ฉันตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “พลังมืดได้เข้าสู่ร่างกายของคุณ อารมณ์ของคุณจึงเปลี่ยนไปและถูกควบคุมโดยผีเหล่านั้น แต่ฉันได้กำจัดพลังมืดทั้งหมดในร่างกายของคุณออกไปแล้ว”ถังซินที่เพิ่งรู้สึกตัวก็พูดอย่างกลัว ๆ ว่า “พี่สาวแอดมิน ความหมายของพี่ก็คือ การที่เขาบอกให้พวกเรามาหลอกคุณ ความจริงแล้วไม่ใช่เขา แต่เป็นผีที่คอยบงการอยู่ข้างหลัง?”ฉันพยักหน้าตอบ “ถูกต้อง”ถังซินสูดลมเข้าปาก เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว[เป็นอย่างนี้นี่เอง! ฉันบอกแล้ว แอดมินของเราที่จริงแล้วไม่ใช่คนแบบนั้น][แอดมินล้วนมีแก่นแท้เป็นเทพธิดาตลอดมา มีความเมตตา เกลียดชังความริษยา จะสามารถทำลายอนาคตของผู้อื่นด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้][แอดมิน ฉันขอโทษ ฉันคือพี่ใหญ่ของเซี่ยซิงหยู เมื่อกี้ฉันเข้าใจเธอผิดไป ฉันขอโทษ ฝีมือการกำจัดพลังมืดของเธอเมื่อกี้สวยงามอ่อนช้อยมาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะขอคำแนะนำจากเธอด้วย]“อ๊า!” จู่ ๆ ภายในศาลพระภูมิก็มีเสียงร้องออกมา พวกเรารีบหันหลังและวิ่งเข้าไปข้างใน ฉันเห็นหวางรุ่ยซีลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ พลันดวงตาของรูปปั้นหินที่น่านับถือก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและปล่อยแสงสีชาดออกมาปกคลุมรอบตัวเขา“ช่วยด้วย! ช
หวางรุ่ยซีหมดสติล้มลงบนพื้น ตาทั้งคู่ปิดสนิท ฉันจึงให้ชีพจรแก่เขา เขาไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แค่เสียเลือดมากเกินไปและบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าจะต้องใช้เวลารักษาเป็นเวลานานร่างกายถึงจะฟื้นตัวได้เต็มที่ได้อันที่จริงยาเม็ดเผยหยวนไม่กี่เม็ดก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่ฉันไม่สามารถเปิดเผยไม้ตายของตัวเองบ่อย ๆ ได้ตามอำเภอใจฉันให้เขากินยาเม็ดเผยหยวนเล็กไปหนึ่งเม็ด และให้เซี่ยชิงหยูกับฉินหนานเฉิงพาเขาไปพักผ่อนในกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กันไม่นานพลังที่เก้าก็พูดขึ้นว่า “ในรูปปั้นหินมีของล้ำค่าอยู่ชิ้นหนึ่ง หาโอกาสไปเอามา และอย่าให้คนอื่นเห็น”ฉันใจเต้นแรงพลันหันไปมองที่รูปปั้นหินจากนั้นเสียงประหลาดก็ดังขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งตรงท้ายหมู่บ้าน ถังหมิงลี่พูดขึ้น “พวกนายได้ยินเสียงนั่นไหม?”พวกเราล้วนเงี่ยหูฟังและดูเหมือนจะเป็นเสียงฝีเท้าแผ่วเบา เสียงฝีเท้าเหล่านั้นฟังดูพลุกพล่านและยุ่งเหยิงราวกับมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเดินอยู่เสียงของฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ฉันจึงเปิดประตูห้องออกเป็นช่องแคบ ๆ และมองออกไปข้างนอกพลันสีหน้าของฉันก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันมันคือมัมมี่!มีมัมมี่จำนวนนับไม่
