คำถามมากมายถาโถมใส่ตรงหน้า ทำฉันตกตะลึงจนยืนอยู่ตรงนั้นฉันลูบตรงท้องน้อยที่ปวดอย่างเจ็บใจพร้อมกับถามด้วยหน้าซีดเซียว "คุณพูดอะไร?""เธอแท้งแล้ว!"ฟู่ฉีชวนชี้ไปทางห้องพักผู้ป่วย แววตาเย็นเยือกดุร้าย "เธอเสียลูกของเธอไปแล้ว! หมอบอกว่า เธอหลังจากนี้คงจะมีลูกยาก! หร่วนหนานจือ เธอพอใจรึยัง?!""..."น้ำเสียงที่เขาถามทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว ลำคอเหมือนมีฟองน้ำชุ่มอุดเอาไว้ มุมปากเผยรอยยิ้มอันขมขื่น ผ่านไปนานกว่าฉันจะพูด "เธอแท้งแล้วหรอ?"แต่ว่า...ฉันเองก็แท้งเหมือนกันฟู่ฉีชวนเลือดที่ออกมาจากร่างของฉันเป็นลูกของเรา เป็นลูกที่เราตั้งใจเฝ้ารอที่จะมีกันมานานฉันคิดมาตลอดว่าต่อให้สักวันจะไม่มีชีวิตแต่งงานเฮงซวยนี้แล้ว ฉันก็ยังมีลูกคอยอยู่เคียงข้างแต่ตอนนี้ มันไม่มีอีกแล้วราวกับว่า...ฉันไม่มีเรื่องอะไรคุ้มค่ากับการรอคอยอีกแล้วสิ่งที่เขาพูดว่าฟู่จินอัน "โวยวาย" ทำให้ฉันสูญเสียทุกอย่างไปแต่สุดท้าย คนที่ต้องรับผิดชอบก็ยังต้องเป็นฉันฟู่ฉีชวนจ้องมองฉันเขม็งและขบกรามจนแน่น "เธอแท้งแล้ว คุณคงดีใจสินะ?"ฉันยิ้มอย่างไม่แยแส "ใช่ เธอสมควรแล้ว!"ลูกของเธอแลกกับชีวิตของลูกฉัน ก็ไม่อาจทำใ
ฉันตัวสั่นเล็กน้อย ในใจรู้สึกเศร้าที่ไม่อาจพรรณนาทั้งโลกรู้ว่าฉันชอบเขา ชอบเขาจนในสายตาฉันไม่มีใครอื่นอีก ทว่าเขากลับคิดว่าฉันชอบคนอื่นถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันคงอยากจะควักหัวใจตัวเองออกมา ฟู่ฉีชวน คุณดูสิ บนหัวใจของฉันเขียนไว้แต่ชื่อคุณ แต่ว่าตอนนี้ฉันทำไม่ได้อีกแล้วจนฉันสงสัยว่าต่อให้ควักออกมาจริงก็คงไม่มีชื่อของเขาแล้ว คงมีแต่รอยแผลปรากฎให้เห็นเต็มตาขณะกลับไปที่บ้านของเจียงไหล เจียงไหลก็มองฉันอย่างปวดใจ อ้ำๆ อึ้งๆ จนในที่สุดก็อดถามไม่ได้ "ทำไมไม่บอกเขาว่าเธอเองก็แท้ง?""ไม่มีประโยชน์หรอก"ฉันกุมไปที่ท้องและซบไหล่เธอ น้ำเสียงอิดโรยไม่มีแรง "แลกมากับการที่เขาเปลี่ยนใจชั่วคราว แล้วจากนั้นล่ะ?"ฉันทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะกลับมาดีกัน แต่ทุกครั้งก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเหมือนเดิมราคาที่ต้องชดใช้ครั้งนี้ มันสาหัสเหลือเกิน"ก็จริง"เจียงไหลถอนหายใจยาว พยายามกลั้นไม่ให้สะอึกสะอื้นพร้อมกับพูด "ก็ให้เขากับไอคนที่ฆ่าแม้แต่ลูกตัวเองอยู่ด้วยกันไป รอจนถึงวันที่เขารู้ตัวแล้วมาคอยดูกันว่าเขาจะเสียใจแค่ไหน""เขาไม่เสียใจหรอก"พอนึกถึงเขาเมื่อครู่ตอ
