เขากลัวว่าฉันจะแจ้งความอีก เขาเลยไม่ไปบริษัท เลยประชุมออนไลน์ที่ห้องหนังสือแทนฉันถูกเขาเฝ้าเหมือนกับตัวเองนั่งอยู่บนพรมเข็ม ฉันนั่งเหม่อลอยอยู่ในบ้าน……วันต่อมา เป็นงานพิธีศพของท่านปู่ บรรยากาศอึมครึมโศกเศร้าฝนตกลงมาโปรยปราย หอบลมหนาวพัดผ่านลึกถึงใจกลางทรวงส่วนฉันก็ต้องออกจากคฤหาสน์หลังเก่านี้ไปงานกับฟู่ฉีชวน ถูกเขาลากอย่างกับเป็นหุ่นเชิดให้คอยรับแขกภายในงานศพเขาสองวันนี้อารมณ์หงุดหงิดมาก ถึงจะบอกว่านิสัยเปลี่ยนไป แต่เหมือนเผยธาตุแท้ออกมามากกว่าฉันขัดขืนไม่ได้เลยเมื่อคืนฉันพูดกับเขาอีกครั้ง ก่อนท่านปู่จากไปไม่ได้ขอร้องว่าห้ามพวกเราหย่า ก็แค่ห้ามไม่ให้ฟู่จินอันแต่งเข้ามาในตระกูลฟู่เขาไม่เชื่อบอกว่าฉันโกหกส่วนฉันเหนื่อยมาก ไม่มีอารมณ์มาเถียงกับเขาตอนพิธีศพเริ่มขึ้น ฉันสวมเสื้อโค๊ทสีดำ ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ฟังบทสวดให้ท่านปู่ไปสู่สุขติเขาอายุ 80 ปี บทสรุปสุดท้ายของชีวิตกลับแสนง่ายดายสองวันก่อนเขายังยิ้มให้กับฉันอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ธุลี"คุณปู่!"ฟู่จินอันจู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในงาน สีหน้าเศร้าสร้อยคุกเข่าตรงหน้าป้ายศพ "คุณปู่...ทำไมท่านถึงจากไปกระทันหัน
พอฟังจบ ฉันก็รู้สึกถูกอกถูกใจ ทว่าไม่นานฉันก็เข้าใจเหตุผลเจียงไหลขมวดคิ้วแน่น มองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจและพูดเสียงเบา "ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็เป็นคนละคนเลย?""ไม่ใช่หรอก"ฉันมองฟู่จินอันถูกบอดี้การ์ดลากตัวไปและเม้มปากเบาๆ "เขาก้แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ เลยแค่อยากชดเชย"ก่อนท่านปู่จะจากไป เขาในฐานะหลากรักของท่านปู่กลับไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งยังทำให้ท่านปู่โมโหวันเดียวกันกับที่ท่านปู่เสียเขาจะไม่รู้สึกผิด ไม่เสียใจ ไม่โทษตัวเองได้ไงเพื่อแสดงให้เห็นในตอนสุดท้าย เขาเลือกจะฟังท่านปู่ ให้ฉันเป็นนายหญิงตระกูลฟู่ตลอดไปส่วนสำหรับฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยหลังจากพิธีศพของท่านปู่ ฉันกลับไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ช่วยลุงเฉิงจัดเก็บข้าวของของท่านปู่คนรับใช้จัดเก็บให้แล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกเสื้อที่มักใส่ประจำของท่านปู่เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ฉันหยิบมา ทำให้รู้สึกเหมือนท่านปู่ไม่ได้ไปไหนขณะฉันเก็บข้าวของ ฉันก็ครุ่นคิดและพูดออกมา "ลุงเฉิง คุณมั่นใจไหมว่าสองวันก่อนในกระเป๋าเสื้อของท่านปู่มียาใส่ไว้จริงๆ?""มีแน่นอนครับ คุณสั่งกับผมเอาไว้ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยน ต้องเตรียมยาไว้ให้คุณท่า
ฉันน้ำตาไหลพรากราวสายฝน รับกล่องกำมะหยี่มาพร้อมกับนิ้วอันสั่นเทาพอเปิดออกดู ข้างในคือจี้หยกสองอัน ทั้งสองเป็นหยกเนื้อใสเปล่งประกาย อันหนึ่งมีลวดลาย อีกอันไม่มีเนื้อหยกสีบริสุทธิ์ประเภทนี้หายากมาก เห็นได้ชัดว่าท่านปู่เป็นห่วงมากเพียงใดฉันค่อยๆ ปิดกล่องลงอย่างระวังพร้อมกับสูดหายใจ "เรื่องที่ฉันท้อง...ท่านปู่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"รู้ตั้งนานอยู่แล้ว แต่กลับไม่เคยถามฉันสักครั้ง ก็เพื่อไม่อยากให้กระทบจิตใจท่านปู่จากไปแล้ว ทว่ากลับยังสัมผัสได้ถึงความเอ็นดูของคนแก่อย่างเขาลุงเฉิงกล่าว "หลังจากงานคราวก่อน คุณท่านให้คนไปค้นประวัติผู้ป่วยของคุณ คุณ...อย่าโทษคุณท่านเลย คุณท่านแค่กลัวว่าคุณมีปัญหาสุขภาพ กลัวว่าเขาจะกังวลก็เลยปิดเอาไว้""จะโทษได้ไง..."ฉันร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ "ฉันก็แค่โทษตัวเอง"หากฉันบอกคุณปู่แต่เนิ่นๆ คุณปู่อย่างน้อยก็คงได้มีความสุขสักช่วงไม่จำเป็นต้องมาคอยพะว้าพะวง จนขนาดไม่กล้าถามฉันสักคำ"คุณได้ให้กำเนิดทายาทให้กับตระกูลฟู่ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก คุณท่านเองก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ"ลุงเฉิงปลอบฉันและนึกถึงคำสั่งเสียที่ให้ไว้ "จริงสิ คุณท่านเคยบอกเอาไว้ หากวันใดคุณ
ฉันแน่นิ่งไปเกือบลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยท่านปู่จากไปแล้ว ในฐานผู้มีสิทธิในตระกูลฟู่ แน่นอนว่าฟู่ฉีชวนต้องเข้ามาอาศัยอยู่ฉันผลักจากอ้อมกอดของเขาพร้อมกับประนีประนอม "งั้นก็ช่างมันเถอะ"ตกดึกเล็กน้อย คนใช้ได้เตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อย ลุงเฉิงเรียกพวกเราให้ลงไปรับประทานอาหารคฤหาสน์หลังเก่าอันใหญ่โต ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามระเบียบเหมือนเคยเพียงแต่สีหน้าของทุกคนหมองหม่นเล็กน้อยรับประทานอาหารเสร็จ ฉันหลังจากอาบน้ำแล้วก็ล้มตัวนอนสองวันเต็มๆ ที่ไม่ได้หลับตานอน อยากจะนอนแท้ๆ แต่นอนไม่หลับตอนนี้เรื่องทุกอย่างเหมือนเพิ่งจะจบ ฉันหลับลึกจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเองในช่วงเช้าตรู่ของอีกวันฟู่ฉีชวนไม่อยู่แล้วช่วงสองสามวันนี้บริษัทยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ บริษัทคู่แข่งต้องการอาศัยจังหวะเวลานี้ซ้ำเติมหลังจากฉันมาถึงบริษัท ตลอดทางมีสายตาแปลกๆ คอยมองต้อนรับฉันไม่น้อยแม้ฟู่ฉีชวนจะสัญญาว่าจะไม่ไปหาสู่กับฟู่จินอัน แต่คนในบริษัทไม่รู้ พวกเขารู้แค่ว่าฟู่จินอันได้กลายเป็นเลขาของรองประธานสายตาที่มองฉัน ราวกับมองฉันเป็นเมียน้อยยังดีตรงที่ฉันตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง เลย