ใบหน้าที่แสนดุร้ายพร้อมร่างเปื่อยแห้งของซากศพเดินได้ต่างแย่งชิงกันพุ่งเข้ามา[ตื่นเต้นมาก ไลฟ์สดนี้น่าตื่นเต้นกว่าหนังซอมบี้ของอเมริกาอีก!][ซากศพเดินได้พวกนี้น่ากลัวมาก พวกมันจะออกจากภูเขาเข้ามาในตัวเมืองไหม?][เกรงว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะมาถึงในตัวเมือง ก็คงโดนฆ่าเกลี้ยงเสียก่อน แต่ถึงยังไงถ้าโดนพวกเขากัดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนไปเป็นซากศพเดินได้หรอกนะ][แอดมินระวัง! ด้านหลังคุณมีซากศพเดินได้!]ฉันสังเกตเห็นว่าด้านหลังมีลมมืดกวาดผ่านจึงรีบหมอบตัวลง แขนที่เหี่ยวแห้งข้างหนึ่งกวาดผ่านหัวของฉันไป ถ้ามันจับฉันได้คงต้องถูกแขนแห้ง ๆ นับสิบที่กำลังพุ่งเข้ามาตีจนเนื้อแตกยับแน่ ๆ ฉันถือดาบไม้ท้อและพลิกมือแทงเข้าไปที่หน้าอกของมันพลังงานมืดที่รวมอยู่ในร่างของซากศพเดินได้ถูกฉันแทงเข้าไปด้วยไม้สายฟ้าฟาดนี้ ทันใดนั้นพลังสีดำก็ปรากฏขึ้นจากบาดแผลอย่างต่อเนื่องและส่งเสียงดังฉ่าออกมาฉันดึงดาบออกมาแล้วลากไปด้านข้างราวกับว่ากำลังหั่นแตงหั่นผัก พร้อมตัดหัวมันออกพลังของไม้สายฟ้าแข็งแกร่งจริง ๆ ตอนนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวาย ฉันฆ่าซากศพเดินได้ไปแล้วสองตัว ด้านหนึ่งสู้อีกด้านหนึ่งถอย ฉันถอย
ฉันตกใจมากจนโพล่งถาม “งั้นฉันจะต้องทำยังไง?”พลังที่เก้าจึงเอ่ยตอบ “ของสิ่งนั้นกระหายเลือดอย่างที่สุด มีแค่ไหมเกล็ดมังกรสีแดงเท่านั้นที่จะสามารถหยุดมันได้ เธอต้องใช้เลือดล่อมันออกมาก่อน และหลังจากนั้นก็ใช้ไหมเกล็ดมังกรสีแดงผนึกมัน”ฉันเอากรรไกรออกมาและตัดไหมเกล็ดมังกรสีแดงออกไปชิ้นหนึ่ง หลังจากนั้นก็ใช้มีดกรีดที่บนฝ่ามือของตัวเอง พลันหยดเลือดก็ไหลออกมาและมีแสงสีแดงสว่างออกมาจากในรูปปั้นหินนั่นเนื่องจากผ้าไหมเกล็ดมังกรสีแดงปิดตาของรูปปั้นหินนั้นอยู่ มันจึงไม่สามารถสูดเลือดฉันได้โดยตรง แต่โดนกลิ่นเลือดของฉันดึงดูด และรูปปั้นหินทั้งหมดก็เริ่มส่องแสงสีแดงฉันตื่นเต้นจนทำให้มือที่จับไหมเกล็ดมังกรสีแดงสั่นเล็กน้อยและจู่ ๆ กลุ่มแสงสีแดงก็พุ่งออกมาจากรูปปั้นหิน มันลอดผ่านรูไหมสีแดงที่ฉันตัด แล้วลอยมาหาฉันฉันตาไว มือไว กระโดดหนีทันที พร้อมใช้ไหมสีแดงห่อแสงสีนั่นไว้อย่างแน่นหนาแท้ที่จริงแล้วมันคือลูกปัดสีแดงลูกหนึ่งขนาดเท่าเม็ดลำไย ถึงแม้จะโดนห่อแล้ว มันก็ยังคงดีดกระเด้งอยู่ในผ้าไหม“นี่คืออะไร?” ฉันถามขึ้นโดยที่ในหัวเต็มไปด้วยหมอก“ไขมุ่กแห่งจิตวิญญาณโลหิต” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ในตอ
[แอดมินเท่มาก!][แอดมิน ผมอยากมีลูกกับคุณ!][แอดมินรอฉันด้วย เดี๋ยวฉันจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปสู้กับซากศพเดินได้เอง!]