ก็เหมือนกับชีวิตสมรสของฉันกับฟู่ฉีชวน อยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นตลอดสามปี ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ต่อมาแค่กระเป๋าสัมภาระไม่กี่ใบก็ตัดขาดกันได้อย่างสิ้นเชิง"พี่หนานจือ"ตอนกลางวัน หลินเนี่ยนเคาะประตูเข้ามาพร้อมกับมือถือที่เปิดจอสว่าง สีหน้าอารมณ์ดูซับซ้อน และพูดอย่างลังเล "ที่แท้...คุณก็รู้จักไอดอลฉันด้วยหรอ?"ฉันรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงลู่สือเยี่ยน ฉันยิ้ม "อืม ฉันไม่ใช่ว่าบอกเธอแล้วหรอ ฉันกับเขาคือเพื่อนสมัยมหาลัย""เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?""ก็ได้สักพักแล้วนะ"ฉันขณะกำลังเก็บข้างของก็พูดกับเธอไปด้วย "กะว่าไม่ค่อยยุ่งแล้วก็จะแนะนำเธอให้เขารู้จัก""พวกคุณ...ไปด้วยคอนเสิร์ตด้วยกันไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ชวนฉันเลยล่ะคะ?""เธอคิดเลยเถิดไปไหนแล้ว"ฉันรีบอธิบาย "วันนั้นฉันโดนเทไม่ใช่รึไง เผอิญไปเจอเขาหน้าทางเข้าพอดี ก็เลยไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน""งั้นหรอคะ..."พอเห็นสีหน้าแปลกไปของเธอ ฉันก็อดถามไม่ได้ "ใช่น่ะสิ เธอมีอะไรรึเปล่า?""เปล่า ก็เห็นคุยกันในฟอรั่มว่าคุณกับเขาสนิทกันไม่ใช่น้อยๆเธอฝืนยิ้มออกมาทันที ถามฉันอย่างยิ้มแย้ม "คุณจะว่างเมื่อไหร่หรอคะ ถึงจะแนะนำให้เราได้รู้จักกัน?""ผ่านช่ว
มะเร็งกระเพราะฉันตกใจอย่างมาก หันไปมองคุณป้าอย่างทำอะไรไม่ถูก "คุณป้า ทำไมถึง..."คุณป้ายังไม่ทันพูด หลินกั๋วอันก็พูดขึ้นมา "ก็อย่างที่ฉันพูด อย่างอื่นจะใช้ห่วยแค่ไหนก็ได้ แต่การรักษาจะต้องดีที่สุด"ฉันหันไปมองคุณป้าและกล่าวเห็นด้วย "มันควรเป็นเช่นนั้น ที่ฉันมีสองแสน ให้คุณป้าเอาไปรักษาก่อนได้"ลูกก็ไม่มีแล้ว...ฉันตัวคนเดียว ไม่ได้จำเป็นต้องไปใช้จ่ายอะไรเงินหมดก็หาใหม่ได้ คนตาย...ฟื้นกลับไม่ได้อีกแล้วใครจะไปรู้ หลินกั๋วอันกลับขมวดคิ้วไม่พอใจขึ้นมา "เธอมีแค่สองแสนเองหรอ?"ฉันพูดไปตามความจริง "ฉันมีแค่นี้จริงๆ""เธอคิดว่าฉันโง่รึไง?"หลินกั๋วอันกล่าวอย่างโมโห "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอแต่งงานกับใคร ตอนนั้นฉันได้ถามกับตาแก่ที่มายกสินสอดให้ เขาคือตระกูลฟู่! ห้าแสนสำหรับแกแล้ว ขนหน้าแข่งไม่ร่วงหรอกจริงไหม? หร่วนหนานจือ เมื่อก่อนทำไมฉันไม่ยักรู้ว่าเธอมันคือคนอกตัญญู?!""..."รสขมเอ่อล้นขึ้นมาจากในลำคอ รู้สึกไร้เรี่ยวแรงอย่างถึงขีดสุด "ฉันจะหย่าแล้ว คุณลุง อีกหน่อยฉันก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฟู่แล้ว"หลินกั๋วอันกับหลินเฟิงตกใจอุทานขึ้นมาพร้อมกัน "หย่าหรอ?!"ฉันพยักหน้า "ใช่
พอนึกได้ว่าคุณป้าคงไม่ได้มีชีวิตสบายนักในบ้านหลังนี้ จนฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า "คุณป้า..."คุณป้าลูบหัวของฉัน "ยัยเด็กโง่ ทำไมถึงหย่าล่ะ?""หนู..."คุณป้ากับพ่อของฉัน ดวงตาคล้ายกันมาก ทุกครั้งที่เห็นคุณป้าฉันรู้สึกสนิทสนมมากพอคุณป้าถามแบบนี้ ทำฉันอดกลั้นไว้ไม่อยู่ ฉันสวมกอดคุณป้าและร้องไห้ออกมา "หนู หนูเสียลูกไปแล้ว คุณป้า เขาโตจนมีมือมีเท้าออกมาแล้ว...แต่หนูกลับปกป้องเขาไว้ไม่ได้ หนูปกป้องเขาไว้ไม่ได้!"คุณป้าตบหลังของฉันเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ ลูบหลัง "ยัยเด็กโง่ คนเราเวลามีลูก มันขึ้นอยู่กับดวงโชคชะตา โทษหลานไม่ได้หรอก ก็แค่ครั้งนี้ดวงคลาดกันนิดเดียวก็เท่านั้น""หนูเอง...หวังให้เขามาเกิดแท้ๆ"หวังว่าตัวเองจะสามารถมีครอบครัวที่แท้จริงฉันโอบกอดในอ้อมแขนของคุณป้า ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้นานแค่ไหนถึงจะ ฉันสะอึกสะอื้นและค่อยๆ ตั้งสติขึ้นมาได้ คุณป้าปาดคราบน้ำตาให้กับฉัน "ถ้าหลานคิดดีแล้วว่าอยากจะหย่า งั้นก็หย่า ป้าสนับสนุนหลาน""ค่ะ..."ฉันกับป้าคุยกันอยู่นาน ฉันบังคับให้คุณป้ารับเงินสองแสนไปถึงค่อยกลับคุณป้าถึงจะบอกว่ามีเงินพอ แต่ก็ไม่ได้พอจริงๆอีกอย่างตอนนั้น หากท่านป้าไม่
พอได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็เอะใจขึ้นมาพวกเขาทะเลาะกันเพราะฉันหรอ?แววตาของลู่สือเยี่ยนหมองหม่นไปชั่วขณะ ราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ เขาเหม่อลอยเล็กน้อย ฟู่ฉีชวนอาศัยจังหวะพลิกตัวขึ้นมาและต่อยกลับไปเขาลากลู่สือเยี่ยนกดติดกำแพง แววตาราวกับมีพายุก่อตัวขึ้น สีหน้าเย็นเยือก "ลู่สือเยี่ยน มีแค่หร่วนหนานจือที่โง่พอจะคิดว่าแกคือผู้ชายที่น่าชื่นชม!""แล้วแกล่ะ แกคิดว่าแกดีมากรึไง?"ลู่สือเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง แววตาหมองหม่นพร้อมกับยิ้มเย้ย "แกไม่รู้สึกละอายกับเธอเลยรึไง? เธอเองก็..."พอได้ยินฉันก็สะดุ้งขึ้นมาทั้งตัว ตอนฟู่ฉีชวนกำลังจะง้างหมัดต่อยใส่เขา ฉันก็พุ่งเข้าไปขวางตรงหน้าลู่สือเยี่ยน "รุ่นพี่! เลิกพูดเถอะ!"อีกนิดฟู่ฉีชวนก็จะชกโดนหน้าของฉัน หมัดเขาพุ่งไปกระแทกกำแพงเทน สีหน้าเย็นเยือกในทันที!รูม่านตาเขาหดเล็กลง ฉาบย้อมไปด้วยไฟความโกรธซึ่งเผาผลาญได้ทั้งฟ้าดิน เขาหัวเราะเยาะ "หร่วนหนานจือ คุณเป็นห่วงมันหรอ?"ฉันอยากจะอธิบายในทันที แต่พอลองคิดดู ก็รู้สึกว่าทำไมฉันต้องอธิบายด้วยสิ่งที่เขาทำทั้งหมด เขาเคยอธิบายให้ฉันฟังเมื่อไหร่กัน ฟู่จินอันพอโทรหาปุ๊บเขาก็ไปถึงปั๊บ เข้าข้างเธออย
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเย็นชาเด็ดขาด ก็แค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมาใช้ไม้นี้กับฉันความรู้สึกระคายเคืองพรั่งพรูขึ้นมาถึงจมูก ฉันเบือนหน้าหนีไป พยายามกลั้นความน้อยใจในแววตาไม่ให้แสดงออกมา พอนึกถึงอาการของคุณป้า ฉันอดกลั้นและจำยอมในที่สุด แต่ละคำและประโยคล้วนขมขื่น"ประธานฟู่ คนในครอบครัวฉันป่วย ต้องการให้พักห้องผู้ป่วย VIP คุณช่วยจัดการให้ฉันหน่อยได้ไหม?"สีหน้าของเขาแน่นิ่งไป มือสั่นเบาๆ พร้อมกับเสียงแหบพร่า "คุณเรียกผมว่าอะไร?"ฉันกำมือแน่น "ประธานฟู่ ไม่ใช่หรอคะ?"คำเรียกนี้ราวกับปั่นประสาทเขา เขากัดฟันจนกรามแน่นพร้อมกับเอ่ยออกมาสองพยางค์อย่างเย็นชา "ไม่ได้""หนานจือ..."ฟู่จินอันค่อยๆ จิบดื่มน้ำอุ่น อธิบายด้วยสีหน้าใสซื่อ "ขอโทษนะ โรงพยาบาลเซิ่งซินมีห้องผู้ป่วย VIP แค่สามห้อง แม่ฉันพักห้องนึงแล้ว ส่วนฉันตอนนี้ต้องอยู่ไฟ ถ้าไปอยู่ห้องอื่นอาชวนก็คงไม่สบายใจ เลยบังคับให้ฉันอยู่ห้องนี้ ส่วนห้องสุดท้าย เพื่อนฉันขอให้ฉันช่วยจองไว้ให้ พรุ่งนี้ก็จะเข้ามาแอดมิทแล้ว...""เธออย่าโกรธไปเลย ถ้าเธอบอกเร็วกว่านี้หน่อย คงจะมีห้องให้เธอ""ถึงอย่างไรก็เป็นถึงคุณนายฟู่ ยังไงก็ต้องสำรองห้องให
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันแข็งขืนยืนกรานต้องการบางอย่างต่อหน้าของฟู่ฉีชวนแววตาของเขาดูประหลาดใจ เขาเหลือบกันมามองฉัน น้ำเสียงที่พูดออกมาเย็นชามากขึ้น "รอไม่ได้ก็ต้องรอ!""ได้"ฉันพยักหน้าพร้อมกับพูดอย่างไม่แยแส "งั้นฉันจะให้ทุกคนได้รู้ว่าในตระกูลฟู่มันเน่าเฟะแค่ไหน เน่าเฟะถึงขั้นเมียน้อยสามารถเหยียบหัวเมียหลวงได้! มาดูกันว่าคุณจะทำให้ท่านปู่ที่เพิ่งจากไปผิดหวังได้แค่ไหน!"พออ้างถึงคุณปู่ เขาก็แน่นิ่งไปราวกับว่ากว่าเขาจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว สิ่งที่คุณปู่ขัดใจมากที่สุดตอนยังมีชีวิตก็คือความสัมพันธ์ของเขากับฟู่จินอันที่ไม่ชัดเจน!ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันว่าเขานึกถึงคุณปู่หรือว่ากลัวฟู่จินอันเสียชื่อเสียงจนในตอนท้าย ฟู่ฉีชวนก็กลืนน้ำลาย พยายามสงบอารมณ์และเหลือบกันไปมองฟู่จินอันพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา "ให้เพื่อนของคุณอยู่ห้องปกติ ตกลงตามนี้!"ฟู่จินอันกลับไม่ยอม "อาชวน..."ฟู่ฉีชวนปวดหัวจนตะคอกออกมา "พอสักที เลิกโวยวายไร้เหตุผลได้แล้ว!"อ้อที่แท้ เขาก็รู้ว่าฟู่จินอันเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลฉันไม่อยากคิดอะไรมาก คิดมากไปก็มีแต่ทำให้ตัวเองลำบาก ฉันกล่าวอย่างเรียบเฉย "ขอบคุณรองประธานฟู่ เดี๋ย
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี