เจ้าของใบหน้าสวยลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอนพร้อมกับอาการปวดหัว คงเป็นผลจากสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อคืน นี่ขนาดอ้วกออกมาจนหมดกระเพาะแล้วนะยังจะเมาค้างได้อีก ก่อนจะตั้งใจไว้ว่าจะไม่ดื่มจนเมาแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะจ้างเท่าไหร่ก็ตาม เต้าหู้เปิดประตูออกมาเจอเข้ากับเฉินที่มายืนรออยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับส่งยิ้มหวานพาลให้ใจสั่น จะว่าไปแล้ว เขาหล่อมากแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่า ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเขาดูหล่อกว่าทุกวันกันนะ ก่อนที่ภาพทุกอย่างเมื่อคืนจะไหลเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าเราก็มีใจให้เขาแล้วเหรอ ไม่ได้ๆ พยายามห้ามใจไว้ เพราะเขาคือเจ้าหนี้ และเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ “มีอะไรเหรอคะ” “อยากคุยเรื่องเมื่อคืน” หญิงสาวตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ความจริงแล้วเธอจำได้ทุกฉากทุกตอนจำได้แม้กระทั่งความรู้สึกที่กำลังถูกเขาสัมผัส บางทีถ้าทำเหมือนว่าลืมๆ ไปอาจจะเข้าหน้ากันง่ายกว่า “หนูเมามากหนูจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” เฉินถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอ เขารู้ว่าเธอไม่ได้ลืมแต่แค่ทำเป็นจำไม่ได้สงสัยต้องหลอกล่อสักหน่อย “ก็เมื่อคืนฉันคุยเรื่องหนี้ จะใ
เฉินอุ้มเอาคนตัวเล็กที่เมาไม่ได้สติพาขึ้นรถกลับมาที่บ้าน หลังจากที่โชว์ห้าวดื่มเหล้าติดกันไปทั้งหมดเจ็ดซ็อตจนภาพตัด นอนหลับเอาหัวหนุนตักเขา เฉินนั่งดื่มรอกระทั่งร้านปิดจึงพาเธอขึ้นรถยนต์คันหรูกลับมาที่บ้าน “คืนนี้พวกมึงสองคนไปนอนบ้านนู้นแล้วกัน” บ้านที่เฉินซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศเวลาที่เขามาเก็บหนี้ หรือมาดูบ่อนใกล้ๆ แถวนี้ คืนนี้เลยให้พวกมันสองคนไปนอนที่นั่นตัดปัญญา เดี๋ยวเกิดปวดท้อง ปวดไส้ขึ้นมาอีก “ผมเอาใจช่วยลูกพี่นะครับ” จ๊อดกำมือสู้ๆ บอกเจ้านายแต่เหมือนเฉินยังเคืองที่ถูกขัดจังหวะเมื่อวานอยู่ “เมื่อวานเสียเรื่องเพราะมึงนั่นแหละ ไปไกลๆ เลยนะ คืนนี้มึงจะปวดห่าอะไรก็ปวดไป ไม่ต้องมาเคาะประตูบ้านเข้าใจไหม” จ๊อดทำหน้าจ๋อยเพราะวันนี้เฉินก็ตึงใส่ทั้งวัน เรียกว่าทำอะไรไปก็ขัดหูขัดตาเฉินไปหมด “ขอโทษครับ วันนี้ผมจะไม่กวนลูกพี่แล้วครับ” “ไม่ต้องดูเรื่องความปลอดภัยเหรอครับ” แจ๊ดถามเฉินถึงเรื่องความปลอดภัยเพราะไม่มีใครอยู่คอยเฝ้ายามให้กลัวว่าจะมีคนไม่หวังดีจะลอบทำร้าย “ไม่ต้อง ถ้ามีอะไรกูจัดการเองได้” “ครับล
