เย่เซียนหลัวถอนหายใจ “เมืองซานเฉิงของเราเป็นแค่เมืองระดับจังหวัด เดิมทีก็ไม่มีสาขานี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ภายหลังได้รับการก่อตั้งจากรัฐบาลโดยตรง ทว่ารากฐานนั้นก็เปราะบางกว่าสาขาอื่น ๆ มาก นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของสมาชิกของเราก็ยิ่งตกต่ำ เนื่องจากการปราบปรามร่วมกันของสาขาโดยรอบหลายแห่ง ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดน้อยลง ในช่วงหลายปีมานี่ ผลงานต่าง ๆ จึงจัดอยู่ในระดับล่าง เมื่อประสิทธิภาพต่ำ การจัดสรรทรัพยากรก็จะน้อยลงตามไป เฮ้อ อีกสองวันงานประชุมไตรมาสก็จะถูกจัดขึ้น คนในสาขาตะวันตกเฉียงใต้จะส่งคนมาเข้าร่วม คาดว่าเราน่าจะตกไปอยู่ที่ระดับล่างเหมือนเดิม”หลังจากอาการบาดเจ็บของเฉินเต๋อข่ายคงที่ เย่เซียนหลัวก็พาเขาออกไป เช้าวันต่อมาหูชิงหยูจึงเดินทางมาขอบคุณด้วยตัวเองฉันรินชาให้เขาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “รัฐมนตรีหู เป็นดังคำกล่าวที่ว่า ไม่มีเรื่องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว เลยนะคะ ที่คุณมาวันนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่การขอบคุณธรรมดาซะแล้ว”รัฐมนตรีหูเอ่ย “คาดไม่ถึงว่าคุณหยวนจะฉลาดขนาดนี้ งั้นผมก็จะไม่อ้อมค้อม ผมหวังว่างานประชุมไตรมาสครั้งนี้ คุณหยวนจะสามารถเข้าร่วมในฐานของเมืองซานเฉิงกับเราด้วย”“แต่ฉั
การตอบกลับแบบนี้ทำให้หูชิงหยูโกรธเคือง ใบหน้าของเขามืดมนและดวงตาก็เคร่งขรึมมากขึ้น “หม่าว่านเจียง นายหมายความว่าอะไร?”“ความหมายของฉันชัดเจน” หม่าว่านเจียงเอ่ย “ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งของสาขาซานเฉิง คุณหยวนคงไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นั่น ตอนที่คุณหยวนอาศัยอยู่ตรงบริเวณเหนือแม่น้ำแยงซี เธอก็ถูกนักฆ่าทำร้าย”ผู้คนในสาขาซานเฉิงรู้สึกประหม่า ฉันจึงยิ้มตอบ “ขอบคุณสำหรับความห่วยใยของรัฐมนตรีหม่า แต่ตอนนี้ฉันยังอาศัยอยู่อย่างดีในเมืองซานเฉิง และยังไม่อยากย้ายไปไหน”หม่าว่านเจียงยักไหล่ “คุณหยวน ลองคิดดูอีกครั้งเถอะ ถ้าหากคุณเปลี่ยนใจ คุณสามารถมาหาพวกเราได้ทุกเมื่อ พวกเรายินดีต้อนรับคุณเสมอ”ระหว่างทางเดินไปยังห้องพัก ใบหน้าของหูชิงหยูแสดงสีหน้าบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลา เสี่ยวหลินกระซิบกับฉันว่า “คุณหยวน อย่าไปเชื่อเรื่องไร้สาระของคนพวกนั้นเลย”ฉันยิ้ม “เมืองซานเฉิงเป็นบ้านเกิดของฉัน ไม่ว่าเมืองอื่นจะเป็นยังไง บ้านเกิดก็ย่อมดีที่สุด”เสี่ยวหลินและหัวหน้าจินถอนหายใจอย่างโล่งงอกตามข้อบังคับแล้ว รัฐมนตรีของแต่ละสาขาจะเข้าพักในห้องสวีทสุดหรู ส่วนคนธรรมดาจะเข้าพักในห้องธรรมดา ฉันอยากลงไปด้านล่างเพื่อ
ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังติ๊งและประตูลิฟต์ก็เปิดออกมีคนยืนอยู่ที่หน้าประตูสองสามคน พวกเขาแสดงสีหน้าตกใจสุดขีด พอฉันก้าวขาออกไป พวกเขาก็กระโดดแยกย้ายกันออกไปด้วยความตกใจทันที ราวกับว่าฉันเป็นวิญญาณร้ายจุนเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาหูชิงหยู “มีนักฆ่าสองคนอยู่ที่นี่ ช่วยมาจัดการพวกมันที”เพียงไม่นานหูชิงหยูก็มาถึง และจินหลิงหยู่ก็ตามมาด้วย ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รู้ว่าเธอเป็นหัวหน้าของสาขาของเมืองชุนเฉิงดูเหมือนฉันจะเป็นคนดังในสาขาพิเศษของภาคตะวันตกเฉียงใต้ เพียงแค่ได้ยินว่าฉันถูกลอบสังหาร ก็มีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นถูกนำตัวมา ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองคนของจินหลิงหยู่ตรวจสอบร่างของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และกล่าวว่า “ท่านรัฐมนตรี ตามคลังข้อมูลในระบบของเรา เธอเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่มีฝีมือดีที่สุดในหน่วยสังหาร เธอมีฉายาว่าปีศาจเฒ่าที่ยังไม่ตายและมีความสามารถด้านพลังจิตสูง”ผู้มีพลังจิต?ผู้คนโดยรอบที่มุงดูต่างประหลาดใจ ชายทั้งสองมองมาที่ฉันอีกครั้งแล้วพูดว่า “เธอถูกฆ่าด้วยพลังจิต”ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง“เธอเป็นคนที่มีพลังจิตหรือเปล่า?” จินหลิงหยู่ขมวดคิ้ว“เปล่า” ฉัน
ฉันละความสนใจจากมันแวบหนึ่ง ก่อนจับมือของเขาและพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย “วางใจเถอะท่านประธาน ฉันจะต้องใจทำมันให้ดี เพื่อมารับรางวัลผู้มาใหม่ที่ดีที่สุดทุกปีแน่นอนค่ะ”มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่าง หูชิงหยูและคนอื่น ๆ กุมหน้าผากของเขาด้วยความเขินอายฉันกลับมานั่งที่เดิมและมองดูโสมอายุร้อยกว่าปี ในใจชื่นชอบเสียจนวางไม่ลง คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รางวัลล้ำค่าขนาดนี้มาขั้นตอนต่อไปคือการจัดสรรทรัพยากร รัฐมนตรีของเมืองชุนเฉิงรีบกล่าวในทันที “มีสำนักพิษทองคำในมณฑลหยุน ทางสำนักงานใหญ่ได้ออกคำสั่งให้สาขาชุนเฉิงของเราทำลายสำนักของพวกเขาภายในสิ้นปีนี้ ถ้าหากว่าลดทรัพยากรของเราลง ฉันเกรงว่ามันจะส่งผลเสียต่อการปฏิบัติการ”ในขณะที่พูด เธอก็มองไปที่หูชิงหยูด้วยสายตาที่ร้ายกาจ “เมืองเฉิงซานที่ความปลอดภัยมั่นคงอยู่แล้ว ทั้งยังไม่มีสำนักที่ชั่วร้าย จะให้พวกเขาใช้ทรัพยากรมากมายได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้หญิงที่เล่นแร่แปรธาตุได้ด้วย”หูชิงหยูหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “หลี่เฟิง เธออย่ามาแก้ตัว ปีที่แล้วเมืองซานเฉิงของเราได้กำจัดหลิวเผยจื้อ มือสังหารที่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ทำไมเธอไม่แบ่งทรัพยากรให้พวก
