หลังจากที่เฉินตามตื๊ออยู่หลายวันเต้าหู้ก็ยอมใจอ่อนย้ายมาอาศัยด้วยกันอยู่ที่บ้านของเขาในฐานะลูกหนี้ตามที่ได้พุดคุยตกลงกันอย่างชัดเจน เรื่องใช้หนี้เธอก็ยังยืนยันที่จะใช้ตามเดิม เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ช่วงนี้เธอก็มองหางานพิเศษเป็นพวกรับงานสอนพิเศษเด็กประถมที่สถาบันสอนพิเศษแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก การสอนก็ไม่ได้ยากแค่ปูพื้นฐานการบวกลบคูณหารเลขง่ายๆ เลยลองยื่นใบสมัครไป รอแค่ทางนั้นตอบรับ ที่ทำแบบนี้เพราะไม่อยากรบกวนเฉินจนเกินไป แม้เขาจะให้เธอได้ทุกอย่างเธอก็ยังเกรงใจ เฉินดีกับเธอจนบางทีเธอก็กลัวว่าเขาจะหลอกเธอหรือเปล่ายังไงก็ต้องระวังตัวหน่อยถึงจะเผลอตัวแต่ก็พยายามไม่เผลอใจ คนที่รู้จักกันมานานยังคิดร้ายกับเราอย่างอาร์มที่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กก็ยังคิดไม่ซื่อ เจ้าพ่อยิ่งไปกันใหญ่จากผู้วิเศษที่เรานับถือสุดท้ายก็กลายเป็นมิจฉาชีพ นับประสาอะไรกับเฉินที่เธอพึ่งเคยเจอพึ่งเคยรู้จัก ผู้พยายามเข้าหาเธอทุกครั้งที่มีโอกาส วันนี้เปิดเรียนวันแรกของมหาวิทยาลัย เต้าหู้รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นนักศึกษาเต็มตัว เธอหมุนตัวเช็กความเรีย
ร่างเล็กถูกหามส่งห้องพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เพราะเธอหมดสติไปทันทีหลักถูกลูกฟุตบอลอัดกระแทกเข้าใบหน้าสวยๆ อย่างเต็มแรง ผ่านไปชั่วโมงกว่าเธอถึงได้สติกลับมา หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวและรู้สึกระบมไปเกือบทั่วทั้งใบหน้า “ตื่นแล้วเหรอ แกมองเห็นฉันไหม” ส้มลิ้มที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอ่ยถามทันทีที่เพื่อนฟื้น “แล้วฉันเป็นอะไร” เพราะพึ่งตื่นก็เลยยังมึนงงและสับสน “ลูกบอลลอยมากระแทกหน้าแก ก็เลยสลบไป” ก่อนที่ภาพต่างๆ จะไหลเข้ามาในหัว ลูกบอลที่มาจากสนามฟุตบอลที่อยู่ตรงข้ามกับสนามบาสเกตบอล พุ่งอัดเต็มหน้ารู้ตัวอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงแล้ว “ฉันหลับไปนานไหม” “ชั่วโมงกว่า คิดว่าถ้าครบสามชั่วไม่ตื่นจะเรียกรถพยาบาลมารับแกแล้วนะ” “ทำไมต้องรอตั้งสามชั่วโมง” “เอาให้ชัวร์ก่อนว่าอาการหนักจริงไหม ถ้าสามชั่วโมงแล้วยังไม่ตื่นแปลว่าอาการหนักจริง” มองเพื่อนด้วยความเหนื่อยใจเอาจริงๆ ไม่ฟื้นตั้งแต่ชั่วโมงแรกก็ควรจะเรียกได้แล้วไหม โชคดีที่ยมบาลคงยังไม่อยากเจอหน้าเลยปล่อยให้มีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ เพราะลูกบอล
