ถังหมิงหลีลืมตาขึ้น และเมื่อเห็นว่าเป็นฉัน รอยยิ้มมึนงงของเขาก็โผล่ขึ้นมา พร้อมกอดฉันไว้แน่น “เมื่อกี้เธอหายไปไหนมา? เธอหายไปนานจนฉันกังวลไปหมด”ฉันรู้สึกร้อนใจ เพราะเรากำลังอยู่ต่อหน้าผู้ชมหลายสิบล้านคนร่าบางจึงฟาดมือไปยังใบหน้าของเขา เสียงตบของฝ่ามือดังจนทำให้เขานิ่งอึ้งไป“เธอ...ตบฉันทำไม?” เขาถามด้วยความงงงวย “ฉันทำอะไรไม่ดี?”“นายรีบตื่นได้แล้ว” ฉันพูดอย่างร้อนใจ “คนที่ยั่วยวนนายเมื่อกี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นผีผู้หญิง!”“อะไรนะ?” เขาตกใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็รีบยืนขึ้นและจับหน้าผากของตนเองราวกับคนปวดหัว“คือ...” ฉันกระซิบถามอย่างทนไม่ไหว “นายกับผีผู้หญิงผู้นั้น เมื่อกี้...”“เมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น” สีหน้าของเขาไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ฉันจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ มือเรียวรีบคว้าแขนของเขาแล้วพูดว่า “ผีผู้หญิงตายไปแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า”เมื่อเดินออกมาจากวังแล้ว ฉันก็ทำตามวิธีที่หยินฉางเซิงบอก ฉันยกมือทั้งสองขึ้นมาทำท่าตราผนึกธรรม จากนั้นร่างกายก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า เพียงพริบตาฉันก็กลับมาที่ด้านนอกของภาพวาดได้ และภาพวาดสาวงามนั่นก็ลอยขึ้
“ฉันพิสูจน์ให้เธอเห็นได้นะ” เขาอยู่ใกล้กับฉันมาก จึงทำให้ลมหายใจของเขาพ่นลงที่ใบหน้าของฉันอย่างจัง ร่างเล็กรู้สึกจั๊กจี้ในหู พลันใช้ความเร็วผละตัวออกมาจากในอ้อมแขนของเขาทันทีทว่าเขากลับคว้าแขนของฉันไว้และดึงให้เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขา ฉันเป็นกังวลอย่างมาก ทำไมผู้ชายเหล่านี้ต่างก็เอาแต่ใจกันนัก?ถังหมิงหลีกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันรีบขัดจังหวะเขาเสียก่อน “มีคนต้องการจะทำร้ายนาย”เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ฉันจึงเอ่ยต่อ “ภาพวาดสาวงามนี้ถูกใช้เป็นอาวุธในการลอบสังหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่รู้ว่ามีบุคคลล้นอำนาจที่ตายไปด้วยน้ำมือของมันมาแล้วกี่ราย เมื่อตอนที่ทำการประมูล เป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัทการประมูลจะไม่รู้ประวัติของมัน”จิตสังหารที่น่ากลัวแวบเข้ามาในดวงตาของถังหมิงหลี มันทำให้ฉันรู้สึกหนาวสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจเขาถอนหายใจเบา ๆ “ตอนนี้ดึกมากแล้ว ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน”ฉันแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากกลับถึงบ้านฉันก็แทบรอไม่ไหวที่จะเปิดห้องไลฟ์สดก่อนพบว่าจริง ๆ แล้วรางวัลในครั้งนี้ทะลุเกินสามล้านไปแล้ว และยังมีคนที่ให้มงกุฎเพชรเป็นรางวัลแก่ฉันด้วยเศรษฐีบ้านนอกนี่มีเยอะมากจร
