“ได้ค่ะ” แก้วกานดายิ้มกว้าง หอบงานเข้าไปในห้องท่านประธาน นักรบช้อนสายตาขึ้นมองครู่เดียว แก้วกานดาไม่ได้สนใจคนที่นั่งทำงานอยู่ เธอมีงานให้รับผิดชอบแล้ว จึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะมองมาหรือทำอะไร ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าทำงานโดยไม่มีใครพูดจา
“ไปกินข้าวกันเถอะฝ้าย” ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงดังของนลินทำให้นักรบและแก้วกานดาหันมองไปทางเดียวกัน
“ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะลิน” นักรบปรามน้องสาวของตัวเอง นลินยิ้มอย่างสำนึกผิด แล้วก้าวเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ชาย
“ขอโทษค่ะ” นักรบส่ายศีรษะอย่างระอาน้องสาวตัวเอง
“ลินจะก้าวมาเป็นผู้บริหารของบริษัท ต้องรู้จักวางตัวให้น่าเกรงขาม
และน่าเคารพ นี่อะไรเอะอะโวยวายเสียงดังเป็นเด็กไปได้” นลินก้มหน้าทำปากขมุบขมิบล้อเลียนพี่ชาย นักรบพูดต่อว่า
“จะมาชวนฝ้ายไปกินข้าว ถามเขาสักคำหรือยังว่างานเสร็จหรือยัง”
แก้วกานดาส่งยิ้มแหยๆมาให้เพื่อน นลินทำหน้างง
“ก็ถึงเวลากินข้าวแล้วนี่พี่รบ ลินหิวแล้ว กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”
“ลินไปกินก่อนเลย พี่ก็ทำงานยังไม่เส
“ชื่อเล่นว่าคุณฟะ...ฟายหรือครับ” หญิงสาวปิดปากแล้วหัวเราะ“ไม่ใช่ค่ะ ฝ้ายค่ะ”“ฟะ ฟ้าย” เควินพยายามจะออกเสียงให้ได้ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน“คุณเควินเรียกฝ้ายว่า แก้วกานดาก็ได้ค่ะ ง่ายกว่าไหมคะ” แก้วกานดาหัวเราะอีกครั้งกับความพยายามของเควิน“ยาวไปครับ ถ้าอย่างนั้นผมเรียกสั้นๆว่า ฟะ...อืม...แฟรี่นะครับ คุณสวยเหมือนนางฟ้า ผมขออนุญาตเรียกว่าแฟรี่นะครับ” เควินยิ้มกว้าง“ค่ะ แล้วแต่คุณเควินแล้วกันค่ะ” แก้วกานดาพยักหน้าและยิ้มรับ“สนิทสนมกันเร็วดีนะ ตกลงนายจะคุยงานกับฉันไหมเควิน” คนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ จึงเงียบและกันไปมองนักรบพร้อมกัน“คุยสิวะคุณรบ เอ่อ...ว่าแต่แฟรี่รับค็อกเทลเบาๆหน่อยไหมครับ”“ฝ้ายแพ้แอลกอฮอล์ น้ำเปล่าล่ะดีแล้ว” นักรบส่งสัญญาณเรียกบริกรมารับออเดอร์แล้วหันกลับมาสบตาแก้วกานดาแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเควินเรื่องงานที่ร่วมลงทุนกันแก้วกานดาบีบมือตัวเองแน่น ใจเต้นตึกตัก นี่เขาจำได้ด้วยเหรอว่าเธอแพ้แอลกอฮอล์ เขายังจำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเธอได้อีกไหมระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันเรื่องการลงทุน
“ฝ้าย เป็นอะไร มองผมสิ ฝ้าย” นักรบไม่เข้าใจว่าแก้วกานดาเป็นอะไร เขาพยายามเรียกเธอเสียงดัง แก้วกานดาหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามปรับให้เป็นปกติแล้วหันมาสบตานักรบ“เอ่อ...ฝ้ายไม่เป็นไรค่ะ คุณรบพาฝ้ายกลับบ้านนะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขา“ไม่ วันนี้ผมเหนื่อย นี่ก็ใกล้ถึงคอนโดแล้ว คืนนี้เราจะนอนที่นี่กัน”แก้วกานดาตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “คุณพ่อ กับคุณแม่จะเป็นห่วงฝ้ายนะคะ คุณรบให้ฝ้ายกลับเองก็ได้ค่ะ”“ฝ้ายก็โทรกลับไปบอกสิว่าจะนอนค้างกับลินที่คอนโด” นักรบไหวไหล่ไม่สนใจ ชายหนุ่มบังคับรถไปตามทางเรื่อยๆ“คุณรบจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณแม่รู้ว่าฝ้ายออกมากับคุณ”“หรือฝ้ายจะให้ผมส่งคลิปนั้นไปให้คุณพ่อคุณแม่ดูล่ะ ท่านจะได้รู้ว่าคุณมาค้างกับผม เพื่อทำอะไร” แก้วกานดาเม้มปากแน่น นั่งเงียบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนักรบด้วยความคับแค้นใจ“โทรสิ” นักรบหันกลับมาบอกแทบจะเป็นเสียงตวาด มือเล็กๆควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือ แก้วกานดาต่อสายหามารดา หญิงสาวพยายามพูดให้น้ำเสียงเป็นปกติ“ค่ะแม่ ค้างกับลินจริงๆค่ะ เอ่อ...คุณรบไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ...