“ใครมันทำเมียเฮีย บอกเฮียมาเฮียจะไปจัดการมัน!!” “หนูเดินผ่านสนามพอดีก็เลยโดนลูกหลงเข้า” “ใครเป็นคนเตะ” เต้าหู้นึกถึงสภาพของอาร์มและเจ้าพ่อตอนที่เฉินโมโหจนฟิวส์ขาดแล้วคิดว่าไม่บอกคงจะดีกว่า เพราะสภาพคนที่เตะฟุตบอลคงไม่ต่างจากสองคนนั้น “หนูจำไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างเขาก็คงไม่ได้ตั้งใจอย่าทำอะไรนะคะ หนูขอ” สายตาหวานทำตาอ้อนๆ ปริบๆ จนเขาใจอ่อน เมื่อเธอขอครั้งนี้จะปล่อยไปก่อน มือใหญ่ประคองพวงแก้มสวยเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงนิ้วโป้งลูบอย่างเบามือไปที่รอยสีม่วงรอบดวงตา “ไปหาหมอมาหรือยัง” “ยังค่ะ แค่นี้เองไม่น่าจะเป็นอะไร” “ลูกบอลโดนหัวมันอันตรายไปตรวจหน่อยนะ เดี๋ยวเฮียพาไปโอเคไหม” เต้าหู้เชื่อฟังเฉินอย่างดีเพราะเขาแสดงออกว่าดูจะห่วงเธอมากจริงๆ “ค่ะ” ริมฝีปากหยักจรดลงบนหน้าผากนูนอย่างเอ็นดู ก่อนที่เขาจะจัดการคาดเข็มขัดให้เธออย่างเรียบร้อย ก่อนออกรถระหว่างที่นั่งรถเธอก็กอดช่อดอกกุหลาบสีขาวที่เขาให้มา ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็กๆ ที่เขียนด้วยลายมือของเฉิน ‘ไม่รู้ว่าเต้าหู้จะชอบไหม แต่ท
หาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ยามสายเป็นประกายระยิบระยับ รถของนักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางยังค่ายรับน้อง แต่ละคนต่างแยกย้ายนำข้าวของส่วนตัวที่เตรียมมาเก็บเข้าที่พักที่พวกรุ่นพี่ได้เช่าเอาไว้ ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่มีห้องนอนรวมขนาดใหญ่หลายห้อง แถมราคาไม่แพงมาก เหมาะแก่การทำกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก พอถึงกำหนดการณ์นัดหมายทุกคนก็มารวมตัวกันที่ชายหาดหน้ารีสอร์ตซึ่งจะเป็นสถานที่จัดกิจกรรม พวกปีสองจะเป็นแม่งานในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ก็ได้จัดเตรียมป้ายชื่อให้กับทุกคนที่เข้าร่วมพร้อมทั้งแบ่งทีมให้ปีหนึ่งออกเป็นสองทีมตามเลขรหัสนักศึกษาเป็นทีมเลขคู่และทีมเลขคี่ ตามเลขที่ลงท้ายรหัสเพื่อเล่นเกม การเล่นเกมก็เป็นการละลายพฤติกรรม ทำให้เด็กปีหนึ่งสนิทกันมากขึ้นไม่ใช่เพียงแค่สนิทกับเพื่อนชั้นปีเดียวกันแต่จะได้สนิทกับรุ่นพี่ด้วย ตอนแรกก็เป็นการละเล่นทั่วไป อย่างการวิ่งวิบาก วิ่งกระสอบ และอื่นๆ มีการส่งตัวแทนแต่ละทีมออกมาเล่น ทีมไหนแพ้จะจะถูกทำโทษด้วยการเต้น บ้างให้กินมะนาวที่เปรี้ยวบ้างหรือให้ทำอะไรตลกๆ แต่ก็ไม่ได้มีการบ
หญิงสาวในชุดบิกินี่ แต่ก็ยังคงมีผ้าคลุมซีทรูสีขาวบางๆพันรอบเอวไว้เพื่อลดระดับความร้อนแรงของชุดที่สวมใส่ กำลังโพสต์ท่าถ่ายรูปกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานหาได้แคร์สายตาใครไม่ “เต้าหู้มากับเฮียหน่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เฉินเดินเข้ามาหาเธอ พร้อมยังมีสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ “แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ ตอนนี้หนูกำลังถ่ายรูปกับเพื่อนอยู่เลย" เธอกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าตาใสซื่อพร้อมกับปลดเปลื้องผ้าที่คลุมช่วงล่างออกคราวนี้เห็นทุกสัดส่วนเยอะกว่าเดิม เฉินเห็นถึงกับหน้ากระตุกขบกรามแน่น มองสำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วมองจากเท้าขึ้นมาจรดหัวอีกรอบ พลางคิดในใจว่าไม้เรียวอยู่ไหนขอตีก้นสักทีจะได้ไหม คนอะไรดื้อเกิน “ไม่ได้ ต้องคุยตอนนี้” คว้าผ้าสีขาวที่เธอถอดทิ้งลงกับพื้นขึ้นมา พันรอบอกคนตัวเล็กพลางบ่นในใจ บางขนาดมันยังเต็มใจเกิดมาเป็นเสื้อผ้าใช่ไหม สงสัยธุรกิจโรงงานทำเสื้อผ้าสำหรับเมียที่มีผัวขี้หวงต้องเข้าแล้ว “มากับเฮีย” เขาคว้าข้อมือเธอให้เดินตามเขาไป “พวกแก เดี๋ยวฉันมานะ” เต้าหู้หันไปบอกเพื่อนๆ ที่กำลังยืนทำหน้าทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเฉินทำหน้าโกรธแล
เต้าหู้จัดการใส่เสื้อผ้าตัวเองโดยที่มีเฉินช่วยผูกปมชุดด้านหลังให้ในส่วนที่เธอทำเองไม่ถึง คนตัวเล็กก้มลงดูบนเนินอกตัวเองที่มีทั้งรอยเขี้ยว รอยแดงเต็มไปหมดแล้วก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่ทำรอยพวกนี้เอาไว้ด้วยความไม่พอใจ “เฮียเฉิน ทำไมต้องทำรอยพวกนี้ด้วย คนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไง” “ไม่เห็นเป็นไร รอยมันอยู่ในร่มผ้า” “แต่ตอนนี้หนูใส่ชุดว่ายน้ำ” “แค่เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดธรรมดาก็ไม่มีใครเห็นแล้ว” คนตัวโตไหวไหล่ไม่ได้สำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำเลยสักนิด ใช่ถ้าใส่ชุดธรรมดาก็ไม่มีใครเห็น แต่ชุดของเธออยู่ที่รีสอร์ตอยู่ในห้องพัก ถ้าจะเดินไปเปลี่ยนมันก็ต้องผ่านกลุ่มนักศึกษาที่กำลังสังสรรค์กันอยู่ คนอื่นคงต้องเห็นรอยนี้แน่ ปกติภาพลักษณ์ดีๆ ก็ไม่ค่อยจะมีกับเขาอยู่แล้ว ถ้าใครเห็นเธอในสภาพนี้คงได้ตกเป็นขี้ปากคนอื่นแน่ เธอมองหาผ้าคลุมที่เอามาด้วย ถึงมันจะบางอย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยปกปิดรอยพวกนี้ได้บ้าง เธอเห็นว่าผ้ามันลอยออกทะเลไปแล้ว ยังดีที่มันยังไปได้ไม่ไกลจึงคิดที่จะลงไปเก็บ พอเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังจะเดินลงน้ำเฉินเลยเอ่ยทัก “ไปล้า
โรงพยาบาล CRK สาขาต่างจังหวัด เฉินพาเต้าหู้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจทุกอย่างก็ดูจะออกมาดีเธอไม่ได้มีอาการแพ้ จะมีแค่อาการปวดธรรมดาเท่านั้น แต่เฉินก็ไม่อยากชะล่าใจเลยคะยั้นคะยอคนตัวเล็กให้นอนที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกหนึ่งคืน อยากให้แน่ใจว่าคนรักปลอดภัยจริงๆ แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามขอให้เขาพากลับบ้านเพราะไม่อยากนอนที่นี่ด้วยเหตุผลบางประการก็ตามณ. ห้องพักผู้ป่วย Vvip หลังจากตรวจร่างกายเสร็จแล้วเต้าหู้ก็ถูกนำตัวส่งห้องพักผู้ป่วย เต้าหู้เธอกินยาแก้ปวดแล้วก็นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียเพราะทำกิจกรรมรับน้องมาทั้งวัน หลับไปได้สักพักใหญ่ ๆ เธอก็ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะอาการปวดที่เท้ามันยังไม่ได้ทุเลาลง เธอปรือตามองเห็นเพดาน ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ที่มีแสงจากโคมไฟเปิดเอาไว้เพียงสลัวๆ ภายในห้องค่อนข้างกว้างและมีเตียงขนาดคิงไซส์ไม่เหมือนเตียงของโรงพยาบาลที่เห็นได้ทั่วไป แถมนอนสบายมาก ไม่ต่างจากที่นอนที่บ้านของเฉินเลย มิหนำซ้ำยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อย่างเพียบพร้อม เหมือนจะเป็นโรงแรมห้าดาวมากกว่าที่จะเป็นโรงพยาบาลเสียอีกนี่สินะคุณภาพชีวิตของคนที่มีเงิน
วันประกาศผลสลากกินแบ่งแถมยังตรงกับวันหยุดเต้าหู้ก็ไม่พลาดที่จะนั่งเกาะติดขอบจอเพื่อลุ้นรางวัล เธอตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสีขาวดูสะอาดสะอ้าน แต่งเติมใบหน้าด้วยเครื่องสำอางจนสวย มัดผมรวบแบบหางม้า เตรียมของมาใส่บาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล อย่างน้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้เห็นความตั้งใจ วันนี้แหละมหาเศรษฐีมีนามว่าเต้าหู้จะได้ถือกำเนิดแล้ว หลังจากที่พลาดมาหลายงวด ช่วงนี้เฉินยังคงอยู่ที่อิตาลีเพื่อไปช่วยงานของพ่อและแม่ ถามว่ามีคิดถึงเขาบ้างไหมมันก็มีบ้าง คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวันพอห่างกันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างมันขาดหายไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังติดต่อมาตลอดที่มีเวลาว่าง พอตกช่วงบ่ายก็มานั่งรอที่หน้าจอทีวีพร้อมกับสลากกินแบ่งรัฐบาลในมือหลายสิบใบ หวังว่าจะได้รางวัลใหญ่ก็คราวนี้ เหล่าแม่บ้าน ก็มานั่งรอลุ้นรางวัลใหญ่ด้วยเช่นกัน เสียงกดกระดิ่งที่หน้าบ้านทำให้เธอละสายตาจากจอทีวี ปกติไม่ค่อยมีแขกไปใครมาที่บ้านหลังนี้สักเท่าไหร่ แล้วยิ่งตอนเฉินไม่อยู่ด้วย “เดี๋ยวป้าออกไปดูเองค่ะ” แม่บ้านที่มานั่งลุ้นด้วยกันรับอาสาออกไปดู ไม่นานก็มาพร้อมกับ
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา
ในช่วงกิจกรรมกีฬาของมหาลัย แน่นอนว่านักศึกษาปีที่หนึ่งของแต่ละคณะก็จะต้องมีการฝึกซ้อมเชียร์และกีฬากันอย่างหนัก แน่นอนแหละว่าคนสวยๆ แบบพวกเธอต้องได้รับหน้าที่แปลอักษรและนั่งร้องเพลงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อยู่แล้ว “เดี๋ยวให้พักก่อนสามสิบนาทีนะครับน้องๆ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาประจำที่นะครับ พี่จะซ้อมเต็มอีกสักสองถึงสามรอบ หรือจนกว่าพวกเราจะคล่อง” รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่คุมการซ้อมบอกให้พวกปีหนึ่งไปพัก แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากทำให้แต่ละคนก็บ่นออกมาไม่เว้นแม้แต่พวกของแก๊งนางฟ้าเอง “ร้อนมาก ใครก็ได้เอาน้ำไปราดดวงอาทิตย์หน่อยซิ” เต้าหู้บ่น เพราะอัฒจันทร์ของคณะเธอดันหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็เลยรับแสงแดดยามบ่ายกันอย่างเต็มที่ อย่างไม่ต้องการ กันแดดที่โบกมาอย่างหนาไม่รู้ว่าจะเอาอยู่ได้มากขนาดไหนรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังจบงานนี้คงต้องบำรุงกันยาวๆ “หิวน้ำจะตายอยู่ละ สต๊าฟอยู่ไหนกันหมดปกติต้องเอาน้ำมาแจกแล้วนะ” อยู่จี้ที่ใช้หมวกฟางพัดวีให้ตัวเองบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะเธอต้องซ้อมกันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติก็เรียนแทบไม่ได้พักตอนเย็นของทุกวันและวันหยุดก็ต้องซ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ส้มลิ้มและจีจี้มาด้วยหน้าตาที่สดใสเพราะได้กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเปิดเทอมใหม่แล้ว อะไรบางอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป อย่างเช่นพลอยที่ปกติแล้วเธอจะมักจะใส่เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและมิดชิดปิดไปแทบทุกสัดส่วน สวมแว่นตาหนา รวบผม ใบหน้าก็ไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่แต้ม แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนอย่างที่เขาว่า เวลามีความรักอะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด พอถอดแว่นตาแต่งตัวให้ดูเข้ากับรูปร่างตัวเอง และแต่งหน้าเพิ่มเพียงนิดหน่อย ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียวอย่างกับเป็นคนละคน “ไม่บอกจริงๆ เหรอว่าแฟนแกเป็นใครน่ะพลอย” ส้มลิ้มที่อยากรู้อยากเห็นกว่าใครอดใจไม่ได้ที่จะต้องถาม “ยังบอกไม่ได้ตอนนี้น่ะ” พลอยหลุบใบหน้าแดงที่กำลังเขินอายลงไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าพลอยดูสดใสขึ้น “งั้นแก๊งเราก็เหลือคนโสดแค่ฉันกับแกแล้วสิส้มลิ้ม” จีจี้พูดพลางแกล้งทำหน้าเศร้าโผเข้ากอดส้มลิ้ม เพื่อนสาวที่ยังไม่มีแฟนอีกคน “ฉันน่ะโสดจริงแถมไม่เคยมีแฟนด้วย ส่วนของแกน่ะโสดไม่จริงค่ะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกอยู่นั่
เต้าหู้และเฉินนั่งอยู่ในโบสถ์และกำลังเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิทของเฉิน อย่าง อากิระและคนรักของเขาอย่างริบบิ้น โดยที่มีเด็กตัวน้อยยืนอยู่บนแท่นพิธีร่วมกับทั้งคู่ เด็กคนนั้นคือเรียวตะลูกชายของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง คู่บ่าวสาวต่างปฏิญาณสาบานตนว่าจะรักและดูแลซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในตอนเย็นก็มีพิธีฉลองมงคลสมรส จัดขึ้นที่คฤหาสน์ของอากิระ หลังลงจากรถหรูเฉินยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นการบอกให้คนตัวเล็กที่ยืนข้างกันเดินคล้องเข้าไปในงานคืนนี้ พอเข้ามาหญิงสาวมองไปรอบๆ ตะลึงในความใหญ่โตและสวยงามของคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งนี้ตกแต่งราวกับหลุดออกมาจากยุคกลาง ก่อนที่เฉินจะพาเธอเดินไปทักทายเพื่อนสนิทที่อยู่ในงานเลี้ยงอย่างคู่บ่าวสาว “ยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน” “เออ ขอบใจ” “เรียวตะหลานกู ไปไหนแล้วล่ะ” มองหาลูกชายของเพื่อที่ตอนนี้ไม่เห็นมาวิ่งเล่นในงาน “เล่นทั้งวันคงเหนื่อยก็เลยงอแง กูให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปนอนแล้ว” “เออจริงสิ ไอ้พี่อี้ใส่ซองมาให้ แล้วก็ฝากบอกยินดีกับริบบิ้นด้วย แล้วก็ฝากความคิดถึงเรียวตะ” เฉินหยิบซองด้