ใช่แล้ว ในงานศพของยวีฉียังมีผู้หญิงอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ แม่ของยวีฉีตลอด ว่ากันว่าหล่อนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอมาตั้งแต่เด็ก พี่น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมากผู้หญิงคนนั้นน่าจะชื่อยวีหลางแต่ทำไมยวีหลางถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้? เธอตกต่ำลงขนาดนี้เชียวหรือ?ไม่ใช่ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่ ๆขณะนี้ ยวีหลางกำลังกอดอยู่กับผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่ง พวกเขาทั้งสองกำลังแสดงท่าทีออดอ้อนใส่กันแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะหล่อเหลา แต่สีหน้าของเขากลับดูซีดเซียวมาก เบ้าตาเป็นสีดำ บริเวณกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสองข้างกลายเป็นสีเขียว ราวกับว่าชายคนนั้นปล่อยตัวให้น้ำเมาและความเย้ายวนของผู้หญิงควบคุมร่างกายตัวเองผู้ชายคนนั้นก้มลงจูบยวีหลาง หล่อนเงยหน้าขึ้นตอบรับ หากแต่มีแววตาที่ดุร้ายฉายแวบเข้ามาหรือว่า...ยวีหลางลากผู้ชายคนนั้นเข้ามากกกอด พลันเอ่ย “คุณชายเฉา เราไปชั้นบนกันเถอะค่ะ”คุณชายเฉาตื่นตัวไปทั้งร่าง มือหนากอดเอวบางและรีบพากันเดินขึ้นไปชั้นบนทั้งสองคนเข้าไปในห้อง คุณชายเฉามีท่าทีเหมือนเสือที่หิวโหยตัวหนึ่งยวีฉีมองไปที่ทั้งสองคนอย่างวิตกกังวล แต่ไม่รู้ว่าตนจะต้อ
[ฉันรู้จักนักแสดงชายคนนี้ นี่ไม่ใช่คุณชายเฉาเหรอ? เขาเป็นลูกชายคนที่สองของผู้จัดการใหญ่บริษัทระหว่างประเทศกวางลู่ เขาเป็นคนเจ้าสำราญที่มีชื่อเสียงมาก]คุณชายเฉาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ตกอยู่บนไลฟ์สดและกลายเป็นคนดังไปแล้ว เขามองไปที่ยวีหลางอย่างเย็นชาพลันเอื้อมมือออกไปตบของหน้าเธออย่างแรง “ฉันอยากได้หล่อน เพราะฉันสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้น แต่หล่อนกลับเอาที่เขี่ยบุหรี่มาตีหัวของฉัน! ตอนนั้นฉันไม่ฆ่าเธอกับแม่แก่ ๆ ของพวกเธอด้วยก็ถือว่าเมตตามากแล้วนะ แต่เธอยังกล้ากลับมาแก้แค้นฉันอีกเหรอ?”[เคยเห็นคนไม่ดีมาเยอะ แต่ฉันไม่เคยเห็นคนเลวขนาดนี้มาก่อน][คอมเมนต์บนนี่เป็นทายาทเศรษฐีที่เต็มไปด้วยคุณธรรมเหรอ][ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว ไลฟ์สดนี้คือหลักฐานที่ใช้ในศาลได้ เฮ้ เฮ้ เจ้าคนนามสกุลเฉา ฉันไม่สนว่าคุณจะรวยแค่ไหนหรือมีภูมิหลังอย่างไร ยังไงคุณก็ต้องเข้าคุก][คอมเมนต์ทำได้ดีมาก]สายตาของยวีหลางเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดจนอยากจะจับชายตรงหน้ามาสับให้ละเอียด เธอพูดขึ้นว่า “เฉาเทียนฉวน ต่อให้ฉันเป็นผีฉันก็จะไม่ปล่อยแกไป! “เฉาเทียนฉวนยิ้มอย่างเย็นชา “พูดได้ดี งั้นฉันจะส่งให้เธอไปเป็นผีเดี๋ยวนี้แหละ”
