หลังจากที่ว่านเย่วอิงออกมาจากร้านเครื่องประดับก็มุ่งหน้าไปยังโรงรับจำนำทันที ในตอนแรกฉีเล่อก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย แต่เมื่อได้ยินคำสนทนาของนางกับคนของนาง เขาก็แทบจะหลั่งน้ำตาแทนคุณชายของตนเลยก็ว่าได้ แต่หลั่งน้ำตาของเขามิได้หมายถึงการร่ำไห้เสียใจแทนแต่อย่างใด แต่หมายถึงหลั่งน้ำตาเพราะหัวเราะจนน้ำตาแตกต่างหาก สตรีนางนี้ช่างอยู่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆโฉมสะคราญที่วันนี้ได้รับลาภก้อนโต ตอนนี้ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มกว้างพาร่างสะโอดสะองมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโรงรับจำนำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง"คุณหนูมันจะดีหรือเจ้าคะ"เสียงเสี่ยวมี่เอ่ยขึ้น รั้งให้คนที่กำลังจะย่างเท้าเข้าไปด้านในหยุดชะงัก"แล้วเหตุใดมันจะไม่ดีเล่าเสี่ยวมี่"อิงอิงหันกลับมาเอ่ยถามบ่าวคนสนิทที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่ใคร่จะดีนัก"ก็กำไลวงนี้คุณชายเซี่ยมอบให้ท่านนะเจ้าคะ"นางเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย เมื่อรู้ว่าผู้เป็นนายจะนำกำไลที่พึ่งจะได้มาไปขาย"ก็ใช่อย่างไร เขามอบให้ข้า ดังนั้นข้าจึงมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นไรกับมันก็ได้"อิงอิงตอบอีกฝ่ายราวกับไม่ใส่ใจ ยังคงชื่นชมกำไลในมือด้วยรอยยิ้ม"บ่าวคิดว่าท่านจะเก็บของที่คุณชายเซี่ยมอบให้เอาไว้เสียอีก"
ดวงตาฉ่ำน้ำวาววับคู่หนึ่งมองตามแผ่นหลังของสตรีหนึ่งในสองนางที่กำลังเดินพูดคุยกัน หัวเราะหัวใคร่กันอย่างมีความสุข ประกายดำมืดค่อยๆ กลืนกินนัยน์ตางดงามหยั่งลึกจนแทบจะมองไม่เห็นก้นบึ้ง สองมือเรียวกำแน่นจนสั่นระริก ปลายเล็บจิกลงบนฝ่ามือจนแดงช้ำ ยิ่งเห็นใบหน้าราวกับนางจิ้งจอกของอีกฝ่ายเผยอรอยยิ้มมีความสุขสว่างสดใส เรือนร่างอรชรยิ่งสั่นเทิ้ม มองสตรีในอาภรณ์แสนงดงามก้าวย่างอย่างมั่นใจขึ้นไปบนรถม้าคันใหญ่มีบ่าวรับใช้คอยประคับประคองทะนุถนอม ประกายความเกลียดชังยิ่งสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่สวย มือที่กำจนแน่นทุบลงบนกำแพงอิฐที่ใช้เป็นที่กำบังกายอย่างแรงแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเท่ากับดวงใจที่กำลังบีบรัดในตอนนี้ น้ำตาแห่งความคับแค้นหลั่งริน ไหลลงมาอาบแก้มนวล ใบหน้างดงามหวานละมุนบิดเบี้ยว ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะยกฝ่ามือขึ้น ปาดหยาดน้ำตาแห่งความเกลียดชังออกจากใบหน้า กล้ำกลืนก้อนแข็งที่แล่นมาจุกอยู่กลางอก ข่มกลืนมันลงคอ เชิดใบหน้างามที่ตนภูมิใจหนักหนาขึ้น หันกายสาวเท้าเข้าไปด้านในโรงรับจำนำแห่งนั้นด้วยประกายตาแห่งความมุ่งมั่น.......................................................ดวงตาดอกท้อของฉีเล่อทอประกาย
