“เอ่อ...น้องฝ้าย แก้วกานดาค่ะ” คำตอบที่ได้ยินทำให้เจนจิรายืนนิ่งกำมือแน่น
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ทำให้นักรบที่เพิ่งสตาร์ตรถแต่ยังไม่ทันได้ขับเคลื่อนออกจากบริเวณลานจอดรถของตึก ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ครับแม่” นักรบเอ่ยทักทาย แล้วรอฟังเสียงจากปลายสาย
“ครับ...ครับแม่” นักรบรับคำในสิ่งที่มารดาต้องการ หลังจากสนทนาอยู่เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็กดวางสาย ใบหน้าหล่อเข้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้เขาคงไม่ได้กลับไปกินข้าวกลางวันกับแก้วกานดาแล้ว เพราะมารดาแจ้งว่ามีธุระด่วนจะปรึกษา ให้รีบกลับไปที่บ้านด่วน
แก้วกานดาตื่นขึ้นมาเกือบสิบเอ็ดโมง เธอยังรู้สึกเมื่อยล้าจากการที่ถูกนักรบรังแกทั้งคืน แต่หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกาย สายน้ำอุ่นที่รินรดร่างกายช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก หญิงสาวออกมาจากห้องนอนแล้วเดินสำรวจไปทั่ว ก่อนจะไปหยุดที่บริเวณครัว
“ไหนดูซิ มีอะไรให้ทำกินบ้าง” แก้วกานดาเปิดตู้เย็นหลังใหญ่ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อพบเพียงไข่สามฟอง ขวดน้ำดื่มสองขวด ที่เหลือเป็นพื้นที
“อ๊า...คุณรบ” แก้วกานดาก้มหน้าลงสบตาคมวาวที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว“ดีไหมฝ้าย กดลงมาสิ ฝ้ายจะรู้สึกดีกว่านี้” แก้วกานดาค่อยๆขยับสะโพก ร่องดอกไม้อุ่นลื่นของเธอค่อยๆกลืนกินลำกายแข็งแกร่ง ความคับแน่นที่ค่อยๆโอบล้อมตัวตนอยู่ ทำให้นักรบขบกรามแน่น เมื่อแก้วกานดากดสะโพกจนครอบครองเขาทั้งหมด นักรบรั้งศีรษะทุยลงมาเพื่อดูดดื่มริมฝีปากแสนหวานอีกครั้งมือใหญ่ที่จับสะโพกมนอยู่บังคับให้แก้วกานดาต้องขยับตาม สะโพกแกร่งเสยรับในจังหวะที่เขากดมือที่สะโพกเต่งตึง แก้วกานดาเรียนรู้จังหวะและเริ่มขยับเอง โดยที่นักรบเคลื่อนมือไปกอบกุมเนื้อหนั่นแน่นของสะโพก แล้วบีบขยำอย่างเร่งเร้า ชายหนุ่มปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระ แก้วกานดาแหงนเงยหน้าทันที ปากเล็กครวญครางกระเส่านักรบซบหน้าลงตรงอกอวบที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขาขบเม้มยอดอกผ่านเนื้อผ้าอย่างรุนแรง ส่งผลให้ความเสียวกระสันที่กำลังก่อตัวในร่างของแก้วกานดาพุ่งทะยานจนเกินควบคุม สะโพกเต่งตึงขยับโยกกระแทกขึ้นลงเป็นจังหวะรุนแรง“อ๊า...ฝ้ายไม่ไหวแล้วค่ะคุณรบ อ๊าย!” แก้วกานดาครวญครางเสียงสุดท้ายก่อนจะเกร็งกระตุกบดเบียดร่างของตนเองเข้าหาร่างแกร่
จะเอาอะไรมากมายแก้วกานดา เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แค่ผู้หญิงที่คอยสนองความต้องการ เดี๋ยวเขาคงเบื่อแล้วล่ะ น้ำตารื้นล้นขอบตา มือบางปาดมันออกอย่างไม่ใส่ใจ หญิงสาวจัดเก็บข้าวของไปเรื่อยๆ เสียงสะอื้นแว่วดังเป็นระยะ เธอได้แต่ภาวนาให้หัวใจเข้มแข็ง เมื่อถึงวันที่ต้องก้าวเดินออกจากห้องนี้ไป อย่างน้อยเธอก็มีโอกาสได้อยู่กับคนที่รัก ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และถึงแม้เขาจะไม่ได้รักเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม“พี่รบขา” เจนจิราลุกขึ้นเดินประกบนักรบทันที เมื่อเห็นเขาก้าวเข้ามาในร้านเวดดิงแพลนเนอร์ที่บริการจัดการงานแต่งงานครบวงจร ซึ่งเป็นร้านหรูอยู่ใจกลางเมืองกรุง มือเล็กเกาะเกี่ยวลำแขนแกร่งและเบียดกายชิดอย่างไม่เขินอาย นักรบถอนหายใจยาว นี่ถ้ามารดาเขาไม่ได้โทรมากำชับให้มาที่นี่ภายในวันนี้ หลังจากที่เขาเห็นหมายเลขโทรเข้าและไม่ได้รับสายเป็นหมายเลขของเจนจิรา เขาจะไม่มีวันมาเด็ดขาด“เรื่องงานแม่ไม่เคยก้าวก่ายรบ แต่เรื่องครอบครัวแม่ขอเป็นคนตัดสินใจนะรบ แม่กับผู้ใหญ่ทางหนูเจนนี่คุยกันแล้ว ลูกจะต้องแต่งงานเดือนหน้า ส่วนวันแม่จะบอกอีกที อย่าปฏิเสธแม่นะร
“เจนนี่” นักรบเผลอครางชื่อของเจนจิราออกมา ขณะที่สายตาเหลือบไปมองแก้วกานดาที่นั่งก้มหน้าทำงานโดยไม่พูดอะไร“เจนนี่มารอพี่รบตั้งนานแล้วค่ะ เมื่อคืนคงเหนื่อยมากสิคะ ต่อไปเจนนี่จะไม่กวนพี่รบแบบนี้อีกแล้ว” เจนจิราพูดกับนักรบ แต่สายตาตวัดมองแก้วกานดา เจนจิราไม่ไว้ใจเลยที่นักรบกับแก้วกานดามานั่งทำงานในห้องเดียวกันอย่างนี้ สงสัยเธอต้องมานั่งเฝ้าเขาจนกว่าจะถึงวันแต่งงานแล้วล่ะ“ไม่เป็นไรครับ เมื่อเช้าพี่มีเรื่องคุยกับคุณแม่นิดหน่อย เลยมาสาย” นักรบเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง โดยเจนจิราเบียดสะโพกนั่งลงพนักเท้าแขน จนดูเหมือนจะเกยขึ้นไปนั่งบนตักของนักรบด้วยซ้ำ“อุ๊ย! คุยเรื่องแต่งงานของเราหรือเปล่าคะ” เจนจิราจงใจพูดเสียงดังให้คนที่นั่งทำงานอยู่ได้ยิน แก้วกานดาเหลือบตาขึ้นมองทั้งคู่แวบเดียว ซึ่งพอดีกับที่นักรบมองมา“ฝ้าย...อุ๊ย! พี่รบ เจนนี่” นลินยิ้มกว้าง“ลินจะมาชวนฝ้ายไปทานข้าวกลางวันค่ะ ไปเถอะฝ้าย” นลินดึงแขนเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น แก้วกานดามองสบตานักรบอย่างเกรงใจ“เที่ยงแล้วฝ้าย ไม่มีงานค้าง ลินถามคุณดาแล้วเมื่อกี้ ไปเถอะ ไปก่อนนะคะ พี่รบ
“ก็ได้ๆ แต่ฝ้ายปล่อยลินก่อน ลินขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” แก้วกานดาปล่อยมือจากการดึงรั้งแขนเพื่อน นลินมองสบตาเพื่อนสาวอย่างรู้ทัน“ฝ้ายกับวินรอในร้านนะลิน ไปเถอะวิน”นลินเดินไปแล้ว แต่นายแพทย์หนุ่มยังมองตามตาละห้อย แก้วกานดาจึงดึงแขนเพื่อนให้เข้าไปในร้านก่อน“เดี๋ยวลินก็มา เข้าไปรอในร้านก่อนเถอะวิน”อาการฉุดรั้งหยอกล้อกันเบาๆของชายหญิงหน้าร้านกาแฟทำให้นักรบและเจนจิราหยุดมองโดยอัตโนมัติ“อุ๊ย! ยายฝ้ายกับใครน่ะ...อ๋อ...คุณหมอวินลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังนี่เอง แหมๆเห็นหงิมๆ หยิบชิ้นปลามันนะเนี่ย” เจนจิราจงใจพูดให้นักรบรู้ หากแต่ชายหนุ่มกลับตีหน้าขรึมและเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจ เจนจิรายิ้มร้ายกาจมองตามนักรบอย่างสะใจ“ฝ้ายเป็นไงบ้าง โอเคแล้วใช่ไหม”นายแพทย์ชัยชนะกระซิบถามเบาๆ หลังจากที่ทั้งสองหาที่นั่งได้มุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในร้านกาแฟ“ฝ้ายโอเค ขอบใจวินมากนะ”แก้วกานดายิ้มเล็กน้อย ใบหน้างามเศร้าหมองลง“ฝ้ายมาทำงานกับลินเหรอ”“อืม”“เฮ้อ! ยิ่งหนียิ่งเจอสินะ วินไม่รู้ว่าฝ้ายคิ