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ประจำทำให้ร่างบางลืมตาตื่น ชายหนุ่มที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาในห้องพร้อมพันผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบไว้อย่างหลวมๆ ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่ก็โชว์กล้ามเนื้อที่สวยได้รูป และรอยสักรูปมังกรที่พอเห็นแล้วก็ทำให้หวั่นไหวกับความเท่ เฉินเดินมานั่งลงบนเตียงที่เต้าหู้นอนอยู่เธอห่มผ้าจนถึงคอ เพราะต้องการปกปิดร่างกายยังคงเปลือยเปล่า แถมตอนนี้เธอยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะเป็นไข้ และรู้สึกปวดหน่วงตรงท้องน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพราะอะไรพลางนึกในใจว่ากระแทกมาได้ไม่ออมแรงเลย นึกว่าจะตายซะแล้ว “ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม? ถ้าหิวรอแป๊บหนึ่ง เฮียให้จ๊อดกับแจ๊ดซื้อข้าวมาให้แล้ว” “ทำไมเงียบ หรือว่าจำไม่ได้อีก เอาอีกรอบไหม จะได้ฟื้นความจำ” “ไม่ต้องแล้วค่ะ จำได้ค่ะ” จำได้แบบไม่ลืมเลยด้วย เขาพรากทั้งจูบแรกและพรากเยื่อพรหมจรรย์ไปจากเธออีกจะให้ลืมได้ยังไง อีกอย่างเมื่อคืนเธอก็ดันเป็นคนเริ่มเองอีก จะกล่าวหาว่าเขามอมเหล้าเธอจนเมาทำให้ขาดสติพลาดพลั้งไปมีอะไรกันก็ไม่ได้ เพราะอยากได้เงินเลยดื่มเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็น
ตำหนักเจ้าพ่อหนองนาน้อย สามสาวแก๊งนางฟ้ามาที่ตำหนักของเจ้าพ่อ เพื่อให้ช่วยในเรื่องการสอบเข้ามหาลัยของส้มลิ้ม ที่ดูจะมืดแปดด้านไปหมด ในเมื่อไม่มีหนทางไหน ก็คงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่เฉินตามมาด้วยทำเพราะอยากรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นจะไปที่ไหน เห็นมีท่าทีร้อนรนรีบวิ่งออกมาข้าวก็ไม่กินเลยเป็นห่วง เต้าหู้บอกว่าไม่เห็นจำเป็นจะต้องตามมาเพราะมาทำธุระแต่เขาก็ยืนกรานที่จะมาให้ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจ มิหนำซ้ำพอมาถึงเขาก็เอาแต่มองเจ้าพ่อเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมละสายตา ทำไมถึงมีท่าทีแบบนั้นเธอก็ไม่เข้าใจ แล้วการที่เขามองแบบนี้ถือว่าลบหลู่ไหม แล้วถ้าเจ้าพ่อรู้จะตามไปหักคอเขาหรือเปล่า วันนี้ที่ตำหนักคนไม่ค่อยเยอะมาก รอไม่นานก็ถึงคิวของส้มลิ้มร่างทรงทำเสียงแหบราวคนแก่ นั่งเคี้ยวหมากจนปากแดงเอ่ยถามกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ “มีอะไรให้ข้าช่วย ก็ว่ามา” “หนูอยากเข้ามหาลัยนี้มากค่ะ แต่ว่าหนูติดแค่ตัวสำรอง เจ้าพ่อช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ” ส้มลิ้มพนมมือกล่าวบอกถึงความต้องการของตน เจ้าพ่อหลับตาลงทำสมาธิ ก่อนจะ
เฉินเคาะประตูห้องนอนของเต้าหู้เพราะตั้งแต่วันแรกที่เรามีอะไรกัน เธอก็ยังไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปนอนด้วยเลยสักคืน หญิงสาวยังคงไปทำงานที่บาร์แผนใช้เงินล่อให้ดื่มหลังเริ่มไม่ได้ผล เพราะเธอรู้ทันว่าเขาจะทำอะไรจึงพยายามหลีกเลี่ยง เพราะกลัวจะเจ็บเหมือนครั้งก่อน “เต้าหู้ คืนนี้เฮียนอนด้วยได้ไหม” “ไม่ค่ะ แล้วหยุดเคาะห้องหนูสักทีมันดึกแล้วหนูจะนอน” พูดไปด้วยความรำคาญเพราะเอาแต่ขอนอนกับเธอมาพักใหญ่แล้ว ไม่ยอมลดความพยายามสักที “ถ้าให้เข้าไปสัญญาจะไม่รบกวน” “ไม่ก็คือไม่ค่ะ คุณพยายามจะมอมเหล้าหนูที่ร้านมาหลายวันแล้ว หนูคงปล่อยให้คุณมานอนด้วยไม่ได้” คิดว่าเขาคงไม่นอนเฉยให้เสียเวลา คงหาโอกาสรวบหัวรวบหางเธอแน่นอนและเธอก็ต้องหลวมตัวหลวมใจไปแน่ ถึงครั้งแรกมันจะเจ็บแต่ว่ามันก็รู้สึกดีนะกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไปกับเขาง่ายๆ เสียเอง “แล้วทำไมไม่ยอม เฮียไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย” “คุณไม่น่าไว้ใจอยู่แล้ว” “ยังจะเชื่อหมอดูอีกเหรอ” “เปล่าค่ะ” เจ้าพ่อโดนจับโดนแฉแบบนั้นเธอก็คงจะเชื่ออะไรร่างทรงไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เชื่อแค่
“ไม่อยากเอาหรอกศอก อยากเอาเรามากกว่า” “คุณเฉิน!” คนตัวเล็กทำเสียงดุ และเขาก็ต้องยอมทุกทีไม่รู้ว่าทำไม ไม่ได้กลัวนะแค่เกรงใจเฉยๆ “เฮียพูดเล่นครับ นอนกอดกันดีกว่าเนาะ” ใจจริงก็อยากทำมากกว่ากอดนั่นแหละ แต่ไม่อยากบังคับมันไม่ใช่นิสัยของเขาอยากให้เธอยินยอมพร้อมใจที่จะทำด้วยกันมากกว่ายังไงก็มีความสุขทั้งสองฝ่าย เขาหยิบหมอนใบใหญ่ของเธอเขวี้ยงออกไปจากเตียง สร้างความงุนงงให้กับอีกฝ่ายว่าเขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร!! “แล้วหนูจะนอนยังไง หรือคุณจะให้หนูลงไปนอนกับพื้น” “ผัวที่ดีจะให้เมียตัวเองนอนพื้นได้ยังไง เฮียจะให้เรานอนหนุนแขนเฮียแทนต่างหากล่ะ” “แต่หนูชอบนอนหมอนสูง” “กล้ามเฮียก็ใหญ่นะลองนอนดูก่อนสักคืน ถ้าไม่ได้ระดับเฮียจะไปฟิตมาเพิ่ม” เธอได้แต่ถอนหายใจ จะทำอะไรก็ทำเถอะเอาที่เขาสบายใจ ตอนนี้ดึกมากแล้วเธอเองก็ง่วงนอนเต็มที เธอเลยต้องนอนหนุนแขนเฉินแทนเธอแล้วนอนหันหลังให้ เขาก็กอดเธอจากทางด้านหลัง ทำงานเอาใจลูกค้าที่ร้านก็เหนื่อยพอตัว ลูกค้าที่หมายถึงคือเฉินนี่แหละ เขามักจะจ่ายดื่มให้เธอนั่งดูแลเขาทั้งคืน
หลังจากที่เฉินตามตื๊ออยู่หลายวันเต้าหู้ก็ยอมใจอ่อนย้ายมาอาศัยด้วยกันอยู่ที่บ้านของเขาในฐานะลูกหนี้ตามที่ได้พุดคุยตกลงกันอย่างชัดเจน เรื่องใช้หนี้เธอก็ยังยืนยันที่จะใช้ตามเดิม เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ช่วงนี้เธอก็มองหางานพิเศษเป็นพวกรับงานสอนพิเศษเด็กประถมที่สถาบันสอนพิเศษแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก การสอนก็ไม่ได้ยากแค่ปูพื้นฐานการบวกลบคูณหารเลขง่ายๆ เลยลองยื่นใบสมัครไป รอแค่ทางนั้นตอบรับ ที่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากรบกวนเฉินจนเกินไป แม้เขาจะให้เธอได้ทุกอย่างเธอก็ยังเกรงใจ เฉินดีกับเธอจนบางทีเธอก็กลัวว่าเขาจะหลอกเธอหรือเปล่ายังไงก็ต้องระวังตัวหน่อยถึงจะเผลอตัวแต่ก็พยายามไม่เผลอใจ คนที่รู้จักกันมานานยังคิดร้ายกับเราอย่างอาร์มที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กก็ยังคิดไม่ซื่อ เจ้าพ่อยิ่งไปกันใหญ่จากผู้วิเศษที่เรานับถือสุดท้ายก็กลายเป็นมิจฉาชีพ นับประสาอะไรกับเฉินที่เธอพึ่งเคยเจอพึ่งเคยรู้จัก ผู้พยายามเข้าหาเธอทุกครั้งที่มีโอกาส วันนี้เปิดเรียนวันแรกของมหาวิทยาลัย เต้าหู้รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นนักศึกษาเต็มตัว เธอหมุนตัวเช็กความเรีย
