Share

ตอนที่ 2

กองถ่ายละคร

“เพราะแก แกแย่งทุกอย่างไปจากชีวิตฉัน ๆ เกลียดแก นังฟ้าใส กรี๊ด”

เอยถลาเข้าไปตบหน้าผู้หญิงตรงหน้าด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธก่อนที่เธอจะจิกหัวขึ้นมาแล้วง้างมือขึ้นตบอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับผลักจนร่างบอบบางกระเด็นไปกระแทกกับพื้นหินปูน ดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะจ้องมองร่างบางบนพื้นด้วยสายตาเกลียดชัง

“คัต โอเค ดีมากครับทั้งสองสาว”

เสียงผู้กำกับกองละครเอ่ยคัตพร้อมเตรียมตัวถ่ายทำฉากต่อไปทันที

“พี่ข้าวเจ็บไหมคะ เอยขอโทษนะ โดนหน้าหรือเปล่าคะเนี่ย”

ร่างบางรีบถลาเข้าไปหา ขวัญข้าว นางเอกละครที่เธอกำลังถ่ายทำอยู่ทันทีเผื่อฉากเมื่อครู่ที่อาศัยมุมกล้องมือเธออาจจะพลั้งเผลอพลาดไปโดนนักแสดงสาวรุ่นพี่เข้า

“สบายมากจ้ะเอย ไม่โดนอะไรเลยคิดมากไปได้น่า เล่นด้วยกันมากี่เรื่องแล้วไม่เคยจำได้สักทีว่า เอย อรนลิน เล่นผิดคิว มีแต่นางเอกคนอื่นที่ตั้งใจผิดคิวกับเราซะมากกว่า”

ขวัญข้าวเอ่ยเย้านักแสดงรุ่นน้องอย่างเห็นอกเห็นใจ เอยเพิ่งดังจากบทนางเอกร้าย ๆ ที่ส่งผลให้เธอดังเป็นพลุแตก แฟนคลับเธอมีมากมายทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ แล้วไหนจะผู้ชายทั้งในและนอกวงการที่คอยตามขายขนมจีบให้ทุกวี่ทุกวันนั่นอีก นั่นเลยทำให้อาจจะไม่เป็นที่พอใจของนางเอกคนดังหลายคนที่อยู่ ๆ นางเอกบทร้ายหน้าใหม่ดังเทียบรัศมีตนเอยจึงมักจะโดนแกล้งอยู่บ่อย ๆ

“แหมพี่ข้าว กับบางคนที่ตั้งใจผิดคิวมาเอยก็แกล้งผิดคิวกลับบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แค่นั้นเอง ใครน้าเป็นคนสอนเอยให้สู้คนใช่พี่ข้าวไหมน้า ขอบคุณนะคะที่รักและเอ็นดูเอยมาตลอดเลย”

ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้นักแสดงรุ่นพี่ก่อนที่เอยจะกอดแขนเรียวแล้วซบลงบนไหล่อย่างรักใคร่  ถ้าไม่มีขวัญข้าวนางเอกดาวเด่นของวงการบันเทิงที่เป็นเพื่อนสนิทกับซินดี้คอยผลักดันเธอและแนะนำเธอกับผู้กำกับ คนเขียนบทเธอคงเดินมาไม่ถึงจุด ๆ นี้หรอก

“เอย มีพรสวรรค์ทางด้านนี้นะถึงเอยจะเพิ่งเข้าวงการ แต่การแสดงสำหรับเอยพี่ให้สิบเต็มสิบไม่หักเลยจ้ะ เพราะเอยเก่งพี่ถึงอยากสนับสนุนให้เอยได้ดี พัฒนาตัวเองต่อไปนะน้องรักของพี่”

ขวัญข้าวยกมือขึ้นลูบผมคนที่ยืนกอดแขนเอนหัวซบไหล่เธออย่างรักใคร่ เอย เป็นเด็กที่น่าสงสารมากสำหรับเธอพ่อแม่ตายหมดเพราะอุบัติเหตุ ทิ้งเธอให้อยู่กับน้องชายเพียงลำพัง เด็กอายุ 18 ปีที่ต้องดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้แทนพ่อแม่แถมมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เข้าเรียนพร้อมเด็กวัยเดียวกัน