ฉันตั้งใจมองรูปภาพหนึ่งเป็นด้านข้างของกันฉันกับลู่สือเยี่ยนไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันอีกภาพเป็นตอนคอนเสิร์ตเลิก เป็นภาพถ่ายด้านหลังตอนเขาประคองใหล่ฉันพอเห็นสองภาพนั้น ฉันก็เข้าใจทันที ไม่แปลกหลังจากเกือบถูกคนกระแทกในวันนั้น ก็ไม่มีใครเข้ามาเบียดอีกที่แท้ลู่สือเยี่ยนใช้แขนบังเอาไว้ข้างหลังฉันไม่รู้จะขำหรือเศร้าดี "ความคิดเชื่อมโยงและตรรกะอนุมานของคนๆ นี้ไม่เลวเลย""ลู่สือเยี่ยนเอาใจใส่เธอขนาดนั้น ไม่แปลกที่คนอื่นจะคิดไปไกล"เจียงไหลกล่าว "ถ้าให้ฉันพูด เขาดูน่าเชื่อถือกว่าฟู่ฉีชวน""อย่าพูดเพ้อเจ้อ"ฉันจิบชาร้อน "เขามีคนที่ชอบแล้ว ชอบมาหลายปีแล้วด้วย""ชอบใคร? ทำไมไม่พามาเจอพวกเรา?""ไม่รู้ คงจะรอให้จีบติดก่อนก็ค่อยพามาก็ได้"ส่วนเรื่องว่าลู่สือเยี่ยนชอบคนทมี่แต่งงานแล้ว ฉันไม่ได้ปริปากพูดถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จะมากจะน้อยมันก็ดู...ผิดศีลธรรม คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเจียงไหลจือปากใส่ "เดิมฉันคิดว่าพวกเธอก็เข้ากันดี กลายเป็นว่าฉันคิดเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียว""คุณพี่คะ ฉันแต่งงานแล้วนะ ถ้าเธอจะกังวล อย่างน้อยก็รอฉันหย่าก่อนไหม?" ฉันยิ้มเจื่อน"จ้าๆๆ"เจียงไหลก้
เธอออกแรงจนเล็บที่เพิ่งไปทำมาอย่างสวยประณีตจิกลึกลงไปในผิวหนังของเธอจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเจียงไหลพอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีและคิดจะพยายามรั้งฉันไว้ แต่ฟู่จินอันก็จิกข้อมือฉันแน่นไม่ยอมปล่อยแววตาของเธอเหมือนคนบ้าอาบย้อมด้วยความเย็นเยือก "ฟังไม่เข้าใจรึไง ฉันให้พวกเธอโทรหาอาชวนเดี๋ยวนี้""...ได้"เจียงไหลเป็นห่วงว่าฉันท้องอยู่ เลยไม่กล้าออกแรงฉุดกระชาก ยอมอดกลั้นและประนีประนอม "ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ เธอปล่อยหรวนหร่วนก่อน""ไม่มีทาง!"หลังจากฟู่จินอันลากฉันออกมาจากห้างสรรพสินค้าก็เดินออกมาได้ระยะหนึ่ง หากเดินต่อไปอีก ข้างหน้าก็จะเป็นถนนใหญ่ที่รถขับไปมาฉันนึกถึงเลือดบนตัวของฟู่ฉีชวนคราวก่อน เลยอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อยฟู่จินอัน...อาจจะลากฉันให้ไปตายด้วยได้จริงๆเจียงไหลสีหน้าซีดเผือด เธอต่อสายโทรออกไปแล้ว "เธออย่าวู่วาม อย่าทำร้ายหรวนหร่วน""เปิดลำโพง"ฟู่จินอันเชิดคางใส่ มีหรือเจียงไหลจะกล้าไม่ยอมทำตาม เธอเลยรีบเปิดลำโพงไม่นานฟู่ฉีชวนก็รับสาย "ฮัลโหล?""ฟู่ฉีชวน! ฉันกับหนานจืออยู่ห้างตรงข้ามตึกของบริษัท คุณรีบมาหน่อยสิ!""เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"เสียงของฟู่