ร่างเล็กถูกหามส่งห้องพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เพราะเธอหมดสติไปทันทีหลักถูกลูกฟุตบอลอัดกระแทกเข้าใบหน้าสวยๆ อย่างเต็มแรง ผ่านไปชั่วโมงกว่าเธอถึงได้สติกลับมา หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวและรู้สึกระบมไปเกือบทั่วทั้งใบหน้า “ตื่นแล้วเหรอ แกมองเห็นฉันไหม” ส้มลิ้มที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามทันทีที่เพื่อนฟื้น “แล้วฉันเป็นอะไร” เพราะพึ่งตื่นก็เลยยังมึนงงและสับสน “ลูกบอลลอยมากระแทกหน้าแก ก็เลยสลบไป” ก่อนที่ภาพต่างๆ จะไหลเข้ามาในหัว ลูกบอลที่มาจากสนามฟุตบอลที่อยู่ตรงข้ามกับสนามบาสเกตบอล พุ่งอัดเต็มหน้ารู้ตัวอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงแล้ว “ฉันหลับไปนานไหม” “ชั่วโมงกว่า คิดว่าถ้าครบสามชั่วไม่ตื่นจะเรียกรถพยาบาลมารับแกแล้วนะ” “ทำไมต้องรอตั้งสามชั่วโมง” “เอาให้ชัวร์ก่อนว่าอาการหนักจริงไหม ถ้าสามชั่วโมงแล้วยังไม่ตื่นแปลว่าอาการหนักจริง” มองเพื่อนด้วยความเหนื่อยใจเอาจริงๆ ไม่ฟื้นตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็ควรจะเรียกได้แล้วไหม โชคดีที่ยมบาลคงยังไม่อยากเจอหน้าเลยปล่อยให้มีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ เพราะลูกบอล
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา
ในช่วงกิจกรรมกีฬาของมหาลัย แน่นอนว่านักศึกษาปีที่หนึ่งของแต่ละคณะก็จะต้องมีการฝึกซ้อมเชียร์และกีฬากันอย่างหนัก แน่นอนแหละว่าคนสวยๆ แบบพวกเธอต้องได้รับหน้าที่แปลอักษรและนั่งร้องเพลงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อยู่แล้ว “เดี๋ยวให้พักก่อนสามสิบนาทีนะครับน้องๆ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาประจำที่นะครับ พี่จะซ้อมเต็มอีกสักสองถึงสามรอบ หรือจนกว่าพวกเราจะคล่อง” รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่คุมการซ้อมบอกให้พวกปีหนึ่งไปพัก แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากทำให้แต่ละคนก็บ่นออกมาไม่เว้นแม้แต่พวกของแก๊งนางฟ้าเอง “ร้อนมาก ใครก็ได้เอาน้ำไปราดดวงอาทิตย์หน่อยซิ” เต้าหู้บ่น เพราะอัฒจันทร์ของคณะเธอดันหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็เลยรับแสงแดดยามบ่ายกันอย่างเต็มที่ อย่างไม่ต้องการ กันแดดที่โบกมาอย่างหนาไม่รู้ว่าจะเอาอยู่ได้มากขนาดไหนรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังจบงานนี้คงต้องบำรุงกันยาวๆ “หิวน้ำจะตายอยู่ละ สต๊าฟอยู่ไหนกันหมดปกติต้องเอาน้ำมาแจกแล้วนะ” อยู่จี้ที่ใช้หมวกฟางพัดวีให้ตัวเองบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะเธอต้องซ้อมกันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติก็เรียนแทบไม่ได้พักตอนเย็นของทุกวันและวันหยุดก็ต้องซ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ส้มลิ้มและจีจี้มาด้วยหน้าตาที่สดใสเพราะได้กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเปิดเทอมใหม่แล้ว อะไรบางอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป อย่างเช่นพลอยที่ปกติแล้วเธอจะมักจะใส่เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและมิดชิดปิดไปแทบทุกสัดส่วน สวมแว่นตาหนา รวบผม ใบหน้าก็ไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่แต้ม แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนอย่างที่เขาว่า เวลามีความรักอะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด พอถอดแว่นตาแต่งตัวให้ดูเข้ากับรูปร่างตัวเอง และแต่งหน้าเพิ่มเพียงนิดหน่อย ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียวอย่างกับเป็นคนละคน “ไม่บอกจริงๆ เหรอว่าแฟนแกเป็นใครน่ะพลอย” ส้มลิ้มที่อยากรู้อยากเห็นกว่าใครอดใจไม่ได้ที่จะต้องถาม “ยังบอกไม่ได้ตอนนี้น่ะ” พลอยหลุบใบหน้าแดงที่กำลังเขินอายลงไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าพลอยดูสดใสขึ้น “งั้นแก๊งเราก็เหลือคนโสดแค่ฉันกับแกแล้วสิส้มลิ้ม” จีจี้พูดพลางแกล้งทำหน้าเศร้าโผเข้ากอดส้มลิ้ม เพื่อนสาวที่ยังไม่มีแฟนอีกคน “ฉันน่ะโสดจริงแถมไม่เคยมีแฟนด้วย ส่วนของแกน่ะโสดไม่จริงค่ะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกอยู่นั่
เต้าหู้และเฉินนั่งอยู่ในโบสถ์และกำลังเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิทของเฉิน อย่าง อากิระและคนรักของเขาอย่างริบบิ้น โดยที่มีเด็กตัวน้อยยืนอยู่บนแท่นพิธีร่วมกับทั้งคู่ เด็กคนนั้นคือเรียวตะลูกชายของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง คู่บ่าวสาวต่างปฏิญาณสาบานตนว่าจะรักและดูแลซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในตอนเย็นก็มีพิธีฉลองมงคลสมรส จัดขึ้นที่คฤหาสน์ของอากิระ หลังลงจากรถหรูเฉินยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นการบอกให้คนตัวเล็กที่ยืนข้างกันเดินคล้องเข้าไปในงานคืนนี้ พอเข้ามาหญิงสาวมองไปรอบๆ ตะลึงในความใหญ่โตและสวยงามของคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งนี้ตกแต่งราวกับหลุดออกมาจากยุคกลาง ก่อนที่เฉินจะพาเธอเดินไปทักทายเพื่อนสนิทที่อยู่ในงานเลี้ยงอย่างคู่บ่าวสาว “ยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน” “เออ ขอบใจ” “เรียวตะหลานกู ไปไหนแล้วล่ะ” มองหาลูกชายของเพื่อที่ตอนนี้ไม่เห็นมาวิ่งเล่นในงาน “เล่นทั้งวันคงเหนื่อยก็เลยงอแง กูให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปนอนแล้ว” “เออจริงสิ ไอ้พี่อี้ใส่ซองมาให้ แล้วก็ฝากบอกยินดีกับริบบิ้นด้วย แล้วก็ฝากความคิดถึงเรียวตะ” เฉินหยิบซองด้