“ค่ะ” แก้วกานดารับคำสั้นๆ มือบางเผลอยกขึ้นลูบหน้าท้องตัวเอง
“นี่คือสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆสำหรับเธอ ขอบใจมากที่เธอเข้าใจ อ้อ...ไม่ต้องห่วงเรื่องยายลินนะ ฉันจะอธิบายให้ลินเข้าใจเองว่าเธอกับตารบเลิกกันด้วยดี”
แก้วกานดาจิกฝ่ามือตัวเองไว้จนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวไม่ได้มองเช็คที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยซ้ำ
“ขอบพระคุณที่คุณแม่ให้ความกรุณากับฝ้ายนะคะ แต่ฝ้ายคงไม่ขอรับไว้ สวัสดีค่ะ” แก้วกานดายกมือไหว้ลาแล้วลุกจากโซฟานุ่ม
“อ้อ...ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่บอกเรื่องนี้กับตารบนะ ถ้าเธอรักเขาจริง เธอคงอยากให้เขาได้อยู่กับคนที่ดีที่เหมาะสมกับเขา ไม่ใช่คนที่ธุรกิจเล็กๆของครอบครัวกำลังจะล้มเหลวนะ”
แก้วกานดาขบริมฝีปากแน่น หญิงสาวไม่ได้หันกลับไปมองหน้าคุณนัยนา เธอเลือกที่ก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา
“ปวดหัวจัง” นลินบ่นเบาๆ เสียงของเธอทำให้แก้วกานดาตื่นจากภวังค์รีบปรี่เข้าไปนั่งบนเตียงข้างเพื่อน
“เป็นอะไรมากไหมลิน”
“อืม...ลินขอพารากับน้ำหน่อยสิฝ้าย อยู่ในตู้ยาข้างล่างนะ ลุกไม่ไหวจริงๆ” นลินงัวเงียพูด
“ได้ๆ ลินรอแป๊บนึงนะ” แก้วกานดารีบเปิดประตูออกจากห้อง เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างทันที
“มืดจัง” แก้วกานดาพึมพำเบาๆ ชั้นล่างของบ้านปิดไฟหมดแล้ว มีเพียงแสงจากดวงไฟหน้าบ้านเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย
“อยู่ตรงไหนนะ” เมื่อสายตาปรับสภาพชินกับความมืด แก้วกานดาจึงมองหาตู้ยาบนผนังโดยไม่เปิดไฟ หญิงสาวคลี่ยิ้มเมื่อมองเห็นตู้ยา และเดินอย่างระมัดระวังไปเอื้อมมือเปิดตู้ยาแล้วหยิบกระปุกยาออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำหนึ่งขวด
แสงไฟจากตู้เย็นที่ถูกเปิดอยู่ในครัว ทำให้นักรบขมวดคิ้ว ชายหนุ่มเดินช้าๆตรงเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น
“อุ๊ย!” แก้วกานดาอุทานเบาๆ เมื่อปิดตู้เย็นแล้วหันหลังกลับมาชนกับร่างของคนตัวโต
“ขวัญอ่อนจริงนะ” นักรบพูดพร้อมกับใช้ตัวเองดันร่างบางจนแผ่นหลังเนียนแนบไปกับตู้เย็นเครื่องใหญ่ มือหนาแย่งขวดน้ำกับกระปุกยาจากมือแก้วกานดาไปวางไว้บนหลังตู้เย็น
“คุณรบจะทำอะไร ฝ้ายจะเอายาไปให้ลินนะ” ใบหน้าหล่อคมเข้มเหยียดยิ้มเล็กน้อยในความมืด
“นึกว่าลงมาอ่อยผมเสียอีก”
“ในสมองคุณคงจะคิดแต่เรื่องพรรค์นี้ ไม่มีเรื่องดีๆให้คิดแล้วหรือไง”แก้วกานดาเริ่มดิ้นรน นักรบจึงใช้ลำแขนแกร่งรวบเอวคอด ดึงรั้งให้แนบชิดไปกับร่างกายของตนเอง
“รู้สึกบ้างไหมฝ้าย ว่าเธอเองก็ชอบเรื่องพรรค์นี้เหมือนกัน”
นักรบจงใจกดย้ำให้จุดกึ่งกลางที่แข็งกร้าวแนบไปกับหน้าท้องหญิงสาว แก้วกานดาใช้มือยันแผงอกกว้างของชายหนุ่มไว้
“ปล่อยฝ้ายนะ ไม่อย่างนั้นฝ้ายจะตะโกนเรียกลิน”
“หึๆ เก็บเสียงไว้ครางตอนที่ผมขยับเข้าออกในตัวฝ้ายดีกว่าไหม”