พวกเราเดินจากหัวหมู่บ้านไปจนสุดหมู่บ้าน คนแรกที่พบคือฉินหนานเฉิง เขากำลังเหยียบหลังซากศพเดินได้ตัวหนึ่งและจับหัวของมันเอาไว้แล้วบิดอย่างแรงมีเสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะหันกลับมา พลางเดินมาหาเราอย่างเงียบสงบ “พวกเราไปต่อกันเถอะ”เซี่ยชิงหยูและหวางรุ่ยซีอยู่ด้วยกัน หวางรุ่ยซียังคงอยู่ในอาการที่อ่อนแอมาก แต่ก็ฝืนเสกกำแพงที่สูงกว่าหนึ่งเมตรขึ้นมา เมื่อเท้าของซากศพเดินได้สะดุดเข้า เซี่ยชิงหยูก็ใช้โอกาสตัดหัวของพวกมันออกเขาฆ่าพวกมันราวกับคนเสียสติ พร้อมพูดอย่างตื่นเต้น “สบายมาก! ผมไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว นี่มันตื่นเต้นกว่าสู้กับซอมบี้ในเกมอีก!”“ถังซินล่ะ?” ฉันถามขึ้นทุกคนมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ หายไปไหน ในหัวของฉันเต็มไปด้วยเส้นดำยุ่งเหยิงผู้ชายพวกนี้ใช้ไม่ได้จริง ๆ พวกเขากำลังเพลินอยู่กับเกมนี่จนทำนังหนูวัยสิบเก้าปีหายพวกเราต้องเข้าไปหาในหมู่บ้านอีกครั้ง ตอนนั้นซากศพเดินได้ที่ตายไปมีเพียงเจ็ดสิบถึงแปดสิบคน ซึ่งล้วนเป็นซากศพเดินได้
รถคันสีดำขับมาจอดอยู่ข้างหน้าฉันอย่างช้า ๆ คนขับเป็นผู้ชายวัยกลางคน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เคยขับรถให้ถังหมิงหลีมาก่อนหลังจากที่ขึ้นรถ ถังหมิงหลีก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จุนเหยา เธอไม่ควรนำยาเม็ดออกมาใช้นะ โดยเฉพาะยาถอนพิษ ตอนนี้เราไม่รู้ว่ามีกี่คนที่เข้ามายังเมืองเฉิงซานแล้วมุ่งเป้ามาที่เธอ”ฉันพูดยิ้ม ๆ “ต่อให้ฉันไม่เอาออกมา ก็มีคนจับตามองฉันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ห้องไลฟ์สดของฉันแปลกขนาดนี้ ทุกครั้งที่ไลฟ์สดก็เจอผี ฉันโดนคนพวกนี้จับตามองตั้งนานแล้ว”ถังหมิงหลีถอนหายใจพรางส่ายหัว “เมื่อก่อนพวกนั้นแค่ตามดูไลฟ์คุณเพื่อความสนุก แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ในมือของคุณมียาถอนพิษและยาเพิ่มพลัง แถมผลลัพธ์ก็ดีมาก แล้วมีเหรอที่คนตระกูลสูงพวกนั้นจะไม่อยากได้ไปครอบครอง?”ฉันตอบอย่างช่วยไม่ได้ “แต่ถ้าฉันไม่ใช้มัน เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วคงได้มีคนตายในไลฟ์สด และต่อให้ฉันแอบกินยาแบบไม่ให้รู้ พวกเขาก็ต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้น ถูกไหมล่ะ?”นี่คือความจริง ในเมื่อเลือกที่จะทำอาชีพแอดมินหญิงและเดินบนเส้นทางสายนี้ ก็ไม่มีทางที่จะอยู่ใช้ชีวิตแบบเดิมได้อีกแล้วถังหมิงหลีเองก็เข้าใจในจ
ว่ากันว่ารัฐมนตรีหูคนนี้เกิดในตระกูลหู ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง และเป็นนักบำเพ็ญเพียรชั้นสูงผู้หนึ่ง เขาเคยได้เรียนรู้คำสอนและคาถาของลัทธิเต๋าจากนักพรตเต๋าผู้มีพลังแข็งแกร่งมากท่านหนึ่ง เขาอายุยังน้อย แต่ก็ได้รับการฝึกฝนขั้นสูงระดับจนถึงระดับสามแล้ว ทั่วทั้งทิศตะวันตกเฉียงใต้ เขาคือคนที่มีพรสวรรค์ที่หาตัวได้ยากมากเขายกกาน้ำชาที่ชงเสร็จแล้ว เทลงในถ้วยน้ำชาและผลักไปข้างหน้า แล้วพูดว่า “คุณหยวน เชิญชิมชาถ้วยนี้ดูสิครับ”ฉันจึงเดินเข้าไปและนั่งลงตรงข้ามเขา มือเรียวถือชาไว้ในมือทั้งสองข้างและจิบไปหนึ่งที เพียงแค่จิบครั้งเดียวก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่วริมฝีปากและฟัน ชาสีเหลืองอำพันไหลเข้าสู่ร่างกายและถูกห้อมล้อมด้วยพลังจิตจาง