เอยเพิ่งเข้าปี 1 ตอนอายุ 21 ตอนที่พอจะลืมตาอ้าปากได้แล้วซึ่งชีวิตของเอยไม่ได้ต่างจากเธอก่อนที่จะเข้าวงการเลย เธอต้องปากกัดตีนถีบวิ่งของานทำจนมีวันนี้และตอนนี้เธอมีทุกอย่างแล้ว เธอแค่อยากจะสนับสนุนคนดี ๆ แบบเอยให้มีอนาคตที่ดี ๆ เช่นกัน

“ปะ วันนี้หมดคิวถ่ายกันแล้วเราไปหาของกินอร่อย ๆ ที่ห้าง S กันดีกว่าพี่เลี้ยงเอง อ๊ะ ห้ามปฏิเสธพี่เด็ดขาดชวนทีไรเกรงใจทุกทีไม่เอาสิคนกันเองทั้งนั้นปะ”

ขวัญข้าวรีบเอ่ยขึ้นเบรกคนข้าง ๆ ที่กำลังตั้งท่าจะอ้าปากปฏิเสธอย่างรู้ทันก่อนที่เธอจะจูงมือเอยไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว

ห้าง S

สองสาวนางเอกกับนางร้ายใส่หมวกสวมแว่นตาเพื่อพรางตัวจากจากบรรดาแฟนคลับด้วยความนิยมของทั้งคู่ถ้าจะเปิดเผยหน้าตาพวกเธอคิดว่าคงไม่ได้กินข้าวแน่ ๆ คงได้แต่มานั่งถ่ายรูปแจกลายเซ็นยิ้มจนเหงือกแห้งแทนมากกว่า ทั้งสองจูงมือกันขึ้นมาชั้นสี่ของห้างที่เป็นโซนอาหาร ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังร้านหนึ่ง ในขณะที่กำลังมองหาโต๊ะว่างอยู่นั่นเองก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นไม่ไกลมากนัก

“เอ๊ะ!! แก ๆ นั่นใช่พี่ขวัญข้าวไหมอะ”

“เห้ย แกใช่เลย พี่ขวัญข้าวนี่นา ฮือ ฉันอยากถ่ายรูปกับพี่เขาอะ”

“นั่นน้องเอยนี่ กรี๊ดตัวจริงขาวมากตัวเล็กมากอะแก”

“แกพี่เอยมากินข้าว ฉันอยากถ่ายรูปกับพี่เอย”

เสียงพูดคุยกรี๊ดกราดดังขึ้นใกล้ ๆแต่ก็ไม่มีใครเข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของสองสาวเลยสักนิดเพราะทุกคนรู้ดีว่าตอนนี้คือเวลาพักผ่อนของพวกเธอ

“สวัสดีค่ะคุณขวัญข้าว คุณเอย ยินดีต้อนรับค่ะ”

พนักงานต้อนรับยิ้มกว้างพร้อมกล่าวต้อนรับอย่างดีใจที่สองดาราชื่อดังมาทานอาหารที่นี่

“สวัสดีค่ะ ข้าวขอโต๊ะที่เป็นส่วนตัวหน่อยนะคะ ขอแบบมุมที่ไม่มีใครเลยยิ่งดีเราสองคนหิวมากตอนนี้”

ขวัญข้าวทำหน้าออดอ้อนพนักงานต้อนรับให้รู้ว่าตอนนี้เธอหิวมากจริง ๆ

“ได้ค่ะคุณขวัญข้าวตามดิฉันมาเลยค่ะ”

พนักงานต้อนรับผายมือเชิญดาราสาวสวยทั้งสองคนก่อนที่จะเดินนำทั้งคู่ไปที่โซน VIP สำหรับลูกค้าที่มีระดับทั้งหลาย ซึ่งมีโต๊ะที่นั่งอยู่เพียงสี่ห้าโต๊ะเท่านั้นในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลกันจนเกินไป  โดยที่ในบริเวณนั้นมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วหนึ่งโต๊ะ ทั้งคู่สวมชุด Suit แบรนด์ดังระดับโลก ข้าง ๆ มีบอดีการ์ดของทั้งคู่ยืนขนาบข้างอย่างละสองคนพวกเขาน่าจะมาคุยธุรกิจกันมากกว่า เอยคิดในใจก่อนจะนั่งลงเมื่อพนักงานผายมือเชิญให้เธอนั่งอีกครั้ง

แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเตรียมจะสั่งอาหารกับพนักงานที่ยืนรอรับรายการอาหารอยู่เอยกลับชะงักไปด้วยความตกใจเมื่อผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับฝั่งของเธอก็คือคุณคิณ อัคนี ดวงตากลมโตสบตากับตาคมสีนิลสวยอย่างไม่หลบเลี่ยง

