พอได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็เอะใจขึ้นมาพวกเขาทะเลาะกันเพราะฉันหรอ?แววตาของลู่สือเยี่ยนหมองหม่นไปชั่วขณะ ราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้ เขาเหม่อลอยเล็กน้อย ฟู่ฉีชวนอาศัยจังหวะพลิกตัวขึ้นมาและต่อยกลับไปเขาลากลู่สือเยี่ยนกดติดกำแพง แววตาราวกับมีพายุก่อตัวขึ้น สีหน้าเย็นเยือก "ลู่สือเยี่ยน มีแค่หร่วนหนานจือที่โง่พอจะคิดว่าแกคือผู้ชายที่น่าชื่นชม!""แล้วแกล่ะ แกคิดว่าแกดีมากรึไง?"ลู่สือเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมอง แววตาหมองหม่นพร้อมกับยิ้มเย้ย "แกไม่รู้สึกละอายกับเธอเลยรึไง? เธอเองก็..."พอได้ยินฉันก็สะดุ้งขึ้นมาทั้งตัว ตอนฟู่ฉีชวนกำลังจะง้างหมัดต่อยใส่เขา ฉันก็พุ่งเข้าไปขวางตรงหน้าลู่สือเยี่ยน "รุ่นพี่! เลิกพูดเถอะ!"อีกนิดฟู่ฉีชวนก็จะชกโดนหน้าของฉัน หมัดเขาพุ่งไปกระแทกกำแพงเทน สีหน้าเย็นเยือกในทันที!รูม่านตาเขาหดเล็กลง ฉาบย้อมไปด้วยไฟความโกรธซึ่งเผาผลาญได้ทั้งฟ้าดิน เขาหัวเราะเยาะ "หร่วนหนานจือ คุณเป็นห่วงมันหรอ?"ฉันอยากจะอธิบายในทันที แต่พอลองคิดดู ก็รู้สึกว่าทำไมฉันต้องอธิบายด้วยสิ่งที่เขาทำทั้งหมด เขาเคยอธิบายให้ฉันฟังเมื่อไหร่กัน ฟู่จินอันพอโทรหาปุ๊บเขาก็ไปถึงปั๊บ เข้าข้างเธออย
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเย็นชาเด็ดขาด ก็แค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมาใช้ไม้นี้กับฉันความรู้สึกระคายเคืองพรั่งพรูขึ้นมาถึงจมูก ฉันเบือนหน้าหนีไป พยายามกลั้นความน้อยใจในแววตาไม่ให้แสดงออกมา พอนึกถึงอาการของคุณป้า ฉันอดกลั้นและจำยอมในที่สุด แต่ละคำและประโยคล้วนขมขื่น"ประธานฟู่ คนในครอบครัวฉันป่วย ต้องการให้พักห้องผู้ป่วย VIP คุณช่วยจัดการให้ฉันหน่อยได้ไหม?"สีหน้าของเขาแน่นิ่งไป มือสั่นเบาๆ พร้อมกับเสียงแหบพร่า "คุณเรียกผมว่าอะไร?"ฉันกำมือแน่น "ประธานฟู่ ไม่ใช่หรอคะ?"คำเรียกนี้ราวกับปั่นประสาทเขา เขากัดฟันจนกรามแน่นพร้อมกับเอ่ยออกมาสองพยางค์อย่างเย็นชา "ไม่ได้""หนานจือ..."ฟู่จินอันค่อยๆ จิบดื่มน้ำอุ่น อธิบายด้วยสีหน้าใสซื่อ "ขอโทษนะ โรงพยาบาลเซิ่งซินมีห้องผู้ป่วย VIP แค่สามห้อง แม่ฉันพักห้องนึงแล้ว ส่วนฉันตอนนี้ต้องอยู่ไฟ ถ้าไปอยู่ห้องอื่นอาชวนก็คงไม่สบายใจ เลยบังคับให้ฉันอยู่ห้องนี้ ส่วนห้องสุดท้าย เพื่อนฉันขอให้ฉันช่วยจองไว้ให้ พรุ่งนี้ก็จะเข้ามาแอดมิทแล้ว...""เธออย่าโกรธไปเลย ถ้าเธอบอกเร็วกว่านี้หน่อย คงจะมีห้องให้เธอ""ถึงอย่างไรก็เป็นถึงคุณนายฟู่ ยังไงก็ต้องสำรองห้องให
