เย่เซียนหลัวถอนหายใจ “เมืองซานเฉิงของเราเป็นแค่เมืองระดับจังหวัด เดิมทีก็ไม่มีสาขานี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ภายหลังได้รับการก่อตั้งจากรัฐบาลโดยตรง ทว่ารากฐานนั้นก็เปราะบางกว่าสาขาอื่น ๆ มาก นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของสมาชิกของเราก็ยิ่งตกต่ำ เนื่องจากการปราบปรามร่วมกันของสาขาโดยรอบหลายแห่ง ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดน้อยลง ในช่วงหลายปีมานี่ ผลงานต่าง ๆ จึงจัดอยู่ในระดับล่าง เมื่อประสิทธิภาพต่ำ การจัดสรรทรัพยากรก็จะน้อยลงตามไป เฮ้อ อีกสองวันงานประชุมไตรมาสก็จะถูกจัดขึ้น คนในสาขาตะวันตกเฉียงใต้จะส่งคนมาเข้าร่วม คาดว่าเราน่าจะตกไปอยู่ที่ระดับล่างเหมือนเดิม”หลังจากอาการบาดเจ็บของเฉินเต๋อข่ายคงที่ เย่เซียนหลัวก็พาเขาออกไป เช้าวันต่อมาหูชิงหยูจึงเดินทางมาขอบคุณด้วยตัวเองฉันรินชาให้เขาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “รัฐมนตรีหู เป็นดังคำกล่าวที่ว่า ไม่มีเรื่องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว เลยนะคะ ที่คุณมาวันนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่การขอบคุณธรรมดาซะแล้ว”รัฐมนตรีหูเอ่ย “คาดไม่ถึงว่าคุณหยวนจะฉลาดขนาดนี้ งั้นผมก็จะไม่อ้อมค้อม ผมหวังว่างานประชุมไตรมาสครั้งนี้ คุณหยวนจะสามารถเข้าร่วมในฐานของเมืองซานเฉิงกับเราด้วย”“แต่ฉั
การตอบกลับแบบนี้ทำให้หูชิงหยูโกรธเคือง ใบหน้าของเขามืดมนและดวงตาก็เคร่งขรึมมากขึ้น “หม่าว่านเจียง นายหมายความว่าอะไร?”“ความหมายของฉันชัดเจน” หม่าว่านเจียงเอ่ย “ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งของสาขาซานเฉิง คุณหยวนคงไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นั่น ตอนที่คุณหยวนอาศัยอยู่ตรงบริเวณเหนือแม่น้ำแยงซี เธอก็ถูกนักฆ่าทำร้าย”ผู้คนในสาขาซานเฉิงรู้สึกประหม่า ฉันจึงยิ้มตอบ “ขอบคุณสำหรับความห่วยใยของรัฐมนตรีหม่า แต่ตอนนี้ฉันยังอาศัยอยู่อย่างดีในเมืองซานเฉิง และยังไม่อยากย้ายไปไหน”หม่าว่านเจียงยักไหล่ “คุณหยวน ลองคิดดูอีกครั้งเถอะ ถ้าหากคุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถมาหาพวกเราได้ทุกเมื่อ พวกเรายินดีต้อนรับคุณเสมอ”ระหว่างทางเดินไปยังห้องพัก ใบหน้าของหูชิงหยูแสดงสีหน้าบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลา เสี่ยวหลินกระซิบกับฉันว่า “คุณหยวน อย่าไปเชื่อเรื่องไร้สาระของคนพวกนั้นเลย”ฉันยิ้ม “เมืองซานเฉิงเป็นบ้านเกิดของฉัน ไม่ว่าเมืองอื่นจะเป็นยังไง บ้านเกิดก็ย่อมดีที่สุด”เสี่ยวหลินและหัวหน้าจินถอนหายใจอย่างโล่งงอกตามข้อบังคับแล้ว รัฐมนตรีของแต่ละสาขาจะเข้าพักในห้องสวีทสุดหรู ส่วนคนธรรมดาจะเข้าพักในห้องธรรมดา ฉันอยากลงไปด้านล่างเพื่อ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังติ๊งและประตูลิฟต์ก็เปิดออกมีคนยืนอยู่ที่หน้าประตูสองสามคน พวกเขาแสดงสีหน้าตกใจสุดขีด พอฉันก้าวขาออกไป พวกเขาก็กระโดดแยกย้ายกันออกไปด้วยความตกใจทันที ราวกับว่าฉันเป็นวิญญาณร้ายจุนเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหูชิงหยู “มีนักฆ่าสองคนอยู่ที่นี่ ช่วยมาจัดการพวกมันที”เพียงไม่นานหูชิงหยูก็มาถึง และจินหลิงหยู่ก็ตามมาด้วย ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รู้ว่าเธอเป็นหัวหน้าของสาขาของเมืองชุนเฉิงดูเหมือนฉันจะเป็นคนดังในสาขาพิเศษของภาคตะวันตกเฉียงใต้ เพียงแค่ได้ยินว่าฉันถูกลอบสังหาร ก็มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นถูกนำตัวมา ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองคนของจินหลิงหยู่ตรวจสอบร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และกล่าวว่า “ท่านรัฐมนตรี ตามคลังข้อมูลในระบบของเรา เธอเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่มีฝีมือดีที่สุดในหน่วยสังหาร เธอมีฉายาว่าปีศาจเฒ่าที่ยังไม่ตายและมีความสามารถด้านพลังจิตสูง”ผู้มีพลังจิต?