ระหว่างที่คนเจ็บยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนเกือบจะหายดี ก็มีญาติ พี่น้อง และเพื่อนแวะเวียนมาเยี่ยมไม่ขาดสาย โดยเฉพาะเพื่อนอย่างไอ้ ฟีนิกซ์ ที่แวะเวียนมานั่งเล่นด้วยแทบทุกวันหรือไม่ก็มาเช็กว่าเขาตายหรือยัง วันนี้มันก็มาอีกไม่รู้ว่าไม่มีงานการทำกันหรือยังไง แถมยังไปพาพระทิศเหนือ เพื่อนซึ่งกำลังบวชอยู่มาด้วย
พอเห็นเพื่อนที่เป็นพระเฉินก็รีบยกมือไหว้ มีแค่ตอนนี้แหละที่เพื่อนดูน่าเคารพที่สุด ก่อนจะบวชทำแต่เรื่องไม่ดีมาด้วยกันมาก็เยอะ จนกระทั่งทิศเหนือถูกเมียทิ้งเรียกได้ว่าเพื่อนเสียใจจนต้องหันหน้าเข้าทางธรรม เพื่อสงบจิตใจ
"นมัสการครับหลวงเพื่อน"
"เจริญพรเถอะโยมเฉิน"
“แล้วพระมายังไงครับ”
“โยมฟีนิกซ์ไปนิมนต์มา”
“แล้วพระไม่ปฏิเสธล่ะครับ”
“ไม่ได้หรอกโยม พระปฏิเสธไม่ได้”
“ไอ้ฟีนิกซ์มึงไปพาพระมาด้วยทำไมเนี่ย รบกวนพระอีก”
“กูเป็นห่วงมึงไง พาพระมาให้ศีลให้พรมึงถึงโรงพยาบาลเลยจะได้หายไวๆ หรือถ้าตายก็พร้อมสวดส่ง” นั่นปากคนหรือปากหมาไม่แน่ใจ จริงๆ คนอย่างไอ้ฟีนิกซ์นี่นรกอาจจะส่งมันมาเกิดพร้อมกับหมา ถึงได้มีฝูงหมาอยู่ในปากมัน
“อย่าให้ถึงทีมึงล่ะ กูจะนิมนต์มาทั้งวัดพร้อมสวดอภิธรรมสามวันสามคืน” ไอ้ฟีนิกซ์ไหวไหล่ไม่ยี่หระ คนอย่างมันสนใจซะที่ไหน ด่าไปก็เท่านั้นเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของแท้ แถมมันยังไปนั่งกินผลไม้ที่เขาเอามาเยี่ยมผู้ป่วยอย่างสบายใจเฉิบที่โซฟา ไอ้นี่มันสันดานเสียแก้ไม่หายจริงๆ ทำอะไรก็รกหูรกตาไปหมดจริงๆ มันเนี่ย แต่ก็เลิกคบไม่ได้เลิกคบมันไปก็ไม่มีใครคบเราแล้ว
“ไปตายอดตายอยากจากไหนมาล่ะนั่น ที่บ้านไม่มีแดกเหรอ ถึงมาแดกของเยี่ยมคนอื่น”
“มีตั้งเยอะ แบ่งๆ บ้าง อย่างก กินไม่หมดเดี๋ยวมึงก็ทิ้ง น่าเสียดาย” พูดขณะที่ของกินยังเต็มปาก กินมูมมามตะกละตะกลามถ้าของกินติดคอมันตายจะไม่สงสัยเลย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมาจากตระกูลผู้ดีเก่า ไม่เหลือเค้าผู้ดีในตัวมันเลย
พระเหนือนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ก่อนจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาเพื่อนสนิท
“แล้วไปทำอะไรมาล่ะโยมเฉิน รอบนี้เจ็บหนักเลยนะ” พระเหนือมองใบหน้าเพื่อนที่เขียวจ้ำ ปากแตกคิ้วแตก หัวพันผ้าพันแผล ได้ยินมาว่าถูกแทงด้วย
“ไปเก็บดอกเหมือนเดิมแหละครับพระ แต่ดันมีคนไม่พอใจ” เพราะเฉินไปเก็บเงินกับลูกหนี้ของเขาตามปกติและไปดูลาดเลาพื้นที่ว่าจะเปิดบ่อนใหม่แถวๆ นั้นด้วย แต่การกระทำของเขาก็ดันไปขัดแข้งขัดขากับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่ปล่อยกู้เหมือนกัน เพราะเฉินเก็บดอกเบี้ยไม่แพงไม่นักก็เหมือนไปตัดหน้าเขา ทำให้ฝ่ายนั้นไม่พอใจเลยถูกลอบทำร้าย แล้ววันนั้นก็ดันพาลูกน้องไปแค่สองคน เขาก็พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดจนกระทั่งมาหมดแรงตรงสวนยาง เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ถ้าไม่มีคนมาช่วยก็ได้ตายตรงนั้นแล้ว