ๆ โดยไม่คาดคิดพลังงานจิตนั้นหายากอย่างที่สุด แม้แต่อาหารกับยาที่ฉันทำยังเทียบไม่ได้ นี่เป็นชาแห่งจิตวิญญาณ ในยุคนี้ชาแห่งจิตวิญญาณถือว่าเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เลย“เป็นชาที่ดีจริง ๆ” ฉันอุทานขึ้นพลันมุมปากของเขากระตุกเล็กน้อย “เมื่อเทียบกับยาต้มถ่ายพิษปาเจินของคุณแล้ว ของเหล่านี้แทบอะไรไม่ได้หรอกครับ”ฉันยิ้มตอบ “องค์กรของคุณช่วยฉันได้มาก และฉัน
หลังจากที่ฉันเปิดจิตสำนึกแห่งสวรรค์ ฉันจึงรู้สึกไวต่อจิตวิญญาณของคนอื่น พวกเราอยู่ใกล้กันมากและเขาก็ไม่สามารถป้องกันฉันได้ ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่ามีเลือดไหลอยู่ในจิตวิญญาณของเขาร่างบางยิ้มและเอ่ยต่อ “อาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ฉันเลยเรียนรู้มาจากเขาค่ะ”หูชิงหยูเม้มริมฝีปาก ชาถ้วยเมื่อกี้ทำให้เขารู้สึกสบายสมองและสดชื่นชานี้ดีต่อพลังจิตของเขาจริงหรือ?ดวงตาของเขาร้อนผ่าวเมื่อมองมาที่ฉัน “คุณหยวน...คุณสามารถรักษาผมได้ไหม?”“ตอนนี้ยังไม่ได้” ฉันตอบกลับทันที “วัตถุดิบยาในมือของฉันมีไม่ครบ ถึงแม้ว่าบาดแผลของคุณจะไม่หนัก แต่มันผ่านมาหลายปีแล้ว ถ้าต้องรักษาก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาไห้หายได้ภายในวันเดียว”ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ และต้มกาน้ำชาอีกครั้ง หลังจากชาเดือดเขาก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณหยวน คุณจดรายการให้ผม ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบยาอะไร ผมสามารถหามาได้ทั้งนั้น”“ฉันขอดูพลังจิตของคุณก่อน” ฉันยืนขึ้นและเดินไปที่ข้างหลังเขา จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ศีรษะของเขาและปล่อยพลังจิตเข้าไปข้างในพลังจิตของเขาเหมือนหมอกสีขาว และในหมอกนั้นมีเมฆสีแดงเลือดลอยดิ้นอยู่ตลอดเวลา เมฆสีแดงเลือดนั้นย
เธอหยุดชั่วคราวและกล่าวอย่างยิ้ม ๆ อีกครั้งว่า “ฉันยังมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลอีกข้อหนึ่ง หวังว่าคุณหยวนจะตกลง”“เรื่องอะไรเหรอคะ?” ฉันไม่พอใจเล็กน้อยกับสายตาที่มีความดูถูกเหยียดหยามของเธอ แต่ฉันก็ยังถามอย่างเก็บอารมณ์เธอพูดว่า “ในการไลฟ์สดครั้งนี้ มีบางฉากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ง่าย ฉันอยากให้คุณหยวนได้โปรดอธิบายให้ผู้ชมฟังในการไลฟ์สดครั้งต่อไปด้วย เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจลูกเทียนของเราผิด”ใจของฉันสงบลงและรอยยิ้มบนใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นไม่เต็มใจเล็กน้อย “คุณนายเสวีย การไลฟ์สดของฉันเป็นการไลฟ์สดจับผีไม่ใช่การไลฟ์สดเกี่ยบกับความรู้สึก”คุณนายเสวียพูดอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมปฏิเสธ “ฉันก็กลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหยาเหมือนกัน ถึงอย่างไรคุณก็เข้าใจสถานะของตระกูลเราในเมืองจินหลิงชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทำให้คนอื่นเข้าใจคุณเหยาผิดว่าประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”สีหน้าของฉันเย็นลงมา นี่เป็นการเปลี่ยนวิธีที่จะบอกว่าฉันกำลังประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลฉันยิ้มจาง ๆ “คุณนายเสวีย ไม่รู้ว่าคุณชายเสวียเคยบอกคุณไหมว่าฉันเป็นคนรักษาอาการป่วยของเขาให้หายดี”คุณนายเสวียตะลึงไปคร