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันแข็งขืนยืนกรานต้องการบางอย่างต่อหน้าของฟู่ฉีชวนแววตาของเขาดูประหลาดใจ เขาเหลือบกันมามองฉัน น้ำเสียงที่พูดออกมาเย็นชามากขึ้น "รอไม่ได้ก็ต้องรอ!""ได้"ฉันพยักหน้าพร้อมกับพูดอย่างไม่แยแส "งั้นฉันจะให้ทุกคนได้รู้ว่าในตระกูลฟู่มันเน่าเฟะแค่ไหน เน่าเฟะถึงขั้นเมียน้อยสามารถเหยียบหัวเมียหลวงได้! มาดูกันว่าคุณจะทำให้ท่านปู่ที่เพิ่งจากไปผิดหวังได้แค่ไหน!"พออ้างถึงคุณปู่ เขาก็แน่นิ่งไปราวกับว่ากว่าเขาจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว สิ่งที่คุณปู่ขัดใจมากที่สุดตอนยังมีชีวิตก็คือความสัมพันธ์ของเขากับฟู่จินอันที่ไม่ชัดเจน!ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันว่าเขานึกถึงคุณปู่หรือว่ากลัวฟู่จินอันเสียชื่อเสียงจนในตอนท้าย ฟู่ฉีชวนก็กลืนน้ำลาย พยายามสงบอารมณ์และเหลือบกันไปมองฟู่จินอันพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา "ให้เพื่อนของคุณอยู่ห้องปกติ ตกลงตามนี้!"ฟู่จินอันกลับไม่ยอม "อาชวน..."ฟู่ฉีชวนปวดหัวจนตะคอกออกมา "พอสักที เลิกโวยวายไร้เหตุผลได้แล้ว!"อ้อที่แท้ เขาก็รู้ว่าฟู่จินอันเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลฉันไม่อยากคิดอะไรมาก คิดมากไปก็มีแต่ทำให้ตัวเองลำบาก ฉันกล่าวอย่างเรียบเฉย "ขอบคุณรองประธานฟู่ เดี๋ย
กว่าจะได้หยุดเสาร์อาทิตย์ พอกลับมาจากทำงานพิเศษ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือซักผ้าและถูพื้นเพื่อแลกมากับสีหน้าที่ดีของพวกเขาถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้ายืนกรานให้อยู่ ฉันคงถูกสองพ่อลูกไล่ออกจากบ้านไปนานแล้วถ้าพูดถึงบุญคุณ ฉันก็สามารถพูดได้อย่างไม่ละอายว่าฉันเองจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ติดค้างอะไรตระกูลหลินเลยตอนนี้ฉันก็แค่ทิ้งคุณป้าไปไม่ได้ก็เท่านั้นเขายังมีหน้ามาพูดกับฉันว่าที่ฉันแต่งงานกับฟู่ฉีชวนได้ก็เพราะตระกูลหลินด้วยส่วนหนึ่งฉันหันไปมองหลินเฟิงพร้อมกับยิ้มมุมปาก "เธอเรียนออกแบบก็เพราะฉัน?"หลินเฟิงกล่าว "ใช่ครับ ตอนช่วงเทศกาลพี่ซื้อของขวัญแพงๆ ขนาดนั้นได้ แล้วก็ยังจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับครอบครัวเราได้อีก ทำให้ผมคิดว่าอาชีพออกแบบหางานได้มาก ไม่งั้นผมคงไม่เลือกคณะเส็งเคร็งนี่หรอก""...เธอจบมหาลัยไหนมา?""วิทยาลัยเจียงเฉิง"วิทยาลัยเทคนิคอาชีพเจียงเฉิง"..."ฉันเห็นรอยยิ้มและสีหน้าของเขาเหมือนถอดพิมพ์หลินกั๋วอัน ฉันอดพูดไม่ได้ "งั้นเธอคงเข้าแซ่ฟู่กรุ๊ปไม่ได้ แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่รับคนที่ไม่ได้จบจากมหาลัยชั้นนำ""ถ้าผมสมัครเข้าเองได้ ผมจะมาหาพี่ทำไม..."หลินเฟิงเป็นหนุ่มไฟแรง เถียงกับฉันจนคอเป
ฟู่ฉีชวน!ดวงตาสีอำพันของลู่สือเยี่ยนมองสบเข้ากับสายตาของเขาโดยตรง คนหนึ่งอ่อนโยนนุ่มนวลราวกับหยก อีกคนเคร่งขึมเย็นยาทันใดนั้นทำให้ฉันรู้สึกตึงเครียดราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่เพื่อนที่โตมาด้วยกัน แต่คือคนทั้งสองที่ยืนเผชิญหน้ากันพอฉันไตร่ตรองดูก็พบว่าหลังจากลู่สือเยี่ยนกลับมาจากต่างประเทศ ฟู่ฉีชวนกับเขาก็ดูต่างไปจากสมัยในรั้วมหาลัยฟู่ฉีชวนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับลู่สือเยี่ยน ส่วนเหตุผลของลู่สือเยี่ยนล่ะ คืออะไรเพียงแต่ นี่คงเป็นเรื่องระหว่างพวกเขา คงไม่เหมาะถ้าฉันละลาบละล้วงขาสูงเรียวของฟู่ฉีชวนเดินเข้ามา ฉันรู้สึกกดดันถึงขีดสุด เขาเหลือบมองเสื้อที่คลุมบนตัวของฉันและกล่าวอย่างถากถาง "สนิทกันขนาดนี้เลยหรอ?""เทียบพวกคุณไม่ได้หรอก"ฉันพูดอย่างเย็นชาโดยแทบไม่ต้องคิดตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานจนถึงตอนนี้ ทุกประโยคที่เขาพูด ทุกสิ่งที่เขาทำ ทุกสิ่งล้วนเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์อันน้อยนิดที่เหลืออยู่ระหว่างเราสมองฉันคิดทบทวนนับครั้งไม่ถ้วน ตอนนั้นถ้าเขาเข้ามาคว้าฉันไว้ ฉันคงอาจจะไม่ต้องเสียลูกไปแต่เขากลับไม่ทำ แม้ว่าจะห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือ เรื่องจนถึงตอนนี้ ถ้า
"ขอโทษที ผมเองก็ทราบมาโดยไม่ได้ตั้งใจ"เขาขอโทษอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็อธิบายเหตุผลสาเหตุคือเจียงไหลโพสต์ว่าฉันเกิดอุบัติเหตุรถชนเข้าจนแอดมิทอยู่โรงพยาบาล เขาถามเลขห้องพักผู้ป่วย เตรียมจะมาเยี่ยมคืนนี้แต่วันนี้พอมาถึงโรงพยาบาล เขาก็บังเอิญได้ยินพยาบาลคุยกัน นอกจากบาดเจ็บทั้งตัวยังต้องมาแท้งลูกอีก ไม่คิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลในวันนั้นฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ "งั้นคุณกับเขาชกต่อยกัน...""ก็แค่โมโหหัวเสีย"ลู่สือเยี่ยนขับพาฉันไปส่งอย่างสบายอารมณ์ เขาหันมามองฉันด้วยแววตาอันอ่อนโยน "คุณล่ะ สองวันนี้สบายดีไหม?""จะว่ายังไงดี"ฉันพรุบสายตาลงพร้อมกับจู่ๆ ก็หลุดปากพูดออกไป "เมื่อก่อนตอนที่ชอบเขา ฉันหวังว่าชีวิตแต่งงานจะสมบูรณ์ ต่อมาพอตั้งท้อง วันๆ ก็เอาแต่เฝ้ารอให้ลูกมาเกิดบนโลกไวๆ เพื่อจะได้เป็นสายใยและครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของฉัน แต่ตอนนี้..."ฉันยิ้มอย่างขมขื่น "ไม่รู้ว่าจะยังมีอะไรมีค่าพอจะให้ฉันได้ระลึกถึงอีก"ทุกอย่างล้วนไร้ความหมายมือขวาของฉันกุมไปที่ท้องน้อย ในอนาคตอันใกล้ ตรงนี้จะไม่มีเจ้าตัวน้อยเรียกฉันว่า "แม่" ด้วยเสียงอ้อแอ้อีกแล้วลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขาจอดร
"อืม...ฉันรู้แล้ว!"ดวงตาฉันร้อนผ่าว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวดวงหนึ่งสว่างมาก รู้สึกราวกับสามารถหลุดออกมาจากความรู้สึกที่แตกสลายได้ทุกเมื่อในทันทีลู่สือเยี่ยนหยิบทิชชู่ออกมาให้ฉัน "ร้องเลย ร้องวันนี้ให้จบ แล้วอย่าร้องไห้อีก เวลาแบบนี้ร้องไห้บ่อยจะมีผลต่อดวงตา"เขาไม่ได้ให้ฉันอยู่บนภูเขานานนักและพาฉันมาส่งที่เขตเมืองหลังจากฉันลังเลอยู่พักก็ลองหยั่งเชิงถาม "รุ่นพี่ ผู้หญิงที่พี่ชอบมาหลายปี คงจะเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ เลยใช่ไหม?""ครับ"เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเลและดวงตาอันอ่อนโยน "เธอก็คือเด็กผู้หญิงที่ผมเพิ่งเล่าให้คุณฟังไป"ฉันอดตกใจไม่ได้ "ถ้างั้น...ก็หลายปีแล้ว""ครับ 20 ปีได้แล้ว"เขาพูดออกมาตรงๆแม้จะพูดอย่างจริงใจ ทว่าเป็นความชอบที่หยั่งรากลึกจนถอนไม่ขึ้นฉันส่งเสียงอุทานและไม่ได้พูดอะไรอีก พอใกล้ถึงชั้นล่างของคอนโดเจียงไหล ฉันก็พูดขอบคุณกับเขาเบาๆ "วันนี้ขอบคุณมาก"อันที่จริง ตอนหัวค่ำที่เขาถามฉันว่าป่วยรึเปล่า ฉันลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ตอนนี้ ฉันอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วเขาเลิกคิ้ว "สัญญาอะไรกับผมไว้ จำได้ไหม?""เรื่องอื่นอาจไม่ต้องขอบคุณ แต่เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณจริงๆ""
ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นและก็ไม่อยากให้เขาขึ้นมารบกวนเจียงไหลด้วย เลยได้แต่รับปาก "รู้แล้ว"ก่อนลงมา เจียงไหลกับลู่สือเยี่ยนทำเหมือนกันเลย เธอเอาเสื้อโค้ทมาคลุมให้กับฉัน แล้วก็ยังเอาหมวกมาสวมบนหัวให้ฉัน"อย่าหาว่าฉันโอเวอร์"เจียงไหลจิ้มหัวฉันเบาๆ "ในเน็ทบอกช่วงนี้ลมหนาวกำลังพัดผ่าน เดี๋ยวจะปวดหัว""อืมๆๆ เธอดีกับฉันที่สุดเลย"เธอหวังดีกับฉัน ฉันหลังจากรับพูดหับเธอก็เปลี่ยนรองเท้าและเดินลงมาจากตึกพอเห็นฉันเดินออกมาจากตึกคอนโด แววตาของฟู่ฉีชวนก็ลึกล้ำ "ทำไมสวมเยอะขนาดนี้ ไม่สบายหรอ?""เป็นห่วงฉันแล้วหรอ ?"ฉันพบว่าไม่สามารถจะพูดกับเขาดีๆ ได้อีกแล้วต่อให้เขาจะเป็นห่วงฉันจริงๆ ต่อให้เขาไม่รู้ว่าฉันท้อง เมื่อวานก็ควรถามสักหน่อยว่าฉันเป็นไงบ้างไม่ว่าจะรุนแรงหรือเล็กน้อย แต่ฉันก็ถูกรถชนมาฟู่ฉีชวน "เธอต้องพูดจาแดกดันแบบนี้ด้วยหรอ?"ฉันไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เลยพูดเข้าประเด็น "เรียกฉันลงมามีธุระอะไร?"ดึกดื่นขนาดนี้ ฉันไม่ได้มีอารมณ์มาถกเถียงเรื่องไร้สาระกับเขาเขาขมวดคิ้ว "ทำไมคุณไม่รอผม?""..."สายตาเย็นชาของฉันมองสบสายตาเขา "ทำไมฉันต้องรอคุณด้วย?"ส่วนฉันก็รู้สึ
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที