“เจนนี่” นักรบเผลอครางชื่อของเจนจิราออกมา ขณะที่สายตาเหลือบไปมองแก้วกานดาที่นั่งก้มหน้าทำงานโดยไม่พูดอะไร
“เจนนี่มารอพี่รบตั้งนานแล้วค่ะ เมื่อคืนคงเหนื่อยมากสิคะ ต่อไปเจนนี่จะไม่กวนพี่รบแบบนี้อีกแล้ว” เจนจิราพูดกับนักรบ แต่สายตาตวัดมองแก้วกานดา เจนจิราไม่ไว้ใจเลยที่นักรบกับแก้วกานดามานั่งทำงานในห้องเดียวกันอย่างนี้ สงสัยเธอต้องมานั่งเฝ้าเขาจนกว่าจะถึงวันแต่งงานแล้วล่ะ
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อเช้าพี่มีเรื่องคุยกับคุณแม่นิดหน่อย เลยมาสาย” นักรบเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง โดยเจนจิราเบียดสะโพกนั่งลงพนักเท้าแขน จนดูเหมือนจะเกยขึ้นไปนั่งบนตักของนักรบด้วยซ้ำ
“อุ๊ย! คุยเรื่องแต่งงานของเราหรือเปล่าคะ” เจนจิราจงใจพูดเสียงดังให้คนที่นั่งทำงานอยู่ได้ยิน แก้วกานดาเหลือบตาขึ้นมองทั้งคู่แวบเดียว ซึ่งพอดีกับที่นักรบมองมา
“ฝ้าย...อุ๊ย! พี่รบ เจนนี่” นลินยิ้มกว้าง
“ลินจะมาชวนฝ้ายไปทานข้าวกลางวันค่ะ ไปเถอะฝ้าย” นลินดึงแขนเพื่อนสาวให้ลุกขึ้น แก้วกานดามองสบตานักรบอย่างเกรงใจ
“เที่ยงแล้วฝ้าย ไม่มีงานค้าง ลินถามคุณดาแล้วเมื่อกี้ ไปเถอะ ไปก่อนนะคะ พี่รบ
“ก็ได้ๆ แต่ฝ้ายปล่อยลินก่อน ลินขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ” แก้วกานดาปล่อยมือจากการดึงรั้งแขนเพื่อน นลินมองสบตาเพื่อนสาวอย่างรู้ทัน“ฝ้ายกับวินรอในร้านนะลิน ไปเถอะวิน”นลินเดินไปแล้ว แต่นายแพทย์หนุ่มยังมองตามตาละห้อย แก้วกานดาจึงดึงแขนเพื่อนให้เข้าไปในร้านก่อน“เดี๋ยวลินก็มา เข้าไปรอในร้านก่อนเถอะวิน”อาการฉุดรั้งหยอกล้อกันเบาๆของชายหญิงหน้าร้านกาแฟทำให้นักรบและเจนจิราหยุดมองโดยอัตโนมัติ“อุ๊ย! ยายฝ้ายกับใครน่ะ...อ๋อ...คุณหมอวินลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดังนี่เอง แหมๆเห็นหงิมๆ หยิบชิ้นปลามันนะเนี่ย” เจนจิราจงใจพูดให้นักรบรู้ หากแต่ชายหนุ่มกลับตีหน้าขรึมและเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจ เจนจิรายิ้มร้ายกาจมองตามนักรบอย่างสะใจ“ฝ้ายเป็นไงบ้าง โอเคแล้วใช่ไหม”นายแพทย์ชัยชนะกระซิบถามเบาๆ หลังจากที่ทั้งสองหาที่นั่งได้มุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในร้านกาแฟ“ฝ้ายโอเค ขอบใจวินมากนะ”แก้วกานดายิ้มเล็กน้อย ใบหน้างามเศร้าหมองลง“ฝ้ายมาทำงานกับลินเหรอ”“อืม”“เฮ้อ! ยิ่งหนียิ่งเจอสินะ วินไม่รู้ว่าฝ้ายคิ
“ปล่อยฝ้ายตอนนี้เลยก็ได้นะคุณรบ ปล่อยฝ้ายแล้วไปหาคู่หมั้นคุณสิ คุณรบจะแต่งงานเดือนหน้าแล้วนี่ จะมายุ่งอะไรกับคนเละเทะอย่างฝ้าย ปล่อยสิ ปล่อยฝ้าย” แก้วกานดาตะคอกใส่หน้าเขาอย่างเหลืออด เธอเป็นอะไรอยู่ในตำแหน่งไหนไม่รู้ด้วยซ้ำ ในเมื่อเขากำลังจะมีความสุข ทำไมต้องมาดึงรั้งกักขังเธอไว้อย่างนี้“คุณไม่มีสิทธิ์มาตะคอกใส่หน้าผมอย่างนี้ ผมจะแต่งงานกับใคร เมื่อไรมันก็เรื่องของผม ส่วนคุณก็ยังคงมีหน้าที่ตอบสนองผมทุกอย่างตามที่ผมต้องการ ถอดชุดนี้ออกซะ ผมไม่ชอบ” นักรบปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน แก้วกานดายืนกำมือแน่นสบตาเขาด้วยแววตาน้อยใจยิ่งนัก“บอกให้ถอดชุดนี้ออก ผมบอกฝ้ายแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ฝ้ายขัดใจ” แก้วกานดายังยืนนิ่ง นักรบถอนหายใจแรงเขาจัดการแกะโน่นดึงนี่ แล้วดึงรั้งชุดเดรสออกจากร่างของคนตรงหน้าด้วยท่าทางรำคาญยิ่งนักที่เธอไม่ทำตามที่สั่ง“คุณรบ...