ประธานลู่หัวเราะหึ ๆ ขึ้นมาสองครั้งแล้วพูดว่า “ฉันเหรอ? จริง ๆ แล้วครั้งนี้ฉันใช้แค่ความคิดเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ความจริงฉันอยากเอาความคิดนี้ไปใช้ที่อื่น”“ที่ไหน? บอกพวกเราหน่อยเถอะ” นักธุรกิจอีกคนกล่าวออกมา “ให้พวกเราได้เรียนรู้ด้วย”ประธานลู่โบกมือขึ้นและกล่าวว่า “สิ่งนี้พวกคุณเรียนรู้ไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับโอกาส”ขณะเดียวกันประตูของห้องส่วนตัวก็เปิดออก บริกรถือเหล้าถาดหนึ่งเดินเข้ามา พลางเอ่ย “ประธานลู่ มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งให้ผมเอาสิ่งนี้มามอบให้กับท่านครับ”เขาดึงหนังสือม้วนนั้นออกมาจากใต้ถาดและส่งไปที่ด้านหน้าของประธานลู่เมื่อประธานลู่เห็นของสิ่งนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปโดยทันที เขาตกใจไปครู่หนึ่ง พลันโยนม้วนภาพวาดนั้นออกไปและตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ผี! มีผี! ”นักธุรกิจคนอื่น ๆ ต่างก็มองว่าเขาแปลก ๆ “ประธานลู่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“เอาของสิ่งนี้ออกไป! เอาออกไป!” เขาพูดออกมาเสียงดังบริกรรีบหยิบภาพวาดม้วนนั้นขึ้นแล้วหันหลังเดินออกไป เมื่อเดินมาถึงข้างประตู ถังหมิงหลีก็เอาภาพม้วนนั้นออกมาจากในมือเขาและเดินเข้าไปในห้องช้า ๆ พอประธานลู่เห็นถังหมิงหลี สีหน้าของเขาก็ขาวซีดเ
ถังหมิงหลีเอ่ยต่อ “ยังอยากจะพูดอะไรอีก?”“ผมจะบอกคุณว่าคนที่สั่งให้ผมมอบภาพวาดนี้ให้แก่คุณคือใคร” ลู่ต๋าคายพูดขึ้นทันทีถังหมิงหลียิ้มมุมปาก “ถ้าพูดแบบนี้แต่แรก คุณก็คงไม่ต้องเจ็บตัวหรอก”“เขาคือกัวเทียนซง” ลู่ต๋าคายเอ่ยปาก “กัวเทียนซงได้ยินว่าผมประมูลภาพวาดสาวงามนั้นได้ เขาเลยมาหาผม เขาบอกว่าถ้าผมส่งภาพวาดนี้ไปให้คุณ เขาก็จะขายที่ดินที่เฉิงตงแปลงนั้นให้ผมในราคาถูก”นักธุรกิจสองสามคนที่อยู่รอบ ๆ มองหน้ากัน ที่แท้ที่ดินแปลงนั้นก็มีที่มาอย่างนี้นี่เองถังหมิงหลีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ลุงจง พาตัวเขาไปพบผู้อาวุโสกัวที”ลุงจงจับที่หลังคอเสื้อของเขาและจับร่างนั้นอุ้มพาดบนบ่า เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดถังหมิงหลีหันกลับมาจับมือฉันแล้วกระซิบว่า “ไปตระกูลกัวกับฉัน เธอก็เป็นคนที่ได้รับความเสียหายเหมือนกัน พวกเขาควรจะให้ความเป็นธรรมกับเธอ”วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ ลูก ๆ ของผู้อาวุโสกัวต่างก็กลับมาบ้านเพื่อฉลองเทศกาลนี้ ในนั้นมีกัวเทียนซงและลูกของเขารวมอยู่ด้วย ที่ขวามือของกัวซวนยังเข้าเฝือกอยู่เลยผู้อาวุโสกัวยังมีลูกสาวอีกสองคนที่ต่างก็แต่งงานออกไปหลายปีแล้ว ปีนี้พวกเธอต่างก็อายุยี่สิ
เดิมทีผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้ยึดตามเหตุผลอะไร เขาก็แค่คือปีศาจตนหนึ่งที่แค่อยากรีบพูดให้จบและหลบหนีออกไปเมื่อกัวเทียนเฟิงเห็นเขาสีหน้าก็ยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก กัวซู่กดที่ไหล่ของเขาและส่ายหัวไปมากัวหมิงเซี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเร็ว “นี่คุณลู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงอยู่ในสถาพนั้น? ถังหมิงหลี หรือว่าคุณทำร้ายเขา?”ถังหมิงหลีพูดหน้านิ่ง “ใช่ ผมเอง”กัวหมิงเซี่ยตวาดลั่น “ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว! คุณลู่เป็นถึงคนของตระกูลหลูแห่งตงไห่ นายกล้าทำร้ายเขาจนเป็นแบบนี้เลยเหรอ? ถ้านายอยากตายก็ไปตายคนเดียว อย่าทำให้ตระกูลกัวของพวกเราลำบากไปด้วย!”ผู้อาวุโสกัวไม่พูดอะไร เขารู้ว่าด้วยสถานะของถังหมิงหลีแล้ว อย่าว่าแต่ทำร้ายญาติของตระกูลหลูเลย ต่อให้ทำร้ายทายาทของตระหลู ตระกูลหลูก็ยังต้องพาลูกของตัวเองมาคำนับขอโทษถึงหน้าประตู“ผู้อาวุโส” ถังหมิงหลีกล่าว “หลายวันก่อนผมได้เจอกับเรื่องบางอย่างจนเกือบตาย คุณลู่ คุณพูดเถอะ”ลู่ต๋าคายตกใจกลัวจนเริ่มเสียสติ เขารีบพูดขึ้นว่า “เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมได้ซื้อภาพวาดสาวงามภาพหนึ่งมาจากฮ่องกง โดยมีตำนานมากมายเกี่ยวกับภาพวาดนั้น ว่ากันว่ามันถูกใช้เพื่อลอบสังหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ
หลังจากดูภาพวิดีโอเสร็จ ถังหมิงหลีก็พูดขึ้นว่า “กัวเทียนซง คุณคิดไม่ถึงใช่ไหมว่าตอนที่วางแผนกับลู่ต๋าคายอยู่นั้น จริง ๆ แล้วเขาได้บันทึกกระบวนการทั้งหมดไว้ เพื่อที่จะได้ข่มขู่คุณต่อในอนาคต และเราก็ได้นำการ์ดหน่วยความจำนี้ออกมาจากในตู้นิรภัยของลู่ต๋าคาย”กัวเทียนซงถอยไปข้างหลังสองก้าวและนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ผู้อาวุโสโกรธจนหน้าซีดสลับแดง พลันตะโกนออกไปด้วยความโมโห “งามหน้าจริง ๆ!”กัวหมิงเซี่ยเอ่ยแย้ง “พ่อคะ เรื่องนี้ต้องโทษพ่อไม่ใช่เหรอ? ใครบอกให้พ่อลำเอียงไปทางคนนอกล่ะ? พี่ใหญ่เป็นลูกแท้ ๆ ของพ่อและยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วยนะคะ”ผู้อาวุโสกัวยืนขึ้นทันที และตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พวกแกจะเข้าใจอะไร? พวกแกรู้ไหมว่าสาเหตุที่ตระกูลกัวประสบความสําเร็จจนมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่ามีหมิงหลีคนนี้!”กัวหมิงเซี่ยถอนหายใจอย่างไม่เห็นด้วย “แล้วเขามีดีอะไร? ก็แค่นักรบคนหนึ่งก็เท่านั้น”หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ ผู้อาวุโสกัวก็เดินเข้าไปตบหน้าเธออย่างแรง เธอโดนตบจนงงไปสักพักหนึ่ง“พ่อคะ พ่อ คิดไม่ถึงว่าพ่อจะตีหนูแบบนี้” ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่รักเธอมากที่สุดก็คือพ่อของเธอ แม้แต่คำพูดแรง ๆ สักคำเข