ยังไม่ถึงสองวัน ชาวเน็ตผู้หญิงที่ซื้อสบู่ทำมือเหล่านี้ไปก็มาโพสต์ที่หมวดยา พวกเธอพูดอย่างตื่นเต้นว่าสบู่ทำมือนี้ใช้ดีมาก ๆ พึ่งจะใช้ไปไม่กี่วันสภาพผิวก็ดีขึ้นมาก ริ้วรอยตรงขอบตาและมุมปากต่างก็ตื้นขึ้นเยอะด้วยมีหญิงสาวนักรบสายขาวคนหนึ่งบอกว่าบนใบหน้าของเธอมีสิวเยอะมาก เมื่อก่อนนี้เธอใช้เครื่องประทินผิวเยอะเยอะหลายชนิด แต่ก็ไม่ได้ผล และนั่นทำให้เธอเป็นทุกข์มาก ๆ แต่หลังจากที่เธอได้ใช้สบู่ทำมือ สิวบนใบหน้าของเธอก็หายไป และไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นมาอีก เธอยังปล่อยภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังออกมาเป็นพิเศษอีกด้วยในไม่ช้า สบู่ทำมือนี้ก็ถูกอัปโหลดลงบนนักเล่นแร่แปรธาตุเน็ตเวิร์กทั้งหมด และนักเล่นแร่แปลธาตุผู้หญิงจำนวนมากต่างก็ฝากข้อความต้องการจะซื้อไว้ทางบริษัทเครื่องสำอางก็มีผลตอบรับกลับมาว่าได้กำหนดสูตรสบู่ทำมือแล้วสามชนิด ชนิดที่หนึ่งคือ กลิ่นหอมของหอมหมื่นลี้ที่ใช้สำหรับขาวใส ชนิดที่สองคือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ที่ใช้สำหรับป้องกันสิว และอีกหนึ่งชนิดก็คือกลิ่นหอมของว่านหางจระเข้ที่ใช้สำหรับให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษผลลัพธ์ของทั้งสามชนิดต่างก็ดีมาก ๆ และทีมผู้บริหารของบริษัทก็พร้อมที่จะทำ
เมื่อมองดูรถของพวกเขาหายไป ฉันก็แอบถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าคุณนายเสวียจะลืมช่วงความตายของคุณชายเสวียไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดที่เหมือนโดนกรวยแหลมคมแทงทะลุเข้าไปในใจก็ยังฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอฉันยักไหล่ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถขอให้ทุกคนมาชอบตัวเองได้หรอกร่างบางกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ จนเช้าวันรุ่งขึ้นก็โดนปลุกให้ตื่นโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงฉันหาวหวอดพลางเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็เห็นถังหมิงหลียืนอยู่นอกประตู เขาถือกระเป๋าสัมภาระธรรมดาใบหนึ่ง เขาหน้าซีดเผือดมาก ราวกับว่าไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเพราะรีบกลับมาเมื่อเขาเห็นฉันก็รีบโผเข้ามากอดไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของฉันฝังอยู่ที่คอของเขาอย่างแรงและเขาก็พูดขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บนเกาะหิมะตลอด ฉันไม่รู้เลยว่าเธอว่าได้เจอกับอันตรายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นฉันต้องรีบกลับมาช่วยเธอโดยเร็วที่สุดแน่นอน”ฉันยิ้มออกมา “เป็นเพราะอย่างนี้เองเหรอ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นอะไร”เขาจับหน้าของฉันไว้แล้วก้มหน้าลงจูบอย่างเร็วฉันตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วรีบผลักเขาออก พลันพูดอย่างร้อนใจ “นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”“ใช่ ฉันบ้าไปแ
พลังที่เก้าเอ่ยแทรก “หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่จริงผีตัวนี้มีชีวิตและมีเนื้อหนัง แค่เนื้อหนังของมันก็คือทั้งหมดของโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง”ราชาตัวจริงแห่งเจิ้งหยางยังกล่าวอีกว่า “ฉันไม่ได้เจอผีที่มีเลือดเนื้อในร่างกายมนุษย์แบบนี้มาหลายปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังมีอยู่ในโลกมนุษย์”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถึงแม้ว่าในตอนนี้ในโลกมนุษย์จะขาดแคลนพลังปราณ แต่อารมณ์เจ็ดอายตนะหกของผู้คนก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น” พลังที่เก้าพูดขึ้น “ผีก็มากขึ้นเรื่อย ๆ”หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่ก้อนนั้นเริ่มเผาไหม้และควันหนาค่อย ๆ ลอยออกมา ผีใบหน้าสีดำตัวนั้นเผยหน้าตาที่แสนเจ็บปวดออกมา พลันกำแพงรอบ ๆ ก็เริ่มลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและพวกเราก็ได้วิ่งออกมาจากโรงเรียนแห่งนั้น อาคารร้างทั้งหลังล้วนจมลงไปในเปลวไฟ ริ้วลิ้นแห่งเปลวไฟยังกระโจมอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยแสงไฟ“อ๊าก!” ในที่สุดผีใบหน้าสีดำก็ปรากฏขึ้นมาในเปลวไฟ มันโดนไฟเผาจนเล็กลงเรื่อย ๆ และมองไม่เห็นอีกต่อไปฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกยาว ๆ ในที่สุดก็จบลงแล้ว จะไม่มีเกมส์แห่งความตายอีกต่อไปแล้ว และก
เมื่อมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาแต่เปื้อนเลือดของคุณชายเสวีย ในใจของฉันก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาเป็นพัก ๆ[เป็นไปไม่ได้มั้ง คุณเสวียตายแล้ว?][จะเป็นไปได้ยังไง ถึงแม้ว่าคุณเสวียจะมาเข้าร่วมไลฟ์สดแค่ชั่วคราว แต่จะตายง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร? เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้เชียวนะ][ใครบอกว่าจะไม่มีคนตาย? ทุกครั้งที่แอดมินไลฟ์สดล้วนอันตรายมาก แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายมาได้หลายครั้ง เมื่อก่อนที่จอมเผด็จการไม่ตายก็แค่โชคดีมากเท่านั้นเอง พวกคุณคิดว่าพวกเขาจะมีรัศมีของตัวเอกจริง ๆ เหรอ?][แอดมิน ฉันคือคนใช้ของครอบครัวคุณเสวีย เมื่อสักครู่แม่ของเขาก็ดูไลฟ์สดอยู่ แต่ตอนนี้ได้เป็นลมหมดสติไปแล้ว คุณเตรียมใจรอรับความโกรธของตระกูลเสวียได้เลย][คนข้างบนที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งชาวบ้าน ถ้าพวกคุณมีความสามารถก็ไปจัดการกับผีใบหน้าเองสิ จะระบายอารมณ์ใส่แอดมินทำไม?][แอดมิน...