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้ทันทีที่นักรบพูดจบ มือใหญ่อีกข้างช้อนศีรษะทุยด้านหลังแทรกเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม เพื่อให้ตัวเองได้รุกรานได้ถนัด แก้วกานดาเม้มริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นสากล่วงเกินเข้ามาในปากของตน นักรบหัวเราะในลำคอ แล้วเริ่มขบเม้มริมฝีปากบางรุนแรงจนหญิงสาวต้องเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“อ๊ะ!” คนที่คอยท่าอยู่แล้วกดริมฝีปากตัวเองแนบแน่นกับกลีบปากบาง เพื่อไม่ให้แก้วกานดามีโอกาสปิดริมฝีปากลงได้ ลิ้นสากไล่ต้อนลิ้นนุ่มดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ จนร่างเล็กอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดเขา มือเรียวที่ยันแผงอกกว้างเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบคอหนาแน่น ซับในตัวบางถูกกระชากแรงจนขาดติดมือใหญ่ นักรบทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี แล้วเกี่ยวกางเกงนอนของตนเองลง เพื่อปลดปล่อยความใหญ่โตเคร่งครัด มือหนายกต้นขาขาวขึ้น ใช้แขนรองใต้ขาพับแล้วกระชับ ให้กลางกายสาวแนบแน่นไปกับตัวตนแข็งแกร่งของตน เอวสอบบดเบียดกลีบดอกไม้บานฉ่ำอย่างรุนแรง แรงเสียดสีทำให้แก้วกานดาครางในลำคอด้วยความเสียวซ่าน ริมฝีปากหนาผละจากกลีบปากบางไล่เรื่อยเลียไล้ตามซอกคอหอมกรุ่น
“อ๊า...” แก้วกานดาครางแว่วหวานทันทีเมื่อปากนุ่มเป็นอิสระ
“ครางดังๆเลยสิฝ้าย อืม...ไหนลองตอบมาซิว่าฝ้ายชอบเรื่องพรรค์นี้ไหม”
“มะ...ไม่” เสียงปฏิเสธดังแผ่วเบา แต่สะโพกงอนกลับบดเบียดเข้าหาอย่างเว้าวอน
“ไม่เหรอ จริงๆเหรอ”
นักรบขยับสะโพกออก แล้วสอดใส่ความรุ่มร้อนแข็งแกร่งเข้าไปในช่องทางรักที่อุ่นลื่นรุนแรง แก้วกานดาจิกบ่ากว้างแน่น ขาเรียวอีกข้างตวัดรัดท่อนขาแข็งแรงแน่น นักรบขยับขาแยกออกแล้วดันแผ่นหลังของหญิงสาวแนบไปกับประตูตู้เย็น สะโพกสอบขยับรัวรุนแรง มืออีกด้านล้วงผ่านชายกระโปรงชุดนอน ไปบีบเคล้นอกอวบอย่างไม่เบามือนัก แก้วกานดาพยายามกัดริมฝีปากไว้ เพื่อเก็บงำเสียงครางที่น่าอาย
“ทนไหวหรือฝ้าย ร้องออกมาดังๆเลยสิ อา...” นักรบกระซิบริมหูเล็กจบก็ขบเม้มไล้เลียไปตามใบหูของแก้วกานดา
“อ๊ะ...อ๊า...” นักรบยิ้มอย่างสะใจที่ได้ยินเสียงครางหวาน
“อา...เสียงเซ็กซี่จังฝ้าย ร้องออกมาดังๆเลย ร้องออกมาอีก” ปากกระซิบเสียงกระเส่าพร่ำบอก สะโพกสอบก็เร่งแรงเน้นหนัก จนขวดน้ำและกระปุกยาตกลงมาที่พื้น เสียงหล่นดังตุ้บ! ไม่สามารถดึงความสนใจของคนทั้งสองจากความเสียวกระสัน ที่กำลังเดินทางมาใกล้ปลายทางแล้วได้
“อ๊า...คุณรบ...อ๊ะ!” เสียงครวญครางสุดท้ายก่อนที่แก้วกานดาจะกระตุกเกร็ง หญิงสาวเลือกที่จะกัดบ่ากว้างแน่น เพื่อระบายความเสียวซ่านสุดท้ายที่แผ่กระจายไปทั้งร่างได้