แวบหนึ่งที่เอย อรนลิน เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวทำไมเขาถึงหล่อขนาดนี้นะ งื้อ ยัยเอยแกจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไม่ได้นะ สมองคิดแบบนั้นแต่สายตากลับเอาแต่จ้องหน้าหล่อเหลาของคิณไม่กระพริบเลยสักนิด

ในขณะที่คิณเลิกคิ้วเล็กน้อยเขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอเธออีกครั้งด้วยซ้ำแม่กระต่ายน้อย หึ มุมปากพลันยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ดูเหมือนเขาจะเจอเรื่องที่ถูกใจขึ้นมาซะแล้วสิ

“เอยจะกินอะไรก็สั่งเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพี่”

ขวัญข้าวที่กำลังไล่ดูเมนูอาหารเอ่ยบอกเอยแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำเอาขวัญข้าวถึงกับรีบละสายตาจากเมนูอาหารตรงหน้าทันที

“เอย ยัยเอยได้ยินพี่ไหมเนี่ย”

ขวัญข้าวเอ่ยเรียกเอยเสียงดังพอสมควรจนเอยถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ

“เหม่ออะไรเนี่ย แล้วจ้องใครอยู่ล่ะนั่น”

ขวัญข้าวถามเสียงขึ้นจมูกเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองตามทิศทางที่เอยจ้องมองอย่างต้องการรู้ว่าอะไรกันที่ทำให้เอย อรนลิน เหม่อจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวกันนะ

“ฮั่นแน่ แอบมองคุณคิณ อัคนี เหรอเราน่ะ”

ขวัญข้าวเอ่ยแซวคนตรงหน้าอย่างล้อเลียนเมื่อมองไปทางนั้นก็มีแต่คุณคิณ อัคนี นี่นาที่นั่งตรงข้ามกับเอยพอดี

“เปล่าสักหน่อย พี่ข้าวมั่วแล้วเอยมองรอบ ๆ ร้านต่างหากล่ะ ร้านเขาตกแต่งได้คลาสสิกดีเนอะ”

เอยเฉไฉไปเรื่องอื่นอย่างหน้าตาเฉยตากลมโตหลบสายตาขวัญข้าวที่จ้องมองเธออย่างจับผิดไม่วางตา ทำเป็นมองบรรยากาศรอบ ๆ ร้านไปเรื่อย แต่ก็ไม่วายหันไปเจอสายตาคมกริบจากคุณคิณ อีกรอบหนึ่งทำเอาเธอรีบหันกลับมาแทบไม่ทัน

“ชอบคุณเขาเหรอ ถามจริง”

ขวัญข้าวนั่งท้าวคางเอ่ยถามเอยด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก

“เปล่านี่คะ ไม่ได้ชอบสักหน่อยเขาก็แค่หน้าตาดีตรงตามสเปคที่สาว ๆ ชอบแค่นั้นเอง”

เอยก้มหน้าลงตอบเสียงอุบอิบโดยที่ไม่ยอมสบตาขวัญข้าวสักนิดแค่นั้นขวัญข้าวก็เดาเรื่องราวตรงหน้าออกหมดแล้ว

“แล้วเราจะโกหกพี่ทำไมเนี่ย ชอบก็ไม่เห็นเป็นไรพี่ยังปลื้มเขาเลย คุณคิณ อัคนี ทายาทนักธุรกิจหมื่นล้าน ห้างที่เรามานั่งอยู่นี่ก็ของคุณเขา หน้าตาก็ดีหล่อกว่าดาราในวงการซะอีกเป็นนักธุรกิจอายุน้อยที่เก่งมากปีนี้เขาอายุแค่ 26 ปีเองส่วนเรื่องผู้หญิงนั้น...”

ขวัญข้าวแสร้งเงียบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่พอเธอเงียบเอยก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันตาเห็น ขวัญข้าวอมยิ้มน้อย ๆเมื่อเอยของเธอรู้จักชอบใครเข้าแล้วล่ะสิ

“เรื่องผู้หญิงอะไรล่ะคะพี่ข้าว?”