จะมีชีวิตกลับมาไหม?]ขณะนี้ในใจของฉันว่างเปล่า ฉันคุกเข่าลงบนพื้นและกอดหัวของเสวียห้าวเทียนไว้ ทั้งยังรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายฉันและคุณชายเสวียไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่เขากับฉันได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมาในเกมส์แห
เพี๊ยะ เพี๊ยะ! ไฟในเมรุเผาศพดังขึ้นและลัดวงจร กระแสไฟฟ้ารวมตัวกันในมือของฉันจนกลายเป็นก้อนใหญ่ [ว้าว ใช้กระแสไฟฟ้าหนึ่งแสนโวลต์ควบแน่นเป็นสายฟ้าก้อนกลม แอดมินเธอเก่งขั้นเทพเลยอ่ะ] [แรงดันไฟฟ้าสูงเท่าหนึ่งแสนโวลต์ที่ไหนกัน!] [ฉันพูดเกินจริงไม่ได้เหรอ? คุณจะยุ่งเกินไปแล้ว?] “คุณเสวีย หลบไปเร็วเข้า!” ฉันตะโกนเสียงดังแล้วโยนกระแสไฟฟ้าในมือออกไป ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของผีกองกอย ร่างของมันเปล่งแสงสีม่วงออกมาและส่งเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่า แต่สุดท้ายร่างกายก็ไหม้กลายเป็นศพไหม้เกรียม “เร็วเข้า เอามันเข้าไปในเตาเผาศพ!” ฉันและเสวียห้าวเทียนอดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อยกผีกองกอยขึ้น แล้วรีบเข้าไปในห้อง พร้อมเปิดเตาเผาศพและโยนศพเข้าไป บึ้ม! ในเตาเผามีเปลวไฟลุกโชนออกมา ผีกองกอยดิ้นทุรนทุรายอย่างดุเดือด ฉันตะโกน “ปิดประตู!” ประตูเตาเผาได้ปิดลงเสียงดังปัง เสียงดิ้นรนดังออกมาจากด้านใน ศพถูกเผาเป็นเวลานานมากก่อนที่จะหยุดลง และท้ายที่สุดก็มีเศษกระดูกออกมาจากรูด้านหลัง กระดูกไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านทั้งหมด แต่เผาแล้วกลายเป็นเศษเล็ก ๆ พวกมัน
[เพื่อเงินเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับฆ่าพ่อของตัวเอง ช่างน่าเศร้าจริง ๆ] [มีลูกชายแบบนี้ มิน่าล่ะพ่อของเขาถึงได้โกรธทะยานขึ้นจนศพเปลี่ยนไป] [จะไปโทษใครได้? นอกจากตัวเขาเอง ใครบอกให้เขารักลูกชายมากเกินไปล่ะ? รู้จักแต่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักอบรม นั่นเป็นความผิดขอพ่อแม่] ในห้องไลฟ์สดมีการโต้เถียงทุกแบบอย่าง ผีดิบฟางเหวินตัวนั้นกระโดดออกมาจากโลงศพ โลงศพเป็นโลงไม้เนื้อแข็งแบบดั้งเดิม และสูงพอ ๆ กับไหล่ของผู้ใหญ่ แต่มันสามารถมันกระโดดออกมาได้ในพริบตา ในตอนนั้นเอง ร่างกายของฟางเหวินก็เริ่มมีขนงอกออกมาอย่างรวดเร็ว เขามีขนปุกปุยราวกับลิงอุรังอุตังที่เป็นบรรพบุรุษ [ผีกองกอย! นี่มันผีกองกอยจริง ๆ!] [ผีกองกอยเป็นกระดูกเหล็กทองแดงในตํานาน! มันเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดขึ้นอาคารบ้านเรือนไปบนต้นไม้ กระโดดโลดเต้นราวกับบิน ไม่กลัวไฟธรรมดา หรือแม้แต่แสงอาทิตย์] [ข้างบนมีความรู้เยอะจัง] [ไร้สาระ เว็บไป๋ตู้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้น] ฉันเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถูกลูกชายแท้ ๆ ของตัวเองฆ่าตาย ลูกชายก็อกตัญญู และมักจะด่าทอเขา เขามีความคับข้องใจมาเป็นเวลานาน แถมลูกชายก็ไม่ได้จัดงานศพให้ หลังจ