อย่าทำอย่างนี้” แก้วกานดาพยายามร้องขอความเห็นใจ แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงของอีกฝ่ายได้ ร่างขาวโพลนสมส่วนยืนอยู่ตรงหน้าเขา มีเพียงซับในตัวบางลายลูกไม้ปิดบังส่วนสำคัญไว้เท่านั้น เพราะชุดเดรสที่เธอสวมเป็นแบบมีโครงเสื้อชั้นในอยู่ในตัว เ
“มันไม่จบง่ายๆหรอกฝ้าย” ร่างใหญ่เคลื่อนตัวลุกขึ้นนั่ง รั้งขาเรียวขึ้นพาดบ่าตนเองทั้งสองข้าง กลีบดอกไม่สีหวานเบ่งบานอยู่ตรงหน้า นิ้วเรียวใหญ่กรีดลงตรงกลางร่องดอกไม้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง จนแก้วกานดาครางไม่เป็นศัพท์ ร่างบางบิดส่าย ใบหน้างามเหยเก นักรบมองแก้วกานดาอย่างสะใจ ปากร้อนร้ายกาจฉกวูบลงดูดดึงกลีบดอกไม้งามอย่างรุนแรงอีกครั้ง ความเจ็บแปลบระคนเสียวซ่าน ทำให้คนถูกรังแกแทบขาดใจ“อื๊อ...คุณรบ” นักรบเร่งเร้า ด้วยการจุ่มลิ้นแทงลงร่องรักสลับกับการปาดเลียติ่งไตกดเน้นรุนแรง แก้วกานดาจิกมือลงบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่าน มือใหญ่เลื่อนมาบีบเคล้นเต้าอวบหยุ่นอย่างรุนแรง จนเกิดร่องรอยแดงปื้นบนอกอวบขาวทั้งสอง“อ๊ะ...คุณรบ ฝ้ายไม่ไหวแล้วค่ะ ทรมานเหลือเกิน อ๊ะๆ...อ๊าย!” แก้วกานดากระตุกร่างเกร็งค้างและสะท้านอยู่อีกหลายครั้ง นักรบจึงวางท่อนขาเรียวลง ขณะที่ตัวเองยังนั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างกลางกายสาว ลมหายใจหอบรุนแรงของหญิงสาวทำให้นักรบยิ้มอย่างผู้ชนะ ชายหนุ่มจับหัวเข่าเล็กพับงอแล้วกดต้นขาขาวแนบไปกับอกอวบ ขาเรียวแยกออกเหนือร่างงดงาม กลีบอวบสีหวานทำให้เขาต้องเลียลิ้นอย่างกระหาย ชายหนุ่
“อาบน้ำกันเถอะ” นักรบก้าวลงจากเตียงแล้วกอดเกี่ยวอุ้มร่างของคนไร้เรี่ยวแรง พาเข้าห้องน้ำโดยไม่สนอาการดิ้นรนของคนโดนอุ้ม ร่างของแก้วกานดาถูกวางลงใต้เรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ นักรบเปิดน้ำอุ่นรินรดสองร่างพร้อมกัน มือใหญ่เทครีมอาบน้ำเต็มมือ ละเลงถูตามร่างเล็กทั่วตัวทุกซอกทุกมุม แก้วกานดาจิกมือลงบนท่อนแขนแกร่ง ขาเรียวสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่“อาบน้ำให้ผมหน่อยฝ้าย” แก้วกานดาเทครีมอาบน้ำลงบนมือขาวซีดของตน มือเล็กลูบไล้ไปตามแผ่นหลังแกร่งกำยำ“ข้างหน้าด้วยฝ้าย” แก้วกานดาเลื่อนมือสอดใต้แขนแกร่งไปด้านหน้า ลูบไปตามแผงอกกว้างเรื่อยลงมาถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม นักรบหลับตาอย่างรอคอย หากแต่แก้วกานดายังคงใช้มือไล้วนอยู่แค่หน้าท้อง มือใหญ่จึงจับดึงมือเล็กพาลงไปสัมผัสความแข็งแกร่ง“อืม ถูแรงๆ ขยับเร็วๆเลยฝ้าย” ข้อมือเล็กที่ถูกดึงแรงให้ไปสัมผัสความใหญ่โตของเขา ทำให้หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดเสียดสีไปกับแผ่นหลังของชายหนุ่ม นักรบทาบจับมือเล็กสองข้างที่กอบกุมความแข็งขึงของตนไว้ แล้วนำพาให้ขยับสร้างความสุขกระสัน แก้วกานดาขยับตามจนรู้งาน นักรบจึงปล่อยมือแล้วป่ายมาด้านหลังเพื่อบีบคลึงกดสะโพกงอนให