เอยถามต่ออย่างต้องการรู้โดยที่ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะบอกกับขวัญข้าวไปว่าไม่ได้ชอบเขาสักหน่อยแล้วทำไมเธอถึงอยากรู้เรื่องของเขากันล่ะเอย

“ไหนบอกว่าไม่ชอบเขาไง แล้วอยากจะรู้เรื่องของเขาไปทำไม”

ขวัญข้าวยังคงไม่ยอมเอ่ยส่วนที่เธอค้างเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาเธอกำลังแกล้งจับผิดคนตรงหน้าอยู่ใบหน้าสวยยิ้มอย่างล้อเลียนเอยเต็มที่

“ก็...รู้ไว้บ้างก็ดีนี่คะ เผื่อวันข้างหน้าได้ร่วมงานกันจะได้ทำตัวถูก”

เอยตอบไปก็ทำหน้าซื่อตาใสอย่างไม่รู้ไม่ชี้กับเหตุผลที่ยกมาอ้างนั้น แต่อาการลุกลี้ลุกลนแล้วไหนจะสายตาหลุกหลิกนั่นก็ยังคงหนีไม่พ้นสายตาจับผิดของขวัญข้าวอยู่ดี

“เราโป๊ะแล้วล่ะยัยเอย อย่ามาโกหกพี่นี่ดูออก”

ขวัญข้าวพูดยิ้ม ๆ อย่างรู้ทันว่าคนตรงหน้าโป๊ะแตกแล้ว นี่ใคร ขวัญข้าวนะจ๊ะเอยไม่มีทางรอดพ้นสายตาที่ผ่านโลกมามากของเธอได้หรอก

“เฮ้อ แย่จัง โดนจับได้ซะแล้วเรา พี่ข้าวก็ดูคุณคิณสิคะ หล่อขนาดนั้นใครบ้างจะไม่ชอบ  เอยยอมรับก็ได้ว่ามีหวั่นไหวบ้างอารมณ์มันแบบใจเต้นแรงเวลาที่เจอหน้าเขาหรืออยู่ใกล้ๆเขา”

เอยยอมจำนนแต่โดยดีเมื่อไม่สามารถโกหกดารารุ่นพี่ได้อีกต่อไป ก่อนที่เธอจะสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก เธอกับขวัญข้าวสนิทกันมากพอที่จะเล่าเรื่องส่วนตัวให้กันฟังโดยไม่มีเรื่องปิดบัง เพราะขวัญข้าวรู้จักเธอดีพอ ๆ กับพี่ซินดี้ที่รู้จักเธอมาตั้งแต่เธอยังไม่ได้เข้าวงการด้วยซ้ำ

“เรื่องผู้หญิงน่ะเขาไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรอกนะไม่เคยควงใครออกงานสังคมด้วยนอกจากคุณเอมอรคุณแม่กับอีกคนพี่จำชื่อไม่ได้อะลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันมาก ๆ ส่วนเรื่องนั้นก็เห็นว่ามีบ้างแหละตามประสาผู้ชายแต่ไม่เคยเห็นว่ามีใครกล้าแสดงความเป็นเจ้าของคุณเขาสักคน ได้ยินมาว่าคุณเขาโหดพอตัวไม่แคร์ผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น”

ขวัญข้าวเอ่ยเสียงกระซิบกระซาบพอให้ได้ยินกันสองคนถึงผู้ชายที่ชื่อคิณ อัคนี ที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ

“เขาเจ้าชู้เหรอคะ”

เอยถามออกมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้รับรู้ว่าเรื่องผู้หญิงเขาก็พอตัวคงฟาดมาเยอะล่ะสิ

เอ๊ะ แล้วเธอจะรู้สึกแย่กับเขาไปทำไมล่ะเนี่ยในเมื่อเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย บ้าจริงเอย

“ก็ไม่นะ ได้ยินว่าไม่เคยจีบใครควงใครหรือให้ความหวังกับใคร เพียงแต่ผู้หญิงที่เข้ามาหาเขาก็หวังจะจับนั้นแหละ แต่คุณเขาไม่เล่นด้วย เขาเก่งนะมองขาดตั้งแต่ธุรกิจมาจนถึงผู้หญิงเลยล่ะ มันอาจจะเป็นข้อตกลงแบบวินวินทั้งคู่ก็ได้มั้งนะพี่คิดว่า”

ขวัญข้าวเล่าออกไปตามที่เธอรู้มาบ้างเพราะรู้จักคนในวงการเยอะ เรื่องพวกนี้จึงมักจะกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาของสาวๆที่แอบชอบเขาอีกอย่างคุณคิณ อัคนี ก็ดังมากในวงการดารานางแบบดังเรื่องกินตับผู้หญิงน่ะนะ

“รู้ดีจังเลยนะคะพี่ข้าวเนี่ย ใต้เตียงคุณคิณหรือยังไง คิก คิก”

เอยถามขวัญข้าวอย่างล้อเลียนก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ ออกมาเอาจริงตอนนี้พี่ข้าวเธอเหมือนก็อตซิปดารามาก

“ก็ FC ไงจ๊ะ พี่นี่ FCตัวแม่เลยนะ เคยเห็นผ่านตาในหน้านิตยสารธุรกิจ กับเคยเห็นตอนที่เขามาให้สัมภาษณ์รายการหนึ่งที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน พี่ว่าเขาเก่งนะอายุยังน้อยแต่กลับทำรายได้ระดับหมื่นล้าน  พี่ก็แค่ชื่นชมเขาเท่านั้นแหละให้ชอบคงไม่ไหว เอาเป็นว่าอยู่ในระดับแค่ปลื้มเป็นพอ ว่าแต่เราเหอะ ชอบเขาจริงดิ”

ขวัญข้าวที่กำลังพูดถึงคิณ อัคนีอยู่ดี ๆ ก็วกกลับมาหาเอยจนเธอตั้งตัวแทบไม่ทัน

“เอาจริง ๆ ก็ชอบนะคะแต่คงยากเขารวยซะขนาดนั้น อีกอย่างหน้าตาก็หล่อราวกับเทพบุตรคนเดินดินแบบเอยไม่อาจเอื้อมไปคว้าเขามาครอบครองหรอกค่ะ  ถึงจะคว้าได้จริง ๆ ก็คงได้แค่ตัวชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะดาราที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักแบบเอยเขาคงไม่มาสนใจหรอกค่ะ”

รอยยิ้มน้อย ๆ ถูกส่งไปยังดาราสาวรุ่นพี่เธอเจียมตัวเสมอว่าเธอเป็นใครต่อให้เธอชอบเขามากแค่ไหนมันก็คงจะไกลเกินที่จะฝัน

ยังไม่ทันที่สองสาวจะได้พูดคุยกันต่ออาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี สองสาวหยุดการสนทนาไว้แค่นั้นก่อนจะทานอาหารพร้อมคุยเล่นกันเรื่องทั่ว ๆ ไปอย่างสนุกสนาน ในขณะที่โต๊ะของเธออาหารพร่องไปจนเกือบหมด แต่โต๊ะข้าง ๆ ที่ห่างออกไปอาหารกลับเหลือเกือบเต็มโต๊ะ นาน ๆ ทีถึงจะเห็นคุณคิณ ทานสักครั้งหนึ่ง

“โอ๊ย อิ่มจังเลยน้ำหนักจะขึ้นไหมเนี่ยดูสิมีแต่เมนูหนัก ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะปล่อยผีวันหนึ่งเนอะ”

เสียงหวานใสของขวัญข้าวโอดครวญก่อนจะยักไหล่ประมาณว่าช่างมันเถอะ

“ไม่เห็นอ้วนตรงไหนเลย เอยเห็นพี่ข้าวกินจุแค่ไหนก็ไม่เคยอ้วนไม่เหมือนเอย นิด ๆ หน่อยน้ำหนักแทบพุ่งอยากกินขนมหวานใจแทบขาดพี่ซินดี้ก็ห้าม”

หน้าสวยมุ่ยลงเมื่อคิดถึงยามหิวขนมหวานแล้วถูกซินดี้สั่งห้ามเด็ดขาด

“อาชีพแบบเราต้องผอมตลอดเวลาจ้ะ อดทนนะเอยได้ผู้รวยเมื่อไหร่ ออกจากวงการไปเลยได้กินแน่ของหวาน”

ขวัญข้าวพูดหยอกเอยอย่างขำ ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“กลับกันเถอะค่ะพี่ข้าว เอยรบกวนเวลาพี่ข้าวนานแล้วแค่มาเลี้ยงข้าวนี่ก็เกรงใจจะแย่”

เอยชวนข้าวกลับที่พักเพราะนี่ก็ดึกแล้วเธอไม่อยากถึงห้องดึกมากนักอีกทั้งเธอเกรงใจดาราสาวรุ่นพี่ด้วยที่อุตส่าห์มาเลี้ยงมื้อเย็นเธอ

เมื่อออกมาจากร้านอาหารจนถึงลานจอดรถสองสาวก็แยกย้ายกันกลับทันทีเพราะต่างคนต่างขับรถของตัวเองมา เอยเปิดประตูรถ mini cooper สีแดงลูกรักของเธอก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่คนขับ  เธอกดปุ่มสตาร์ตรถแต่พยายามกดอย่างไรก็สตาร์ตไม่ติดสักที เธอลองสตาร์ตอยู่สักพักสุดท้ายเมื่อเปล่าประโยชน์ร่างบางจึงก้าวลงจากรถก่อนที่จะล็อกรถให้เรียบร้อยมือบางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาโทรหาศูนย์ดูแลรถทันที

เมื่อคุยเสร็จเรียบร้อยและตกลงให้ศูนย์มาลากรถกลับไปซ่อมในวันพรุ่งนี้เธอก็ต้องหาทางกลับบ้านเองแล้วล่ะซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสี่ทุ่มแล้วเธอกวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณลานจอดรถด้วยสายตาหวาดระแวง

ทำไมมันช่างเงียบเหงาอย่างนี้กันนะดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ก็เหลือรถเพียงไม่กี่คันที่จอดอยู่ เพราะชั้นที่เธอมาจอดรถคือชั้น VIP จึงไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่

เอาล่ะเธอต้องไปรอ Taxi ที่หน้าห้างก่อนเป็นอันดับแรกขณะที่กำลังจะก้าวหันหลังกลับไปยังประตูทางเข้าซึ่งอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกล หูก็พลันได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าคนเดินตามมา เมื่อเธอหยุดเสียงนั้นก็หยุดแต่เมื่อเธอก้าวเดินต่อไปเสียงนั้นก็ตามเธอมาติดๆ ใจเธอหายวาบด้วยความกลัว เอยไม่รอช้าเธอรีบก้าวต่อไปและออกตัววิ่งไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่รวดเร็วทันที

ไม่รู้คนหรือผีเอยขอวิ่งก่อนแล้วกัน

ปึก

เอยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเธอก็ชนเข้ากับอะไรแข็ง ๆ สักอย่างด้วยแรงปะทะที่มหาศาลอาจทำให้เธอกระเด็นไปนั่งท่าสวย ๆ อยู่บนพื้นหากแต่มีมือแกร่งของใครบางคนคว้าเอวเธอเอาไว้เสียก่อนท่านั่งสวยๆที่เธอวาดเอาไว้จึงพลันหายไปจากมโนสำนึกทันที

ร่างบอบบางหอมกรุ่นถลาเข้าสู่อ้อมกอดของคน ๆ นั้นทันทีก่อนที่หน้าสวยจะซุกซบลงบนอกแกร่งที่หอมกรุ่นด้วยน้ำหอมราคาแพง เอยรีบเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่เธอวิ่งมาชนด้วยความไม่ตั้งใจดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก อ๊ะ นี่มันคุณคิณนี่

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เสียงหัวใจของเธอทำงานทันทีเหมือนรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่เธอแอบชอบ

“เธอเป็นอะไรมากไหม แล้วนี่หนีใครมา”

เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเธอกำลังหนีใครมาหรือจะรีบไปไหนถึงได้วิ่งมาเร็วจนเบรกแทบไม่ทันแบบนี้แล้วยังไม่ยอมมองทางอีก

“เอ่อ คือ เอยรู้สึกเหมือนมีใครแอบตามมานะคะ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีท่าเดียวเลยมัวแต่วิ่งไม่ทันมองทางเลยชนคุณคิณเข้า เอยขอโทษด้วยนะคะขอโทษจริงๆค่ะ”

เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิดเจอกันทีไรมีแต่เรื่องเลยคราวก่อนก็รอบหนึ่งแล้วรอบนี้ก็ยังจะวิ่งมาชนเขาอีกไม่มีความทรงจำดี ๆ เหมือนในละครที่เวลาพระเอกนางเอกเจอกันแบบจังหวะมันได้เลยสักนิด ในละครนั้นช่างแสนละมุนส่วนเธอกับเขามีแต่จังหวะนรกทั้งนั้น ร่างบางคิดในใจเงียบ ๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเธอยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาเธอจึงรีบผละออกแทบจะทันทีทำเอา คิณ ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยที่เธอถอยห่างออกจากเขาอย่างกะทันหัน

“แล้วนี่เธอกำลังจะไปไหน”