จุนเหยาอยากทานอาหารอย่างเงียบ ๆ แต่กลับมีคนเข้ามาคุยกับเธอตลอด ร่างเล็กไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดังนั้นจึงสามารถยิ้มและคุยกับพวกเขาทีละคนได้สายตาของคนพวกนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ พวกเขามักจะถามเกี่ยวกับเรื่องยา ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ฉันเลยได้แต่ยิ้มตอบโดยที่ไม่พูดคำอื่นใดในตอนนั้นโทรศัพท์มือถือของหลี่เฟิงก็ดังขึ้น หลังจากที่เธอหยิบมันขึ้นมา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันทีเธอหันไปพูดกับท่านประธานพิเศษสกุลฟางว่า “มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ห้างโลตัสใจกลางเมือง ฉันอยากขอให้คุณหยวนช่วยเราคลี่คลายปัญหานี้เป็นการชั่วคราว”ท่านประธานพิเศษสกุลฟางขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ร้ายแรงไหม?”“ร้ายแรงมาก” หลี่เฟิงขมวดคิ้วและสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “มีผู้คนเกือบร้อยคนล้มป่วย กรมป้องกันการแพร่ระบาดได้ปิดกั้นทางเข้าออกของห้างสรรพสินค้า แต่สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง มันไม่ใช่โรคระบาดธรรมดา แต่อาจเป็นยาพิษปริศนา”สีหน้าของท่านประธานพิเศษเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นจึงยืนขึ้นและพูดว่า “สำนักพิษทองคำ?”หลี่เฟิงพยักหน้าตอบ “เป็นไปได้สูง”ท่านประทานพิเศษสกุลฟางหันมาทางฉัน “คุณหยวน คุณมีความเห็นในสถานการณ์นี้อย่างไร?”
หมอคนนั้นพูดด้วยความกังวล “นี่มัน เป็นไปไม่ได้ นี่คือกลลวงตาของเธอ พวกเราได้ส่องกล้องตรวจลำไส้ เอ็กซ์เรย์ ซีทีแสกน แม้กระทั่งการผ่าตัดผ่านกลองในช่องท้องของผู้ป่วย แต่กลับไม่พบอะไรเลย” “การรักษาแผนปัจจุบันไม่สามารถตรวจเจอพิษปริศนาได้” ฉันเอ่ย “ถ้าไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าแมลงพวกนั้นมาจากไหน?”หมอได้แต่จับเส้นผมของตัวเองไปมา เรื่องเหล่านี้ทำให้โลกทัศน์ของเขาพังทลายไปหลายสิบปีฉันไม่สนใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดห้องไลฟ์สดอย่างเงียบ ๆ ฉันไม่ได้บรรยายให้ทุกคนฟัง เพียงแต่กดปุ่มถ่ายเงียบ ๆ เท่านั้นคนแรกที่เข้ามาคือหวางลู่จือ และคนที่สองก็คือราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยาง ฉันตื่นเต้นมาก ในที่สุดราชาตัวจริงก็ออกมาราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางพูดว่า “นังหนู เธอก้าวหน้าแล้วเหรอ? ขั้นที่หนึ่งระดับกลางใช่ไหม? ความเร็วของเธอค่อนข้างช้ากว่าคนอื่น แต่ตอนนี้พลังปราณแห่งโลกมนุษย์กำลังอ่อนแอ ก็นับว่าทำได้ไม่เลว”ฉันแสร้งทำเป็นดูอาการของคนไข้รายอื่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงต่ำลง “ราชาตัวจริง ตอนนี้คุณเลื่อนขั้นด้วยเหรอ?”ราชาแห่งตัวจริงเจิ้งหยางยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้ามองจากรากฐานของฉันในตอนนี้ คงยากที่จะก้าวหน้า