“พี่รบ...เจนนี่เองนะคะ” เจนจิราใช้โทรศัพท์มือถือของเพื่อนโทรหานักรบ เพราะปกติเวลาเธอใช้โทรศัพท์ตัวเองโทรหาชายหนุ่มจะไม่ค่อยรับสาย“มีอะไรหรือเปล่าเจนนี่ นี่มันดึกมากแล้วนะ” นักรบตอบเสียงเข้มไม่พอใจเล็กน้อย“พี่รบขา...เอ่อ...รถเจนนี่สตาร์ตไม่ติด ตอนนี้เพื่อนๆกลับกันหมดแล้ว ร้านก็ปิดแล้วค่ะพี่รบ นี่เจนนี่ยืมโทรศัพท์พนักงานที่ร้านโทรอยู่นะคะ เขากำลังจะกลับกันแล้ว เอ่อ...แบตโทรศัพท์เจนนี่ก็หมดค่ะ พี่รบมารับเจนนี่หน่อยสิคะ” นักรบถอนหายใจยาว“นั่งแท็กซี่กลับสิครับ”“ไม่เอาค่ะ เจนนี่กลัว”“ทำไมเจนนี่ไม่โทรให้ที่บ้านมารับ”“เอ่อ...เจนนี่จำเบอร์ใครไม่ได้เลยค่ะ มีเบอร์พี่รบคนสำคัญของเจนนี่คนเดียวเท่านั้น ที่เจนนี่จำได้ นะคะพี่รบ รีบมานะคะ เจนนี่กลัวค่ะ เจนนี่จะรออยู่ร้านนะคะ อยู่ใกล้ๆคอนโดพี่รบนี่แหละ” เจนจิราตัดสายไปแล้วหลังจากที่บอกชื่อร้านเสร็จ นักรบกำโทรศัพท์แน่น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามีแววตาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะอีกใจก็อยากเปิดประตูไปดึงคนที่อยู่ในห้องน้ำออกมาสักที แต่อีกใจก็เป็นห่วงเจนจิราที่อยู่คนเดียว เป็นห่วงอย่างที่พี่ชายห่วงน้องสาวคนหนึ่งเ
แก้วกานดาในชุดนอนกางเกงขายาวนอนกอดตัวเองใต้ผ้าห่มหนา ร่างบางที่ปรากฏร่องรอยแดงเป็นจ้ำไปทั้งตัวนอนหนาวสั่น อุณหภูมิในร่างกายสูงกว่าปกติมาก ริมฝีปากบางแห้งผากแดงเรื่อ หญิงสาวไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้น ร่างกายเมื่อยล้าและปวดร้าวไปทุกส่วนเมื่อคืนเธอนั่งอยู่ใต้สายน้ำนานเกือบสองชั่วโมง อีกทั้งต้องบอบช้ำจากการโดนรังแกอย่างหนัก ทำให้ร่างกายเกินขีดจำกัดที่จะทนได้ ตอนนี้แก้วกานดาอ่อนแอทั้งจิตใจและร่างกาย น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ทั้งๆที่เธอยังนอนหลับตาอยู่ เธอจะทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกนานแค่ไหน หนึ่งเดือนหรือ ...เธอจะทนไหวหรือเปล่าแก้วกานดา ชีวิตที่ผ่านมามันยังเลวร้ายและเจ็บปวดไม่พอใช่ไหม เธอถึงต้องทนให้เขารังแกอยู่ได้ ร่างบางสะอื้นรุนแรง น้ำตาไหลเปื้อนหมอนจนเปียกปอนจะทนต่อไปเพื่ออะไร เธอมีอะไรที่ต้องสูญเสียไปมากกว่านี้หรือแก้วกานดา ภาพรอยยิ้มของมารดาและบิดาลอยเด่นในห้วงความคิด คนสองคนที่เฝ้าห่วงใยดูแลเธอตลอดมา ไม่เคยทำร้ายให้เจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร เธอถึงปล่อยให้เขาทำร้ายได้ขนาดนี้ จะทนต่อไปเพื่ออะไร เขาจะทำอะไรจะประจานเธอก็ช่างปะไร ในชีวิตนี้
“นั่นมันห้องของผม ทำไมพวกคุณไม่โทรแจ้งหรือปรึกษาผมก่อน”น้ำเสียงที่เจือไปด้วยโทสะรุนแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ยิ่งหวาดกลัวเขา ทุกคนรู้ดีว่านักรบรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของคอนโดมิเนียมเป็นอย่างดี เป็นนักธุรกิจนักบริหารรุ่นใหม่แถวหน้า เขาเป็นยิ่งกว่าบุคคลวีไอพีของที่นี่ และหากเขาจะเอาเรื่องจริงๆ คอนโดมิเนียมแห่งนี้ต้องเสียชื่อเสียงแน่ๆ“ทางเราต้องขออภัยจริงๆค่ะคุณนักรบ หากมีอะไรให้เราพอจะช่วยเหลือได้ ทางเรายินดีที่จะดำเนินการให้ค่ะ”นักรบขบกรามแน่น นี่ไม่ใช่เวลามาหาคนผิดมาโทษใคร เขาต้องตามหาแก้วกานดา เธอไม่มีสิทธิ์ไปจากเขา มันยังไม่ครบสัญญาหนึ่งเดือน นักรบเดินออกจากคอนโดมิเนียมด้วยใบหน้าถมึงทึง ปล่อยให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคอนโดต่างมองหน้ากันด้วยแววตาเป็นกังวล แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมๆกัน“ฮัลโหล...คุณดา...ผมต้องการทราบชื่อโรงพยาบาลที่มีชื่อนายแพทย์ชัยชนะ เป็นหนึ่งในคณะผู้บริหาร ผมให้เวลาคุณสิบห้านาที”นักรบสั่งงานแล้วกดวางสายทันที ดวงตาแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธ เขากำพวงมาลัยรถแน่น ชายหนุ่มขับรถออกจากบริเวณลานจอดรถด้วยความเร็ว เขาไม่รู้หรอกว่าจะไปที่ไหน รู้แต่ว
“ต้องการพักผ่อนหรือต้องการออดอ้อนกัน ที่ทำให้มันไม่ถึงใจใช่ไหมถึงต้องหาเรื่องมาหากันถึงที่”แก้วกานดาปิดหูสองข้างส่ายหน้าไม่อยากได้ยินคำต่อว่าของคนใจร้าย น้ำตาไหลรินเป็นทาง เธอสะอื้นเบาๆอย่างปวดร้าวในหัวใจ“พี่รบดูถูกฝ้ายเกินไปแล้วนะครับ เราเป็นเพื่อนกัน แล้วผมก็เป็นหมอรักษาคนไข้ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปอย่างที่พี่รบเข้าใจนะครับ” นายแพทย์ชัยชนะกำลังจะเหลืออดกับผู้ชายคนนี้แล้ว“ดูถูกก็ดีกว่าดูผิด อ้อ...ผมจะบอกอะไรให้นะ ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เหลืออะไรไว้ให้คุณหมอแล้วล่ะ ผมเห็นแล้วก็จับมาแล้วทุกซอกทุกมุม” นักรบไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์หึงหวงรุนแรง แก้วกานดาเป็นของเขา เธอไม่มีสิทธิ์ไปจากเขา นายแพทย์ชัยชนะสุดจะทนกับคำดูถูกของนักรบ กำปั้นใหญ่ชกเปรี้ยงเข้าที่ปากของนักรบจนใบหน้าคมเข้มสะบัดหัน เลือดสดๆไหลออกจากมุมปากทันที นักรบรับรู้ถึงรสของเลือดที่ซึมเข้าปาก เขาหันกลับไปสบตานายแพทย์ชัยชนะอย่างเอาเรื่อง“ถ้าพี่รบไม่ยอมออกไปจากที่นี่ดีๆ ผมจะให้รปภ.มาเชิญตัวออกไป ที่นี่โรงพยาบาลของผม คนไข้ทุกคนต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด แล้วก็...การเป็นข่าวในด้านลบค
นายแพทย์ชัยชนะหัวเราะในลำคอ “เพราะรักหรอกน่า...เดือนหน้าเราจะต้องแต่งงานกันนะ วินไม่ อยากนอนคนเดียว อยากตื่นมาตอนเช้าแล้วเห็นลินเป็นคนแรก” มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนุ่ม“ปากหวานก็เป็นด้วย” นลินพูดเสียงอู้อี้อยู่ชิดแผงอกกว้าง“วินรักลินนะ” นลินผงกศีรษะขึ้นสบตาแวววาวของชายหนุ่ม สองสายตาประสานกันอยู่เนิ่นนาน นายแพทย์ชัยชนะค่อยๆพลิกร่างตัวเองขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวให้อยู่ใต้ร่างของตนเอง นลินพ่นลมหายใจออกเบาๆ หลับตาลงช้าๆเมื่อใบหน้าหล่อเหลาของคนบนร่างโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มของเธอถูกครอบครองแผ่วเบา หญิงสาวเผยอปากรับอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มเริ่มรุกเร่าร้อน ลิ้นสากของเขาไล่ต้อนตวัดรัดรึงลิ้นเล็กของเธอด้วยความโหยหา นลินจูบตอบด้วยประสบการณ์ที่น้อยนัก แต่กลับทำให้ชายหนุ่มครางกระหึ่มในลำคอด้วยความพึงพอใจ“วินรักลินที่สุด” เสียงทุ้มดังอยู่ชิดริมหูเล็ก นายแพทย์ชัยชนะละจากริมฝีปากของนลิน ใช้จมูกโด่งซอกซอนดอมดมไปตามใบหน้าเนียนและลำคอหอมกรุ่น ชุดนอนของหญิงสาวดูจะเกะกะสายตาเขาเป็นที่สุด มือใหญ่จึงลงมือแกะและถอดปราการบนร่างบางทุกชิ้นออกอย่างรวดเร็ว นลินนอนหอบหายใจแรงอย่างเขิน
“รีบๆแต่งกันไปเถอะหนูลิน หมั้นกันนานๆผู้คนจะมองไม่ดี มีคนมาดูแลหนูลิน คุณนัยนาจะได้สบายใจ” กานต์แก้วพยายามเกลี้ยกล่อมนลินช่วยอีกคน เพราะหน้าตาของหญิงสาวบ่งบอกว่างอนมารดาอย่างเห็นได้ชัด“หรือหมอวินทำอะไรให้ลินไม่พอใจหรือเปล่า” นักรบลุกขึ้นยืนขึงขัง เงื้อกำปั้นขึ้นเล็งไปที่นายแพทย์หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องสาว นลินรีบยกมือห้ามทันควัน“ไม่ๆค่ะ พี่รบจะทำอะไรเนี่ย วินเขาไม่ได้ทำอะไรลินสักหน่อย” ประโยคสุดท้ายของนลินฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจนัก เสียงหัวเราะของคนรอบข้างทำให้นลินกวาดสายตาดูทุกคนอายๆ ที่เผลอออกโรงปกป้องชายหนุ่ม“นั่นไง...เป็นห่วงหมอวินล่ะสิ...สรุปแต่งกันเดือนหน้าเลยนะ ฝากดูแลลินด้วยนะหมอวิน” คนเป็นพี่พูดจบก็นั่งลง สบตากับว่าที่น้องเขยยิ้มๆ นลินมองหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของตนอย่างหมั่นไส้ ก็เขาเล่นยิ้มแก้มแทบจะปริอยู่แล้วนะเช้าวันต่อมาผู้สูงอายุทั้งสามออกจากบ้านแต่เช้า นักรบและแก้วกานดาช่วยกันทำงาน แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสามีเป็นผู้ทำทั้งหมดเสียมากกว่า ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหนื่อย ไม่ได้พักผ่อน นลินและนายแพทย์ชัยชนะนั่งพักผ่อนอยู่บริเวณซุ้มไม้นอกร
“เอ่อ...จ้ะๆ...ต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เรารักกันๆเนอะ” นักรบลุกจากเก้าอี้นั่งคุกเข่าลงข้างแก้วกานดา วงแขนแกร่งโอบร่างคุณแม่ท้องหกเดือน ใบหน้าคมเข้มซบลงออดอ้อนเอาใจ“นับหนึ่งบอกแม่นะว่าอย่างอนพ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยชิดหน้าท้องกลมของแก้วกานดา หญิงสาวก้มมองใบหน้าด้านข้างของสามี แล้วอมยิ้มกับท่าทางของเขา“อ้อนเมียอยู่เหรอพี่รบ”“อ้าว...ลิน วิน คุณแม่” แก้วกานดากำลังจะลุกขึ้นยืน เพื่อทำความเคารพมารดาของนักรบ แต่คุณนัยนาก็ห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้องลุกๆ นั่งเถอะฝ้าย ไหน...หลานย่าว่าไงลูก” คุณนัยนาเบียดตัวเข้าใกล้แก้วกานดา นักรบที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆหลีกทางแทบไม่ทัน แต่คุณนัยนาก็ไม่ได้สนใจ เพราะคุณย่าเห่อหลานในท้องลูกสะใภ้ยิ่งกว่าอะไร“โห...คุณแม่ นี่ลูกนะ ไม่สนใจผมเลย” นักรบตัดพ้อเรียกร้องความสนใจ“ตกกระป๋องแล้วพี่รบ” นลินกระเซ้าพี่ชายตนเอง คุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลอบมองคู่หมั้นตาละห้อย ก็มาครั้งนี้ต้องพักค้างคืนที่บ้านแก้วกานดา ซึ่งมีทั้งคุณแม่และพี่ชายอยู่ด้วย เขาจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับนลินบ้างไหมหนอ หลังจากค่ำคืนแสนหวานที่รีสอร์ตคืนนั้น เขาก็ให้
“พี่รบถอยไปสิ...ฝ้ายจะไปเสิร์ฟกาแฟ” นักรบทำหน้าตาถมึงทึง เขาดึงถาดในมือหญิงสาวมาวางไว้บนเคาน์เตอร์สูง แล้วดันร่างของคุณแม่ท้องบังคับให้ไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน“นั่งตรงนี้เลย เดี๋ยวพี่ไปเสิร์ฟเอง โต๊ะนั้นมีแต่ผู้ชาย” นักรบพูดน้ำเสียงจริงจัง แก้วกานดาหัวเราะคิก“พี่รบ...ฝ้ายท้องโตขนาดนี้ใครเขาจะมาสนใจ”“ไม่รู้ล่ะ พี่หวง” นักรบยกถาดกาแฟเดินออกไปด้านนอกแล้ว แก้วกานดาได้แต่นั่งถอนหายใจ เสียงลูกน้องในร้านหัวเราะคิกคัก ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองทีละคน จึงทำให้วงแตกกระเจิง ต่างคนต่างทำเป็นหยิบโน่นจับนี่ไม่สนใจกันตั้งแต่คืนดีกันนักรบแทบจะไม่ได้เธอหยิบจับอะไร เขาใส่ใจเธอไปซะทุกเรื่องและตามใจแทบจะทุกอย่าง จนบิดาและมารดาของเธอระอาใจกับลูกเขยขี้เห่อลูก สองวันก่อนเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสที่ที่ว่าการอำเภอ และพาเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูก ห้องนอนเดิมของเขาก็ถูกต่อเติมซ่อมแซมไว้สำหรับเป็นห้องของหนูน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกสามเดือนข้างหน้า ส่วนเขา...หลังจากคืนที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว ชายหนุ่มก็ย้ายสำมะโนครัวเข้ามาอยู่ในห้องของเธ
มือใหญ่จับดันสะโพกเต่งตึงให้ลอยเหนือที่นอน ขาเรียวแยกกว้างโอบรัดเอวคนบนร่างทันที ฝ่ามือใหญ่วางคร่อมอยู่ข้างร่างเล็ก สายตาคมเข้มจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความรักสุดหัวใจ“เจ็บไหม...พี่จะระวังนะ” คนตัวเล็กยิ้มสบตากับคนบนร่าง นักรบโน้มใบหน้าลงพรมจูบไปทั่วดวงหน้าชื้นเหงื่อของแก้วกานดา ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากบาง ตักตวงความหวานเย้ายวนไม่รู้เบื่อ สะโพกสอบเริ่มขยับช้าๆ ทุกจังหวะการขับเคลื่อนตัวตนของเขาหนักแน่นแต่อ่อนโยน ช่องทางรักอุ่นลื่นสัมผัสรัดรึงความแข็งแกร่ง ตอบรับการรุกล้ำด้วยแรงปรารถนาเดียวกัน“พี่รักฝ้าย พี่รักฝ้าย” นักรบผละจากริมฝีปาก พร่ำบอกรักซ้ำๆชิดหูเล็ก สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวเนิบนาบหนักแน่น แก้วกานดาบิดเร่าครวญครางเสียงหวาน มือเล็กลูบไล้แผงอกกว้างระเรื่อยไปตามลำคอแกร่ง และหยุดประคองใบหน้าคมเข้มไว้ในมืออุ่น“อ๊า...พี่รบขา อื๊อ!” ความหวามไหวแผ่ไปทั้งร่าง หัวใจวาบหวิวราวกับว่าจะขาดรอน ซาบซ่านจมดิ่งในห้วงเสน่หา ต่างฝ่ายต่างโหยหาในกันและกัน นักรบเร่งจังหวะรักร้อนแรง แก้วกานดาขยับเคลื่อนสะโพกส่ายประสานบ