ความรู้สึกร้อนวูบๆ วาบๆ ตรงหลังคอ ราวกับกำลังถูกจับจ้อง มันเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างดึงให้คนที่กำลังให้ความสนใจกับร้านรวงริมทางที่ตั้งเรียงรายตลอดสองฟากของถนน มีทั้งขนมและของกินหน้าตาน่ากินหลากหลายและเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้หน้าตาประหลาดมากมายที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองนางอยู่แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมดุที่ทำให้หัวใจและติ่งน้อยๆ กระตุกวูบ ก่อนที่ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจในโพรงอกจะเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาดส่งผลให้ปลายยอดของโนมเนื้อสองก้อนแข็งครัดขึ้นทันตา ใบหน้าคร้ามคมหล่อเหลาเจ้าของนัยน์ตาร้อนแรงคู่นั้น ช่างมีอิทธิพลกับร่างกายและหัวใจของนางจนน่าตกใจท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินทูนหัวทูนโหนกของอิงอิง ดูสิขนาดมองจากระยะไกลๆ เช่นนี้ ความหล่อเหลา ความดุดันยังพุ่งมากระแทกใจอิงอิงจนบรรดาติ่งเล็กติ่งน้อยบนร่างกายพากันสั่นระริกอิงอิงกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก พยายามฉีกรอยยิ้มกว้างโบกไม้โบกมือราวดรุณีน้อยแสนน่ารักผู้ไร้เดียงสาให้อีกฝ่าย ให้เขาได้รู้ว่านางนั้นดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอกับเขา เดชะบุญที่ตอนนี้เราอยู
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา ตามด้วยเสียงสนทนาที่ดังแว่วให้ได้ยินจากด้านหน้าประตูทำให้คนที่กำลังกังวลกับสังขารตัวเองถึงกับลุกลี้ลุกลน มือหนาลูบไปตามอาภรณ์บนกายกำยำ ตบๆ ลูบๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้วางท่าเคร่งขรึมใบหน้านั้นแสนเย็นชาราวกับกำลังบัญชาการรบอยู่ก็มิปานแต่ให้ตายเถอะมือไม้ของเขาเหตุใดวันนี้มันถึงได้เกะกะยิ่งนัก แม้ภายนอกเขาจะดูสงบเยือกเย็น แต่ใครจะรู้ว่าภายในนั้นภายใต้อกแกร่งมันเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะจัดให้มือไม้อยู่เป็นที่เป็นทาง จัดการอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงน้ำเมาก็ถูกยกขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่าแต่ดื่มไปหลายจอกจนรู้สึกถึงฤทธื์สุราที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนด้านนอกจะเปิดประตูเข้ามาเสียที เสียงหวานที่ดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินทำให้ต้องปรายตามองไปทางประตูครั้งแล้วครั้งเล่า ริมฝีปากหยักเริ่มที่จะเม้มแน่น คิ้วเข้มขมวดมุ่น ตรงขมับนั้นเต้นตุบๆ จนรู้สึกได้ จิตใจที่สงบลงเพียงครู่เริ่มไม่มั่นคงอีกครั้งคุยอันใดกันนักหนา แล้วไปรู้จักกับอาเล่อตั้งแต่เมื่อใดกันยังมิทันได้หาคำตอบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออกกว้าง ปรากฏใบหน้างดงามดวงตากระจ่างใสของสตร
ริมฝีปากหนาผละออกจากเรียวปากอวบอิ่มอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเห็นว่าโฉมสะคราญผู้เก่งกล้าตอนนี้ปรับลมหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้างดงามนั้นแดงก่ำ หัวใจของนางที่แนบไปกับแผงอกของเขาเต้นรัวแรงจนรู้สึกได้และมันกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจของเขาเซี่ยเยี่ยนเฉินจุมพิตลงบนริมฝีปากอวบอิ่มแผ่วเบาอีกครา ปลายจมูกโด่งคลอเคลียสัมผัสไปทั่วใบหน้านวล หลับตาลงสูดดมกลิ่นกายสาว ซึมซับความหอมหวานจากเนื้อนวล เขากำลังรู้สึกลุ่มหลง คลั่งไคล้ จนยากจะถอนตัวถอนใจ หน้าผากกว้างแนบลงบนหน้าผากเล็ก