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างหรือยัง”
“ก็ดีขึ้นแล้วครับ สองสามวันก็กลับได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นอาตมาก็โล่งใจ ที่โยมปลอดภัย"
แต่พอนึกถึงเรื่องตายก็จำได้ว่า ในเวลานั้นเขาได้เห็นนางฟ้า ก่อนจะถามพระเรื่องนี้ด้วยความสงสัยว่าสรุปนรกสวรรค์มีจริงไหมเพื่อที่บวชเป็นพระน่าจะมีความรู้ในเรื่องนี้บ้างเห็นพระชอบสอนว่าทำดีได้ไปสวรรค์ ทำชั่วแล้วตกนรก นางฟ้าที่เห็นวันนั้นของจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ภาพหลอน
“พระครับ สวรรค์มีจริงไหมครับ”
“อาตมาไม่รู้หรอกโยม อาตมายังไม่เคยตาย เลยยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน” ตอบแบบนี้นี่ ถ้าไม่ติดว่ายังบวชเป็นพระอยู่นะ
“แต่วันนั้นผมเห็นนางฟ้า” เขาว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ใกล้ตายจะทำให้เรามองเห็นโลกหลังความตายได้
“สวยไหม หน้าตาเป็นไง” ไอ้คนขี้เสือกพูดแทรกขึ้นมาทันที
“หน้าขาวๆ ปากแดงๆ คิ้วโก่งๆ แต่ไม่ใช่สเป็กว่ะ นึกว่านางฟ้าจะสวยกว่านี้” แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าใจมันสั่นๆ หรือบางทีตอนนั้นเขาอาจจะใกล้ตายไหมก็ไม่แน่ใจ
“มึงแน่ใจนะว่านั่นคือนางฟ้า” ไอ้ฟีนิกซ์ได้ยินถึงกับเอะใจ นั่นนางฟ้าหรือผีนางรำ ทำไมเพื่อถึงคิดว่าเป็นนางฟ้าได้ สงสัยสมองกระทบกระเทือนหนัก การรับรู้เลยเพี้ยนไปหมดแล้ว
“มึงไม่เคยเห็นรูปวาดในวัดเหรอ ไม่นางฟ้าตรงไหน”
“ไม่ใช่นางฟ้าหรอกที่มึงเจออะ ผีชัดๆ คนเหี้ยแบบมึงไม่ได้ขึ้นหรอกสวรรค์ ตายปุ๊บนรกคงสูบมึงลงไปก่อนแล้ว”
“อืม ลงไปหามึงที่รออยู่ไง ไอ้เวร” นี่ถ้าไม่ติดว่ายังบาดเจ็บอยู่คงได้วางมวยกับไอ้เพื่อนเหี้ยนี่อย่างแน่นอน อยากรู้จริงๆ มันอยู่รอดปลอดภัยโตมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง โดยไม่ตายคาตีนคนอื่นก่อน แต่คิดว่าถ้าปากมันยังเป็นแบบนี้น่าจะอยู่ไม่ทันใช้เบี้ยคนชราแน่
“อย่าถือสาโยมฟีนิกซ์เลย อันไหนปล่อยวางได้ก็ปล่อยนะโยมเฉิน” ส่วนเพื่อนคนนี้ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะเปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ เสียศูนย์ไปเลยเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็เรียกได้ว่าเพื่อนได้รับผลจากสิ่งที่ทำกับผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
"ส่วนเรื่องนรกสวรรค์ อาตมาไม่รู้ ถ้าตอบว่ามีแล้วไม่มีขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวก็จะมาว่าได้ว่าอาตมามุสา"
“ครับ ว่าแต่หลวงเพื่อนจะบวชนานไหมครับ”
“ก็สักพรรษาแหละ บวชนานไปก็สงสารโยมพ่อกับโยมแม่ อายุเยอะแล้วไม่มีใครช่วยทำงาน”
“ก็ให้พ่อกับแม่เรียกน้องไอมาช่วยทำงานสิครับพระ” เฉินถึงกับหันขวับไปทางไอ้ฟีนิกซ์ตัวดี มันเนี่ยพูดไม่ดูเวลาล่ำเวลาเลยจริงๆ