“อื้มมม” นักรบปลดปล่อยความสุขสุดยอดไล่ตามหญิงสาวไปติดๆ ท่อนแขนแกร่งรวบร่างบางไว้กอดรัดแนบแน่น ก่อนที่ต่างคนต่างผ่อนคลายและหอบหายใจแรงเหมือนกัน นักรบปล่อยขาเรียวของหญิงสาว ให้เธอยืนบนพื้น แต่ยังกอดเกี่ยวร่างนุ่มนิ่มไว้“เห็นไหมว่าฝ้ายก็ชอบเรื่องพรรค์นี้เหมือนกัน”“ไม่จริง ไม่ใช่ คุณข่มขืนฝ้าย”“อย่างนี้เขาไม่เรียกข่มขืนหรอกฝ้าย เขาเรียกว่าสมยอม”“คุณรบ!” แก้วกานดาดิ้นแรง ขณะที่นักรบเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย“อย่างนี้เขาถึงจะเรียกว่าข่มขืน”ร่างบางถูกบังคับกดให้นอนลงกับพื้นครัว หลังของแก้วกานดาสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้างของกระเบื้องที่เย็นเฉียบ นักรบแทรกตัวเองเข้ามาตรงกลางระหว่างขาเรียว แก้วกานดาพยายามจิกข่วนแขนของชายหนุ่ม และออกแรงดิ้นรน“ปล่อยนะ ปล่อยฝ้าย” เสียงดังของหญิงสาวทำให้นักรบใช้มือใหญ่ปิดปากของเธอไว้แน่น และใช้มืออีกข้างจับข้อมือเล็กตรึงไว้หรือศีรษะของคนที่กำลังดิ้นรน แก้วกานดาตาเบิกโพลงตกใจ และเมื่อชายหนุ่มพยายามดุนดันตัวตนของเขา เข้ามาในร่างเธออีกครั้งด้วยความรุนแรง ร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงกลางทำให้แก้วกานดาไม่สามารถหุบขาเข้าได้
“ลินมาทำอะไรแต่เช้า” แก้วกานดายิ้มขำๆกับการมาของเพื่อน“ก็มารับพนักงานกิตติมศักดิ์ไง” นลินยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือไหว้ธาดา และกานต์แก้ว บิดาและมารดาของเพื่อนรัก“ลินมารับพนักงานใหม่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ สัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ” ผู้สูงวัยกว่าทั้งสองยิ้มไปกับท่าทางของผู้มาเยือนแต่เช้า“ขอบใจมากนะหนูลิน ที่ให้โอกาสฝ้าย” ธาดาเอ่ยขึ้นขึ้นพร้อมกับยกมือลูบศีรษะลูกสาวตนเอง“ตั้งใจนะลูก ให้สมกับที่หนูลินไว้วางใจ” กานต์แก้วสำทับลูกสาวอีกครั้ง“ค่ะ...ฝ้ายไปทำงานก่อนนะคะ” แก้วกานดาและนลินยกมือไหว้ลาทั้งสอง ธาดาและกานต์แก้วมองตามรถมินิคูเปอร์สีแดงที่แล่นออกจากรั้วบ้านไป แล้วถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกัน“ฝ้ายจะทนได้หรือคะคุณ ฉันสงสารลูกจัง” กานต์แก้วน้ำตารื้น บิดาและมารดาของแก้วกานดารู้เรื่องราวระหว่างลูกสาวของตนกับนักรบดี ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ถ้าผมไม่บริหารธุรกิจของเราผิดพลาด ลูกก็คงไม่ต้องกลับไปหาความเจ็บปวดอีก หรือว่าเราจะขายบ้านหลังนี้ แล้วกลับไปอยู่ที่บ้านของคุณที่ต่างจังหวัดดี ถ้าขายบ้านได้แล้วไปชำระหนี้ให้ธนาคาร เงินก็ยังคงพอเหลืออีกก้อนให้เราเอาไปเร
“ได้ค่ะ” แก้วกานดายิ้มกว้าง หอบงานเข้าไปในห้องท่านประธาน นักรบช้อนสายตาขึ้นมองครู่เดียว แก้วกานดาไม่ได้สนใจคนที่นั่งทำงานอยู่ เธอมีงานให้รับผิดชอบแล้ว จึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะมองมาหรือทำอะไร ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าทำงานโดยไม่มีใครพูดจา“ไปกินข้าวกันเถอะฝ้าย” ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงดังของนลินทำให้นักรบและแก้วกานดาหันมองไปทางเดียวกัน“ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะลิน” นักรบปรามน้องสาวของตัวเอง นลินยิ้มอย่างสำนึกผิด แล้วก้าวเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ชาย“ขอโทษค่ะ” นักรบส่ายศีรษะอย่างระอาน้องสาวตัวเอง“ลินจะก้าวมาเป็นผู้บริหารของบริษัท ต้องรู้จักวางตัวให้น่าเกรงขามและน่าเคารพ นี่อะไรเอะอะโวยวายเสียงดังเป็นเด็กไปได้” นลินก้มหน้าทำปากขมุบขมิบล้อเลียนพี่ชาย นักรบพูดต่อว่า“จะมาชวนฝ้ายไปกินข้าว ถามเขาสักคำหรือยังว่างานเสร็จหรือยัง”แก้วกานดาส่งยิ้มแหยๆมาให้เพื่อน นลินทำหน้างง“ก็ถึงเวลากินข้าวแล้วนี่พี่รบ ลินหิวแล้ว กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”“ลินไปกินก่อนเลย พี่ก็ทำงานยังไม่เส