ลมหายใจหอบกระเส่าเป่าลดกันและกันมันให้ความรู้สึกรุ่มร้อนจนลำคอแห้งผาก ตาคมดุจ้องลึกลงไปในดวงตางดงามที่เขาหลงใหล อุ้งมือใหญ่ที่โอบประคองลำคอระหงเอาไว้ เคลื่อนมากอบกุมใบหน้างามแดงซ่าน ปลายนิ้วหัวแม่มือแข็งแกร่งไล้คลึงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเจ่อขึ้น จนคนถูกกระทำท้องไส้ปั่นป่วน อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งเหลว ทิ้งกายลงเอนซบบดเบียดลงบนแผงอกกำยำ"ข้าเชื่อเจ้า เชื่อทุกๆ คำที่เจ้าพูด"เสียงแหบพร่ากระซิบบอกสตรีที่กำลังแหงนเงยมองเขาด้วยประกายตาหวานหยาดเยิ้ม น้ำคำที่เขาเอ่ยออกไปคือความสัตย์จริงและถึงแม้ว่านางจะโกหก เขาก็ยินดีที่จะเชื่อ นั่นคือควา
เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสตรีที่นั่งตัวสั่นให้เขาจัดอาภรณ์ให้อย่างเอ็นดู อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อแม่นางคนเก่งไม่กล้าแม้แต่จะเหงนเงยใบหน้าขึ้นมาสบตากับเขาเสียแล้ว"ไหวหรือไม่"เสียงแหบพร่าของบุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์เอ่ยถามดรุณีน้อยตรงหน้า ริมฝีปากหนายกยิ้มนัยน์ตาพราวระยับราวพยัคฆ์เฒ่าแสนเจ้าเล่ห์ที่กำลังหลอกล่อให้ลูกกวางตัวน้อยติดกับอิงอิงช้อนสายตามองบุรุษที่เข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้างามแดงซ่านด้วยความอาย เกิดมายังไม่เคยอับอายเท่าครั้งนี้มาก่อน กึ่งกลางกายยังรู้สึกหนุบๆ หนับๆ จนต้องหนีบเรียวขาทั้งสองข้างหุบเข้าหากันแน่น ขาสั่น ขาชา ขาอ่อน มันรู้สึกวูบวาบไปหมด นางอยากจะมุดดินหนีเหลือเกิน จะบอกเขาได้อย่างไรว่านางไม่ไหว ตอนนี้ยังคล้ายกับว่านางกำลังล่องลอยอยู่เลย และขาของนางก็ยังสั่นไม่เลิก จึงเลือกที่จะใช้ความเงียบเป็นคำตอบ มีเพียงฝ่ามือเล็กเท่านั้นที่ยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่ร้อนฉ่า บอกเขาให้รู้ว่านางกำลังรู้สึกเช่นไรหึหึหึเซี่ยเยี่ยนเฉินหลุดหัวเราะให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั้น เหลือบตามองไปยังประตูทีหนึ่ง เขามั่นใจว่าผู้เป็นบุตรชายจะไม่เสียมารยาทผลักประตูเข้ามาแน่หากเขาไม่อนุญาต จึงหัน
เซี่ยเยี่ยนเฉินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสายตาของบุตรชาย จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายเสียงขรึม ร้อยวันพันปีมีหรือเจ้าลูกชายตัวดีจะเฉียดใกล้เข้ามาหาเขาก่อนหากเขาไม่เรียกหา วันนี้กลับวิ่งแจ้นมาเสียได้ ช่างเป็นบุตรชายที่ประเสริฐดีแท้"ว่าอย่างไรเทียนเอ๋อร์ มีธุระอันใดกับข้าอย่างนั้นหรือ"น้ำเสียงตึงๆ ของบิดาที่เอ่ยดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นอายดุดันที่สัมผัสได้ ทำให้เซี่ยชิงเทียนจำต้องถอนสายตาจากสตรีตรงหน้าเซี่ยชิงเทียนละสายตามามองบิดาของตนที่เอ่ยวาจาห่างเหินเสียเหลือเกิน หากไม่มีธุระเขาจะมาหามิได้หรอกหรือ แล้วใบหน้าบึ้งตึงอึมครึม ดวงตาดุดันเช่นนั้นมันหมายความเช่นไรกัน บุรุษหนุ่มผู้มาใหม่หรี่ตามองบิดาของตนที สตรีอีกนางที ความแปลกใจระคนสงสัยมากมายประเดประดังเข้ามา เขารู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งคู่มันดูไม่ปกติ นี่เขาพลาดสิ่งใดไปหรือไม่คิ้วคมขมวดเข้าหากันแล้วคลายออก ส่งยิ้มกว้างให้บิดาของตน ไม่ว่าสตรีนางนี้คิดจะทำสิ่งใด จะคาบข่าวใดมาฟ้องบิดาหรือคิดจะเป่าหูบิดาของเขา นางวางแผนอะไรไว้วันนี้เขาจะต้องรู้ให้ได้"ลูกเพียงจะมาร่ำสุราเป็นเพื่อนท่านเท่านั้นขอรับ ไม่นึกเลยว่าจะเจออิงเอ๋อร์ที่นี่ด้วย"เซี่ยชิงเทียนเอ่