ผู้พันเจิงหัวเราะเยาะสองครั้ง “เรื่องสาเหตุของการเจ็บป่วยน่ะคุณพูดถูก แต่น่าเสียดายที่มีคนรู้มานานแล้ว”ฉันขมวดคิ้วมองเสี่ยวฉินที่อยู่ข้าง ๆ ผู้พันเจิง แต่เขากลับหลบสายตาฉันทุกคนในหน่วยซานเฉิงโกรธมาก เสี่ยวหลินเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ก็เห็นชัดอยู่ว่าคุณหยวนเป็นคนแรกที่พบสาเหตุของการป่วย เสี่ยวฉิน เมื่อกี้คุณก็ได้ยินเธอพูดไม่ไช่เหรอ คุณเลยวิ่งไปหาผู้พันเจิงเพื่อขอความดีความชอบสินะ?”ผู้พันเจิงมีสีหน้าเข้มขึ้น “เดิมทีหมอฉินมาจากหุบเขาโอสถราชัน เขาเป็นศิษย์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากฉินจื้อเจินแพทย์แผนจีนมือหนึ่งของประเทศ แล้วคุณล่ะเป็นใครกัน? มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ไหม? แล้วเป็นลูกศิษย์ของใคร? จบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์ที่ไหน?”ขณะเดียวกันหลี่เฟิงก็เหยียดยิ้มออกมา “ฉันได้ยินมาว่าคุณหยวนจบการศึกษาแค่ระดับมัธยมปลายไม่ใช่เหรอ?”“อะไรนะ? เรียนจบแค่มัธยมปลายจิ๊บจ๊อยแล้วยังกล้าวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอย่างเต็มที่อีกเหรอ?” ผู้พันเจิงมีสีหน้าน่าอับอาย “เมืองซานเฉิงของพวกคุณช่างไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย ยังคุณมัวยืนงงอยู่ที่นี่ทําไมอีก? ยังไม่รีบออกไปอีกเหรอ?”ฉันมองไปที่หลี่เฟิงผู้ภาคภูมิใจแล
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องโหยหวนก็ดังมาจากด้านหลัง มีบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายคนถูกหนอนเจาะเข้าไปในร่างกาย เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือล้วนหวาดกลัวจนวิ่งหนีไป และไม่กล้าเข้ามาอีกเสี่ยวฉินเห็นคนเหล่านั้นล้มกลิ้งไปตามพื้นและกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาจึงคิดได้ว่าตัวเองนั้นคิดผิดไปเสียแล้ว และผิดอย่างมหันต์ด้วยเขาเป็นลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงของฉินจื้อเจินหมอมือหนึ่งของประเทศ ถ้าเขาสามารถสร้างคุณงามความดีในการยับยั้งการระบาดของโรคนี้ได้ อาจารย์จะต้องมองเขาใหม่และยกยอเขามากกว่าเดิม อีกทั้งไม่แน่ว่าท่านอาจจะรับเขาเป็นศิษย์เข้าไปประจำในสํานักเลยก็เป็นได้ดังนั้นเขาจึงคิดแย่งคุณงามความดีของคนอื่นไป เดิมทีเขาคิดว่าขอเพียงแค่หาสาเหตุของโรคได้ ทางเรามีหมอมากมายขนาดนี้ ก็ต้องหาทางรักษาได้อยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหมอที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศเหล่านี้ กลับอับจนหนทางราวหมาจนตรอก“จริงสิ! อาจารย์!” เขาตบหน้าผากเบา ๆ พลางกล่าว “อาจารย์จะต้องช่วยคนเหล่านี้ได้แน่นอน ฉันจะไปหาอาจารย์”เขาวิ่งออกจากเต็นท์อย่างรีบร้อน แต่กลับมีทหารสองคนถือปืนเล็งไปที่เขาเสียก่อน“พวกคุณหลีกทางไป!” เขาตะโกนลั่
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