“คุณรบจะทำอะไร!” แก้วกานดาสะดุ้งตื่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นจากเตียง“อยู่เฉยๆเถอะน่า” นักรบปรามเสียงเข้ม เขาพาแก้วกานดาเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางร่างเธอลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอุ่นอยู่เกือบเต็ม หญิงสาวขยับตัวแล้วเลือกที่จะก้มหน้า เธอเหนื่อยเกินกว่าจะสู้กับเขาแล้ว แต่เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อนักรบพาตัวเองเข้ามาอยู่ในอ่างอาบน้ำกับเธอ“พอเถอะคุณรบ อย่าทำร้ายฝ้ายอีกเลย” แก้วกานดาสบตาเขาอย่างอ้อนวอน“ฝ้ายไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรจากผม” ร่างใหญ่ยกเธอขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง เขานั่งพิงขอบอ่าง แล้วรั้งแผ่นหลังเนียนให้เอนซบไปกับอกกว้าง มือหนาลูบไล้ทั่วร่างเนียน จุดที่บอบช้ำถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา แก้วกานดาสะดุ้งตัวแล้วนิ่วหน้า“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทำให้คนถูกถามอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ แก้วกานดาพยักหน้าเล็กน้อย“ต่อไปฝ้ายจะต้องมาพักที่นี่”คนได้ยินคำสั่งขยับตัว หันกลับไปสบตาคมเข้ม “ไม่ได้นะคะ”“ฝ้ายก็รู้ว่าฝ้ายไม่มีทางปฏิเสธผมได้”“ทำไมคุณรบต้องทำอย่างนี้” คนถามนิ่ง รอคำตอบจากเขา“ฝ้ายบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า มีโปรเจคงานที่ต้องทำเร่งด่ว
“ความรักมันบังตาหรือไงตารบ รู้ไหมว่า คืนแรกที่รบขึ้นเครื่อง มีคนมาบอกแม่ว่าเจอฝ้ายควงกับเสี่ยคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เขาแอบตามไปก็เลยไปเห็นว่าจบกันที่โรงแรม รบ...ลูกพอรู้ใช่ไหมว่าธุรกิจที่บ้านของฝ้ายเขากำลังย่ำแย่ ไม่แปลกหรอกนะที่ฝ้ายจะเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อเงิน จบจากเสี่ยคนนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปต่อกับใครอีกกี่คน เห็นว่าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะ นี่ยายลินก็ติดต่อฝ้ายไม่ได้เลย แม่ก็ได้แต่บอกน้องไปว่าฝ้ายบอกเลิกรบแล้ว เพราะต้องการเปิดโอกาสให้รบกับตัวเอง ไม่งั้นยายลินต้องผิดหวังในตัวเพื่อนคนนี้แน่ๆ”คำบอกกล่าวของมารดาทำให้นักรบรู้สึกเจ็บ ราวกับถูกมีดกรีดซ้ำๆ ความอ่อนหวานและรอยยิ้มสดใสของแก้วกานดายังติดตรึงในใจเขา เป็นไปได้ยังไง ช่วงเวลาที่เขาและแก้วกานดาเรียนรู้กัน มันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก เขามั่นใจเหลือเกินว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่เขาดูแลรับผิดชอบไปชั่วชีวิตหลังจากนั้นนักรบพยายามโทรศัพท์ติดต่อแก้วกานดา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ประกอบกับหน้าที่ในเรื่องงานที่หนักหนา ทำให้นักรบได้แต่ข่มความรู้สึกผิดหวังไว้ อยู่กับมันซ้ำๆทุกวันทุกคืน อยู่กับคำ