“อึก” พระเหนือถึงกับสะอึก ก็ผู้หญิงที่ทำให้เพื่อนตัดสินใจบวชคือ ไอริน ความปากพล่อยของไอ้ฟีนิกซ์ยังไม่หยุดทำงาน กับพระกับเจ้ามันก็ไม่เว้น ดันไปจี้ใจดำพระนรกจะกินกบาลมันโดยแท้
“ไอ้ฟีนิกซ์มึงไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้นะ”
“ขอโทษครับพระ”
“ไม่เป็นไร อาตมาไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” ขณะที่พูดไปก็เสียงสั่นๆ รู้เลยว่าพระยังทำใจไม่ได้
“เห็นโยมเฉินปลอดภัยก็ดีแล้ว อาตมาขอตัวไปกวาดลานวัดก่อนนะ” สีหน้าเศร้าของพระทำเอาเพื่อนทั้งสองเป็นห่วงโดยเฉพาะไอ้ฟีนิกซ์ ที่เป็นคนพูดไม่คิดเอง
“จะกลับแล้วเหรอครับ”
“ใช่ ตอนนี้ลานวัดใบไม้คงเกลื่อนแล้วล่ะ” เฉินยกมือไหว้ลาพระทิศเหนือก้อนที่พระจะเดินออกจากห้องไป ไอ้ฟีนิกซ์ทำหน้าเสียเพราะรู้ว่าปากไม่ดี
“ใข่เรื่องเล่นไหมไอ้ฟีนิกซ์”
“เออ กูก็ลืมไง”
“มึงรีบไปส่งพระเลย”
“เออๆ เดี๋ยวกูกลับมาเยี่ยมมึงใหม่นะ”
“หลวงเพื่อนรอด้วยครับ!!” ฟีนิกซ์รีบวิ่งตามหลวงเพื่อนไป ตอนนี้ในห้องพักผู้ป่วยก็กลัวสู่ความสงบอีกครั้ง ก่อนที่มือถือของมาเฟียหน้าปูดแต่ก็ยังหล่อจะดังขึ้น พร้อมกับโชว์ชื่อของลูกน้องอย่างไอ้จ๊อด กับไอ้แจ๊ด ที่ออกจากโรงพยาบาลได้ปุ๊บก็ขยันไปทำงานเลยมันก็ไปทั้งไม้ค้ำยันขาใส่เฝือกอย่างนั้นแหละ สงสัยจะต้องเพิ่มเงินเดือนให้พวกมันหน่อยแล้ว
“มีอะไร”
(ลูกพี่ครับ มีคนขอกู้เงินลูกพี่ครับ)
“ก็ปล่อยไปดิ ถามทำไมอีก ก็ให้มึงสองคนดูแลเรื่องเงินกู้ไปแล้วไง จะให้ใครกู้ก็แค่ดูดีๆ”
(แต่คนนี้ขอกู้วงเงินสูงครับลูกพี่ เลยอยากปรึกษาครับ)
“เท่าไหร่”
(ล้านนึงครับ)
“ไม่ต้องให้ ล้านนึงพวกนั้นไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”
(แต่คนนี้คือเจ๊ศรีครับเฮีย เป็นเจ้ามือหวยประจำอำเภอ พอดีเจ๊แกจะเอาเงินไปจ่ายคนที่ถูกหวยที่เจ้าพ่อหนองนาน้อยให้ครับลูกพี่) ชื่อไอ้เจ้าพ่อนี่แม่งมาอีกแล้ว เป็นมิจฉาชีพแท้ๆ แต่ดันให้หวยแม่นไปอีก
(แต่เจ๊แกจะทยอยส่งต้นดอกให้หลังวันหวยออกเพราะเก็บค่าหวยได้ครับ เพียงแค่ช่วงนี้เจ๊บอกหมุนเงินไม่ทันครับ) พอคิดไปคิดมาเงินเท่านี้สำหรับเขาเพียงดีดนิ้วก็หาได้จะปล่อยกู้ก็ไม่ได้เสียหาย แถมเป็นเงินก้อนใหญ่ย่อมได้กินดอกเบี้ยเยอะ
“งั้นก็ปล่อยกู้ไป พวกมึงก็คอยเก็บทั้งต้นทั้งดอกให้ครบก็พอ ให้มันส่งให้ตรงตามที่ตกลง ถ้ามันเบี้ยวก็จัดการ”
(ครับลูกพี่)
สามปีต่อมา ชายหนุ่มวัยสามสิบพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีกสองคน อย่างจ๊อดกับแจ๊ด เดินทางไปเยี่ยมปู่ที่กำลังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะพึ่งผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบไปเมื่อคืน ขณะที่กำลังนั่งรถไปนั้น ลูกน้องก็ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องของเจ๊ศรีลูกหนี้ที่ไม่ได้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้เอาไว้ ไม่จ่ายมาประมาณสามเดือนแล้ว และยังมีแนวโน้มขอผ่อนผันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะได้คืนตอนไหน "เจ๊ศรีมันหนีเหรอ ทำไมไม่จ่ายมาสามเดือนแล้ว" เฉินเปิดดูสมุดบันทึกการจ่ายหนี้ของเจ๊ศรีเห็นว่า สามเดือนที่ผ่านมารายการชำระนิ่งสนิทมีเพียงแค่ดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น จากที่กู้ไปแค่หนึ่งล้านบาท ทบไปทบมาตอนนี้ยอดเกือบสิล้านได้ เพียงแค่สามเดือน แน่นอนว่า ดอกเบี้ยพวกนี้เก็บเป็นรายวันไม่เหมือนกับของทางธนาคาร คนกู้ก็ต้องยอมรับข้อตกลงส่วนนี้ด้วย "สามเดือนมานี้ แกให้ลูกสาวมารับหน้าตลอดเลย แล้วก็บอกว่าเจ๊ยังป่วยอยู่ครับ" "แล้วป่วยจริงหรือแกล้งพวกมึงดูดีๆ หรือยัง" "เดือนก่อนผมก็ไปครับ สภาพเจ๊แกก็โทรม ผอมๆ คิดว่าน่าจะป่วยจริงครับลูกพี่" จ๊อดบอกในสิ่งที่ไปเห็นมาตอนไปเก็บเงิน
รถยนต์หรูมุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัด ตอนแรกคิดว่านั่งชมวิวข้างทางจะทำให้ใจเย็นลงบ้าง สรุปโมโหกว่าเดิม เมื่อเจอคนขับรถปาดซ้ายปาดขวา จนเฉินต้องปล่อยสัตว์หลากหลายชนิดมาตลอดทาง เหี้ยบ้าง ควายบ้าง จ๊อดแจ๊ดทำได้เพียงนั่งเงียบๆ ขืนปริปากพูดอะไรไม่เข้าหูคงถูกด่าไปด้วย หลายชั่วโมงผ่านไปก็มาถึงจุดหมายปลายทางคือบ้านของเจ๊ศรีเจ้ามือหวยที่บ้านหนองนาน้อย ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มเกือบสามทุ่มแต่กลับไม่มีใครอยู่ที่บ้านไฟก็ไม่เปิด มีเพียงแสงไฟกิ่งหน้าบ้านที่สาดส่องไปบนถนนเท่านั้น แถวนี้แทบจะอยู่ในตัวเมืองปกติก็ไม่น่าจะหลับกันเร็วขนาดนี้บ้านอื่นก็เปิดไฟกันปกติมีแต่บ้านที่ที่มืดสนิท จ๊อดกับแจ๊ดลงจากรถพยายามกดกริ่งที่หน้าบ้านพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเจ๊ศรี อยู่นานสองนานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับมีแต่เสียงหมาในซอยที่เห่าเพราะพวกเขาทำเสียงดัง เฉินที่นั่งรอในรถพอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโหหนัก เลยออกไปจัดการเขกกบาลลูกน้องคนละที เพราะคิดว่าลูกหนี้อย่างเจ๊ศรีคงหนีไปอย่างที่เขาคาดการเอาไว้แน่ๆ “พวกมึงไม่ได้เรื่องจริงๆ กูจะหักเงินเดือนของมึงสองคน ให้เท่ากับเงินที่เจ๊ศรีติดหนี้กูตอนนี
“คืนนี้ฉันจะนอนที่บ้านเธอ พอดีไม่ได้จองโรงแรมไว้ คงไม่เป็นไรใช่ไหม” ใบหน้าของเต้าหู้เต็มไปด้วยความงุนงง ไม่ต่างจากลูกน้องอีกสองคนที่ไม่เข้าใจเจ้านายว่าพูดแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่พี่แกมีบ้านพักตากอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ขับรถไปไม่นานก็ถึงแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจองโรงแรมเลย หรือนี่จะเป็นข้ออ้างขอค้างบ้านผู้หญิง “คิดอะไรกับหนูปะเนี่ย” จู่ๆ ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ทำทีจะมาขอนอนที่บ้านด้วย รู้อยู่ว่าเธอสวยคงจะมีแต่คนหมายปอง ถึงเจ้าหนี้คนนี้จะหล่อก็เถอะ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงจะให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับผู้ชายมันก็จะดูไม่งามเอานะ “หรือจะให้หนูขัดดอก บังคับขืนใจให้เป็นนางบำเรอ ก็พวกคุณสามคนตัวโตอย่างกับยักษ์อุ้มปิดปากหนูก็ทำได้สบาย เพราะหนูไม่มีทางสู้อยู่แล้ว” เคยอ่านหนังสือเคยดูละครมาเยอะ ถ้านางเอกติดหนี้ไม่มีเงินจ่ายจะต้องเอาตัวเองไปขัดดอกเพื่อใช้หนี้ อย่าบอกนะว่าเขาจะให้เธอทำแบบนั้น “แค่มองเธอฉันก็หมดอารมณ์แล้ว ไม่ได้สวยขนาดนั้น” เอาจริงๆ ตอนนี้ เขาก็ไม่มีอารมณ์กับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ว่ากับเธอหรือกับใคร ไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้งานได้ตอนไหน หรืออาจต้องอยู่อย่างเหี่ย
เต้าหู้ และจ๊อดแจ๊ดที่ได้ยินทั้งเสียงโครมครามและเสียงร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือดังมาจากห้องที่เฉินนอนอยู่จึงรีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องเธอไม่ได้ล็อกเอาไว้จึงเปิดเข้าไปได้ง่าย เต้าหู้เปิดไฟในห้องให้สว่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น สภาพที่เห็นคือ เฉินกำลังกระทืบและบูมกับอาร์มสลับกัน จนสองคนนั้นอยู่ในสภาพที่เรียกว่าอ่วม เต้าหู้รีบเดินไปหยุดเฉินก่อนที่สองคนนั้นจะตายจริงๆ “ไอ้จ๊อดไอ้แจ๊ด จับพวกมันนั่งดีๆ ซิ” เฉินออกคำสั่งกับลูกน้องตน ทั้งสองก็ทำตามอย่างไม่อิดออดรีบจับอาร์มและบูมที่นอนขดโอดครวญ ให้นั่งคุกเข่าต่อหน้าเฉิน “นี่มันอะไรกันเนี่ย ไอ้บูม ไอ้อาร์ม พวกแกสองคนมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง” เต้าหู้ที่กำลังสับสนว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แล้วพวกมันเข้ามาทำอะไรในห้องของเธอ อีกอย่างเฉินทำร้ายสองคนนี้ทำไม หรือจะขึ้นมาขโมยของ แต่ก่อนหน้านี้บูมกับอาร์มก็ไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนี้เลย "เอ่อ..." ทั้งอารมณ์และบูมต่างไม่มีใครกล้าปริปากยอมรับความผิดในสิ่งที่คิดจะทำ จนเฉินชักจะมีน้ำโห "มึงจะให้กูใช้ตีนง้างปากพวกมึงให้พูดไหม ว่าพวกมึงวางแผนจะทำอะไรเต้าหู้" พึ
เฉินตื่นมาในเช้าอันสดใสพร้อมกับรอยยิ้ม ที่เมื่อคืนมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง แม้ว่ามันจะตื่นตัวได้พักหนึ่งแล้วก็กลับสภาพเดิม แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เขาเจอผู้หญิงมามากมายแต่ร่างกายก็ไม่ตอบสนองกับใครเลย จนกระทั่งมาเจอ เต้าหู้ เขาจึงเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมา และต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจว่ามันเป็นเพราะเธอจริงๆ หรือเปล่า แต่จะให้บุ่มบ่ามไม่ได้เพราะเธออาจจะกลัว อีกอย่างถ้าผู้หญิงไม่ยินยอมเขาเองก็ไม่ทำ เขาเริ่มสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนสีชมพูหวานแหววของเธอ ก่อนหันไปเห็นรูปที่ติดบนบอร์ดเล็กๆ ใกล้กับโต๊ะเขียนหนังสือ บนนั้นมีรูปที่เธอถ่ายกับครอบครัว ถ่ายกับเพื่อนแปะอยู่ ทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่ง ไปสะดุดกับรูปผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนถือพวกช่อดอกไม้ มีพวงมาลัยคล้องคอ จากการคาดเดาน่าจะเป็นรูปในวันปัจฉิม บนรูปเขียนไว้ว่า พี่ภีม พร้อมกับวาดรูปหัวใจสีแดงเอาไว้ โคตรรู้สึกไม่ถูกชะตาไอ้ขี้เก๊กนี่เอาซะเลย แล้วมันเป็นใครวะ? แฟนเต้าหู้เหรอ? เลิกกันหรือยังวะ? หรือคบกันอยู่? คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ที่รู้คือ ไม่ชอบขี้หน้าไอ้คนนี้ไม่ได้การจะต้องสืบให้
ในเย็นวันที่เผาศพแม่ของเต้าหู้ เฉินบอกว่าเขามีธุระด่วนจะต้องรีบไปจัดการเลยไม่ได้อยู่ค้างต่อที่บ้านของเต้าหู้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ใบหน้าหล่อแสดงออกถึงความเสียดาย แต่ถ้าไม่ไปจัดการด้วยตัวเองมันก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาเองก็รอเวลานี้มาถึงสามปีแล้วเมื่อลูกน้องแจ้งมาว่าเจอเสี่ยทรงเกียรติแล้ว แต่ถึงตัวเองไม่อยู่ ก็ยังคงให้ลูกน้องอย่างจ๊อดกับแจ๊ดคอยเฝ้าเวรยามที่หน้าบ้านให้ตอนกลางคืนคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย หลายวันต่อมาเต้าหู้สอบปลายภาคเสร็จแล้ว และเรียนจบมัธยมปลายอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่รอฟังประกาศผลการสอบเข้ามหาลัยที่เธอกับเพื่อนๆ ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก คือการสอบเข้าไปเรียนบัญชี ในคณะบริหารในมหาลัยเดียวกันกับรุ่นพี่ที่เธอเคยแอบชอบและปลื้มมากๆ อย่าง ภีม ส่วนเฉินที่ยังไม่กลับมาก็ให้จ๊อดกับแจ๊ดคอยอยู่ดูแลเต้าหู้ คอยซื้อข้าวมาให้เธอตลอดเวลาเธอจะทำอาหารกินเองจ๊อดกับแจ๊ดนั้นจะมาขัดตลอด ไม่รู้ทำไมสรุปวันนั้นเธอทำอร่อยจริงไหม แล้วไอ้รสชาติที่เข้มข้นนั้นมันรสชาติยังไง ระหว่างนี้เธอก็ไม่ได้อยู่เฉยออกไปหางานทำเก็บเงิน เพราะตอนนี้ทุกนาทีมีค่า
“แก่แล้วก็ควรเข้าวัด แต่ถ้าอยากโดนซัดก็เข้ามา” สายตาเฉินดูเอาจริงทำให้เสี่ยแก่ไม่กล้ารั้งต่อ แถมจ๊อดกับแจ๊ดยังเข้ามาเป็นกำลังเสริมให้ดูน่ากลัวอีก มันเลยต้องยอมแพ้ไป เฉินถอดเสื้อโค้ตของตัวเองออกมาคลุมให้คนตัวเล็กเพราะชุดที่มันสั้นจนน่ารำคาญสำหรับเขา ก่อนจะอุ้มช้อนตัวของเธอขึ้น แล้วจึงพาเธอกลับไปที่บ้าน พอไปถึงบ้านเธอเกิดอยากอ้วกขึ้นมา หญิงสาวนั่งกอดคอชักโครกเอาสิ่งที่กินเข้าไปออกมาจนหมด โดยที่มีเจ้าหนี้คอยลูบหลังให้พร้อมคอยถามไถ่เป็นระยะ “ดีขึ้นไหม” เธอพยักหน้าก่อนจะล้างหน้าล้างตาบ้วนปากให้ตัวเองสดชื่นขึ้น แล้วจึงออกมานั่งพักที่โซฟา เฉินให้จ๊อดแจ๊ดแวะซื้อพวกเครื่องดื่มและยาที่ช่วยลดอาการแฮงค์มาให้ พร้อมกับที่เฉินก็ไล่สองคนนี้ไปนอนในสวนนอกบ้าน โทษฐานที่ปล่อยให้เธอเปลี่ยนตำแหน่งงานเป็นพีอาร์โดยไม่ช่วยกันห้าม “คุณไล่พี่จ๊อดกับพี่แจ๊ดออกไปนอนข้างนอกทำไมคะ เดี๋ยวก็โดนยุงกัดไม่สบายเอาหรอก” “ถ้าแค่กับยุงมันยังสู้ไม่ได้ ก็ให้มันลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดไปซะ” ว่าพร้อมกับที่พยุงตัวเธอมาจนถึงโซฟาหน้าทีวีพอเต้าหู้ได้นั่งพักอาก
เจ้าของใบหน้าสวยลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอนพร้อมกับอาการปวดหัว คงเป็นผลจากสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อคืน นี่ขนาดอ้วกออกมาจนหมดกระเพาะแล้วนะยังจะเมาค้างได้อีก ก่อนจะตั้งใจไว้ว่าจะไม่ดื่มจนเมาแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะจ้างเท่าไหร่ก็ตาม เต้าหู้เปิดประตูออกมาเจอเข้ากับเฉินที่มายืนรออยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับส่งยิ้มหวานพาลให้ใจสั่น จะว่าไปแล้ว เขาหล่อมากแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่า ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเขาดูหล่อกว่าทุกวันกันนะ ก่อนที่ภาพทุกอย่างเมื่อคืนจะไหลเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าเราก็มีใจให้เขาแล้วเหรอ ไม่ได้ๆ พยายามห้ามใจไว้ เพราะเขาคือเจ้าหนี้ และเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ “มีอะไรเหรอคะ” “อยากคุยเรื่องเมื่อคืน” หญิงสาวตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ความจริงแล้วเธอจำได้ทุกฉากทุกตอนจำได้แม้กระทั่งความรู้สึกที่กำลังถูกเขาสัมผัส บางทีถ้าทำเหมือนว่าลืมๆ ไปอาจจะเข้าหน้ากันง่ายกว่า “หนูเมามากหนูจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” เฉินถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอ เขารู้ว่าเธอไม่ได้ลืมแต่แค่ทำเป็นจำไม่ได้สงสัยต้องหลอกล่อสักหน่อย “ก็เมื่อคืนฉันคุยเรื่องหนี้ จะใ
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา
ในช่วงกิจกรรมกีฬาของมหาลัย แน่นอนว่านักศึกษาปีที่หนึ่งของแต่ละคณะก็จะต้องมีการฝึกซ้อมเชียร์และกีฬากันอย่างหนัก แน่นอนแหละว่าคนสวยๆ แบบพวกเธอต้องได้รับหน้าที่แปลอักษรและนั่งร้องเพลงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อยู่แล้ว “เดี๋ยวให้พักก่อนสามสิบนาทีนะครับน้องๆ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาประจำที่นะครับ พี่จะซ้อมเต็มอีกสักสองถึงสามรอบ หรือจนกว่าพวกเราจะคล่อง” รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่คุมการซ้อมบอกให้พวกปีหนึ่งไปพัก แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากทำให้แต่ละคนก็บ่นออกมาไม่เว้นแม้แต่พวกของแก๊งนางฟ้าเอง “ร้อนมาก ใครก็ได้เอาน้ำไปราดดวงอาทิตย์หน่อยซิ” เต้าหู้บ่น เพราะอัฒจันทร์ของคณะเธอดันหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็เลยรับแสงแดดยามบ่ายกันอย่างเต็มที่ อย่างไม่ต้องการ กันแดดที่โบกมาอย่างหนาไม่รู้ว่าจะเอาอยู่ได้มากขนาดไหนรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังจบงานนี้คงต้องบำรุงกันยาวๆ “หิวน้ำจะตายอยู่ละ สต๊าฟอยู่ไหนกันหมดปกติต้องเอาน้ำมาแจกแล้วนะ” อยู่จี้ที่ใช้หมวกฟางพัดวีให้ตัวเองบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะเธอต้องซ้อมกันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติก็เรียนแทบไม่ได้พักตอนเย็นของทุกวันและวันหยุดก็ต้องซ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ส้มลิ้มและจีจี้มาด้วยหน้าตาที่สดใสเพราะได้กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเปิดเทอมใหม่แล้ว อะไรบางอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป อย่างเช่นพลอยที่ปกติแล้วเธอจะมักจะใส่เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและมิดชิดปิดไปแทบทุกสัดส่วน สวมแว่นตาหนา รวบผม ใบหน้าก็ไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่แต้ม แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนอย่างที่เขาว่า เวลามีความรักอะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด พอถอดแว่นตาแต่งตัวให้ดูเข้ากับรูปร่างตัวเอง และแต่งหน้าเพิ่มเพียงนิดหน่อย ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียวอย่างกับเป็นคนละคน “ไม่บอกจริงๆ เหรอว่าแฟนแกเป็นใครน่ะพลอย” ส้มลิ้มที่อยากรู้อยากเห็นกว่าใครอดใจไม่ได้ที่จะต้องถาม “ยังบอกไม่ได้ตอนนี้น่ะ” พลอยหลุบใบหน้าแดงที่กำลังเขินอายลงไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าพลอยดูสดใสขึ้น “งั้นแก๊งเราก็เหลือคนโสดแค่ฉันกับแกแล้วสิส้มลิ้ม” จีจี้พูดพลางแกล้งทำหน้าเศร้าโผเข้ากอดส้มลิ้ม เพื่อนสาวที่ยังไม่มีแฟนอีกคน “ฉันน่ะโสดจริงแถมไม่เคยมีแฟนด้วย ส่วนของแกน่ะโสดไม่จริงค่ะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกอยู่นั่
เต้าหู้และเฉินนั่งอยู่ในโบสถ์และกำลังเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิทของเฉิน อย่าง อากิระและคนรักของเขาอย่างริบบิ้น โดยที่มีเด็กตัวน้อยยืนอยู่บนแท่นพิธีร่วมกับทั้งคู่ เด็กคนนั้นคือเรียวตะลูกชายของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง คู่บ่าวสาวต่างปฏิญาณสาบานตนว่าจะรักและดูแลซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในตอนเย็นก็มีพิธีฉลองมงคลสมรส จัดขึ้นที่คฤหาสน์ของอากิระ หลังลงจากรถหรูเฉินยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นการบอกให้คนตัวเล็กที่ยืนข้างกันเดินคล้องเข้าไปในงานคืนนี้ พอเข้ามาหญิงสาวมองไปรอบๆ ตะลึงในความใหญ่โตและสวยงามของคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งนี้ตกแต่งราวกับหลุดออกมาจากยุคกลาง ก่อนที่เฉินจะพาเธอเดินไปทักทายเพื่อนสนิทที่อยู่ในงานเลี้ยงอย่างคู่บ่าวสาว “ยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน” “เออ ขอบใจ” “เรียวตะหลานกู ไปไหนแล้วล่ะ” มองหาลูกชายของเพื่อที่ตอนนี้ไม่เห็นมาวิ่งเล่นในงาน “เล่นทั้งวันคงเหนื่อยก็เลยงอแง กูให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปนอนแล้ว” “เออจริงสิ ไอ้พี่อี้ใส่ซองมาให้ แล้วก็ฝากบอกยินดีกับริบบิ้นด้วย แล้วก็ฝากความคิดถึงเรียวตะ” เฉินหยิบซองด้