ฉันถือโอกาสพยุงตัวยวีหลางขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังสะลึมสะลือ ก่อนจะหันหลังวิ่งออกมา บอดี้การ์ดคำรามด้วยความโกรธ “หยุดเดี๋ยวนี้!” จากนั้นพวกเขาก็ไล่ตามมา แต่กลับมีกระจกของโต๊ะชาสไลด์ลอยมา ทำให้พวกนั้นล้มกันเป็นระนาว เสียงการต่อสู้จากชั้นบนสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้คนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ด้านล่าง โดยเฉพาะเฉาเทียนฉวน เขาถีบประตูด้วยขาข้างเดียวเข้ามา และทันทีที่เข้ามาถึงก็เห็นผีผู้หญิงหน้าตาสยดสยองนั่งอยู่บนคอของบอดี้การ์ด เขาแหกปากร้องออกมาด้วยความตกใจจนล้มลงตูดกระแทกพื้น“ผี มีผี!”จุนเหยารีบวิ่งออกมาจากคฤหาสน์แล้วดักรถแท็กซี่ที่ขับผ่านมา จากนั้นจึงขึ้นรถไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางก็เห็นรถตำรวจมากมายแล่นสวนผ่านไปด้วยฉันกดปิดห้องไลฟ์สด ก่อนจะก็นำยารักษาชนิดเจือจางเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากยวีหลาง เหล่าหมอและพยาบาลต่างช่วยกันเข็นเธอเข้าไปในห้องผ่าตัด ส่วนฉันก็ค่อย ๆ ปลีกตัวออกมาท่ามกลางค่ำคืนอันมืด และย่องกลับบ้านอย่างเงียบเชียบมือเรียวกดเปิดทีวีดู หน้าแรกปรากฏรายการถ่ายทอดสดหนึ่งขึ้นมา สิ่งที่กำลังฉายอยู่นั้นคือ การติดตามสถานการณ์ของเรื่องนี้พอดีผู้ที่กำลังไลฟ์สดคนนี้อยู่ที่คฤหาสน์หลัง
วันนี้ฉันฝึกซ้อมไปหนึ่งวันเต็ม รู้สึกว่าจิตใจเบิกบานมากกว่าเดิมฉันกดเปิดคอมเพื่อจะดูข่าวของเฉาเทียนฉวนว่ามีความคืบหน้าใดบ้าง แต่กลับพบว่าไม่มีเว็บพอร์ทัลหลักอันไหนเลยที่ลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ บนเวยป๋อเองก็มีแต่ข่าวการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา ฉันขมวดคิ้วพลางคิดว่ากลยุทธ์ของตระกูลเฉาช่างหลักแหลมจริง ๆไม่ได้การละ! ยวีหลางมีอันตราย!คิดได้ดังนั้น จุนเหยาจึงรีบไปที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงก็พบว่ายวีหลางได้ถูกตำรวจจับกุมตัวในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อรู้เรื่องฉันก็โทรหาเสี่ยวหลินทันที เขาถอนหายใจพร้อมกับบอกว่า “ยวีหลางนั่นสารภาพผิดกับทางสถานีตำรวจหมดแล้ว เธอบอกว่าพี่สาวของตัวเองลื่นหล่นลงมาจากตึก และที่อยากจะแก้แค้นเฉาเทียนฉวน ก็เพราะอิจฉาที่เฉาเทียนฉวนยังมีผู้หญิงคนอื่นอีก ส่วนเรื่องที่เฉาเทียนฉวนฆ่าคนนั้นก็ไม่มีหลักฐานอะไร อีกไม่นานทางฝั่งตำรวจก็คงจะปล่อยเขาไป”ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ยวีหลางเกลียดเฉาเทียนฉวนเข้ากระดูก แล้วทำไมเธอถึงได้กลับคำสารภาพ?หรือว่า…แย่แล้ว! เกรงว่าป้าซุนกำลังจะมีอันตรายป้าซุนเป็นแม่ของยวีหลาง ได้ยินมาว่าสุขภาพของหล่อนไม่ค่อยดีเท่าไหร