“ปล่อยฝ้ายตอนนี้เลยก็ได้นะคุณรบ ปล่อยฝ้ายแล้วไปหาคู่หมั้นคุณสิ คุณรบจะแต่งงานเดือนหน้าแล้วนี่ จะมายุ่งอะไรกับคนเละเทะอย่างฝ้าย ปล่อยสิ ปล่อยฝ้าย” แก้วกานดาตะคอกใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด เธอเป็นอะไรอยู่ในตำแหน่งไหนไม่รู้ด้วยซ้ำ ในเมื่อเขากำลังจะมีความสุข ทำไมต้องมาดึงรั้งกักขังเธอไว้อย่างนี้“คุณไม่มีสิทธิ์มาตะคอกใส่หน้าผมอย่างนี้ ผมจะแต่งงานกับใคร เมื่อไรมันก็เรื่องของผม ส่วนคุณก็ยังคงมีหน้าที่ตอบสนองผมทุกอย่างตามที่ผมต้องการ ถอดชุดนี้ออกซะ ผมไม่ชอบ” นักรบปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน แก้วกานดายืนกำมือแน่นสบตาเขาด้วยแววตาน้อยใจยิ่งนัก“บอกให้ถอดชุดนี้ออก ผมบอกฝ้ายแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ฝ้ายขัดใจ” แก้วกานดายังยืนนิ่ง นักรบถอนหายใจแรงเขาจัดการแกะโน่นดึงนี่ แล้วดึงรั้งชุดเดรสออกจากร่างของคนตรงหน้าด้วยท่าทางรำคาญยิ่งนักที่เธอไม่ทำตามที่สั่ง“คุณรบ...อย่าทำอย่างนี้” แก้วกานดาพยายามร้องขอความเห็นใจ แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงของอีกฝ่ายได้ ร่างขาวโพลนสมส่วนยืนอยู่ตรงหน้าเขา มีเพียงซับในตัวบางลายลูกไม้ปิดบังส่วนสำคัญไว้เท่านั้น เพราะชุดเดรสที่เธอสวมเป็นแบบมีโครงเสื้อชั้นในอยู่ในตัว เ
“มันไม่จบง่ายๆหรอกฝ้าย” ร่างใหญ่เคลื่อนตัวลุกขึ้นนั่ง รั้งขาเรียวขึ้นพาดบ่าตนเองทั้งสองข้าง กลีบดอกไม่สีหวานเบ่งบานอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวใหญ่กรีดลงตรงกลางร่องดอกไม้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง จนแก้วกานดาครางไม่เป็นศัพท์ ร่างบางบิดส่าย ใบหน้างามเหยเก นักรบมองแก้วกานดาอย่างสะใจ ปากร้อนร้ายกาจฉกวูบลงดูดดึงกลีบดอกไม้งามอย่างรุนแรงอีกครั้ง ความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่าน ทำให้คนถูกรังแกแทบขาดใจ“อื๊อ...คุณรบ” นักรบเร่งเร้า ด้วยการจุ่มลิ้นแทงลงร่องรักสลับกับการปาดเลียติ่งไตกดเน้นรุนแรง แก้วกานดาจิกมือลงบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่าน มือใหญ่เลื่อนมาบีบเคล้นเต้าอวบหยุ่นอย่างรุนแรง จนเกิดร่องรอยแดงปื้นบนอกอวบขาวทั้งสอง“อ๊ะ...คุณรบ ฝ้ายไม่ไหวแล้วค่ะ ทรมานเหลือเกิน อ๊ะๆ...อ๊าย!” แก้วกานดากระตุกร่างเกร็งค้างและสะท้านอยู่อีกหลายครั้ง นักรบจึงวางท่อนขาเรียวลง ขณะที่ตัวเองยังนั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างกลางกายสาว ลมหายใจหอบรุนแรงของหญิงสาวทำให้นักรบยิ้มอย่างผู้ชนะ ชายหนุ่มจับหัวเข่าเล็กพับงอแล้วกดต้นขาขาวแนบไปกับอกอวบ ขาเรียวแยกออกเหนือร่างงดงาม กลีบอวบสีหวานทำให้เขาต้องเลียลิ้นอย่างกระหาย ชายหนุ่