เธอหันหน้าไปหาถังหมิงหลีอีกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะสนใจสามีที่ดึงชายแขนเสื้อถึงสองครั้ง ไว้เลย พลันร้องตะโกนกล่าวหายกใหญ่ “นายเป็นหลาน จะมาบังคับปู่แบบนี้ได้ยังไงกัน? ที่บ้านสั่งสอนมายังไง? พ่อแม่นายสอนเรื่องมารยาทมาบ้างไหม?”ถังหมิงหลีโต้ตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ทว่าไม่พูอะไร นัยน์ตาของผู้อาวุโสกัวฉายแววตื่นตระหนก เขาร้องตะโกนขึ้นในทันที “บอดี้การ์ด”บอดี้การ์ดสองคนรีบวิ่งเข้ามา จากนั้นผู้อาวุโสกัวก็พูดเสียงดัง “ยัยลูกโง่ ส่งเธอกลับบ้านตระกูลตี๋ไปเดี๋ยวนี้” ตี๋จวิ้นหน้าสลด พลางหันไปทางผู้อาวุโสกัวแล้วเอ่ยขึ้น “ขออภัยท่านผู้อาวุโส ผมจะดูอาเซี่ยให้ดีครับ”เมื่อพูดจบเขาก็ไม่รอให้บอดี้การ์ดเข้ามา ชายหนุ่มรีบร้อนลากภรรยาของเขาออกไปทันทีผู้อาวุโสกัวที่ดูเหมือนจะแก่ลงไปสิบกว่าปีโบกมือเล็กน้อย “พ่อเหนื่อยแล้ว พวกลูกออกไปเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะเรียกผู้อาวุโสในตระกูลมาจัดการเรื่องการแบ่งมรดกให้แต่ละครอบครัว”ถังหมิงหลีกล่าวลาผู้อาวุโสกัวและพาฉันออกจากบ้านตระกูลกัว ส่วนหลู่ต๋าคายถูกตระกูลกัวนำส่งตัวโรงพยาบาลตั้งแต่นั้นมา ธุรกิจของหลู่ต๋าคายก็ดิ่งลงมาตลอด นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเลี่ยงภาษีจำนวนมาก และจะถ
ก่อนหน้านี้หูชิงหยูเคยชวนฉันมาดื่มชา แต่รูปแบบของโรงน้ำชานั้นเทียบกันไม่ติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในนั้นเป็นแบบโบราณที่มีกลิ่นเก่าจาง ๆ บางชิ้นก็นำมาจากราชวงศ์ถังอีกทั้งเครื่องเรือนไม้จันทร์สีแดงแห่งราชวงศ์หมิง ทุกชิ้นล้วนล้ำค่าทั้งหมดที่กล่าวมาคือความหรูหราของที่นี่ภายในห้องน้ำชา ชายคนหนึ่งกำลังนั่งคุกเข่าหันหลังให้ฉัน และที่โต๊ะน้ำชาด้านหลังยังมีหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้นั่งอยู่ เธอสวมชุดกี่เพ้าที่ปักด้วยลายไม้ไผ่เซียงเฟยสาวงามนั้นอายุเพียงสิบห้าสิบหก เธอมีฝีมือกาชงชาที่ล้ำเลิศ และการเคลื่อนไหวของเธอก็ช่างงดงามจนยากที่จะละสายตาไปได้เริ่นเจิ้งเต๋อเอ่ย “ท่านครับ ผมพาเธอมาแล้ว”“ดีมาก ทำงานได้ดีไร้ที่ติจริง ๆ” ชายหนุ่มยืนขึ้น เขาสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ และรูปร่างหล่อเหลา แถมยังมีกลิ่นยาจาง ๆ ติดอยู่ตามร่างกายแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปกปิดความเย่อหยิ่งในดวงตาของเขาได้ชายคนนี้มีพรสวรรค์ เขามีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเด็กและกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้รับคำชม ดังนั้นเขาจึงเย่อหยิ่งเล็กน้อย และชอบดูถูกคนอื่นแม้ว่าตอนนี้เขาจะยิ้มให้ฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ชอบฉันเลย อีกทั้งแววตาของ