ช่วงนี้เข้าเดือนที่สองของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มมืดเร็วขึ้น พอถึงเวลาประมาณหกโมงกว่า ๆ ฟ้าก็มืดเสียแล้ว คืนนี้มองไม่เห็นดวงจันทร์ เมฆดำกำลังบดบังเมืองทั้งเมืองให้อยู่ในความมืดร้านหงหยุนเป็นหนึ่งในร้านอาหารใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากในเมืองซานเฉิง และมีการประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งราคานั้นก็สูงลิ่วจนเป็นที่น่าตกใจสำหรับผู้ได้ยิน ทุกคนต่างบอกกันว่าขนาดอาหารที่ราคาถูกที่สุดในร้านก็ราคาร้อยกว่าหยวนขึ้นไปทั้งนั้นสถานที่แบบนี้ เมื่อก่อนแค่ให้ฉันเดินเข้าไปฉันยังไม่เข้าเลย แต่วันนี้ฉันกลับต้องมางานเลี้ยงที่ภายนอกดูแล้วแสนจะหรู แต่ลับหลังกลับซ่อนมีดคมเอาไว้ โชคตาของคนเรามันช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ“เธอพกนี่เอาไว้” ถังหมิงหลีหยิบเข็มกลัดออกมา เข็มกลัดอันนั้นทำมาได้อย่างงดงาม ไข่มุกสีชมพูประกอบกันเป็นดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ที่น่ารัก หยกเขียวถูกแกะสลักให้เป็นใบไม้สีเขียวสด ทำให้ผู้ที่พบเห็นมันหลงใหลจนละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว“มันคือ?”“กล้องรูเข็ม” ถังหมิงหลีเอ่ย “นี่เป็นเทคโนโลยีชิ้นใหม่ล่าสุดของต่างประเทศ สามารถควบคุมด้วยมือถือได้ วันหลังเธอก็จะได้ไม่ต้องแขวนมือถือไว้ที่คออีก”ฉันยิ้มอย่างข่
จุนเหยาที่กำหมัดแน่นพร้อมจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาอันเยือกเย็น“นี่คงจะเป็นแอดมินไลฟ์สดสยองขวัญสินะ” เฉาเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันดูเป็นภาพที่อ่อนโยน ราวกับว่าเชิญฉันมาทานข้าวจริง ๆ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองถังหมิงหลี แล้วพูดอย่างไม่มั่นใจ “และท่านนี้คือ…จอมเผด็จการเหรอครับ?”ถังหมิงหลีมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ได้พูดอะไร เฉาเยี่ยนคิดว่าเขาคงไม่ได้ไม่พอใจอะไร จึงเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มว่า “มา มา ไม่ต้องเกรงใจ นั่งลงเถอะ”ขณะที่ฉันกำลังจะนั่งลง อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเอ่ยขึ้น เขาขมวดคิ้วนิด ๆ “หัวหน้าครอบครัวของตระกูลเราจะไม่นั่งทานข้าวร่วมกับคนที่มองไม่เห็นหน้าเห็นตากัน” ฉันขมวดคิ้วทันที นี่คือต้องการให้ฉันถอดหมวกกับแมสออกใช่ไหม?พอมาถึงก็วางอำนาจใส่กันเลยหรือไงฉันตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่หน้าของฉันมีรอยแผลน่าเกลียด ไม่อยากทำให้ทุกท่านทานอาหารกันไม่ลงน่ะค่ะ”เฉาเทียนฉวนยกมุมปาก “ท่านปรมาจารย์เทียนหมิงอยากให้เธอถอดหมวกกับแมสออก ถือเป็นเกียรติสำหรับเธอนะ แต่การที่เธอบอกปัดไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ มันจะเป็นการหยามน้ำใจท่านปรมาจารย์หรือเปล่า?”ฉันกำหมัดแน่นพร