ฉันถามถึงที่อยู่และเรียกแท็กซี่กับเสวียห้าวเทียน จนมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เรียกว่าฝางเจีย เมืองนี้ค่อนข้างหดหู่กว่าเมืองชิงหยาง มีเพียงคนแก่ใกล้วาระสุดท้ายที่นั่งอาบแดดอยู่หน้าประตู เราสอบถามเกี่ยวกับโรงฌาปนกิจศพในเมืองฝางเจีย วันนี้ไม่มีการจัดงานศพ ภายในนั้นเงียบมาก และมีชายชราคนหนึ่งกําลังกวาดพื้น “ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือผู้เฒ่าฟางใช่ไหมคะ?” ฉันก้าวไปข้างหน้าและถามเขาทันที เขามองฉันอย่างระมัดระวังพลางกล่าว “คุณมีธุระอะไร?” “เมื่อสองวันก่อน มีช่างขนศพพาศพหกศพมาค้างคืนที่นี่ใช่ไหมคะ?” ฉันถาม ความระแวดระวังในดวงตาของชายชรายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น “ผมจําไม่ได้แล้ว” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป เสวียห้าวเทียนเดินไปข้างหน้าและจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ “ผู้เฒ่าฟาง อย่าเพิ่งรีบไปสิ มาคุยกับพวกเราเถอะครับ” พร้อมกันนั้น เขาก็ยัดธนบัตรสีแดงสองใบใส่มือชายชราไปด้วย เขาลังเลเล็กน้อยและกำธนบัตรสีแดงไว้ ก่อนจะกล่าว “คุณต้องการถามอะไร?” เสวียห้าวเทียนยิ้มบาง “เราแค่อยากรู้ว่าในโลงศพทั้งหกศพนั้นบรรจุอะไรไว้” “แล้วมันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? แน่นอนว่าต้องเป็นศพอยู่แล้ว” ตาแก่ฟางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ การที่ภูตผีจากโรงเรียนมัธยมหวนซานนี้ รวบรวมเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นจริงไว้มากมายเพื่อทดสอบคนอื่น ที่แท้เพราะอะไรกันแน่นะ? เขาวางแผนอะไรอยู่นะ? จริงสิ! ความกลัวไงล่ะ! ความกลัวที่พวกเราประสบในมิติวิญญาณจะกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน ทําให้มันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมภูตผีถึงชอบทำให้คนกลัว หลังจากที่มนุษย์หวาดกลัวแล้ว พลังหยางจะถูกทําลาย ทำให้ถูกสิงได้ง่ายขึ้น แต่ภูตผีบางชนิดสามารถดูดซับความกลัวได้ เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น พอดึกขึ้นเรื่อย ๆ ก็มีเสียงกรนดังมาจากห้องเวร ตอนแรกฉันว่าจะไปผนึกศพพวกนี้ก่อน แต่ตัวอักษรเลือดพูดถึงผีดิบที่ฆ่าศพฟื้นคืนชีพ ถ้าฉันฝืนเปลี่ยนเค้าโครงเรื่อง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องระวังตัวไว้จะดีกว่า พริบตาเดียวก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว และเป็นตอนที่พลังหยินพลุ่งพล่านที่สุด พระจันทร์เสี้ยวสีแดงเลือดดวงนั้นสว่างจนแสบตาเป็นพิเศษ ฉันสอนวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสวียห้าวเทียน โดยการปิดปากและจมูก เพื่อให้ผีดิบไม่ได้กลิ่นมนุษย์บนตัวเรา ทันใดนั้นกลิ่นอายวิญญาณก็พวยพุ่งออกมาจากในห้อง ศพทั้งหกพลันลืมตาขึ้นมาพร้อ