“อาบน้ำกันเถอะ” นักรบก้าวลงจากเตียงแล้วกอดเกี่ยวอุ้มร่างของคนไร้เรี่ยวแรง พาเข้าห้องน้ำโดยไม่สนอาการดิ้นรนของคนโดนอุ้ม ร่างของแก้วกานดาถูกวางลงใต้เรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ นักรบเปิดน้ำอุ่นรินรดสองร่างพร้อมกัน มือใหญ่เทครีมอาบน้ำเต็มมือ ละเลงถูตามร่างเล็กทั่วตัวทุกซอกทุกมุม แก้วกานดาจิกมือลงบนท่อนแขนแกร่ง ขาเรียวสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่“อาบน้ำให้ผมหน่อยฝ้าย” แก้วกานดาเทครีมอาบน้ำลงบนมือขาวซีดของตน มือเล็กลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่งกำยำ“ข้างหน้าด้วยฝ้าย” แก้วกานดาเลื่อนมือสอดใต้แขนแกร่งไปด้านหน้า ลูบไปตามแผงอกกว้างเรื่อยลงมาถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม นักรบหลับตาอย่างรอคอย หากแต่แก้วกานดายังคงใช้มือไล้วนอยู่แค่หน้าท้อง มือใหญ่จึงจับดึงมือเล็กพาลงไปสัมผัสความแข็งแกร่ง“อืม ถูแรงๆ ขยับเร็วๆเลยฝ้าย” ข้อมือเล็กที่ถูกดึงแรงให้ไปสัมผัสความใหญ่โตของเขา ทำให้หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดเสียดสีไปกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม นักรบทาบจับมือเล็กสองข้างที่กอบกุมความแข็งขึงของตนไว้ แล้วนำพาให้ขยับสร้างความสุขกระสัน แก้วกานดาขยับตามจนรู้งาน นักรบจึงปล่อยมือแล้วป่ายมาด้านหลังเพื่อบีบคลึงกดสะโพกงอนให
“พี่รบ...เจนนี่เองนะคะ” เจนจิราใช้โทรศัพท์มือถือของเพื่อนโทรหานักรบ เพราะปกติเวลาเธอใช้โทรศัพท์ตัวเองโทรหาชายหนุ่มจะไม่ค่อยรับสาย“มีอะไรหรือเปล่าเจนนี่ นี่มันดึกมากแล้วนะ” นักรบตอบเสียงเข้มไม่พอใจเล็กน้อย“พี่รบขา...เอ่อ...รถเจนนี่สตาร์ตไม่ติด ตอนนี้เพื่อนๆกลับกันหมดแล้ว ร้านก็ปิดแล้วค่ะพี่รบ นี่เจนนี่ยืมโทรศัพท์พนักงานที่ร้านโทรอยู่นะคะ เขากำลังจะกลับกันแล้ว เอ่อ...แบตโทรศัพท์เจนนี่ก็หมดค่ะ พี่รบมารับเจนนี่หน่อยสิคะ” นักรบถอนหายใจยาว“นั่งแท็กซี่กลับสิครับ”“ไม่เอาค่ะ เจนนี่กลัว”“ทำไมเจนนี่ไม่โทรให้ที่บ้านมารับ”“เอ่อ...เจนนี่จำเบอร์ใครไม่ได้เลยค่ะ มีเบอร์พี่รบคนสำคัญของเจนนี่คนเดียวเท่านั้น ที่เจนนี่จำได้ นะคะพี่รบ รีบมานะคะ เจนนี่กลัวค่ะ เจนนี่จะรออยู่ร้านนะคะ อยู่ใกล้ๆคอนโดพี่รบนี่แหละ” เจนจิราตัดสายไปแล้วหลังจากที่บอกชื่อร้านเสร็จ นักรบกำโทรศัพท์แน่น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามีแววตาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะอีกใจก็อยากเปิดประตูไปดึงคนที่อยู่ในห้องน้ำออกมาสักที แต่อีกใจก็เป็นห่วงเจนจิราที่อยู่คนเดียว เป็นห่วงอย่างที่พี่ชายห่วงน้องสาวคนหนึ่งเ
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด