้วเหรอ?”เขาหยิบการ์ดสีแอปริคอทออกมาจากเสื้อผ้าแล้วยื่นให้ฉัน “เธอปรุงยาถอนพิษเก้าวงแหวนระดับหนึ่งได้ สมาคมนักปรุงยาเลยอยากเชิญเธอให้มาเข้าร่วมสมาคมด้วย พวกเขาจึงขอให้ฉันเอาการ์ดเชิญมาให้เธอ”ฉันรับบัตรไว้ บัตรใบนั้นทําออกมาได้โบราณและสวยงามมาก“อย่ายอมรับคําเชิญ” ทว่าจู่ ๆ เขากลับเอ่ยออกมาแบบนั้น“ห๊ะ?” ฉันสับสนเล็กน้อย เขาจึงรีบอธิบายอย่างจริงจัง “ฉันเป็นสมาชิกของสมาคมนักปรุงยา ฉันเลยต้องมาส่งการ์ดเชิญแทนพวกเขา แ
จบประโยคฉันก็มุดตัวออกจากอ้อมแขนของเขา และวิ่งออกจากห้องน้ำไปทันทีทว่าทันทีที่ฉันเดินออกจากที่นั่น น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นมือหนาของใครบางคนก็คว้าแขนฉันไว้ ฉันจึงต่อยออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ถูกจับไว้แน่นกว่าเดิมเสียอีก “จุนเหยา เกิดอะไรขึ้น?”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นถังหมิงหลี น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น “ฉัน ฉันไม่เป็นไร”“ร้องไห้ขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ?” เขาเชิดคางขึ้นแล้วมองไปที่ด้านหลังของฉัน แววตาพลันคมเปลี่ยนเป็นสายตาอันตรายทันทีหยินเฉิงเหยาไล่ตามมาถังหมิงหลีจึงดึงฉันไว้ข้างหลังและจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “นายทําอะไรจุนเหยา?”แววตาของหยินเฉิงเหยาฉายแววชั่วร้ายออกมาไม่น้อย “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย? นายเป็นอะไรกับเธอ?”ถังหมิงหลีขบฟัน “เธอเป็นผู้หญิงของฉัน”นัยน์ตาของหยินเฉิงเหยาเดือดดาลราวกับมีพายุพัดโหมกระหน่ำ เขาโกรธสุดขีดแต่กลับหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียดกระดูก “หึ หึ ดูท่า ถ้าฉันต้องการเธอ ฉันคงต้องเอาชนะนายก่อนสินะ”พลันมีแสงสีทองเส้นหนึ่งปรากฏออกมาจากแขนเสื้อของเขา มันแข็งตัวแปลงเป็นอาวุธรูปงู หยินเฉิงเหยาชักมีดสั้นเล่มนั้นออก
ถังหมิงหลีเริ่มอธิบาย “มีคนส่งภาพวาดสาวงามมาให้ฉัน ว่ากันว่าภาพวาดนี้เป็นผลงานของราชวงศ์ถัง เมื่อสามเดือนก่อน มีการประมูลที่ฮ่องกงเสนอขายมันจนได้ราคาสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้าน และมีคนอยากที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากฉันส่งมันมาให้ จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องสาวงามขนาดนั้น แต่พอคิดว่าจะเอามาให้เธอไว้ถ่ายไลฟ์สด ก็เลยใจอ่อนรับไว้”ฉันรีบเอ่ยถามทันที “แล้วแต่ละคืนที่ผ่านมานายเห็นสาวงามบ้างไหม?”ถังหมิงหลีหัวเราะลั่น “ภาพวาดถูกทิ้งไว้ในบ้านพักตากอากาศ ฉันไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ฉันจะเจอสาวงามได้ยังไง? แต่ถ้าเธอสนใจ เราจะไปที่นั่นกันเดี๋ยวนี้เลย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ร่าเริงอย่างปกปิดไม่มิดเรามุ่งหน้าไปยังบ้านพักตากอากาศของเขา ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นบางอย่างลอยออกมากลิ่นนั้นแปลกมาก มันเหมือนน้ำหอมผสมบางชนิด ทั้งกลิ่นดอกไม้ ทั้งกลิ่นของเครื่องเทศต่าง ๆ แต่กลิ่นอ่อนมากจนแทบจะไม่มีกลิ่นเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นพอดี จุนเหยาก็เอาวัตถุดิบต่าง ๆ ออกจากตู้เย็นและทําอาหารสำหรับสองคน ทันทีที่ถังหมิงหลีเห็นอาหาร สายตาของเขาก็เปล่งประกายพอใจและกินจ
ในห้องไลฟ์สดมีเสียงดังโวยวายผ่านม่านกระสุนออกมาไม่หยุด ฉันจึงเอ่ยว่า “ทุกคนคะ พวกเรากลับมาประเด็นนี้กันก่อน สนใจภาพวาดสาวงามนี่หน่อย”ฉันเล่าความเป็นมาของภาพวาดสาวงาม พลางเอื้อมมือออกไปลูบกระดาษวาดภาพเบา ๆ “มันน่าทึ่งมาก สัมผัสนี้เหมือนผิวของมนุษย์จริง ๆ ทั้งเรียบเนียนและอ่อนนุ่มมาก แถมยังมีอุณหภูมิเล็กน้อยด้วย”[กระดาษวาดรูปที่ทําจากหนังมนุษย์นี่น่าขยะแขยงมาก][เชอะ ถ้ารังเกียจขยะแขยงมากก็ไม่ต้องไปมองมันสิ ][หยุดเสแสร้งได้แล้ว ของสิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษหนังแกะ]“ตอนนี้พวกเรากำลังจะเปิดภาพวาดสาวงาม มาดูกันว่าภาพวาดนั้นจะสวยงามสักแค่ไหนเชียว” ฉันปลดเชือกสีแดงที่ผูกไว้และเปิดภาพวาดสาวงามออกอย่างช้า ๆก่อนจะเห็นหญิงงามไร้ใครเปรียบได้คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนภาพวาด หล่อนดูอวบอิ่มแต่ไม่อ้วน และแต่งกายด้วยชุดในสมัยราชวงศ์ถัง บนศีรษะมวยผมขึ้นสูง ริมฝีปากแดงเล็กน้อย สองแก้มมีลักยิ้มน่ามอง ส่วนดวงตาก็งดงามน่าชมฉันเห็นแล้วถึงกับใจลอย “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้”ถังหมิงหลีเผยสีหน้าไม่แยแส พลันเอ่ย “ก็งั้นงั้นแหละ”[จอมเผด็จการ เกือบจะดีแล้วแท้ ๆ เสแสร้งอีกหน