คิณเอ่ยถามสาวสวยตรงหน้าด้วยความสงสัยเมื่อเธอออกมาจากร้านอาหารตั้งนานแล้วตอนนี้เธอน่าจะไปนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงนอนมากกว่าที่จะมาวิ่งไม่ดูทางบนห้างแห่งนี้

“พอดีรถเอยแบตเตอรีหมดน่ะค่ะ สตาร์ตยังไงก็ไม่ติดเลยโทรแจ้งศูนย์เขาจะมาลากรถวันพรุ่งนี้ เอยเลยว่าจะกลับเข้าไปด้านหน้าห้างแล้วโทรเรียก Taxi มารับน่ะค่ะ”

เสียงหวานใสตอบคนตรงหน้าให้หายสงสัยข้องใจว่าทำไมตอนนี้เธอถึงยังไปไม่ถึงไหนสักที

“ให้ฉันไปส่งไหม กลับ Taxi มันอันตรายนะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วยคนสมัยนี้ไม่น่าไว้ใจเกิดเป็นอะไรขึ้นมากลางทางไม่มีใครช่วยได้นะ”

คิณเอ่ยเตือนเอยด้วยความหวังดีพร้อมกับเสนอตัวช่วยเหลือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว ดึกขนาดนี้จะให้กลับคนเดียวโดยที่ไม่สนใจเลยเขาก็ดูจะเป็นคนใจร้ายเกินไปนะ

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เอยเรียก Taxi กลับเองดีกว่าเผื่อคุณคิณมีธุระที่ต้องไปทำต่อจะเป็นการรบกวนเวลาคุณคิณเปล่าๆ”

เอ่ยปฏิเสธออกไปเสียงเบาหวิวภายในใจแสนเสียดายที่เสียโอกาสในการใกล้ชิดชายหนุ่มตรงหน้าไป แต่เอยก็แสร้งยิ้มหวานให้เขาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรเธอกลับเองได้

“หึ ฉันไม่มีธุระต่อที่ไหน จะมีก็แค่แวะไปส่งเธอกลับห้องโดยสวัสดิภาพแค่นั้นแหละ”

คำบอกกล่าวที่เป็นเชิงบังคับกลาย ๆ ว่าเขาจะไปส่งเธอให้ได้ทำให้เธอไม่ลังเลที่จะตอบรับความช่วยเหลือจากเขาทันทีในรอบนี้ ปฏิเสธน้ำใจผู้ใหญ่หลายรอบมันไม่ดีนะพี่ซินดี้สอนมา

“โอเคค่ะ ไปส่งเอยก็ไปส่ง รบกวนด้วยนะคะคุณคิณ”

เอยยิ้มหวานให้ด้วยความจริงใจที่เขามีน้ำใจไปส่งเธอกลับคอนโด

“ไนต์ เจ พวกนายกลับไปได้เลยเดี๋ยวฉันแวะไปส่งเอยก่อนเจอกันพรุ่งนี้ที่บริษัท”

คิณบอกลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเอยไปที่รถ Bugatti Sport สีดำราคาเกือบร้อยสามสิบล้านที่จอดอยู่ข้างหน้าชิดทางเข้า  คิณเดินไปเปิดประตูรถให้เอยขึ้นนั่งก่อนที่เขาจะอ้อมไปทางฝั่งคนขับเมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้วคนสวยที่นั่งตัวเกร็งข้างๆเขากลับลืมคาดเข็มคัด คิณเลยเหวี่ยงตัวเองมาอีกฝั่งหนึ่งเอยที่นั่งอยู่ชะงักทันทีก่อนที่เธอจะรีบเอ่ยถามเขาด้วยความตกใจ

“คุณคิณจะทำอะไรคะ”

เขาเล่นเหวี่ยงตัวมาฝั่งเธอแบบนี้ทำให้เอยคิดดีไม่ได้เลยหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ๆ กับความใกล้ชิดนี้  กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของบุรุษเพศลอยมาแตะจมูกเธอจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอดส่วนใบหน้าของเขาก็อยู่ชิดติดหน้าเธอในระยะประชิด ลมหายใจหอมกรุ่นราดรดอยู่ข้าง ๆ ซอกคอเธอทำเอาเอยรู้สึกว้าวุ่นใจไปหมด ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวอะเคยได้ยินเปล่า งื้อ ใจเต้นแรงขนาดนี้เขาจะได้ยินไหมนะ

“ปกติขับรถไม่คาดเข็มขัดเหรอครับ?”

คิณไม่ได้ตอบคำถามของเอยแต่เขากลับตั้งคำถามเธอกลับแทน ก่อนที่เขาจะย้ายตัวเองกลับไปนั่งประจำที่คนขับเมื่อคาดเข็มขัดให้สาวสวยข้าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

“เอ่อ เอยลืมไปเลยค่ะ ตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้นั่งรถราคาแพง”

เอยตอบกลับเสียงเบาอย่างรู้สึกอายที่เผลอปล่อยไก่ออกมาต่อหน้าเขา

คิณกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ออกรถเพื่อไปส่งเธอที่คอนโดในขณะที่คนข้างกายเขาคอยชวนเขาคุยไม่หยุด เสียงหวานเจรจาเจื้อยแจ้วตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้วันนี้ก็คือ เอย อรนลิน พูดเก่งมาก เธอสามารถชวนเข้าคุยได้หลากหลายเรื่องราว คุยเรื่องนี้อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องซะอย่างนั้นแต่ก็ดีที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด

เมื่อรถสปอร์ตคันหรูแล่นมาจอดเทียบหน้าฟุตบาททางเข้าคอนโดของเอยเสียงหวานใสของคนข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นเพื่อขอบคุณคิณ

“เอยขอบคุณคุณคิณมากนะคะ ที่เสียสละเวลามาส่งเอยแทนที่จะได้กลับไปพักผ่อน วันหลังถ้าหากมีอะไรที่เอยพอจะตอบแทนได้ก็บอกนะคะ”

จบประโยคใบหน้าหวานละมุนของคนข้างกายคิณก็ฉีกยิ้มแป้นโชว์ฟันขาวที่เรียงตัวสวยก่อนที่เอยจะยกมือไหว้ขอบคุณที่เขามาส่งเธอที่คอนโด

“ตอนนี้เลยไหมล่ะครับ”

ไม่ทันที่เอยจะได้เอ่ยถามว่าอะไรยังไงคนหล่อข้างกายเธอก็ยื่นริมฝีปากสีไวน์มาจรดลงที่ริมฝีปากสีพีชของเธอ ก่อนที่เขาจะแช่เอาไว้สักครู่แล้วผละตัวออกไป รอยยิ้มกระชากใจสาว ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาในขณะที่แววตาเขาฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ

“Goodnight Kiss นะครับ นี่ถือเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน”

เสียงของเขาที่ดังขึ้นมาเหมือนเรียกสติเธอที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ด้วยความรู้สึกมึนงง  ใบหน้าสวยแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่เอยจะเปล่งเสียงออกไปอย่างขัดเขินปนโมโหนิด ๆ

“คนบ้า ใครที่ไหนเขาเรียกค่าตอบแทนเป็นจูบกันเล่า”

เอยไม่รอให้คิณได้พูดอะไรอีกต่อไปเธอก็ชิ่งเปิดประตูออกแล้ววิ่งหนีเข้าไปในคอนโดของเธอทันที หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ตึกตัก ทั้งที่ห้ามใจตัวเองไว้ว่าอย่าไปหลงเสน่ห์คนแบบเขาเพราะเขาอยู่ไกลเกินเอื้อมที่เธอจะคว้าได้แต่ใจเจ้ากรรมก็กลับหวั่นไหวเสียนี่ แต่บางทีเธอก็อยากลองจะเป็นซินเดอเรลลาเหมือนในนิทานบ้างที่ได้เต้นรำกับเจ้าชายในฝัน แล้วพอถึงเวลาเที่ยงคืนเสียงนาฬิกาดังขึ้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิมแต่เธอคงได้แค่ฝันเพียงเท่านั้น

มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากรอยจูบบางเบายังคงตราตรึงไม่เลือนหายสงสัยคืนนี้เธอคงหลับฝันดี ได้ใกล้ชิดแค่นี้เธอก็พอใจแล้วสำหรับเอย อรนลิน คนที่แอบหลงรักเขา คิณ อัคนี

ลับหลังร่างบางคิณที่ยังไม่เคลื่อนรถจากไปก็ยกยิ้มมุมปากน้อยๆใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ  ก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถออกไปเพื่อเดินทางกลับคอนโดที่พักทันที  วันนี้ได้แกล้งแม่กระต่ายน้อยพอหอมปากหอมคอก็สนุกดี เรื่องงานที่หนักอึ้งอยู่ในหัวสมองเหมือนถูกปลดล็อกคลายออกไปเพียงแค่ได้จูบปากนุ่ม ๆ นั้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status