วินาทีต่อมา ฉันกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บ...เจ็บจนมึนงงหัวไปหมดเจ็บเข่า เจ็บแขน เจ็บ...ท้องฉันขยับริมฝีปากต้องการจะเรียกเขา กลับเห็นเขาลนลานวิ่งไปหาฟู่จินอันซึ่งถูกรถชน เขาตะคอกออกไปด้วยความโกรธและกระวนกระวาย "เธออยากตายรึยัง!"แม้จะถามไปด้วยความโมโห ทว่าในแววตาเขาล้วนคือความกลัวและความกังวลจากนั้นก็หยิบมือถืออกมาพร้อมกับปลายนิ้วสั่นเทา "ฉินเจ๋อ รีบขับรถมาที!""หรวนหร่วน!"ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที เจียงไหลตกใจกลัวยิ่งกว่าฉัน หลังจากได้สติ เธอก็รีบฝ่าจราจรวิ่งเข้ามาหา จนส้นสูงหลุดไปข้างหนึ่งน้ำตาของเธอไหลพรากหยดออกมา เธออยากพยุงฉันแต่กลัวว่าฉันจะบาดเจ็บหนักกว่าเก่า เธอพูดตะกุกตะกัก "หรวนหร่วน...เธอ เธอไม่ต้องกลัว..."ฉันเหมือนกับสัมผัสได้ถึงอะไรอุ่นๆ กำลังไหลออกจากร่างกาย ฉันใช้เรี่ยวแรงที่เหลือคว้าเจียงไหล "โอ๊ย...ไหลไหล ฉันปวดมาก...ช่วยลูกฉันด้วย...""ฉันอยู่นี่"เธอโทรเรียกรถพยาบาลพร้อมกับปลอบฉันอย่างทุลักทุเล "ฉันอยู่นี่ หรวนหร่วน เธอไม่ต้องกลัว จะต้องไม่เป็นไร เธอกับลูกจะต้องไม่เป็นไร!"ไม่รู้ว่าเธอกำลังปลอบฉันหรือว่ากำลังปลอบตัวเองขณะเดียวกันกับที่เธอโทร 1
หัวใจของฉันถูกกรีดจนเป็นรอยแยกน้ำตาไม่ไหลออกมาแล้ว ฉันกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง "ฉัน ไม่มีสามี ไม่มีครอบครัว...ขอร้องพวกคุณ ยังไงก็ต้องปกป้องลูกฉันด้วย""อืม..."พยาบาลเหลือบมองตรงหว่างขาแวบหนึ่ง สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ทว่าในตอนท้ายก็พูดออกมา "พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด"พอได้ยินประโยคนี้จากปากหมอ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆจากนั้นก็ถูกเอาไปไว้บนเตียงผ่าตัด หลังจากหมอถามสถานการณ์คร่าวๆ แล้วก็พูดออกมาตรงๆ "ไปเรียกวิสัญญีแพทย์มา เตรียมการขูดมดลูกให้พร้อม"ฉันลืมตามองไฟผ่าตัดที่ส่องแยงตา ดวงตาทั้งแห้งและเจ็บชุดประโปรงยาวไปจรดเท้าถูกหมอตัดออก หมอเหมือนถามอะไรกับฉัน ในหัวมีเสียงวิ๊งดังก้อง ไม่มีตัวเลือกอะไรให้เลือกหลังมือปวดจี๊ดขึ้นมาเบาๆ ทันใดนั้นก็ไร้ความรู้สึกและภาพก็ตัดมืดไป"แม่""แม่""ลูกต้องไปแล้ว แม่ทิ้งหนูแล้ว..."เห็นร่างเงาเล็กๆ ค่อยเดินห่างจากฉันไป ฉันตะโกนขึ้นมาทันใด "เปล่านะ! แม่ไม่ได้ทิ้งหนู!"พอลืมตาตื่น กลับเป็นห้องกำแพงสีขาวหิมะในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงแต่เสียงน้ำเกลือที่หยดลงมา เจียงไหลที่เฝ้าไข้อยู่ข้างๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาและรีบพูด "รู้สึกยังไงบ้าง?""ไหลไหล ลูก ลูกฉ
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที