“คืนนี้ฉันจะนอนที่บ้านเธอ พอดีไม่ได้จองโรงแรมไว้ คงไม่เป็นไรใช่ไหม” ใบหน้าของเต้าหู้เต็มไปด้วยความงุนงง ไม่ต่างจากลูกน้องอีกสองคนที่ไม่เข้าใจเจ้านายว่าพูดแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่พี่แกมีบ้านพักตากอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ขับรถไปไม่นานก็ถึงแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจองโรงแรมเลย หรือนี่จะเป็นข้ออ้างขอค้างบ้านผู้หญิง
“คิดอะไรกับหนูปะเนี่ย” จู่ๆ ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ทำทีจะมาขอนอนที่บ้านด้วย รู้อยู่ว่าเธอสวยคงจะมีแต่คนหมายปอง ถึงเจ้าหนี้คนนี้จะหล่อก็เถอะ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงจะให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับผู้ชายมันก็จะดูไม่งามเอานะ
“หรือจะให้หนูขัดดอก บังคับขืนใจให้เป็นนางบำเรอ ก็พวกคุณสามคนตัวโตอย่างกับยักษ์อุ้มปิดปากหนูก็ทำได้สบาย เพราะหนูไม่มีทางสู้อยู่แล้ว” เคยอ่านหนังสือเคยดูละครมาเยอะ ถ้านางเอกติดหนี้ไม่มีเงินจ่ายจะต้องเอาตัวเองไปขัดดอกเพื่อใช้หนี้ อย่าบอกนะว่าเขาจะให้เธอทำแบบนั้น
“แค่มองเธอฉันก็หมดอารมณ์แล้ว ไม่ได้สวยขนาดนั้น” เอาจริงๆ ตอนนี้ เขาก็ไม่มีอารมณ์กับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ว่ากับเธอหรือกับใคร ไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้งานได้ตอนไหน หรืออาจต้องอยู่อย่างเหี่ยวเฉาไปทั้งชีวิต
“แรงมาก”
“รีบเปิดบ้านสิ ฉันง่วงแล้ว” คนตัวโตเร่งให้คนตัวเล็กเปิดประตูบ้าน พอเธอเปิดได้เขาก็พุ่งตัวเข้าไปโดยที่ไม่รอให้เธอได้อนุญาต แต่จะให้เธอลากตัวเขาออกมาคงไม่ไหว คนอะไรตัวโตอย่างกับยักษ์เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะตอนนี้เธอก็ทั้งเหนื่อยและง่วงเหมือนกัน
“นอนตรงโซฟาหน้าทีวีได้ไหมคะ”
“ยุงเยอะ จะนอนยังไง”
“งั้นนอนห้องของแม่หนูได้ไหม”
“ไม่อะแม่เธอพึ่งเสีย ฉันจะนอนห้องเธอ เธอก็ไปนอนห้องแม่เธอแทนแล้วกัน” ไอ้เจ้าหนี้นี่ก็เรื่องมากพอตัวเลย แต่ถ้าเกิดเธอทำอะไรขัดใจเขาขึ้นมาแล้วทำให้เขาไม่พอใจก็กลัวจะจบไม่สวย
“งั้นหนูนอนห้องแม่ก็ได้ค่ะ ห้องนอนอยู่ชั้นสอง ห้องน้ำก็เดินไปเข้าทางนู้นนะคะ หนูขอตัวเคลียร์ห้องก่อนถ้าเสร็จแล้วจะบอกให้คุณค่อยเข้าไปค่ะ” เธอเอ่ยบอกกับชายหนุ่มทั้งสามคนก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าที่จะใส่นอนและใส่วันพรุ่งนี้ออกมา พร้อมจัดห้องนอนให้ดูเรียบร้อย แล้วค่อยไปอาบน้ำ
ระหว่างที่รอเต้าหู้ไปจัดการห้องเฉินก็ได้นั่งรอไปพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมอย่างสบายใจ
“ลูกพี่ลืมเหรอครับว่าเรามีบ้านอยู่แถวๆ นี้ด้วย” จ๊อดที่ต่อมเผือกกระตุกอยากรู้เลยเอ่ยถาม
“ไม่ได้ลืม แต่ไม่อยากไป อยากนอนที่นี่” เหตุผลก็แค่ไม่อยากปล่อยให้เด็กสาวที่ชีวิตรันทดอยู่แล้วเพราะแม่พึ่งจากไป ยังมีคนคิดทำไม่ดีไม่ร้ายด้วยอีก เขาแค่ไม่อยากให้ชีวิตเธอรันทดมากไปกว่าเดิมอีกก็แค่นั้น
จ๊อดแจ๊ดมองหน้ากันก่อนจะแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย นานแล้วที่ไม่ได้เห็นลูกพี่คุยกับสาวๆ สงสัยลูกพี่จะถูกใจน้องคนนี้แน่ๆ
“พวกมึงยิ้มอะไรกัน”
“ลูกพี่ไม่ได้ชอบน้องเขาหรอกเหรอครับ” แจ๊ดถามไปตรงๆ
“นั่นดิลูกพี่ น้องเขาก็น่ารักดีนะ สเป็กลูกพี่เลย”
“ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิดหรอก” ระหว่างที่คุยกันเต้าหู้ที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ได้เดินมาบอกกับเฉิน
“เสร็จแล้วค่ะ เดินขึ้นบันไดไปห้องอยู่ทางซ้ายมือค่ะ”
“อืม”
“ห้องหนูไม่มีของมีค่าอะไรหรอกนะคะ ไม่ต้องรื้อ ไม่ต้องค้นหาอะไร แล้วก็ห้ามแตะต้องของส่วนตัวด้วย ถึงจะเป็นเจ้าหนี้แต่ก็ห้ามทำอะไรตามอำเภอใจนะคะ” เต้าหู้เอ่ยเตือนทำหน้าจริงจัง ไม่รู้หรอกเจตนาของเขาคือมาทำอะไร บางทีอาจจะอยากมารื้อมาค้นบ้านหาของมีค่าเอาไปขาย แต่ก็ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก เพราะตั้งแต่แม่ป่วยทั้งเงินทั้งทองก็ขายเอาไปรักษาแม่หมดแล้ว แต่ถ้าทำไม่ดีเธอก็ไม่ยอมแน่นอน ก่อนจะไปอาบน้ำเพื่อรีบเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปที่วัดเพื่อช่วยเตรียมงานเผาศพที่จะมีขึ้นในช่วงบ่าย
“จะบอกอะไรให้ ฉันไม่ได้มีดีแค่หน้าตาหรอกนะ มารยาทฉันก็ดี” หญิงสาวเบะปากมองบน แต่ไอ้ที่พุ่งพรวดเข้ามาใหนบ้านไม่รอให้อนุญาต เนี่ยเหรอที่เขาเรียกว่ามีมารยาท
“เหรอคะ เห็นทำอะไรตามอำเภอใจเลยนึกว่าไม่มี” คนหล่อย่นคิ้ว เด็กนี่ไม่รู้เลยสินะว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่นอกจากเพื่อน พ่อ แม่พี่น้อง ก็ไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้เลยนะ คิดดอกเพิ่มเลยดีไหมเนี่ย
“หนูขอตัวก่อนนะคะ”
เต้าหู้เดินเข้าไปในห้องของแม่ เพราะห้องนอนเธอเจ้าหนี้นอนอยู่ ก่อนนอนไม่ลืมไหว้พระพร้อมบอกกล่าววิญญาณของแม่
“หนูรักแม่นะ แต่ว่าเราอยู่กันคนละโลกแล้ว หนูคิดถึงแม่นะ มาเข้าฝันได้บอกหวยได้ แต่ไม่ต้องมาหานะ หนูกลัว” ก่อนจะรีบล้มตัวข่มตานอนหลับไปพร้อมกับความกลัว รักแค่ไหนแต่ก็กลัวผีอยู่ดี
ด้านของเฉิน เขาเข้ามาในห้องนอนเด็กสาวที่ตกแต่งไปด้วยรูปไอดอลที่ชอบ บนหัวเตียงก็มีกรอบรูปวางเอาไว้ สามสี่อัน เขาก็ไม่ได้สนใจก่อนจะเปิดหน้าต่างกว้างๆ แล้วปิดไฟล้มตัวลง นอนรอใครบางคนที่มันคิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่จะว่าไป ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
เด็กที่ชื่อเต้าหู้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่ใจ หรือคงเป็นเพราะความดีในตัวยังมีอยู่ เห็นใครเดือดร้อนไม่ช่วยก็จะดูใจร้ายเกินไปล่ะมั้ง