อิงอิงมองกาสุราและอาหารหลากหลายชนิดทั้งอาหารคาวและหวานที่ถูกลำเลียงเข้ามาวางเรียงรายบนโต๊ะจนละลานตาอย่างตกตะลึง ก่อนจะตวัดตามองคนต้นเรื่องที่สั่งมาราวกับตายอดตายอยากอย่างไม่พอใจนางอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายคามือนัก เขาพูดจาหาเรื่องกระแนะกระแหนนางแล้วยังจะกลั่นแกล้งนางไม่เลิก"มีอะไรหรืออิงเอ๋อร์ ก็เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่าจะเลี้ยง ให้สั่งได้เต็มที่"คิ้วคมเข้มเลิกสูงขึ้น น้ำเสียงของคนพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มยียวน ทำให้คนฟังเลือดขึ้นหน้า ขึงตาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน"ข้าไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงเจ้า"อิงอิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยกับอีกฝ่าย เบือนหน้าไปหาบุรุษอีกคนที่กำลังนั่งคลึงขมับ ใบหน้างามพลันออดอ้อน"ข้าบอกท่านแม่ทัพของข้าต่างหาก เจ้าสั่งมาก็จ่ายเองเถอะ ข้าจะจ่ายส่วนของท่านแม่ทัพคนเดียวเท่านั้น""ได้อย่างไร เจ้านั่นแหละที่ต้องจ่ายทั้งหมด"เซี่ยชิงเทียนลุกพรวดขึ้นถลึงตามองสตรีที่นั่งลอยหน้าลอยตาเอ่ยออกมา มิหนำซ้ำตอนนี้นางยังตวัดสายตามาจ้องเขาโดยไม่คิดจะหลบ"ไม่ ใครสั่งคนนั้นก็จ่ายไปสิ""ไม่ เจ้านั่นแหละที่ต้องจ่าย""ไม่ ข้าไม่จ่าย""เจ้าต้องจ่าย""หยุด ไม่มีใครต้องจ่ายทั้งนั้น ข้าจะเป็นคนจ่ายทั้งหมดเอง"
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี
เสียงล้อรถม้าของคุณหนูสามจ้าวอี้หลันบดมาบนท้องถนนตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่จวนตระกูลจ้าว สองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านค้าบ้านเรือนเริ่มบางตาลง จนมีเพียงแนวต้นไม้ขึ้นหนาแน่น เสียงจอแจของผู้คนที่ดังมาตลอดทางตอนนี้เงียบสงัดมีเพียงเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่พัดไหวตามแรงลม เพราะมัวแต่สนทนากับสหายจนลืมเวลา ตอนนี้รอบกายจึงโอบล้อมไปด้วยความอึมครึมของเวลาเย็นย่ำโพล้เพล้แม้อากาศยามนี้จะเย็นสบายแต่ใจของสตรีภายในรถม้ากลับร้อนรุ่ม นางกลับบ้านมืดค่ำเช่นนี้คงไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครมาคอยจับตามองเช่นเก่า แต่นางก็จำต้องกลับจวนให้ตรงเวลา มิเช่นนั้นคราวหน้าผู้เป็นพี่ชายคงไม่อนุญาตให้นางออกมาอีกเป็นแน่ และดีไม่ดีอาจจะโดนฮูหยินใหญ่เล่นงานเอาได้หลังจากที่พี่สาวต่างมารดาของนางทั้งสองออกเรือนไป ดูเหมือนชีวิตของคุณหนูคนงามจะมีอิสระมากขึ้น แต่ถึงแม้ฮูหยินใหญ่จะขังตัวเองอยู่เพียงในเรือนเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องงามหน้าของบุตรสาวทั้งสอง ตรอมใจจนล้มป่วย แต่ก็ยังคอยส่งคนมาสอดส่องนาง หากมีโอกาสคงเล่นงานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนบิดาแม้จะรู้สึกอับอายแต่ก็ยังคงเอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจในตัวนางเช่นเดิมท่ามกลาง