ริมฝีปากหยักได้รูปแตะลงอย่างแผ่วเบา และค่อยๆบดเบียดให้ปากเล็กเปิดรับการทักทาย เสน่หาที่ห่างหายไปนาน เมื่อถูกปลุกเร้าก็ลุกโชนอย่างง่ายดาย ต่างคนต่างถวิลหาในกันและกัน จูบอบอุ่นหวานละมุนแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนซาบซ่านในทันใด เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกันดื่มด่ำราวกับว่าไม่มีวันพอในรสจุมพิต เป็นแก้วกานดาเสียเองที่ครางผะแผ่วประท้วง เมื่อเธอรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน นักรบผละออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง เขาดูดดึงริมฝีปากล่างของเธอเบาๆก่อนจะผงกศีรษะมองใบหน้านวลแดงระเรื่อ แววตาเปี่ยมรักของนักรบจ้องลึกลงไปในดวงตากลมโต คำสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สามารถสื่อสารกันด้วยสายตาและหัวใจ แก้วกานดายิ้มหวานรับรู้ถึงความจริงใจที่ชายหนุ่มสื่อออกมาทางสายตาเมื่อเริ่มรุกแล้ว แม่ทัพอย่างนักรบไม่ยอมล่าถอย มือใหญ่จัดการดึงรั้งชุดนอนสีชมพูหวานออกจากร่างแก้วกานดา ตามด้วยชั้นในอีกสองชิ้นที่ถูกทิ้งขว้างลงข้างเตียง ขณะที่คนตัวโตไม่ได้ลำบากสักนิดในการกำจัดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกจากร่างตัวเอง ผิวเนียนขาวผ่องของแก้วกานดาทำให้นักรบหายใจสะดุด เขากวาดสายตามองร่างที่นอนหอบหายใจระทวย จากการถูกจุมพิตกระชา
“ออกไปได้แล้ว ฝ้ายจะนอนแล้ว” แก้วกานดาเอนตัวลงนอน หากแต่สายตาของเธอยังจับจ้องคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างไม่ค่อยวางใจ“อุ๊ย!” หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย มือเล็กยกกุมหน้าท้องตัวเอง คนที่จ้องอยู่ไม่วางตาตกใจ รีบสาวเท้าเร็วถึงตัวคนที่อยู่บนเตียงทันที ร่างใหญ่นั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าแววตาเป็นกังวล“เป็นอะไร ฝ้ายเป็นอะไร เจ็บตรงไหน” มือใหญ่จับตรงโน้นลูบตรงนี้อย่างห่วงใย แก้วกานดาเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม เธอยิ้มอย่างลืมตัว“ลูก...ลูกดิ้นแล้วค่ะ” นักรบยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ทั้งตื่นเต้นและยินดี มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปแตะหน้าท้องนูน แก้วกานดายกมือตัวเองออก เพื่อให้นักรบวางมือใหญ่ทาบทับลงบนหน้าท้องได้ถนัด ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นตุ้บเบาๆ สองสายตาสบประสานกัน ต่างยิ้มกว้างให้กันด้วยความยินดีและตื้นตัน“เอ่อ...พี่รบคะ ฝ้ายจะนอนแล้วค่ะ” แก้วกานดาดึงตัวเองออกมาห้วงความสุขก่อนชายหนุ่ม นักรบยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับหน้าท้องของเธอ เขาถอนหายใจเบาๆ“ฝ้าย...เรารักกันไม่ใช่หรือ ทำไมฝ้ายต้องปิดกั้นหัวใจตัวเอง” แก้วกานดาหลบสายตาคมกล้า เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากเหมือนเดิมไม
“เอ่อ...คุณไปใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม” คนถูกถามยิ้มกว้าง เพราะตอนนี้เขาอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันกายเพียงผืนเดียว ชายหนุ่มเผลอหลับไปหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย“ฝ้ายหิว ลูกก็คงหิวด้วย พี่ไม่อยากให้เสียเวลา” หญิงสาวจำยอมเดินตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้“กินอะไรดีล่ะฝ้าย” นักรบเอ่ยถามเมื่อเขาพาร่างเล็กลงมาที่ห้องครัวด้านล่าง แล้วจัดให้เธอนั่งรอที่เก้าอี้เรียบร้อย“เอ่อ...มาม่าก็ได้ค่ะ”“ไม่ได้!” เสียงปฏิเสธของเขาแสดงถึงความไม่พอใจจนแก้วกานดาสะดุ้ง“ฝ้ายท้องอยู่นะ จะกินอะไรก็ต้องนึกถึงลูกด้วย เดี๋ยวพี่ดูให้เองว่าจะกินอะไร” หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง อะไรของเขานักหนาแค่จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำไมต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างกับคุณพ่อดุลูกสาว ก่อนที่สงครามของกินจะบานปลาย แสงไฟภายนอกบ้านก็สว่างขึ้น นักรบจึงเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ แล้วหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองเขาอยู่“ดื่มนมถั่วเหลืองแล้วกัน เดี๋ยวพี่อุ่นให้ ดื่มนมอุ่นๆจะได้หลับสบาย”“ถ้าอย่างนั้นจะกินอย่างอื่นด้วย นมแก้วเดียวไม่อิ่มหรอก” น้ำเสียงราวกับเด็กถูกขัดใจ และใบหน้าก็เริ่มงอง้ำ นักรบขม
“ฝ้ายเข้าไปรอในร้านก่อนนะ รอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยเดินกลับบ้าน เดี๋ยวพี่จะรออยู่ข้างนอก เปียกขนาดนี้ถ้าเข้าไปในร้านพื้นเละแน่นอน” มือใหญ่รุนหลังของคนตัวเล็กในกลับเข้าไปในร้านส่วนตัวเขายืนหลบฝนอยู่ชายคาหน้าร้าน แก้วกานดาเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ภายในร้าน แต่ก็อดที่จะเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่ได้ นักรบยืนกอดอกลูบต้นแขนตัวเอง บางครั้งเขาก็เงยขึ้นมองบนฟ้าและกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ หลายครั้งที่เขามองเข้ามาในร้านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ทุกครั้งที่เขาขยับกายมองเข้ามา แก้วกานดาก็จะทำเป็นก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ทำเป็นไม่สนใจสายตาห่วงใยจากคนตัวโต“ฝ้าย ฝ้าย” เสียงทุ้มเรียกมาจากหน้าประตู แก้วกานดาขยับตัวและปรือตาขึ้น ตากลมโตถูกหรี่ลงเพื่อปรับแสงที่กระทบสายตา“ฝนหยุดตกแล้ว ไปนอนที่บ้านเถอะฝ้าย” น้ำเสียงทุ้มแสดงถึงความห่วงใย โซฟานุ่มตัวเล็กที่เธอนอนอยู่ดูไม่น่าจะสบายตัวเท่าไรนัก นักรบอยากจะเดินเข้าไปอุ้มร่างเล็กไปส่งถึงเตียงนุ่ม ไม่อยากกวนให้เธอจากห้วงนิทราด้วยซ้ำ ติดที่เขาเปียกไปทั้งตัว จึงไม่อยากให้แก้วกานดาเปียกไปด