แหมเราก็เป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ย เฉินเอ่ยชมตัวเองอยู่ในใจ
ผ่านไปสักพักจนเฉินผล็อยหลับไปจริงๆ ตรงหน้าต่างก็มีเสียงกุกๆกักๆ เฉินเลยสะดุ้งตื่น และรู้ว่ามีคนกำลังเข้ามาจริงๆ เขาจึงคลุมโปง แกล้งหลับต่อ ในห้องที่มีแสงไฟกิ่งส่องเข้ามาสลัวๆ ทำให้เห็นรายละเอียดไม่ชัดนัก แต่ก็พอเห็นเป็นรูปร่างคนนอนอยู่บนเตียง
อาร์มที่หมายตาเต้าหู้เอาไว้เพราะแอบชอบมานาน แต่ไม่กล้าจีบ อะไรไม่รู้ดลใจทำให้มันคิดทำเรื่องเลวร้าย แอบย่องจะเข้ามาลักหลับเต้าหู้ในคืนนี้ แต่ก็ดันมีคนไปรู้เข้า และกำลังทำให้ชะตาของมันจะขาด
อาร์มขยับขึ้นไปนอนบนเตียงเดียวกับเฉินโดยที่มันก็คิดว่านี่คือเต้าหู้ มันสืบมาอย่างดีแล้วว่าเต้าหู้นอนห้องนี้ มันจึงเอาบันไดไม้ไผ่บาดหน้าต่างแล้วปีนขึ้นมาโดยที่มีไอ้บูมคอยดูต้นทางให้ด้านล่าง
“เต้าหู้ กูอาร์มเอง กูชอบมึงนะ”
มือของไอ้เวรนั่นไม่หยุดนิ่งลูบไล้ พร้อมทั้งบีบทั้งคลำต้นแขน ของเฉินจนเขาขนลุก
“กล้ามมึงใหญ่เหมือนกันนะ ซ้อมมวยกับส้มลิ้มมันบ่อยล่ะสิกล้ามแน่นมาก แต่ไม่เป็นไร จะเป็นยังไงกูก็ชอบมึงอยู่ดี เป็นของกูนะเต้าหู้”
“กูไม่เป็น!!”
“เห้ย!! เต้าหู้ทำไมเสียงมึงใหญ่จังวะ”
"โทษทีเสียงกูพึ่งแตกหนุ่ม" ไอ้อาร์มรีบดึงผ้าห่มออกจังหวะนั้นเฉินก็ดีดตัวขึ้นจากที่นอนพอไอ้อาร์มเห็นว่าไม่ใช่เต้าหู้จึงรีบถอยหนี
“เห้ย มึงเป็นใครวะ”
“เป็นพ่อมึงไง! ไอ้ลูกเหี้ย!” ฝ่าเท้าของเฉินกระแทกเข้าที่หน้าอกของไอ้คนที่มันคิดทำเรื่องชั่ว จนมันกระเด็นหลังไปกระแทกกับผนังห้อง แล้วมันก็ล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความจุก จากนั้น ก็รัวกระแทกเท้าลงบนตัวไอ้เด็กนี่อย่างเมามัน
“ไอ้เด็กเวร ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวระยำแบบนี้ฮะ!!? สมองมึงคิดได้แต่เรื่องพวกนี้หรือไง กินตีนเข้าไปเยอะๆ จะได้เลิกชั่ว”
“อะ โอ๊ย ยอมแล้ว ยอมแล้ว”
“เห้ย ไอ้อาร์ม เป็นอะไรวะ” ไอ้เพื่อนอีกคนที่มาด้วยกันพอได้ยินเสียงเพื่อร้องโอดโอยด้วยความเป็นห่วงก็ปีนบรรได้ขึ้นมาดู
“ไอ้ บูม ช่วยกูด้วย” ไอ้อาร์มที่ได้ยินเสียงเพื่อนจึงได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“มาช่วยเพื่อนมึงกินตีนกูนี่เลยมา โทษฐานสนับสนุนกันทำเรื่องชั่วๆ” พอมันปืนจนขึ้นมาถึงหน้าต่างก็ถูกเฉินกระชากลงไปกระทืบด้วยอีกคน โทษฐานที่ไม่ห้ามเพื่อนทำสิ่งไม่ดี มิหนำซ้ำยังมาดูต้นทางให้อีก กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นหนึ่งรุมสอง วัยรุ่นสองคนไม่สามารถสู้แรงเฉินได้เลย ได้แต่นั่งขดนอนขดให้เฉินลงโทษอยู่อย่างนั้น
แค่นี้จิ๊บๆสิบรุมหนึ่งยังเอาพี่ไม่ลง
เต้าหู้ และจ๊อดแจ๊ดที่ได้ยินทั้งเสียงโครมครามและเสียงร้องโอดครวญขอความช่วยเหลือดังมาจากห้องที่เฉินนอนอยู่จึงรีบเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องเธอไม่ได้ล็อกเอาไว้จึงเปิดเข้าไปได้ง่าย เต้าหู้เปิดไฟในห้องให้สว่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น สภาพที่เห็นคือ เฉินกำลังกระทืบและบูมกับอาร์มสลับกัน จนสองคนนั้นอยู่ในสภาพที่เรียกว่าอ่วม เต้าหู้รีบเดินไปหยุดเฉินก่อนที่สองคนนั้นจะตายจริงๆ “ไอ้จ๊อดไอ้แจ๊ด จับพวกมันนั่งดีๆ ซิ” เฉินออกคำสั่งกับลูกน้องตน ทั้งสองก็ทำตามอย่างไม่อิดออดรีบจับอาร์มและบูมที่นอนขดโอดครวญ ให้นั่งคุกเข่าต่อหน้าเฉิน “นี่มันอะไรกันเนี่ย ไอ้บูม ไอ้อาร์ม พวกแกสองคนมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง” เต้าหู้ที่กำลังสับสนว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แล้วพวกมันเข้ามาทำอะไรในห้องของเธอ อีกอย่างเฉินทำร้ายสองคนนี้ทำไม หรือจะขึ้นมาขโมยของ แต่ก่อนหน้านี้บูมกับอาร์มก็ไม่เคยทำพฤติกรรมแบบนี้เลย "เอ่อ..." ทั้งอารมณ์และบูมต่างไม่มีใครกล้าปริปากยอมรับความผิดในสิ่งที่คิดจะทำ จนเฉินชักจะมีน้ำโห "มึงจะให้กูใช้ตีนง้างปากพวกมึงให้พูดไหม ว่าพวกมึงวางแผนจะทำอะไรเต้าหู้" พึ
เฉินตื่นมาในเช้าอันสดใสพร้อมกับรอยยิ้ม ที่เมื่อคืนมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง แม้ว่ามันจะตื่นตัวได้พักหนึ่งแล้วก็กลับสภาพเดิม แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เขาเจอผู้หญิงมามากมายแต่ร่างกายก็ไม่ตอบสนองกับใครเลย จนกระทั่งมาเจอ เต้าหู้ เขาจึงเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมา และต้องการพิสูจน์ให้แน่ใจว่ามันเป็นเพราะเธอจริงๆ หรือเปล่า แต่จะให้บุ่มบ่ามไม่ได้เพราะเธออาจจะกลัว อีกอย่างถ้าผู้หญิงไม่ยินยอมเขาเองก็ไม่ทำ เขาเริ่มสำรวจไปรอบๆ ห้องนอนสีชมพูหวานแหววของเธอ ก่อนหันไปเห็นรูปที่ติดบนบอร์ดเล็กๆ ใกล้กับโต๊ะเขียนหนังสือ บนนั้นมีรูปที่เธอถ่ายกับครอบครัว ถ่ายกับเพื่อนแปะอยู่ ทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่ง ไปสะดุดกับรูปผู้ชายคนหนึ่งในชุดนักเรียนถือพวกช่อดอกไม้ มีพวงมาลัยคล้องคอ จากการคาดเดาน่าจะเป็นรูปในวันปัจฉิม บนรูปเขียนไว้ว่า พี่ภีม พร้อมกับวาดรูปหัวใจสีแดงเอาไว้ โคตรรู้สึกไม่ถูกชะตาไอ้ขี้เก๊กนี่เอาซะเลย แล้วมันเป็นใครวะ? แฟนเต้าหู้เหรอ? เลิกกันหรือยังวะ? หรือคบกันอยู่? คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ที่รู้คือ ไม่ชอบขี้หน้าไอ้คนนี้ไม่ได้การจะต้องสืบให้
ในเย็นวันที่เผาศพแม่ของเต้าหู้ เฉินบอกว่าเขามีธุระด่วนจะต้องรีบไปจัดการเลยไม่ได้อยู่ค้างต่อที่บ้านของเต้าหู้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ใบหน้าหล่อแสดงออกถึงความเสียดาย แต่ถ้าไม่ไปจัดการด้วยตัวเองมันก็ไม่มีความหมาย เพราะเขาเองก็รอเวลานี้มาถึงสามปีแล้วเมื่อลูกน้องแจ้งมาว่าเจอเสี่ยทรงเกียรติแล้ว แต่ถึงตัวเองไม่อยู่ ก็ยังคงให้ลูกน้องอย่างจ๊อดกับแจ๊ดคอยเฝ้าเวรยามที่หน้าบ้านให้ตอนกลางคืนคอยดูแลเรื่องความปลอดภัย หลายวันต่อมาเต้าหู้สอบปลายภาคเสร็จแล้ว และเรียนจบมัธยมปลายอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่รอฟังประกาศผลการสอบเข้ามหาลัยที่เธอกับเพื่อนๆ ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก คือการสอบเข้าไปเรียนบัญชี ในคณะบริหารในมหาลัยเดียวกันกับรุ่นพี่ที่เธอเคยแอบชอบและปลื้มมากๆ อย่าง ภีม ส่วนเฉินที่ยังไม่กลับมาก็ให้จ๊อดกับแจ๊ดคอยอยู่ดูแลเต้าหู้ คอยซื้อข้าวมาให้เธอตลอดเวลาเธอจะทำอาหารกินเองจ๊อดกับแจ๊ดนั้นจะมาขัดตลอด ไม่รู้ทำไมสรุปวันนั้นเธอทำอร่อยจริงไหม แล้วไอ้รสชาติที่เข้มข้นนั้นมันรสชาติยังไง ระหว่างนี้เธอก็ไม่ได้อยู่เฉยออกไปหางานทำเก็บเงิน เพราะตอนนี้ทุกนาทีมีค่า
“แก่แล้วก็ควรเข้าวัด แต่ถ้าอยากโดนซัดก็เข้ามา” สายตาเฉินดูเอาจริงทำให้เสี่ยแก่ไม่กล้ารั้งต่อ แถมจ๊อดกับแจ๊ดยังเข้ามาเป็นกำลังเสริมให้ดูน่ากลัวอีก มันเลยต้องยอมแพ้ไป เฉินถอดเสื้อโค้ตของตัวเองออกมาคลุมให้คนตัวเล็กเพราะชุดที่มันสั้นจนน่ารำคาญสำหรับเขา ก่อนจะอุ้มช้อนตัวของเธอขึ้น แล้วจึงพาเธอกลับไปที่บ้าน พอไปถึงบ้านเธอเกิดอยากอ้วกขึ้นมา หญิงสาวนั่งกอดคอชักโครกเอาสิ่งที่กินเข้าไปออกมาจนหมด โดยที่มีเจ้าหนี้คอยลูบหลังให้พร้อมคอยถามไถ่เป็นระยะ “ดีขึ้นไหม” เธอพยักหน้าก่อนจะล้างหน้าล้างตาบ้วนปากให้ตัวเองสดชื่นขึ้น แล้วจึงออกมานั่งพักที่โซฟา เฉินให้จ๊อดแจ๊ดแวะซื้อพวกเครื่องดื่มและยาที่ช่วยลดอาการแฮงค์มาให้ พร้อมกับที่เฉินก็ไล่สองคนนี้ไปนอนในสวนนอกบ้าน โทษฐานที่ปล่อยให้เธอเปลี่ยนตำแหน่งงานเป็นพีอาร์โดยไม่ช่วยกันห้าม “คุณไล่พี่จ๊อดกับพี่แจ๊ดออกไปนอนข้างนอกทำไมคะ เดี๋ยวก็โดนยุงกัดไม่สบายเอาหรอก” “ถ้าแค่กับยุงมันยังสู้ไม่ได้ ก็ให้มันลาออกจากการเป็นบอดี้การ์ดไปซะ” ว่าพร้อมกับที่พยุงตัวเธอมาจนถึงโซฟาหน้าทีวีพอเต้าหู้ได้นั่งพักอาก
เจ้าของใบหน้าสวยลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอนพร้อมกับอาการปวดหัว คงเป็นผลจากสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อคืน นี่ขนาดอ้วกออกมาจนหมดกระเพาะแล้วนะยังจะเมาค้างได้อีก ก่อนจะตั้งใจไว้ว่าจะไม่ดื่มจนเมาแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าใครจะจ้างเท่าไหร่ก็ตาม เต้าหู้เปิดประตูออกมาเจอเข้ากับเฉินที่มายืนรออยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับส่งยิ้มหวานพาลให้ใจสั่น จะว่าไปแล้ว เขาหล่อมากแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่า ทำไมวันนี้รู้สึกว่าเขาดูหล่อกว่าทุกวันกันนะ ก่อนที่ภาพทุกอย่างเมื่อคืนจะไหลเข้ามาในหัวเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าเราก็มีใจให้เขาแล้วเหรอ ไม่ได้ๆ พยายามห้ามใจไว้ เพราะเขาคือเจ้าหนี้ และเรายังไม่รู้จักเขาดีพอ “มีอะไรเหรอคะ” “อยากคุยเรื่องเมื่อคืน” หญิงสาวตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ความจริงแล้วเธอจำได้ทุกฉากทุกตอนจำได้แม้กระทั่งความรู้สึกที่กำลังถูกเขาสัมผัส บางทีถ้าทำเหมือนว่าลืมๆ ไปอาจจะเข้าหน้ากันง่ายกว่า “หนูเมามากหนูจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” เฉินถึงกับแค่นหัวเราะในลำคอ เขารู้ว่าเธอไม่ได้ลืมแต่แค่ทำเป็นจำไม่ได้สงสัยต้องหลอกล่อสักหน่อย “ก็เมื่อคืนฉันคุยเรื่องหนี้ จะใ
เฉินอุ้มเอาคนตัวเล็กที่เมาไม่ได้สติพาขึ้นรถกลับมาที่บ้าน หลังจากที่โชว์ห้าวดื่มเหล้าติดกันไปทั้งหมดเจ็ดซ็อตจนภาพตัด นอนหลับเอาหัวหนุนตักเขา เฉินนั่งดื่มรอกระทั่งร้านปิดจึงพาเธอขึ้นรถยนต์คันหรูกลับมาที่บ้าน “คืนนี้พวกมึงสองคนไปนอนบ้านนู้นแล้วกัน” บ้านที่เฉินซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศเวลาที่เขามาเก็บหนี้ หรือมาดูบ่อนใกล้ๆ แถวนี้ คืนนี้เลยให้พวกมันสองคนไปนอนที่นั่นตัดปัญญา เดี๋ยวเกิดปวดท้อง ปวดไส้ขึ้นมาอีก “ผมเอาใจช่วยลูกพี่นะครับ” จ๊อดกำมือสู้ๆ บอกเจ้านายแต่เหมือนเฉินยังเคืองที่ถูกขัดจังหวะเมื่อวานอยู่ “เมื่อวานเสียเรื่องเพราะมึงนั่นแหละ ไปไกลๆ เลยนะ คืนนี้มึงจะปวดห่าอะไรก็ปวดไป ไม่ต้องมาเคาะประตูบ้านเข้าใจไหม” จ๊อดทำหน้าจ๋อยเพราะวันนี้เฉินก็ตึงใส่ทั้งวัน เรียกว่าทำอะไรไปก็ขัดหูขัดตาเฉินไปหมด “ขอโทษครับ วันนี้ผมจะไม่กวนลูกพี่แล้วครับ” “ไม่ต้องดูเรื่องความปลอดภัยเหรอครับ” แจ๊ดถามเฉินถึงเรื่องความปลอดภัยเพราะไม่มีใครอยู่คอยเฝ้ายามให้กลัวว่าจะมีคนไม่หวังดีจะลอบทำร้าย “ไม่ต้อง ถ้ามีอะไรกูจัดการเองได้” “ครับล
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ประจำทำให้ร่างบางลืมตาตื่น ชายหนุ่มที่พึ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามาในห้องพร้อมพันผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบไว้อย่างหลวมๆ ท่อนบนเปลือยเปล่าแต่ก็โชว์กล้ามเนื้อที่สวยได้รูป และรอยสักรูปมังกรที่พอเห็นแล้วก็ทำให้หวั่นไหวกับความเท่ เฉินเดินมานั่งลงบนเตียงที่เต้าหู้นอนอยู่เธอห่มผ้าจนถึงคอ เพราะต้องการปกปิดร่างกายยังคงเปลือยเปล่า แถมตอนนี้เธอยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะเป็นไข้ และรู้สึกปวดหน่วงตรงท้องน้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพราะอะไรพลางนึกในใจว่ากระแทกมาได้ไม่ออมแรงเลย นึกว่าจะตายซะแล้ว “ตื่นแล้วเหรอ หิวไหม? ถ้าหิวรอแป๊บหนึ่ง เฮียให้จ๊อดกับแจ๊ดซื้อข้าวมาให้แล้ว” “ทำไมเงียบ หรือว่าจำไม่ได้อีก เอาอีกรอบไหม จะได้ฟื้นความจำ” “ไม่ต้องแล้วค่ะ จำได้ค่ะ” จำได้แบบไม่ลืมเลยด้วย เขาพรากทั้งจูบแรกและพรากเยื่อพรหมจรรย์ไปจากเธออีกจะให้ลืมได้ยังไง อีกอย่างเมื่อคืนเธอก็ดันเป็นคนเริ่มเองอีก จะกล่าวหาว่าเขามอมเหล้าเธอจนเมาทำให้ขาดสติพลาดพลั้งไปมีอะไรกันก็ไม่ได้ เพราะอยากได้เงินเลยดื่มเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็น
ตำหนักเจ้าพ่อหนองนาน้อย สามสาวแก๊งนางฟ้ามาที่ตำหนักของเจ้าพ่อ เพื่อให้ช่วยในเรื่องการสอบเข้ามหาลัยของส้มลิ้ม ที่ดูจะมืดแปดด้านไปหมด ในเมื่อไม่มีหนทางไหน ก็คงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่เฉินตามมาด้วยทำเพราะอยากรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นจะไปที่ไหน เห็นมีท่าทีร้อนรนรีบวิ่งออกมาข้าวก็ไม่กินเลยเป็นห่วง เต้าหู้บอกว่าไม่เห็นจำเป็นจะต้องตามมาเพราะมาทำธุระแต่เขาก็ยืนกรานที่จะมาให้ได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจ มิหนำซ้ำพอมาถึงเขาก็เอาแต่มองเจ้าพ่อเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมละสายตา ทำไมถึงมีท่าทีแบบนั้นเธอก็ไม่เข้าใจ แล้วการที่เขามองแบบนี้ถือว่าลบหลู่ไหม แล้วถ้าเจ้าพ่อรู้จะตามไปหักคอเขาหรือเปล่า วันนี้ที่ตำหนักคนไม่ค่อยเยอะมาก รอไม่นานก็ถึงคิวของส้มลิ้มร่างทรงทำเสียงแหบราวคนแก่ นั่งเคี้ยวหมากจนปากแดงเอ่ยถามกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือ “มีอะไรให้ข้าช่วย ก็ว่ามา” “หนูอยากเข้ามหาลัยนี้มากค่ะ แต่ว่าหนูติดแค่ตัวสำรอง เจ้าพ่อช่วยหนูหน่อยได้ไหมคะ” ส้มลิ้มพนมมือกล่าวบอกถึงความต้องการของตน เจ้าพ่อหลับตาลงทำสมาธิ ก่อนจะ
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา
ในช่วงกิจกรรมกีฬาของมหาลัย แน่นอนว่านักศึกษาปีที่หนึ่งของแต่ละคณะก็จะต้องมีการฝึกซ้อมเชียร์และกีฬากันอย่างหนัก แน่นอนแหละว่าคนสวยๆ แบบพวกเธอต้องได้รับหน้าที่แปลอักษรและนั่งร้องเพลงเชียร์อยู่บนอัฒจันทร์อยู่แล้ว “เดี๋ยวให้พักก่อนสามสิบนาทีนะครับน้องๆ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาประจำที่นะครับ พี่จะซ้อมเต็มอีกสักสองถึงสามรอบ หรือจนกว่าพวกเราจะคล่อง” รุ่นพี่ปีสี่ที่ทำหน้าที่คุมการซ้อมบอกให้พวกปีหนึ่งไปพัก แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากทำให้แต่ละคนก็บ่นออกมาไม่เว้นแม้แต่พวกของแก๊งนางฟ้าเอง “ร้อนมาก ใครก็ได้เอาน้ำไปราดดวงอาทิตย์หน่อยซิ” เต้าหู้บ่น เพราะอัฒจันทร์ของคณะเธอดันหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ก็เลยรับแสงแดดยามบ่ายกันอย่างเต็มที่ อย่างไม่ต้องการ กันแดดที่โบกมาอย่างหนาไม่รู้ว่าจะเอาอยู่ได้มากขนาดไหนรู้สึกว่าผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังจบงานนี้คงต้องบำรุงกันยาวๆ “หิวน้ำจะตายอยู่ละ สต๊าฟอยู่ไหนกันหมดปกติต้องเอาน้ำมาแจกแล้วนะ” อยู่จี้ที่ใช้หมวกฟางพัดวีให้ตัวเองบ่นด้วยความเหนื่อย