เซี่ยชิงเทียนจ้าวอี้หลันจวินฟางตงคนทั้งสามนั่งมองสตรีเจ้าของเรือนที่ไม่ว่าพวกตนจะมาเยือนสักกี่ครั้ง สภาพของเจ้าของเรือนก็จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง นั่นคือนั่งเหม่อไม่พูดไม่จา ถามอะไรก็ตอบเพียง อืม อื้อ อือ อยู่เช่นนั้นจนคนมองรู้สึกผิดและเจ็บปวดใจ โดยเฉพาะเซี่ยชิงเทียนที่ละอายใจเหลือเกินที่เรื่องของตนทำให้อีกคนเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายคล้ายดังมีลมหายใจแต่ไร้วิญญาณส่วนผู้เป็นบิดา เฮ้อ...เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายก็รู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนการบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าบิดาจะใช้เล่ห์กลใดให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการก็เท่านั้น เขารู้ว่าบิดาของตนรักและหวงแหนสตรีนางนี้มากมายเพียงใด และไม่มีวันปล่อยมือจากนางเป็นอันขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเรื่องของเขา ทั้งสองคงได้ครองคู่กันไปเสียตั้งนานแล้ว บิดาไม่มีทางปล่อยให้สตรีนางนี้อยู่ห่างกายอยู่แบบนี้เป็นแน่ และเป็นไปไม่ได้ที่บิดาของเขาจะยอมหันหลังให้นางง่ายดายถึงเพียงนี้ บุรุษเฒ่าผู้นั้นมากเล่ห์และเจ้าแผนการเหนือผู้ใด เขานั้นรู้ดีที่สุด ที่แสร้งหันหลังให้ว่านเย่วอิงในครั้งนี้ก็เป็นเพียงมารยาของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย คงคิดจะกดดันว่านเ
"โอ๊ย...หายใจไม่ทัน"เสียงบ่นกระปอดกระแปดคละเคล้าเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของชายหญิงผู้ที่พากันวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่กระโดดขึ้นรถม้าได้สำเร็จคนทั้งสองก็ทิ้งกายลงพิงผนังรถม้าอย่างหมดแรงทันทีที่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกห่างจากบริเวณสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตราย อิงอิงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อชะโงกใบหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วไม่เห็นว่ามีใครตามมา"อ่า...นึกว่าจะไม่รอดเสียแล้ว""อิงอิง ต่อไปถ้าบิดาของเจ้าจะดุขนาดนี้ ไม่ต้องชวนข้ามากับเจ้าแล้วนะ ข้าเหนื่อยเกือบตาย"จวินฟางตงยกมือเรียวของตนขึ้นทาบแผ่นอกที่ตอนนี้ภายในนั้นกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เขาใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว ลำคอของเขาตอนนี้แห้งผากเป็นผุยผง เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว สายตาของแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินที่ใช้มองเขาทำให้รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง หากสายตาของคนผู้นั้นสามารถฆ่าคนได้ เขาคงได้ตายไปแล้ว"เจ้าจะบ้าหรือตงตง นั่นไม่ใช่พ่อ นั่นน่ะผัว"แค่ก แค่ก แค่กจวินฟางตงสำลักลมหายใจตัวเองหน้าดำหน้าแดงจนเกือบจะตายอีกครั้ง เพราะคำพูดตรงไปตรงมาของสตรีที่ทิ้งกายลงนอนแผ่หลาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีที่คุณหนูในห้องหอพึ