“ชื่อเล่นว่าคุณฟะ...ฟายหรือครับ” หญิงสาวปิดปากแล้วหัวเราะ“ไม่ใช่ค่ะ ฝ้ายค่ะ”“ฟะ ฟ้าย” เควินพยายามจะออกเสียงให้ได้ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน“คุณเควินเรียกฝ้ายว่า แก้วกานดาก็ได้ค่ะ ง่ายกว่าไหมคะ” แก้วกานดาหัวเราะอีกครั้งกับความพยายามของเควิน“ยาวไปครับ ถ้าอย่างนั้นผมเรียกสั้นๆว่า ฟะ...อืม...แฟรี่นะครับ คุณสวยเหมือนนางฟ้า ผมขออนุญาตเรียกว่าแฟรี่นะครับ” เควินยิ้มกว้าง“ค่ะ แล้วแต่คุณเควินแล้วกันค่ะ” แก้วกานดาพยักหน้าและยิ้มรับ“สนิทสนมกันเร็วดีนะ ตกลงนายจะคุยงานกับฉันไหมเควิน” คนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ จึงเงียบและกันไปมองนักรบพร้อมกัน“คุยสิวะคุณรบ เอ่อ...ว่าแต่แฟรี่รับค็อกเทลเบาๆหน่อยไหมครับ”“ฝ้ายแพ้แอลกอฮอล์ น้ำเปล่าล่ะดีแล้ว” นักรบส่งสัญญาณเรียกบริกรมารับออเดอร์แล้วหันกลับมาสบตาแก้วกานดาแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเควินเรื่องงานที่ร่วมลงทุนกันแก้วกานดาบีบมือตัวเองแน่น ใจเต้นตึกตัก นี่เขาจำได้ด้วยเหรอว่าเธอแพ้แอลกอฮอล์ เขายังจำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเธอได้อีกไหมระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันเรื่องการลงทุน
“ฝ้าย เป็นอะไร มองผมสิ ฝ้าย” นักรบไม่เข้าใจว่าแก้วกานดาเป็นอะไร เขาพยายามเรียกเธอเสียงดัง แก้วกานดาหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามปรับให้เป็นปกติแล้วหันมาสบตานักรบ“เอ่อ...ฝ้ายไม่เป็นไรค่ะ คุณรบพาฝ้ายกลับบ้านนะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขา“ไม่ วันนี้ผมเหนื่อย นี่ก็ใกล้ถึงคอนโดแล้ว คืนนี้เราจะนอนที่นี่กัน”แก้วกานดาตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “คุณพ่อ กับคุณแม่จะเป็นห่วงฝ้ายนะคะ คุณรบให้ฝ้ายกลับเองก็ได้ค่ะ”“ฝ้ายก็โทรกลับไปบอกสิว่าจะนอนค้างกับลินที่คอนโด” นักรบไหวไหล่ไม่สนใจ ชายหนุ่มบังคับรถไปตามทางเรื่อยๆ“คุณรบจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณแม่รู้ว่าฝ้ายออกมากับคุณ”“หรือฝ้ายจะให้ผมส่งคลิปนั้นไปให้คุณพ่อคุณแม่ดูล่ะ ท่านจะได้รู้ว่าคุณมาค้างกับผม เพื่อทำอะไร” แก้วกานดาเม้มปากแน่น นั่งเงียบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนักรบด้วยความคับแค้นใจ“โทรสิ” นักรบหันกลับมาบอกแทบจะเป็นเสียงตวาด มือเล็กๆควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือ แก้วกานดาต่อสายหามารดา หญิงสาวพยายามพูดให้น้ำเสียงเป็นปกติ“ค่ะแม่ ค้างกับลินจริงๆค่ะ เอ่อ...คุณรบไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ...
“คุณรบจะทำอะไร!” แก้วกานดาสะดุ้งตื่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นจากเตียง“อยู่เฉยๆเถอะน่า” นักรบปรามเสียงเข้ม เขาพาแก้วกานดาเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางร่างเธอลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอุ่นอยู่เกือบเต็ม หญิงสาวขยับตัวแล้วเลือกที่จะก้มหน้า เธอเหนื่อยเกินกว่าจะสู้กับเขาแล้ว แต่เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อนักรบพาตัวเองเข้ามาอยู่ในอ่างอาบน้ำกับเธอ“พอเถอะคุณรบ อย่าทำร้ายฝ้ายอีกเลย” แก้วกานดาสบตาเขาอย่างอ้อนวอน“ฝ้ายไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรจากผม” ร่างใหญ่ยกเธอขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง เขานั่งพิงขอบอ่าง แล้วรั้งแผ่นหลังเนียนให้เอนซบไปกับอกกว้าง มือหนาลูบไล้ทั่วร่างเนียน จุดที่บอบช้ำถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา แก้วกานดาสะดุ้งตัวแล้วนิ่วหน้า“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทำให้คนถูกถามอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ แก้วกานดาพยักหน้าเล็กน้อย“ต่อไปฝ้ายจะต้องมาพักที่นี่”คนได้ยินคำสั่งขยับตัว หันกลับไปสบตาคมเข้ม “ไม่ได้นะคะ”“ฝ้ายก็รู้ว่าฝ้ายไม่มีทางปฏิเสธผมได้”“ทำไมคุณรบต้องทำอย่างนี้” คนถามนิ่ง รอคำตอบจากเขา“ฝ้ายบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า มีโปรเจคงานที่ต้องทำเร่งด่ว
“ความรักมันบังตาหรือไงตารบ รู้ไหมว่า คืนแรกที่รบขึ้นเครื่อง มีคนมาบอกแม่ว่าเจอฝ้ายควงกับเสี่ยคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เขาแอบตามไปก็เลยไปเห็นว่าจบกันที่โรงแรม รบ...ลูกพอรู้ใช่ไหมว่าธุรกิจที่บ้านของฝ้ายเขากำลังย่ำแย่ ไม่แปลกหรอกนะที่ฝ้ายจะเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อเงิน จบจากเสี่ยคนนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปต่อกับใครอีกกี่คน เห็นว่าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะ นี่ยายลินก็ติดต่อฝ้ายไม่ได้เลย แม่ก็ได้แต่บอกน้องไปว่าฝ้ายบอกเลิกรบแล้ว เพราะต้องการเปิดโอกาสให้รบกับตัวเอง ไม่งั้นยายลินต้องผิดหวังในตัวเพื่อนคนนี้แน่ๆ”คำบอกกล่าวของมารดาทำให้นักรบรู้สึกเจ็บ ราวกับถูกมีดกรีดซ้ำๆ ความอ่อนหวานและรอยยิ้มสดใสของแก้วกานดายังติดตรึงในใจเขา เป็นไปได้ยังไง ช่วงเวลาที่เขาและแก้วกานดาเรียนรู้กัน มันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก เขามั่นใจเหลือเกินว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่เขาดูแลรับผิดชอบไปชั่วชีวิตหลังจากนั้นนักรบพยายามโทรศัพท์ติดต่อแก้วกานดา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ประกอบกับหน้าที่ในเรื่องงานที่หนักหนา ทำให้นักรบได้แต่ข่มความรู้สึกผิดหวังไว้ อยู่กับมันซ้ำๆทุกวันทุกคืน อยู่กับคำ
แก้วกานดามาถึงคอนโดเกือบสองทุ่ม เธอรับซองใส่คีย์การ์ดสำรองจากคนขับรถของบ้านนักรบ เพื่อใช้ในการเปิดประตูห้อง หญิงสาวนั่งจัดเสื้อผ้าและของใช้ที่ขนมาจากบ้านอยู่เงียบๆ น้ำตาก็พานจะไหลอยู่หลายที ความรักที่มีต่อชายหนุ่มไม่เคยลดน้อยลงเลย แต่เธอไม่สามารถปริปากบอกเขาได้ เขากำลังจะแต่งงาน กำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา สิ่งที่นักรบทำกับเธอ ถึงเธอจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่ก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่า เขาทำไปเพราะโกรธที่เธอที่อยู่ดีๆก็หายไปโดยไม่ได้บอกเหตุผลใด ทั้งที่เธอกับเขาได้วางแผนการแต่งงานไว้แล้ว มันคงทำให้เขารู้สึกเสียหน้าและผิดหวังในตัวเธอ หากหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะทำให้เขาคลายความโกรธลง และจบสิ้นทุกอย่างที่มีต่อกัน เธอก็พร้อมที่จะให้มันเป็นไป ถึงแม้มันจะเจ็บปวดในวันที่เธอต้องออกจากชีวิตเขาไปอีกครั้ง เธอก็จะยอมรับมันไว้อย่างเต็มใจแก้วกานดาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเอง เสียงของมารดาที่เอ่ยกับเธอเมื่อหัวค่ำตอนที่เธอไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านยังดังก้องอยู่ในหู “ดูแลตัวเองดีๆนะฝ้าย ตั้งใจทำงานนะลูก”น้ำตาที่เธอพยายามห้
“พี่นวดให้ฝ้ายดีกว่า” แก้วกานดายิ้มอยู่กับอกกว้างอย่างรู้ทัน ร่างของคนตัวเล็กกว่าถูกพลิกให้นอนลงบนเตียงนุ่ม นักรบทาบทับตามติดมันที สองสายตาประสานกันนิ่ง แก้วกานดายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของสามีเบาๆ “พี่ชอบเวลาฝ้ายสัมผัสตัวพี่” สายตากรุ้มกริ่มของสามีทำให้เธอรู้ความหมายของเขา มือเล็กยันแผงออกกว้างให้เขาเป็นฝ่ายนอนหงายลง เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงนอนขายาวถูกถอดออกอย่างว่องไวโดยเจ้าของ แก้วกานดาขมวดคิ้วมุ่น หัวเราะกับท่าทางกระตือรือร้นของสามี “พี่ไม่อยากให้ฝ้ายเหนื่อย” นักรบยิ้มกว้างนอนรออย่างมีความหวัง ใบหน้านวลแดงซ่านเมื่อกวาดตามองเรือนกายกำยำของสามี ถึงจะอยู่กินกันมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ชินกับการมองเห็นเขาในสภาพเปล่าเปลือยสักที มือเล็กลูบไล้ทั่วแผ่นอกกำยำ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าหล่อคมของสามี นักรบหลับตาพริ้ม พ่นลมออกจากปากเป็นการระบายอารมณ์ร้อนแรงภายใน ที่เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหว จะต้องเป็นฝ่ายรุกเสียก่อนที่ภรรยาสาวจะสำรวจร่างของตนจนถ้วนทั่ว “อา...เลื่อนลงไ
“เห็นไหมลิน...ลูกมีความสุขกับการมีเพื่อนเล่น เราต้องจริงจังกับการผลิตน้องให้น้องนีแล้วนะ” นลินเงยหน้าสบตาสามี มือเล็กบิดสีข้างของคนตัวใหญ่เบาๆ“โอ๊ย!”“ไม่ต้องเอาลูกมาอ้างเลยนะวิน เดี๋ยวเถอะ” นลินจิกสายตามองอย่างรู้ทัน หญิงสาวสะบัดหน้าหนีผละออกจากวงแขนแกร่ง รีบสาวเท้าเดินตามลูกน้อยไป นายแพทย์ชัยชนะมองตามร่างภรรยาด้วยสายตามุ่งมั่นหลังจากมื้อค่ำที่แสนสุขของครอบครัวใหญ่ นักรบ แก้วกานดา นายแพทย์ชัยชนะ นลินและเด็กๆมารวมตัวกันที่โต๊ะไม้สักตัวใหญ่บริเวณระเบียงหลังบ้าน ส่วนผู้สูงอายุเลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งของบ้าน เด็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันดังลั่น สลับกับเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ“ลินทำไมไม่มีน้องให้น้องนีสักทีล่ะ ลูกคนเดียวเหงานะ”“เอ่อ...” นลินเพียงแค่อ้าปากกำลังจะตอบ สามีเธอก็แย่งหน้าที่ตอบคำถามให้ก่อน“กำลังพยายามอยู่ฝ้าย ลินไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร ส่วนวินน่ะพร้อมทุกที่ทุกเวลา”คำพูดของนายแพทย์หนุ่มเรียกเสียงหัวเราะของทุกคน แต่คนที่ถูกพาดพิงกลับส่งสายตาเขียวปั้ดให้สามีตัวเอง“น้องนีครับ คืนนี้นอนกับคุณยายนะลูก” นา
“ฝ้ายติดลูกค้า ช่วงนี้ที่รีสอร์ตยุ่งๆ...สวัสดีครับปกป้องสุดหล่อ” เด็กชายปกป้องยิ้มแหยๆ ก้าวมายืนข้างหน้าบิดาแล้วยกมือไหว้ผู้มาเยือนอย่างนอบน้อม“สวัสดีครับพ่อรบ” นักรบยื่นมือใหญ่ไปยีศีรษะเล็กของเด็กชายเบาๆ เด็กหญิงคนเดียวท่ามกลางหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ก้าวมายืนเคียงข้างบิดา จ้องมองลูกชายของเพื่อนพ่ออย่างข่มเต็มที่“เข้าไปในบ้านกันเถอะน้องปองเพิ่งกินนมเสร็จพอดี” ประณตเดินนำหน้าทุกคนเข้าไปในบ้าน เด็กชายธงรบจับมือบิดาเดินเข้าไปบ้านไปแล้ว“เดี๋ยวสิน้องป้อง” เด็กชายปกป้องหยุดการก้าวเดิน แล้วหันกลับไปมองคนที่เรียกตนเองด้วยสายตาไม่พอใจ“ป้องไม่ใช่น้องใคร ป้องเป็นพี่” คนถูกเรียกน้องแสดงความไม่พอใจออกมาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง โดยไม่ปิดบัง เด็กหญิงแก้วกัลยายิ้มเยาะ“คุณพ่อบอกว่าป้องเกิดทีหลังนับหนึ่งตั้งสองวัน ป้องต้องเรียกนับหนึ่งว่า...พี่นับหนึ่ง” เด็กหญิงผมเปียยิ้มอย่างผู้ชนะ“คุณพ่อบอกว่านับหนึ่งเป็นคู่หมั้นของป้อง โตขึ้นนับหนึ่งต้องมาเป็นแฟนของป้อง นับหนึ่งนั่นแหละต้องเรียกป้องว่าคุณแฟน” เด็กชายตัวน้อยตอบโต้กลับ สบตาดวงตากลมโตอย่างเหนือกว่า“ไม่
“นับหนึ่งไม่ได้เล่นนะ นับหนึ่งกำลังช่วยคุณตาปลูกดอกกุหลาบแปลงใหม่อยู่” เสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกว่างอน ทำให้ผู้เป็นพ่อหัวเราะในลำคอ“ตัวเล็กแค่นี้ขยันจังเลย สงสัยพ่อต้องมีรางวัลให้ซะแล้ว” เด็กหญิงตาโตเมื่อได้ยินคำว่ารางวัล“รางวัลอะไรคะ” นักรบยิ้มส่ายศีรษะ“ยังไม่บอก จนกว่านับหนึ่งจะไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สวยๆ” หรี่ตามองบิดาอย่างชั่งใจ“ก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กดิ้นลงจากอกบิดา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แก้วกานดาอุ้มลูกชายตัวเล็กอายุสามขวบเดินออกมาจากในบ้าน สวนทางกับเด็กหญิงแก้วกัลยาที่วิ่งปรู๊ดเข้าไปบ้านพอดี“โกหกอะไรนับหนึ่งอีกล่ะคะ ถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น” นักรบรับเด็กชายธงรบมาอุ้มไว้ แล้วโอบร่างภรรยาไว้หลวมๆ ริมฝีปากหยักได้รูปจุมพิตที่ขมับของคนร่างเล็กหนักๆ“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พี่ว่าจะพานับหนึ่งไปเยี่ยมน้องปองที่ไร่ปรานี ฝ้ายไปด้วยกันนะ” ปิ่นหล้าภรรยาของประณตเจ้าของไร่องุ่นใกล้เคียงกันเพิ่งคลอดบุตรสาวคนเล็ก นักรบจึงอยากไปเยี่ยมตามประสาเพื่อนกัน“วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์คุณหมอเพื่อนของวินมาค่ะ พี่รบจำไม่ได้เหรอ ถ้าฝ้ายไปด้วยใครจะดูแลลูกค้าล่ะคะ” หลังจาก