เพราะเธอต้องซ้อมกันในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ วันปกติก็เรียนแทบไม่ได้พักตอนเย็นของทุกวันและวันหยุดก็ต้องซ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว ส้มลิ้มและจีจี้มาด้วยหน้าตาที่สดใสเพราะได้กลับบ้านไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเปิดเทอมใหม่แล้ว อะไรบางอย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป อย่างเช่นพลอยที่ปกติแล้วเธอจะมักจะใส่เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยและมิดชิดปิดไปแทบทุกสัดส่วน สวมแว่นตาหนา รวบผม ใบหน้าก็ไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่แต้ม แต่เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยนอย่างที่เขาว่า เวลามีความรักอะไรมันก็ดูสวยงามไปหมด พอถอดแว่นตาแต่งตัวให้ดูเข้ากับรูปร่างตัวเอง และแต่งหน้าเพิ่มเพียงนิดหน่อย ก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมามากเลยทีเดียวอย่างกับเป็นคนละคน “ไม่บอกจริงๆ เหรอว่าแฟนแกเป็นใครน่ะพลอย” ส้มลิ้มที่อยากรู้อยากเห็นกว่าใครอดใจไม่ได้ที่จะต้องถาม “ยังบอกไม่ได้ตอนนี้น่ะ” พลอยหลุบใบหน้าแดงที่กำลังเขินอายลงไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่าพลอยดูสดใสขึ้น “งั้นแก๊งเราก็เหลือคนโสดแค่ฉันกับแกแล้วสิส้มลิ้ม” จีจี้พูดพลางแกล้งทำหน้าเศร้าโผเข้ากอดส้มลิ้ม เพื่อนสาวที่ยังไม่มีแฟนอีกคน “ฉันน่ะโสดจริงแถมไม่เคยมีแฟนด้วย ส่วนของแกน่ะโสดไม่จริงค่ะ เดี๋ยวคบเดี๋ยวเลิกอยู่นั่
เต้าหู้และเฉินนั่งอยู่ในโบสถ์และกำลังเข้าร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนสนิทของเฉิน อย่าง อากิระและคนรักของเขาอย่างริบบิ้น โดยที่มีเด็กตัวน้อยยืนอยู่บนแท่นพิธีร่วมกับทั้งคู่ เด็กคนนั้นคือเรียวตะลูกชายของพวกเขาทั้งสองนั่นเอง คู่บ่าวสาวต่างปฏิญาณสาบานตนว่าจะรักและดูแลซึ่งกันและกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ในตอนเย็นก็มีพิธีฉลองมงคลสมรส จัดขึ้นที่คฤหาสน์ของอากิระ หลังลงจากรถหรูเฉินยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นการบอกให้คนตัวเล็กที่ยืนข้างกันเดินคล้องเข้าไปในงานคืนนี้ พอเข้ามาหญิงสาวมองไปรอบๆ ตะลึงในความใหญ่โตและสวยงามของคฤหาสน์สไตล์ยุโรปแห่งนี้ตกแต่งราวกับหลุดออกมาจากยุคกลาง ก่อนที่เฉินจะพาเธอเดินไปทักทายเพื่อนสนิทที่อยู่ในงานเลี้ยงอย่างคู่บ่าวสาว “ยินดีกับมึงด้วยนะเพื่อน” “เออ ขอบใจ” “เรียวตะหลานกู ไปไหนแล้วล่ะ” มองหาลูกชายของเพื่อที่ตอนนี้ไม่เห็นมาวิ่งเล่นในงาน “เล่นทั้งวันคงเหนื่อยก็เลยงอแง กูให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปนอนแล้ว” “เออจริงสิ ไอ้พี่อี้ใส่ซองมาให้ แล้วก็ฝากบอกยินดีกับริบบิ้นด้วย แล้วก็ฝากความคิดถึงเรียวตะ” เฉินหยิบซองด้