ฉันเข้าใจมันโดยปริยาย จากนั้นก็ก้าวมาข้างหน้า สองมือประสานกันเป็นตราประทับแบบฉบับลัทธิเต๋า พลางเอ่ย “ใช้คำพูดแบบนี้กับกัลยาณมิตรแห่งลัทธิเต๋าด้วยกัน มันจะเกินไปหรือเปล่าคะ?”ใครจะรู้ว่าปรามาจารย์เทียนหมิงผู้ซึ่งสงบนิ่งมาโดยตลอดจะหยุดชะงักไปทันที ก่อนจะหันมามองที่ฉันด้วยความตกใจกลวิธีที่ฉันใช้เป็นกลวิธีที่มีเฉพาะในประตูสวรรค์แห่งหวางเท่านั้น ดังนั้นเหล่าลูกศิษย์ที่ออกมาจากที่นั่น ถ้ามีคนใช้กลวิธีนี้ทักทายกัน ก็ถือว่าเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันเขามองฉันอย่างประเมินคร่าว ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าอับอาย “เธอเป็นใครกันแน่?”“คนบนภูเขา” ฉันเอ่ยพร้อมกับชี้ไปบนฟ้า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโค้ดลับที่ใช้เชื่อมต่อกันของสำนักสวรรค์แห่งหวาง เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “ต่อให้เธอจะบอกว่าเป็นคนของสำนักสวรรค์แห่งหวาง แล้วอาจารย์ของเธอล่ะเป็นใคร?”ฉันส่ายหน้าพร้อมกับตอบกลับไปว่า “ชื่อของท่านอาจารย์ ไม่ใช่สิ่งที่คุณควรได้ยิน”เมื่อฉันพูดประโยคนี้ออกไป ก็ทำให้ทุกคนในห้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน เนื่องด้วยปรมาจารย์เทียนหมิงมีชื่อเสียงโด่งดังมากว่ายี่สิบปี เกรงว่าฉันคงจะเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้
ฉันไม่เข้าใจถึงความหมายของมัน ราชาแห่งหวางซานจึงกล่าวต่อว่า “คนผู้นี้มีสภาวะด้านอารมณ์ที่โหดร้าย นี่เป็นวิชาลับของสำนักฉัน หากมีคนที่คิดจะลบล้างหรือพยายามฆ่าบรรพจารย์ของตนเอง อาจารย์จะเอาลมหายใจสุดท้ายแห่งความเกลียดชังนี้ใส่เข้าไปในตัวศิษย์ที่คิดก่อกบฏก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจ เพื่อที่ในวันข้างหน้า ไม่ว่าศิษย์ผู้นั้นจะเดินทางไปที่ใด ศิษย์คนอื่นจะได้รู้ถึงความชั่วร้ายของเขา”เมื่อได้ฟังฉันก็รู้สึกทึ่งมาก ที่ประตูสู่สวรรค์แห่งหวางมีวิชาลับแบบนี้ด้วยเหรอ“เธอกล้ารับคำท้าครั้งนี้ไหม?” เทียนหมิงเอ่ยถามเสียงแข็งฉันจึงรุกถามกลับเขาอย่างมีนัยยะสำคัญ “เทียนหมิง ที่คุณบอกว่าฉันไม่มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำของสำนักสวรรค์แห่งหวาง แล้วคนที่คิดลบล้างบรรพจารย์อย่างคุณ มีคุณสมบัติแล้วอย่างนั้นเหรอ?” สีหน้าของเทียนหมิงเปลี่ยนไปในทันที ฉันจึงเอ่ยเสียงเข้มต่อ “คุณฆ่าได้แม้กระทั่งอาจารย์ผู้มีประคุณ เทียนหมิง คุณรู้สึกสำนึกผิดบ้างไหม?”เทียนหมิงโกรธมาก เขาทั้งละอายและขุ่นเคืองใจ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่กลับพลิกมือทั้งสองข้าง แล้วปล่อยลมปราณอันหนาวเหน็บมุ่งตรงมาทางฉันแทน ถังหมิงหลีจึงรีบเข้ามาสกัดกั้นทันที