ผู้คนโดยรอบที่มุงดูต่างประหลาดใจ ชายทั้งสองมองมาที่ฉันอีกครั้งแล้วพูดว่า “เธอถูกฆ่าด้วยพลังจิต”ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง“เธอเป็นคนที่มีพลังจิตหรือเปล่า?” จินหลิงหยู่ขมวดคิ้ว“เปล่า” ฉัน
ฉันละความสนใจจากมันแวบหนึ่ง ก่อนจับมือของเขาและพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย “วางใจเถอะท่านประธาน ฉันจะต้องใจทำมันให้ดี เพื่อมารับรางวัลผู้มาใหม่ที่ดีที่สุดทุกปีแน่นอนค่ะ”มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่าง หูชิงหยูและคนอื่น ๆ กุมหน้าผากของเขาด้วยความเขินอายฉันกลับมานั่งที่เดิมและมองดูโสมอายุร้อยกว่าปี ในใจชื่นชอบเสียจนวางไม่ลง คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รางวัลล้ำค่าขนาดนี้มาขั้นตอนต่อไปคือการจัดสรรทรัพยากร รัฐมนตรีของเมืองชุนเฉิงรีบกล่าวในทันที “มีสำนักพิษทองคำในมณฑลหยุน ทางสำนักงานใหญ่ได้ออกคำสั่งให้สาขาชุนเฉิงของเราทำลายสำนักของพวกเขาภายในสิ้นปีนี้ ถ้าหากว่าลดทรัพยากรของเราลง ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อการปฏิบัติการ”ในขณะที่พูด เธอก็มองไปที่หูชิงหยูด้วยสายตาที่ร้ายกาจ “เมืองเฉิงซานที่ความปลอดภัยมั่นคงอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีสำนักที่ชั่วร้าย จะให้พวกเขาใช้ทรัพยากรมากมายได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้หญิงที่เล่นแร่แปรธาตุได้ด้วย”หูชิงหยูหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “หลี่เฟิง เธออย่ามาแก้ตัว ปีที่แล้วเมืองซานเฉิงของเราได้กำจัดหลิวเผยจื้อ มือสังหารที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ทำไมเธอไม่แบ่งทรัพยากรให้พวก
จุนเหยาอยากทานอาหารอย่างเงียบ ๆ แต่กลับมีคนเข้ามาคุยกับเธอตลอด ร่างเล็กไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดังนั้นจึงสามารถยิ้มและคุยกับพวกเขาทีละคนได้สายตาของคนพวกนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ พวกเขามักจะถามเกี่ยวกับเรื่องยา ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ฉันเลยได้แต่ยิ้มตอบโดยที่ไม่พูดคำอื่นใดในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของหลี่เฟิงก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอหยิบมันขึ้นมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีเธอหันไปพูดกับท่านประธานพิเศษสกุลฟางว่า “มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ห้างโลตัสใจกลางเมือง ฉันอยากขอให้คุณหยวนช่วยเราคลี่คลายปัญหานี้เป็นการชั่วคราว”ท่านประธานพิเศษสกุลฟางขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ร้ายแรงไหม?”“ร้ายแรงมาก” หลี่เฟิงขมวดคิ้วและสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “มีผู้คนเกือบร้อยคนล้มป่วย กรมป้องกันการแพร่ระบาดได้ปิดกั้นทางเข้าออกของห้างสรรพสินค้า แต่สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง มันไม่ใช่โรคระบาดธรรมดา แต่อาจเป็นยาพิษปริศนา”สีหน้าของท่านประธานพิเศษเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นจึงยืนขึ้นและพูดว่า “สำนักพิษทองคำ?”หลี่เฟิงพยักหน้าตอบ “เป็นไปได้สูง”ท่านประทานพิเศษสกุลฟางหันมาทางฉัน “คุณหยวน คุณมีความเห็นในสถานการณ์นี้อย่างไร?”