“จ้า...ฝ้ายก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ อาไปก่อนนะนับหนึ่ง” นลินก้มลงคุยกับหลานที่ยังอยู่ในท้องของแก้วกานดา“ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” นักรบหันไปฝากฝังน้องสาวกับว่าที่น้องเขย นายแพทย์ชัยชนะยิ้มพยักหน้ารับ“เป็นหน้าที่ของผมออยู่แล้วครับพี่รบ” นลินตวัดสายตามองคนพูดอย่างหมั่นไส้ ช่างสรรหาคำพูดมาทำคะแนนเหลือเกิน คนที่ถูกหมั่นไส้ตีคิ้วยิ้มด้วยแววตาเป็นประกาย จนนลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเอง“ขับรถดีๆนะวิน” แก้วกานดาโบกมือลาเพื่อนด้วยรอยยิ้ม“เราต้องแต่งงานกันเดือนหน้านะลิน” หลังจากรถแล่นออกจากประตูรั้ว นายแพทย์ชัยชนะก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ลินรู้แล้ว วินจะย้ำอะไรนักหนา”“ก็ย้ำเพื่อให้ลินรู้ว่าห้ามบ่ายเบี่ยงอีกเด็ดขาด”นลินเบี่ยงตัวหันมามองหน้าคนขับรถ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น นายแพทย์ชัยชนะยิ้มกว้าง หันหน้ามาสบตาคนนั่งข้างแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ“คืนที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่ร่างกายของลินพร้อมตั้งครรภ์ที่สุด และวินก็ตั้งใจทำเต็มที่ ไม่แน่นะว่าลูกของวินอาจจะอยู่ในท้องของลินแล้วก็ได้”นลินอ้าปากค
“อื๊อ...พี่รบ” แก้วกานดาประท้วงเสียงพร่า“รู้ไหม...นอกจากพี่จะเป็นตาแก่ขี้หวงแล้ว พี่ยังเป็นตาแก่หื่นกามจอมอึดด้วยนะ” เสียงทุ้มกระซิบริมหูเล็ก แก้วกานดายิ้มหวานพลิกร่างนอนหงาย“จะอึดแค่ไหนกันเชียว...ขี้โม้” คนตัวเล็กไม่ยอมลดราวาศอก บังอาจท้าทายคนตัวโต“พี่ถือว่าเป็นสาส์นท้ารบ นักรบอย่างพี่ไม่มีวันถอยทัพแน่ ถ้าศัตรูไม่พ่ายทัพแตกหนีไปเสียก่อน และถึงจะพ่ายทัพแตกกระเจิง พี่สาบานว่าจะรุกไม่ให้ได้หายใจหายคอกันทีเดียว หึๆ” คำพูดของสามีทำให้แก้วกานดาใจสั่น รู้แน่ว่าเขาคิดเป็นจริงเป็นจัง หญิงสาวจึงหวีดร้องเบาๆ เมื่อร่างเล็กของตัวเองถูกจับลอกคราบอย่างรวดเร็ว“พี่รบขา ใช้แผนการรบแบบละมุนละม่อมนะ ห้ามใช้แผนการรบขั้นรุนแรง ลูกอยู่ในนี้นะคะ” แก้วกานดาเตือนสติสามี“ครับผม” รับคำเรียบร้อย นักรบก็ไม่ปล่อยให้ภรรยาได้ทันตั้งตัว เขาจู่โจมรุกหนักด้วยการมอบจุมพิตที่เร่าร้อน มือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างนุ่มนิ่มอวบอิ่ม หยุดทักทายบีบเคล้นอกอวบสลับกับการคีบเม็ดสีหวานเบาๆ ริมฝีปากร้อนเคลื่อนที่ช้าๆดื่มด่ำกับผิวเนียนหอมกรุ่นทั่วร่างอย่างหลงใหล“เมียพี่หวานที่สุด น่ากินไปทั้ง
“อื้มมมม...รักลินที่สุด” เสียงครางทุ้มต่ำบ่งบอกว่า เขาได้ล่องลอยอยู่ในเวิ้งฟ้าเดียวกันกับคนรัก คำบอกรักกระซิบด้วยเสียงพร่าแว่วหวานนัก ร่างใหญ่พลิกกายนอนหงาย โดยกอดคนร่างเล็กให้นอนแนบกายทาบทับอยู่บนร่างของตน สองร่างยังคงประสานกันอยู่กลางกาย นลินซบหน้าบนแผ่นอกคนคนรัก ลมหายใจของเธอยังหอบถี่กระชั้น “พักยกก่อนเนอะ” เสียงทุ้มกระซิบกระซาบ แล้วจูบซับเรือนผมหอมกรุ่น “บ้า” ถึงจะยังเหนื่อยกับเกมรักที่เพิ่งผ่านไป แต่นลินก็ยังพอที่อ้าปากต่อว่าคนหื่นได้ มือใหญ่กดลงบนสะโพกเต่งตึงแรงๆ พร้อมกับยกสะโพกของตนสวนรับค้างไว้ ความซาบซ่านละมุนที่ยังวนเวียนอยู่ในร่างสาวทำให้นลินเสียววูบขึ้นมาทันที “อ๊ะ! วิน...อย่าแกล้งกันสิ” คนแกล้งหัวเราะชอบใจ “ก็ลินน่ารัก อยากแกล้งแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลย” “จะบ้าเหรอ...งานการไม่มีทำหรือไง” “มี...แต่ชอบทำลินมากกว่า” “อุ๊ย! วิน” มือหนาจับบ่าเล็กดันขึ้นให้ร่างของนลินนั่งคร่อมอยู่บนร่างตนเอง หญิงสาวหน้าแด
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร