จบประโยคฉันก็มุดตัวออกจากอ้อมแขนของเขา และวิ่งออกจากห้องน้ำไปทันทีทว่าทันทีที่ฉันเดินออกจากที่นั่น น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นมือหนาของใครบางคนก็คว้าแขนฉันไว้ ฉันจึงต่อยออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ถูกจับไว้แน่นกว่าเดิมเสียอีก “จุนเหยา เกิดอะไรขึ้น?”ร่างบางเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นถังหมิงหลี น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น “ฉัน ฉันไม่เป็นไร”“ร้องไห้ขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ?” เขาเชิดคางขึ้นแล้วมองไปที่ด้านหลังของฉัน แววตาพลันคมเปลี่ยนเป็นสายตาอันตรายทันทีหยินเฉิงเหยาไล่ตามมาถังหมิงหลีจึงดึงฉันไว้ข้างหลังและจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “นายทําอะไรจุนเหยา?”แววตาของหยินเฉิงเหยาฉายแววชั่วร้ายออกมาไม่น้อย “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย? นายเป็นอะไรกับเธอ?”ถังหมิงหลีขบฟัน “เธอเป็นผู้หญิงของฉัน”นัยน์ตาของหยินเฉิงเหยาเดือดดาลราวกับมีพายุพัดโหมกระหน่ำ เขาโกรธสุดขีดแต่กลับหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียดกระดูก “หึ หึ ดูท่า ถ้าฉันต้องการเธอ ฉันคงต้องเอาชนะนายก่อนสินะ”พลันมีแสงสีทองเส้นหนึ่งปรากฏออกมาจากแขนเสื้อของเขา มันแข็งตัวแปลงเป็นอาวุธรูปงู หยินเฉิงเหยาชักมีดสั้นเล่มนั้นออก
ถังหมิงหลีเริ่มอธิบาย “มีคนส่งภาพวาดสาวงามมาให้ฉัน ว่ากันว่าภาพวาดนี้เป็นผลงานของราชวงศ์ถัง เมื่อสามเดือนก่อน มีการประมูลที่ฮ่องกงเสนอขายมันจนได้ราคาสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบล้าน และมีคนอยากที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากฉันส่งมันมาให้ จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องสาวงามขนาดนั้น แต่พอคิดว่าจะเอามาให้เธอไว้ถ่ายไลฟ์สด ก็เลยใจอ่อนรับไว้”ฉันรีบเอ่ยถามทันที “แล้วแต่ละคืนที่ผ่านมานายเห็นสาวงามบ้างไหม?”ถังหมิงหลีหัวเราะลั่น “ภาพวาดถูกทิ้งไว้ในบ้านพักตากอากาศ ฉันไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ฉันจะเจอสาวงามได้ยังไง? แต่ถ้าเธอสนใจ เราจะไปที่นั่นกันเดี๋ยวนี้เลย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ร่าเริงอย่างปกปิดไม่มิดเรามุ่งหน้าไปยังบ้านพักตากอากาศของเขา ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นบางอย่างลอยออกมากลิ่นนั้นแปลกมาก มันเหมือนน้ำหอมผสมบางชนิด ทั้งกลิ่นดอกไม้ ทั้งกลิ่นของเครื่องเทศต่าง ๆ แต่กลิ่นอ่อนมากจนแทบจะไม่มีกลิ่นเมื่อถึงเวลาอาหารเย็นพอดี จุนเหยาก็เอาวัตถุดิบต่าง ๆ ออกจากตู้เย็นและทําอาหารสำหรับสองคน ทันทีที่ถังหมิงหลีเห็นอาหาร สายตาของเขาก็เปล่งประกายพอใจและกินจ
ในห้องไลฟ์สดมีเสียงดังโวยวายผ่านม่านกระสุนออกมาไม่หยุด ฉันจึงเอ่ยว่า “ทุกคนคะ พวกเรากลับมาประเด็นนี้กันก่อน สนใจภาพวาดสาวงามนี่หน่อย”ฉันเล่าความเป็นมาของภาพวาดสาวงาม พลางเอื้อมมือออกไปลูบกระดาษวาดภาพเบา ๆ “มันน่าทึ่งมาก สัมผัสนี้เหมือนผิวของมนุษย์จริง ๆ ทั้งเรียบเนียนและอ่อนนุ่มมาก แถมยังมีอุณหภูมิเล็กน้อยด้วย”[กระดาษวาดรูปที่ทําจากหนังมนุษย์นี่น่าขยะแขยงมาก][เชอะ ถ้ารังเกียจขยะแขยงมากก็ไม่ต้องไปมองมันสิ ][หยุดเสแสร้งได้แล้ว ของสิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษหนังแกะ]“ตอนนี้พวกเรากำลังจะเปิดภาพวาดสาวงาม มาดูกันว่าภาพวาดนั้นจะสวยงามสักแค่ไหนเชียว” ฉันปลดเชือกสีแดงที่ผูกไว้และเปิดภาพวาดสาวงามออกอย่างช้า ๆก่อนจะเห็นหญิงงามไร้ใครเปรียบได้คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนภาพวาด หล่อนดูอวบอิ่มแต่ไม่อ้วน และแต่งกายด้วยชุดในสมัยราชวงศ์ถัง บนศีรษะมวยผมขึ้นสูง ริมฝีปากแดงเล็กน้อย สองแก้มมีลักยิ้มน่ามอง ส่วนดวงตาก็งดงามน่าชมฉันเห็นแล้วถึงกับใจลอย “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้”ถังหมิงหลีเผยสีหน้าไม่แยแส พลันเอ่ย “ก็งั้นงั้นแหละ”[จอมเผด็จการ เกือบจะดีแล้วแท้ ๆ เสแสร้งอีกหน
พวกเราสองคนวิ่งออกไปได้เพียงสองก้าว ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดูดอันทรงพลังที่ดูดรั้งพวกเราเอาไว้และดึงกลับไปข้างหลังร่างของเราหมุนเคว้งไปชั่วขณะ และก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่เมื่อจิตวิญญาณของพวกเรากลับมา ก็พบว่าเราสองคนกำลังนอนอยู่บนกระดานไม้และมีพระจันทร์เต็มดวงอยู่บนหัว ทำให้โลกทั้งดูเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง“แอดมิน” ถังหมิงหลีเอื้อมมือออกมาช่วยฉัน “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ฉันลูบไหล่ที่รู้สึกเจ็บจี๊ดช้า ๆ “ฉันไม่เป็นไร ที่นี่คือ...ที่ไหน?”ที่นี่คือลานบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งรอบ ๆ เป็นบ้านที่สร้างด้วยไม้และที่กลางลานบ้านมีต้นหลิวสูงใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง กิ่งของต้นหลิวทิ้งตัวลงมาเปรียบเหมือนม่านผืนใหญ่สีเขียวมรกตฉันรู้สึกตกใจมาก บ้านหลังนี้และของตกแต่งข้างในดูเหมือนสไตล์ของสมัยราชวงศ์ถังไม่มีผิด“พวกเราอยู่ในภาพวาดเหรอ?”ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วพบว่าการไลฟ์สดยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้ม่านกระสุนพุ่งท่วมหน้าจอแล้ว[แอดมินข้ามมิติไปแล้ว?][ข้ามมิติอะไรกัน ก็เห็นอยู่ว่าเข้าไปในภาพวาดแล้ว][ในภาพวาดมีคนสวยอยู่ ฉันก็อยากเข้าไปในภาพวาด][คนข้างบนไม่กลัวตายจริง ๆ][ไม่เคยได้ยินสำนวนที่
ร่างนั้นดูผอมโทรมราวกับคนสูงอายุ ผิวหนังทั้งตัวของเขาแห้งเหี่ยวย่นยู่ยี่อยู่บนกระดูก และเบ้าตาก็จมลงโบ๋น่ากลัวฉันเอื้อมมือออกไปบีบกระดูกของเขาแล้วพูดด้วยความตกใจ “คนผู้นี้มีอายุกระดูกเพียงยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าปีเท่านั้น สารจำเป็นแห่งชีวิตของเขาหมดอายุไขแล้ว ร่างนี้จึงตายไปพร้อมกับดวงจิตภายใน”[สารจำเป็นแห่งชีวิตหมดอายุไข มันหมายความว่ายังไงเหรอ? แอดมินพูดภาษาคนอยู่ใช่ไหม?][งั้นไม่ใช่ว่าจอมเผด็จการจะเป็นอันตรายมากกว่าเดิมเหรอ?]ฉันค้นหาถังหมิงหลีอย่างเร่งรีบโดยเดินผ่านห้องรับแขกไปทีละห้อง ห้องหลายห้องล้วนมีศพของผู้ชาย พวกเขาต่างก็หมดสารจำเป็นแห่งชีวิตแล้วตายไป ไม่รู้ว่าผีผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในภาพวาดนี้ดูดสารจำเป็นแห่งชีวิตของผู้ชายไปเท่าไหร่แล้ว แต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เธอต้องแข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน “ฮิ ฮิ ฮิ” เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังขึ้นอย่างชัดเจน ในวังแห่งนี้เป็นเหมือนที่สิงสถิตของภูตผีปีศาจช่างดูน่ากลัวอย่างคาดเดาไม่ได้ฉันหันหน้ากลับมาและมองไปรอบ ๆ พร้อมเงี่ยหูฟังที่มาของเสียงแล้วเอนตัวพิงผนังช้า ๆเสียงหัวเราะดังออกมาจากในผนัง!ตุบ!เพียงเสี้ยววิก็มีมือกระดูกเอื้อมออกมา
“นังหนู ฉันจะสอนวิธีหนึ่งให้กับเธอ มันสามารถช่วยให้เธอออกมาจากภาพวาดนั้นได้” ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางกล่าว “ไม่ต้องสนใจเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว เธอช่วยเขาไม่ได้หรอก ถ้าเธอผลีผลามจู่โจมเข้าไป มีแต่จะปลิดชีวิตตัวเองเท่านั้น”ฉันกัดฟันและเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นว่า “ฉันเองก็กลัวตายนะคะ แต่ฉันจะไม่ทอดทิ้งเพื่อนแล้วหนีเอาตัวรอดเป็นอันขาด”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางหัวเราะออกมา “เป็นไงล่ะ หยินฉางเซิง ฉันบอกแล้วว่านังหนูน้อยไม่สามารถทอดทิ้งเด็กหนุ่มคนนั้นได้หรอก สายตาการมองคนของตาแก่อย่างฉันยังดีอยู่นะ นังหนูคนนี้ไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตายขนาดนั้น เธอไม่สนใจผลประโยชน์จนลืมคุณธรรมหรอก ดังนั้นก็ส่งศิลาพลังเก้าหยางก้อนนั้นมาให้ฉันได้แล้ว เอามา เอามาเร็ว ๆ เลย”“ฉันยินยอมรับความพ่ายแพ้” เสียงทุ้มราวเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งดังขึ้น “นังหนูคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ฉันเริ่มสนใจเธอขึ้นมาแล้วล่ะ”“งั้นนายก็สอนเธอซะ แล้วทำให้เธอก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปให้ได้” หวางหลูจือกล่าวเสียงเรียบ ฉันคิดในใจว่า คราวก่อนราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางบอกจะแนะนำให้เพื่อนเก่าของเขามาดูไลฟ์สดของฉัน อย่างนั้นหยินฉางเซิงผ
“หลังจากลอกผิวหนังออกแล้ว ก็ใช้เลือดของหญิงสาวปรับเปลี่ยนเป็นสีเพื่อทำภาพวาด และหลังจากที่วาดออกมาแล้ว ก็มีผู้ฝึกตนนอกรีตวาดฟูลู่ลงในไปภาพวาด ทำให้มันสามารถดูดซับพลังมืดระหว่างฟ้าดินได้” หยินฉางเซิงพูดต่อ “ดังนั้นภาพวาดสาวงามนี้จึงมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ถ้าต้องการทำลายมัน มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ใช้ได้”เขาหยุดไปครู่หนึ่งและพูดต่อ “นั่นคือการทำลายฟูลู่ที่อยู่ในภาพวาด”ฉันขมวดคิ้วพร้อมแอบคิดในใจ “แล้วฟูลู่นั้นมันอยู่ตรงไหนกัน?”ทันใดนั้นฉันก็คิดขึ้นได้ว่า ในห้องนั้นมีแก้วกะโหลกที่ประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่าต่าง ๆ อันหนึ่งวางอยู่ มันถูกหุ้มด้วยทองคำ และบนทองคำได้สลักลวดลายรูปแบบแปลก ๆ เอาไว้มากมายหรือว่าฟูลู่จะอยู่บนแก้วกะโหลกนั้น?ขาเรียวรีบหันหลังวิ่งไปในทันที ระหว่างทางพวกผู้ชายที่โดนผีผู้หญิงดูดสารจำเป็นแห่งชีวิตไปจนหมดต่างก็จับจ้องมองมาที่ฉัน ในสายตาที่ว่างเปล่าของพวกเขามีความอ้อนวอนปนอยู่เล็กน้อย พวกเขาขอร้องให้ฉันช่วยทำให้วิญญาณที่ถูกจองจำมาหลายร้อยปีหลุดออกไปจากที่นี่ และเข้าไปยังยมโลกเพื่อกลับมาเกิดใหม่เมื่อกลับมาถึงห้องแรกที่ฉันหับหมิงหลีเข้ามา มือเรียวก็รีบผลักประตูออ
ถังหมิงหลีลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นว่าเป็นฉัน รอยยิ้มมึนงงของเขาก็โผล่ขึ้นมา พร้อมกอดฉันไว้แน่น “เมื่อกี้เธอหายไปไหนมา? เธอหายไปนานจนฉันกังวลไปหมด”ฉันรู้สึกร้อนใจ เพราะเรากำลังอยู่ต่อหน้าผู้ชมหลายสิบล้านคนร่าบางจึงฟาดมือไปยังใบหน้าของเขา เสียงตบของฝ่ามือดังจนทำให้เขานิ่งอึ้งไป“เธอ...ตบฉันทำไม?” เขาถามด้วยความงงงวย “ฉันทำอะไรไม่ดี?”“นายรีบตื่นได้แล้ว” ฉันพูดอย่างร้อนใจ “คนที่ยั่วยวนนายเมื่อกี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นผีผู้หญิง!”“อะไรนะ?” เขาตกใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็รีบยืนขึ้นและจับหน้าผากของตนเองราวกับคนปวดหัว“คือ...” ฉันกระซิบถามอย่างทนไม่ไหว “นายกับผีผู้หญิงผู้นั้น เมื่อกี้...”“เมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น” สีหน้าของเขาไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ฉันจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ มือเรียวรีบคว้าแขนของเขาแล้วพูดว่า “ผีผู้หญิงตายไปแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า”เมื่อเดินออกมาจากวังแล้ว ฉันก็ทำตามวิธีที่หยินฉางเซิงบอก ฉันยกมือทั้งสองขึ้นมาทำท่าตราผนึกธรรม จากนั้นร่างกายก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เพียงพริบตาฉันก็กลับมาที่ด้านนอกของภาพวาดได้ และภาพวาดสาวงามนั่นก็ลอยขึ้
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