หมอคนนั้นพูดด้วยความกังวล “นี่มัน เป็นไปไม่ได้ นี่คือกลลวงตาของเธอ พวกเราได้ส่องกล้องตรวจลำไส้ เอ็กซ์เรย์ ซีทีแสกน แม้กระทั่งการผ่าตัดผ่านกลองในช่องท้องของผู้ป่วย แต่กลับไม่พบอะไรเลย” “การรักษาแผนปัจจุบันไม่สามารถตรวจเจอพิษปริศนาได้” ฉันเอ่ย “ถ้าไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าแมลงพวกนั้นมาจากไหน?”หมอได้แต่จับเส้นผมของตัวเองไปมา เรื่องเหล่านี้ทำให้โลกทัศน์ของเขาพังทลายไปหลายสิบปีฉันไม่สนใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดห้องไลฟ์สดอย่างเงียบ ๆ ฉันไม่ได้บรรยายให้ทุกคนฟัง เพียงแต่กดปุ่มถ่ายเงียบ ๆ เท่านั้นคนแรกที่เข้ามาคือหวางลู่จือ และคนที่สองก็คือราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง ฉันตื่นเต้นมาก ในที่สุดราชาตัวจริงก็ออกมาราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดว่า “นังหนู เธอก้าวหน้าแล้วเหรอ? ขั้นที่หนึ่งระดับกลางใช่ไหม? ความเร็วของเธอค่อนข้างช้ากว่าคนอื่น แต่ตอนนี้พลังปราณแห่งโลกมนุษย์กำลังอ่อนแอ ก็นับว่าทำได้ไม่เลว”ฉันแสร้งทำเป็นดูอาการของคนไข้รายอื่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงต่ำลง “ราชาตัวจริง ตอนนี้คุณเลื่อนขั้นด้วยเหรอ?”ราชาแห่งตัวจริงเจิ้งหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้ามองจากรากฐานของฉันในตอนนี้ คงยากที่จะก้าวหน้า
ผู้พันเจิงหัวเราะเยาะสองครั้ง “เรื่องสาเหตุของการเจ็บป่วยน่ะคุณพูดถูก แต่น่าเสียดายที่มีคนรู้มานานแล้ว”ฉันขมวดคิ้วมองเสี่ยวฉินที่อยู่ข้าง ๆ ผู้พันเจิง แต่เขากลับหลบสายตาฉันทุกคนในหน่วยซานเฉิงโกรธมาก เสี่ยวหลินเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ก็เห็นชัดอยู่ว่าคุณหยวนเป็นคนแรกที่พบสาเหตุของการป่วย เสี่ยวฉิน เมื่อกี้คุณก็ได้ยินเธอพูดไม่ไช่เหรอ คุณเลยวิ่งไปหาผู้พันเจิงเพื่อขอความดีความชอบสินะ?”ผู้พันเจิงมีสีหน้าเข้มขึ้น “เดิมทีหมอฉินมาจากหุบเขาโอสถราชัน เขาเป็นศิษย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากฉินจื้อเจินแพทย์แผนจีนมือหนึ่งของประเทศ แล้วคุณล่ะเป็นใครกัน? มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ไหม? แล้วเป็นลูกศิษย์ของใคร? จบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ไหน?”ขณะเดียวกันหลี่เฟิงก็เหยียดยิ้มออกมา “ฉันได้ยินมาว่าคุณหยวนจบการศึกษาแค่ระดับมัธยมปลายไม่ใช่เหรอ?”“อะไรนะ? เรียนจบแค่มัธยมปลายจิ๊บจ๊อยแล้วยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างเต็มที่อีกเหรอ?” ผู้พันเจิงมีสีหน้าน่าอับอาย “เมืองซานเฉิงของพวกคุณช่างไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย ยังคุณมัวยืนงงอยู่ที่นี่ทําไมอีก? ยังไม่รีบออกไปอีกเหรอ?”ฉันมองไปที่หลี่เฟิงผู้ภาคภูมิใจแล
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากด้านหลัง มีบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคนถูกหนอนเจาะเข้าไปในร่างกาย เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือล้วนหวาดกลัวจนวิ่งหนีไป และไม่กล้าเข้ามาอีกเสี่ยวฉินเห็นคนเหล่านั้นล้มกลิ้งไปตามพื้นและกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาจึงคิดได้ว่าตัวเองนั้นคิดผิดไปเสียแล้ว และผิดอย่างมหันต์ด้วยเขาเป็นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงของฉินจื้อเจินหมอมือหนึ่งของประเทศ ถ้าเขาสามารถสร้างคุณงามความดีในการยับยั้งการระบาดของโรคนี้ได้ อาจารย์จะต้องมองเขาใหม่และยกยอเขามากกว่าเดิม อีกทั้งไม่แน่ว่าท่านอาจจะรับเขาเป็นศิษย์เข้าไปประจำในสํานักเลยก็เป็นได้ดังนั้นเขาจึงคิดแย่งคุณงามความดีของคนอื่นไป เดิมทีเขาคิดว่าขอเพียงแค่หาสาเหตุของโรคได้ ทางเรามีหมอมากมายขนาดนี้ ก็ต้องหาทางรักษาได้อยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหมอที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศเหล่านี้ กลับอับจนหนทางราวหมาจนตรอก“จริงสิ! อาจารย์!” เขาตบหน้าผากเบา ๆ พลางกล่าว “อาจารย์จะต้องช่วยคนเหล่านี้ได้แน่นอน ฉันจะไปหาอาจารย์”เขาวิ่งออกจากเต็นท์อย่างรีบร้อน แต่กลับมีทหารสองคนถือปืนเล็งไปที่เขาเสียก่อน“พวกคุณหลีกทางไป!” เขาตะโกนลั่