แก้วกานดามาถึงคอนโดเกือบสองทุ่ม เธอรับซองใส่คีย์การ์ดสำรองจากคนขับรถของบ้านนักรบ เพื่อใช้ในการเปิดประตูห้อง หญิงสาวนั่งจัดเสื้อผ้าและของใช้ที่ขนมาจากบ้านอยู่เงียบๆ น้ำตาก็พานจะไหลอยู่หลายที ความรักที่มีต่อชายหนุ่มไม่เคยลดน้อยลงเลย แต่เธอไม่สามารถปริปากบอกเขาได้ เขากำลังจะแต่งงาน กำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา สิ่งที่นักรบทำกับเธอ ถึงเธอจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่ก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่า เขาทำไปเพราะโกรธที่เธอที่อยู่ดีๆก็หายไปโดยไม่ได้บอกเหตุผลใด ทั้งที่เธอกับเขาได้วางแผนการแต่งงานไว้แล้ว มันคงทำให้เขารู้สึกเสียหน้าและผิดหวังในตัวเธอ หากหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะทำให้เขาคลายความโกรธลง และจบสิ้นทุกอย่างที่มีต่อกัน เธอก็พร้อมที่จะให้มันเป็นไป ถึงแม้มันจะเจ็บปวดในวันที่เธอต้องออกจากชีวิตเขาไปอีกครั้ง เธอก็จะยอมรับมันไว้อย่างเต็มใจแก้วกานดาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเอง เสียงของมารดาที่เอ่ยกับเธอเมื่อหัวค่ำตอนที่เธอไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านยังดังก้องอยู่ในหู “ดูแลตัวเองดีๆนะฝ้าย ตั้งใจทำงานนะลูก”น้ำตาที่เธอพยายามห้
นิ้วเรียวใหญ่แทรกลงตรงกลางกลีบดอกไม้อย่างรุนแรง กดบีบและคลึงเคล้นจนสาสมใจ แล้วจึงสอดใส่นิ้วร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ชุ่มฉ่ำ แก้วกานดาบิดเร่าด้วยความเสียวปนเจ็บ“อื๊อ...อ๊ะ!” ความรู้สึกวาบหวิวที่แล่นพล่านอยู่ในกาย ทำให้แก้วกานดาครางออกมาอย่างลืมตัว“ต้องอย่างนี้สิฝ้าย ผมจะทำให้คุณครางดังกว่านี้อีก” นักรบลุกขึ้นนั่ง จัดแจงจับขาเรียวยกขึ้นสูงแล้วแยกถ่างออก เขาโหย่งตัวขึ้นจับส่วนปลายของความแข็งแกร่งจดจ่อกับช่องทางที่ลื่นแฉะ กดทะลวงครั้งเดียวจนสุดทาง“กรี๊ด!” แก้วกานดาสะท้านเฮือก กรีดร้องด้วยความเสียวเสียดและเจ็บจุก นักรบขยับสะโพกกระแทกอัดเข้าออกอย่างรุนแรง มือหนาบีบเคล้นอกอวบอย่างไม่ปรานี“ร้องอีกสิฝ้าย ร้องดังๆ อื้ม” นักรบครางเสียงทุ้มต่ำออกมา คืนนี้แก้วกานดาต้องตอบสนองเขาทั้งคืน เขาจะทำให้เธอเต็มอิ่มจนไม่ต้องไปร้องขอกับใครอีกเลยรุ่งเช้าแก้วกานดารู้สึกปวดระบมไปทั้งร่าง เธอเพลียจนไม่อยากจะลืมตาขึ้นเลย ร่างกายที่ถูกตักตวงหาความสุขอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจทั้งคืน ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังอ
“ปล่อยฝ้ายไปเถอะค่ะคุณรบ อย่าทำอะไรฝ้ายเลย” หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีร่างบอบบางถอยหลังจนชิดผนังห้อง น้ำตาไหลอาบสองแก้มเนียนใส มือเล็กๆยกขึ้นกระพุ่มไว้ที่อก ‘แก้วกานดา’ พยายามอ้อนวอนคนที่เธอคิดว่าอยู่ในอารมณ์เมามายไม่ได้สติ ทั้งที่ ‘นักรบ’ หนุ่มหล่อคมเข้มรูปร่างสูงใหญ่วัยย่างเข้าสามสิบปีมีสติครบถ้วนทุกอย่าง เพียงแต่ต้องแกล้งทำเป็นเมามาย เพราะอยากจะจัดการกินคนตรงหน้านี้นัก“ฝ้ายก็ชอบผมนี่ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย เห็นกระดี๊กระด๊าแย่งกันเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมกับเพื่อนๆอยู่ คุณควรภูมิใจนะที่ผมเลือกคุณ เลือกมาตั้งแต่คืนนั้น” นักรบบุกประชิดร่างน้อยที่สั่นกลัวอยู่ชิดผนังห้อง แก้วกานดาเบิกตาโพลง หญิงสาวพยายามอ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เสียงเพลงจากงานเลี้ยงข้างนอกดังกระหึ่มจนกลบเสียงของเธอไปหมด“ปล่อยฝ้ายนะคุณรบ”ชายหนุ่มยิ้มยั่วใส่แววตาตื่นตระหนก “พรุ่งนี้เช้าผมจะปล่อยคุณนะที่รัก”แก้วกานดาหมดหนทางดิ้นรน เมื่อเขาใช้ร่างที่ใหญ่โตกว่าทาบทับตรึงเธอไว้กับผนังห้อง ท่อนขาใหญ่แทรกเข้ามาระหว่างขาเรียวเล็กทั้งสองข้าง เขาจงใจใช้ต้นขากดเน้นไปบนเนินอวบอูมกลางกายสาว คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ ริมฝี
นักรบแช่ลำกายแน่นิ่งไว้ครู่หนึ่ง ก่อนสะโพกสอบจะเริ่มโยกขยับขึ้นลงจากจังหวะช้าๆ เร่งรัวแรงจนคนใต้ร่างสั่นไหวจากการกระแทกกระทั้น มือใหญ่ฟอนเฟ้นบีบเคล้นสองเต้าอวบรุนแรงตามอารมณ์ แก้วกานดาส่ายศีรษะจนผมยาวกระจายเต็มที่นอน เธอทั้งเจ็บจุกและเสียดเสียว จนที่สุดก็ต้องปล่อยเสียงครางอย่างห้ามไม่ได้“อ๊า!” นักรบยิ้มเย็นอย่างผู้ชนะ“ร้องดังๆเลยที่รัก อย่างนั้นแหละ คืนนี้ฝ้ายได้ร้องทั้งคืนนี้แน่”แก้วกานดาไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เขาพูด เธอกำลังจมดิ่งสู่วังวนเสน่หาที่เขามอบให้ ขาเรียวยกขึ้นเกาะเกี่ยวเอวสอบไว้แน่นโดยอัตโนมัติ นักรบใช้แขนล่ำรวบร่างเธอขึ้นมา เขาเคลื่อนกายลุกนั่งขณะที่สองร่างยังประสานกันอยู่ที่กึ่งกลาง แล้วแก้วกานดาก็อยู่ในท่านั่งคร่อมบนตักเขาในที่สุด“ขยับหน่อยสิฝ้าย เอาแรงๆเลยนะ” นักรบกระซิบบอกชิดริมหูเล็กสะโพกหนั่นแน่นเริ่มขยับอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อเธอยกสะโพกขึ้นและกดลง นักรบแทบจะคลั่งกับความเสียวส่วนปลายของความแข็งแกร่ง มือใหญ่จับสะโพกมนแน่น บังคับให้โยกขึ้นลงตามใจตัวเอง จนเมื่อแก้วกานดาค้นพบความสุขแสนทรมาน เธอเร่งจังหวะเองโดยที่ชายหนุ่มไม่ต้องบังคับ“อ๊ายๆ” เสียงหวานครางดังก้องห้อง เมื
นิ้วเรียวใหญ่แทรกลงตรงกลางกลีบดอกไม้อย่างรุนแรง กดบีบและคลึงเคล้นจนสาสมใจ แล้วจึงสอดใส่นิ้วร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่ชุ่มฉ่ำ แก้วกานดาบิดเร่าด้วยความเสียวปนเจ็บ“อื๊อ...อ๊ะ!” ความรู้สึกวาบหวิวที่แล่นพล่านอยู่ในกาย ทำให้แก้วกานดาครางออกมาอย่างลืมตัว“ต้องอย่างนี้สิฝ้าย ผมจะทำให้คุณครางดังกว่านี้อีก” นักรบลุกขึ้นนั่ง จัดแจงจับขาเรียวยกขึ้นสูงแล้วแยกถ่างออก เขาโหย่งตัวขึ้นจับส่วนปลายของความแข็งแกร่งจดจ่อกับช่องทางที่ลื่นแฉะ กดทะลวงครั้งเดียวจนสุดทาง“กรี๊ด!” แก้วกานดาสะท้านเฮือก กรีดร้องด้วยความเสียวเสียดและเจ็บจุก นักรบขยับสะโพกกระแทกอัดเข้าออกอย่างรุนแรง มือหนาบีบเคล้นอกอวบอย่างไม่ปรานี“ร้องอีกสิฝ้าย ร้องดังๆ อื้ม” นักรบครางเสียงทุ้มต่ำออกมา คืนนี้แก้วกานดาต้องตอบสนองเขาทั้งคืน เขาจะทำให้เธอเต็มอิ่มจนไม่ต้องไปร้องขอกับใครอีกเลยรุ่งเช้าแก้วกานดารู้สึกปวดระบมไปทั้งร่าง เธอเพลียจนไม่อยากจะลืมตาขึ้นเลย ร่างกายที่ถูกตักตวงหาความสุขอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจทั้งคืน ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังอ
แก้วกานดามาถึงคอนโดเกือบสองทุ่ม เธอรับซองใส่คีย์การ์ดสำรองจากคนขับรถของบ้านนักรบ เพื่อใช้ในการเปิดประตูห้อง หญิงสาวนั่งจัดเสื้อผ้าและของใช้ที่ขนมาจากบ้านอยู่เงียบๆ น้ำตาก็พานจะไหลอยู่หลายที ความรักที่มีต่อชายหนุ่มไม่เคยลดน้อยลงเลย แต่เธอไม่สามารถปริปากบอกเขาได้ เขากำลังจะแต่งงาน กำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา สิ่งที่นักรบทำกับเธอ ถึงเธอจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก แต่ก็พอจะปะติดปะต่อได้ว่า เขาทำไปเพราะโกรธที่เธอที่อยู่ดีๆก็หายไปโดยไม่ได้บอกเหตุผลใด ทั้งที่เธอกับเขาได้วางแผนการแต่งงานไว้แล้ว มันคงทำให้เขารู้สึกเสียหน้าและผิดหวังในตัวเธอ หากหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะทำให้เขาคลายความโกรธลง และจบสิ้นทุกอย่างที่มีต่อกัน เธอก็พร้อมที่จะให้มันเป็นไป ถึงแม้มันจะเจ็บปวดในวันที่เธอต้องออกจากชีวิตเขาไปอีกครั้ง เธอก็จะยอมรับมันไว้อย่างเต็มใจแก้วกานดาสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าให้ตัวเอง เสียงของมารดาที่เอ่ยกับเธอเมื่อหัวค่ำตอนที่เธอไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่บ้านยังดังก้องอยู่ในหู “ดูแลตัวเองดีๆนะฝ้าย ตั้งใจทำงานนะลูก”น้ำตาที่เธอพยายามห้
“ความรักมันบังตาหรือไงตารบ รู้ไหมว่า คืนแรกที่รบขึ้นเครื่อง มีคนมาบอกแม่ว่าเจอฝ้ายควงกับเสี่ยคนหนึ่งที่ร้านอาหาร เขาแอบตามไปก็เลยไปเห็นว่าจบกันที่โรงแรม รบ...ลูกพอรู้ใช่ไหมว่าธุรกิจที่บ้านของฝ้ายเขากำลังย่ำแย่ ไม่แปลกหรอกนะที่ฝ้ายจะเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อเงิน จบจากเสี่ยคนนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปต่อกับใครอีกกี่คน เห็นว่าเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วยนะ นี่ยายลินก็ติดต่อฝ้ายไม่ได้เลย แม่ก็ได้แต่บอกน้องไปว่าฝ้ายบอกเลิกรบแล้ว เพราะต้องการเปิดโอกาสให้รบกับตัวเอง ไม่งั้นยายลินต้องผิดหวังในตัวเพื่อนคนนี้แน่ๆ”คำบอกกล่าวของมารดาทำให้นักรบรู้สึกเจ็บ ราวกับถูกมีดกรีดซ้ำๆ ความอ่อนหวานและรอยยิ้มสดใสของแก้วกานดายังติดตรึงในใจเขา เป็นไปได้ยังไง ช่วงเวลาที่เขาและแก้วกานดาเรียนรู้กัน มันเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมาก เขามั่นใจเหลือเกินว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่เขาดูแลรับผิดชอบไปชั่วชีวิตหลังจากนั้นนักรบพยายามโทรศัพท์ติดต่อแก้วกานดา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ประกอบกับหน้าที่ในเรื่องงานที่หนักหนา ทำให้นักรบได้แต่ข่มความรู้สึกผิดหวังไว้ อยู่กับมันซ้ำๆทุกวันทุกคืน อยู่กับคำ
“คุณรบจะทำอะไร!” แก้วกานดาสะดุ้งตื่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นจากเตียง“อยู่เฉยๆเถอะน่า” นักรบปรามเสียงเข้ม เขาพาแก้วกานดาเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางร่างเธอลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำอุ่นอยู่เกือบเต็ม หญิงสาวขยับตัวแล้วเลือกที่จะก้มหน้า เธอเหนื่อยเกินกว่าจะสู้กับเขาแล้ว แต่เธอก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อนักรบพาตัวเองเข้ามาอยู่ในอ่างอาบน้ำกับเธอ“พอเถอะคุณรบ อย่าทำร้ายฝ้ายอีกเลย” แก้วกานดาสบตาเขาอย่างอ้อนวอน“ฝ้ายไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรจากผม” ร่างใหญ่ยกเธอขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง เขานั่งพิงขอบอ่าง แล้วรั้งแผ่นหลังเนียนให้เอนซบไปกับอกกว้าง มือหนาลูบไล้ทั่วร่างเนียน จุดที่บอบช้ำถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา แก้วกานดาสะดุ้งตัวแล้วนิ่วหน้า“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทำให้คนถูกถามอุ่นวาบขึ้นมาในหัวใจ แก้วกานดาพยักหน้าเล็กน้อย“ต่อไปฝ้ายจะต้องมาพักที่นี่”คนได้ยินคำสั่งขยับตัว หันกลับไปสบตาคมเข้ม “ไม่ได้นะคะ”“ฝ้ายก็รู้ว่าฝ้ายไม่มีทางปฏิเสธผมได้”“ทำไมคุณรบต้องทำอย่างนี้” คนถามนิ่ง รอคำตอบจากเขา“ฝ้ายบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า มีโปรเจคงานที่ต้องทำเร่งด่ว
“ฝ้าย เป็นอะไร มองผมสิ ฝ้าย” นักรบไม่เข้าใจว่าแก้วกานดาเป็นอะไร เขาพยายามเรียกเธอเสียงดัง แก้วกานดาหอบหายใจแรงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามปรับให้เป็นปกติแล้วหันมาสบตานักรบ“เอ่อ...ฝ้ายไม่เป็นไรค่ะ คุณรบพาฝ้ายกลับบ้านนะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขา“ไม่ วันนี้ผมเหนื่อย นี่ก็ใกล้ถึงคอนโดแล้ว คืนนี้เราจะนอนที่นี่กัน”แก้วกานดาตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “คุณพ่อ กับคุณแม่จะเป็นห่วงฝ้ายนะคะ คุณรบให้ฝ้ายกลับเองก็ได้ค่ะ”“ฝ้ายก็โทรกลับไปบอกสิว่าจะนอนค้างกับลินที่คอนโด” นักรบไหวไหล่ไม่สนใจ ชายหนุ่มบังคับรถไปตามทางเรื่อยๆ“คุณรบจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณแม่รู้ว่าฝ้ายออกมากับคุณ”“หรือฝ้ายจะให้ผมส่งคลิปนั้นไปให้คุณพ่อคุณแม่ดูล่ะ ท่านจะได้รู้ว่าคุณมาค้างกับผม เพื่อทำอะไร” แก้วกานดาเม้มปากแน่น นั่งเงียบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนักรบด้วยความคับแค้นใจ“โทรสิ” นักรบหันกลับมาบอกแทบจะเป็นเสียงตวาด มือเล็กๆควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือ แก้วกานดาต่อสายหามารดา หญิงสาวพยายามพูดให้น้ำเสียงเป็นปกติ“ค่ะแม่ ค้างกับลินจริงๆค่ะ เอ่อ...คุณรบไม่ได้อยู่ด้วยค่ะ...
“ชื่อเล่นว่าคุณฟะ...ฟายหรือครับ” หญิงสาวปิดปากแล้วหัวเราะ“ไม่ใช่ค่ะ ฝ้ายค่ะ”“ฟะ ฟ้าย” เควินพยายามจะออกเสียงให้ได้ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกิน“คุณเควินเรียกฝ้ายว่า แก้วกานดาก็ได้ค่ะ ง่ายกว่าไหมคะ” แก้วกานดาหัวเราะอีกครั้งกับความพยายามของเควิน“ยาวไปครับ ถ้าอย่างนั้นผมเรียกสั้นๆว่า ฟะ...อืม...แฟรี่นะครับ คุณสวยเหมือนนางฟ้า ผมขออนุญาตเรียกว่าแฟรี่นะครับ” เควินยิ้มกว้าง“ค่ะ แล้วแต่คุณเควินแล้วกันค่ะ” แก้วกานดาพยักหน้าและยิ้มรับ“สนิทสนมกันเร็วดีนะ ตกลงนายจะคุยงานกับฉันไหมเควิน” คนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ จึงเงียบและกันไปมองนักรบพร้อมกัน“คุยสิวะคุณรบ เอ่อ...ว่าแต่แฟรี่รับค็อกเทลเบาๆหน่อยไหมครับ”“ฝ้ายแพ้แอลกอฮอล์ น้ำเปล่าล่ะดีแล้ว” นักรบส่งสัญญาณเรียกบริกรมารับออเดอร์แล้วหันกลับมาสบตาแก้วกานดาแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปคุยกับเควินเรื่องงานที่ร่วมลงทุนกันแก้วกานดาบีบมือตัวเองแน่น ใจเต้นตึกตัก นี่เขาจำได้ด้วยเหรอว่าเธอแพ้แอลกอฮอล์ เขายังจำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเธอได้อีกไหมระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันเรื่องการลงทุน
“ได้ค่ะ” แก้วกานดายิ้มกว้าง หอบงานเข้าไปในห้องท่านประธาน นักรบช้อนสายตาขึ้นมองครู่เดียว แก้วกานดาไม่ได้สนใจคนที่นั่งทำงานอยู่ เธอมีงานให้รับผิดชอบแล้ว จึงไม่ได้สนใจว่าเขาจะมองมาหรือทำอะไร ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าทำงานโดยไม่มีใครพูดจา“ไปกินข้าวกันเถอะฝ้าย” ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงดังของนลินทำให้นักรบและแก้วกานดาหันมองไปทางเดียวกัน“ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสดนะลิน” นักรบปรามน้องสาวของตัวเอง นลินยิ้มอย่างสำนึกผิด แล้วก้าวเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ชาย“ขอโทษค่ะ” นักรบส่ายศีรษะอย่างระอาน้องสาวตัวเอง“ลินจะก้าวมาเป็นผู้บริหารของบริษัท ต้องรู้จักวางตัวให้น่าเกรงขามและน่าเคารพ นี่อะไรเอะอะโวยวายเสียงดังเป็นเด็กไปได้” นลินก้มหน้าทำปากขมุบขมิบล้อเลียนพี่ชาย นักรบพูดต่อว่า“จะมาชวนฝ้ายไปกินข้าว ถามเขาสักคำหรือยังว่างานเสร็จหรือยัง”แก้วกานดาส่งยิ้มแหยๆมาให้เพื่อน นลินทำหน้างง“ก็ถึงเวลากินข้าวแล้วนี่พี่รบ ลินหิวแล้ว กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”“ลินไปกินก่อนเลย พี่ก็ทำงานยังไม่เส
“ลินมาทำอะไรแต่เช้า” แก้วกานดายิ้มขำๆกับการมาของเพื่อน“ก็มารับพนักงานกิตติมศักดิ์ไง” นลินยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือไหว้ธาดา และกานต์แก้ว บิดาและมารดาของเพื่อนรัก“ลินมารับพนักงานใหม่ค่ะคุณพ่อคุณแม่ สัญญาว่าจะดูแลอย่างดีเลยค่ะ” ผู้สูงวัยกว่าทั้งสองยิ้มไปกับท่าทางของผู้มาเยือนแต่เช้า“ขอบใจมากนะหนูลิน ที่ให้โอกาสฝ้าย” ธาดาเอ่ยขึ้นขึ้นพร้อมกับยกมือลูบศีรษะลูกสาวตนเอง“ตั้งใจนะลูก ให้สมกับที่หนูลินไว้วางใจ” กานต์แก้วสำทับลูกสาวอีกครั้ง“ค่ะ...ฝ้ายไปทำงานก่อนนะคะ” แก้วกานดาและนลินยกมือไหว้ลาทั้งสอง ธาดาและกานต์แก้วมองตามรถมินิคูเปอร์สีแดงที่แล่นออกจากรั้วบ้านไป แล้วถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกัน“ฝ้ายจะทนได้หรือคะคุณ ฉันสงสารลูกจัง” กานต์แก้วน้ำตารื้น บิดาและมารดาของแก้วกานดารู้เรื่องราวระหว่างลูกสาวของตนกับนักรบดี ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ถ้าผมไม่บริหารธุรกิจของเราผิดพลาด ลูกก็คงไม่ต้องกลับไปหาความเจ็บปวดอีก หรือว่าเราจะขายบ้านหลังนี้ แล้วกลับไปอยู่ที่บ้านของคุณที่ต่างจังหวัดดี ถ้าขายบ้านได้แล้วไปชำระหนี้ให้ธนาคาร เงินก็ยังคงพอเหลืออีกก้อนให้เราเอาไปเร
“อื้มมม” นักรบปลดปล่อยความสุขสุดยอดไล่ตามหญิงสาวไปติดๆ ท่อนแขนแกร่งรวบร่างบางไว้กอดรัดแนบแน่น ก่อนที่ต่างคนต่างผ่อนคลายและหอบหายใจแรงเหมือนกัน นักรบปล่อยขาเรียวของหญิงสาว ให้เธอยืนบนพื้น แต่ยังกอดเกี่ยวร่างนุ่มนิ่มไว้“เห็นไหมว่าฝ้ายก็ชอบเรื่องพรรค์นี้เหมือนกัน”“ไม่จริง ไม่ใช่ คุณข่มขืนฝ้าย”“อย่างนี้เขาไม่เรียกข่มขืนหรอกฝ้าย เขาเรียกว่าสมยอม”“คุณรบ!” แก้วกานดาดิ้นแรง ขณะที่นักรบเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย“อย่างนี้เขาถึงจะเรียกว่าข่มขืน”ร่างบางถูกบังคับกดให้นอนลงกับพื้นครัว หลังของแก้วกานดาสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้างของกระเบื้องที่เย็นเฉียบ นักรบแทรกตัวเองเข้ามาตรงกลางระหว่างขาเรียว แก้วกานดาพยายามจิกข่วนแขนของชายหนุ่ม และออกแรงดิ้นรน“ปล่อยนะ ปล่อยฝ้าย” เสียงดังของหญิงสาวทำให้นักรบใช้มือใหญ่ปิดปากของเธอไว้แน่น และใช้มืออีกข้างจับข้อมือเล็กตรึงไว้หรือศีรษะของคนที่กำลังดิ้นรน แก้วกานดาตาเบิกโพลงตกใจ และเมื่อชายหนุ่มพยายามดุนดันตัวตนของเขา เข้ามาในร่างเธออีกครั้งด้วยความรุนแรง ร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงกลางทำให้แก้วกานดาไม่สามารถหุบขาเข้าได้