พอฟังจบ ฉันก็รู้สึกถูกอกถูกใจ ทว่าไม่นานฉันก็เข้าใจเหตุผลเจียงไหลขมวดคิ้วแน่น มองมาที่ฉันอย่างไม่เข้าใจและพูดเสียงเบา "ฟู่ฉีชวนจู่ๆ ก็เป็นคนละคนเลย?""ไม่ใช่หรอก"ฉันมองฟู่จินอันถูกบอดี้การ์ดลากตัวไปและเม้มปากเบาๆ "เขาก้แค่ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจ เลยแค่อยากชดเชย"ก่อนท่านปู่จะจากไป เขาในฐานะหลากรักของท่านปู่กลับไม่ได้อยู่ข้างกาย อีกทั้งยังทำให้ท่านปู่โมโหวันเดียวกันกับที่ท่านปู่เสียเขาจะไม่รู้สึกผิด ไม่เสียใจ ไม่โทษตัวเองได้ไงเพื่อแสดงให้เห็นในตอนสุดท้าย เขาเลือกจะฟังท่านปู่ ให้ฉันเป็นนายหญิงตระกูลฟู่ตลอดไปส่วนสำหรับฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลยหลังจากพิธีศพของท่านปู่ ฉันกลับไปยังคฤหาสน์หลังเก่า ช่วยลุงเฉิงจัดเก็บข้าวของของท่านปู่คนรับใช้จัดเก็บให้แล้ว ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกเสื้อที่มักใส่ประจำของท่านปู่เสื้อผ้าแต่ละตัวที่ฉันหยิบมา ทำให้รู้สึกเหมือนท่านปู่ไม่ได้ไปไหนขณะฉันเก็บข้าวของ ฉันก็ครุ่นคิดและพูดออกมา "ลุงเฉิง คุณมั่นใจไหมว่าสองวันก่อนในกระเป๋าเสื้อของท่านปู่มียาใส่ไว้จริงๆ?""มีแน่นอนครับ คุณสั่งกับผมเอาไว้ โดยเฉพาะตอนอากาศเปลี่ยน ต้องเตรียมยาไว้ให้คุณท่า
ฉันน้ำตาไหลพรากราวสายฝน รับกล่องกำมะหยี่มาพร้อมกับนิ้วอันสั่นเทาพอเปิดออกดู ข้างในคือจี้หยกสองอัน ทั้งสองเป็นหยกเนื้อใสเปล่งประกาย อันหนึ่งมีลวดลาย อีกอันไม่มีเนื้อหยกสีบริสุทธิ์ประเภทนี้หายากมาก เห็นได้ชัดว่าท่านปู่เป็นห่วงมากเพียงใดฉันค่อยๆ ปิดกล่องลงอย่างระวังพร้อมกับสูดหายใจ "เรื่องที่ฉันท้อง...ท่านปู่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"รู้ตั้งนานอยู่แล้ว แต่กลับไม่เคยถามฉันสักครั้ง ก็เพื่อไม่อยากให้กระทบจิตใจท่านปู่จากไปแล้ว ทว่ากลับยังสัมผัสได้ถึงความเอ็นดูของคนแก่อย่างเขาลุงเฉิงกล่าว "หลังจากงานคราวก่อน คุณท่านให้คนไปค้นประวัติผู้ป่วยของคุณ คุณ...อย่าโทษคุณท่านเลย คุณท่านแค่กลัวว่าคุณมีปัญหาสุขภาพ กลัวว่าเขาจะกังวลก็เลยปิดเอาไว้""จะโทษได้ไง..."ฉันร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ "ฉันก็แค่โทษตัวเอง"หากฉันบอกคุณปู่แต่เนิ่นๆ คุณปู่อย่างน้อยก็คงได้มีความสุขสักช่วงไม่จำเป็นต้องมาคอยพะว้าพะวง จนขนาดไม่กล้าถามฉันสักคำ"คุณได้ให้กำเนิดทายาทให้กับตระกูลฟู่ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก คุณท่านเองก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ"ลุงเฉิงปลอบฉันและนึกถึงคำสั่งเสียที่ให้ไว้ "จริงสิ คุณท่านเคยบอกเอาไว้ หากวันใดคุณ
ฉันแน่นิ่งไปเกือบลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยท่านปู่จากไปแล้ว ในฐานผู้มีสิทธิในตระกูลฟู่ แน่นอนว่าฟู่ฉีชวนต้องเข้ามาอาศัยอยู่ฉันผลักจากอ้อมกอดของเขาพร้อมกับประนีประนอม "งั้นก็ช่างมันเถอะ"ตกดึกเล็กน้อย คนใช้ได้เตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อย ลุงเฉิงเรียกพวกเราให้ลงไปรับประทานอาหารคฤหาสน์หลังเก่าอันใหญ่โต ดูเหมือนว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามระเบียบเหมือนเคยเพียงแต่สีหน้าของทุกคนหมองหม่นเล็กน้อยรับประทานอาหารเสร็จ ฉันหลังจากอาบน้ำแล้วก็ล้มตัวนอนสองวันเต็มๆ ที่ไม่ได้หลับตานอน อยากจะนอนแท้ๆ แต่นอนไม่หลับตอนนี้เรื่องทุกอย่างเหมือนเพิ่งจะจบ ฉันหลับลึกจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเองในช่วงเช้าตรู่ของอีกวันฟู่ฉีชวนไม่อยู่แล้วช่วงสองสามวันนี้บริษัทยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ บริษัทคู่แข่งต้องการอาศัยจังหวะเวลานี้ซ้ำเติมหลังจากฉันมาถึงบริษัท ตลอดทางมีสายตาแปลกๆ คอยมองต้อนรับฉันไม่น้อยแม้ฟู่ฉีชวนจะสัญญาว่าจะไม่ไปหาสู่กับฟู่จินอัน แต่คนในบริษัทไม่รู้ พวกเขารู้แค่ว่าฟู่จินอันได้กลายเป็นเลขาของรองประธานสายตาที่มองฉัน ราวกับมองฉันเป็นเมียน้อยยังดีตรงที่ฉันตัวตรงไม่หวั่นเงาเฉเฉียง เลย
ฉันตั้งใจมองรูปภาพหนึ่งเป็นด้านข้างของกันฉันกับลู่สือเยี่ยนไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันอีกภาพเป็นตอนคอนเสิร์ตเลิก เป็นภาพถ่ายด้านหลังตอนเขาประคองใหล่ฉันพอเห็นสองภาพนั้น ฉันก็เข้าใจทันที ไม่แปลกหลังจากเกือบถูกคนกระแทกในวันนั้น ก็ไม่มีใครเข้ามาเบียดอีกที่แท้ลู่สือเยี่ยนใช้แขนบังเอาไว้ข้างหลังฉันไม่รู้จะขำหรือเศร้าดี "ความคิดเชื่อมโยงและตรรกะอนุมานของคนๆ นี้ไม่เลวเลย""ลู่สือเยี่ยนเอาใจใส่เธอขนาดนั้น ไม่แปลกที่คนอื่นจะคิดไปไกล"เจียงไหลกล่าว "ถ้าให้ฉันพูด เขาดูน่าเชื่อถือกว่าฟู่ฉีชวน""อย่าพูดเพ้อเจ้อ"ฉันจิบชาร้อน "เขามีคนที่ชอบแล้ว ชอบมาหลายปีแล้วด้วย""ชอบใคร? ทำไมไม่พามาเจอพวกเรา?""ไม่รู้ คงจะรอให้จีบติดก่อนก็ค่อยพามาก็ได้"ส่วนเรื่องว่าลู่สือเยี่ยนชอบคนทมี่แต่งงานแล้ว ฉันไม่ได้ปริปากพูดถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จะมากจะน้อยมันก็ดู...ผิดศีลธรรม คนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเจียงไหลจือปากใส่ "เดิมฉันคิดว่าพวกเธอก็เข้ากันดี กลายเป็นว่าฉันคิดเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียว""คุณพี่คะ ฉันแต่งงานแล้วนะ ถ้าเธอจะกังวล อย่างน้อยก็รอฉันหย่าก่อนไหม?" ฉันยิ้มเจื่อน"จ้าๆๆ"เจียงไหลก้
เธอออกแรงจนเล็บที่เพิ่งไปทำมาอย่างสวยประณีตจิกลึกลงไปในผิวหนังของเธอจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเจียงไหลพอได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีและคิดจะพยายามรั้งฉันไว้ แต่ฟู่จินอันก็จิกข้อมือฉันแน่นไม่ยอมปล่อยแววตาของเธอเหมือนคนบ้าอาบย้อมด้วยความเย็นเยือก "ฟังไม่เข้าใจรึไง ฉันให้พวกเธอโทรหาอาชวนเดี๋ยวนี้""...ได้"เจียงไหลเป็นห่วงว่าฉันท้องอยู่ เลยไม่กล้าออกแรงฉุดกระชาก ยอมอดกลั้นและประนีประนอม "ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้ เธอปล่อยหรวนหร่วนก่อน""ไม่มีทาง!"หลังจากฟู่จินอันลากฉันออกมาจากห้างสรรพสินค้าก็เดินออกมาได้ระยะหนึ่ง หากเดินต่อไปอีก ข้างหน้าก็จะเป็นถนนใหญ่ที่รถขับไปมาฉันนึกถึงเลือดบนตัวของฟู่ฉีชวนคราวก่อน เลยอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อยฟู่จินอัน...อาจจะลากฉันให้ไปตายด้วยได้จริงๆเจียงไหลสีหน้าซีดเผือด เธอต่อสายโทรออกไปแล้ว "เธออย่าวู่วาม อย่าทำร้ายหรวนหร่วน""เปิดลำโพง"ฟู่จินอันเชิดคางใส่ มีหรือเจียงไหลจะกล้าไม่ยอมทำตาม เธอเลยรีบเปิดลำโพงไม่นานฟู่ฉีชวนก็รับสาย "ฮัลโหล?""ฟู่ฉีชวน! ฉันกับหนานจืออยู่ห้างตรงข้ามตึกของบริษัท คุณรีบมาหน่อยสิ!""เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"เสียงของฟู่
วินาทีต่อมา ฉันกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บ...เจ็บจนมึนงงหัวไปหมดเจ็บเข่า เจ็บแขน เจ็บ...ท้องฉันขยับริมฝีปากต้องการจะเรียกเขา กลับเห็นเขาลนลานวิ่งไปหาฟู่จินอันซึ่งถูกรถชน เขาตะคอกออกไปด้วยความโกรธและกระวนกระวาย "เธออยากตายรึยัง!"แม้จะถามไปด้วยความโมโห ทว่าในแววตาเขาล้วนคือความกลัวและความกังวลจากนั้นก็หยิบมือถืออกมาพร้อมกับปลายนิ้วสั่นเทา "ฉินเจ๋อ รีบขับรถมาที!""หรวนหร่วน!"ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที เจียงไหลตกใจกลัวยิ่งกว่าฉัน หลังจากได้สติ เธอก็รีบฝ่าจราจรวิ่งเข้ามาหา จนส้นสูงหลุดไปข้างหนึ่งน้ำตาของเธอไหลพรากหยดออกมา เธออยากพยุงฉันแต่กลัวว่าฉันจะบาดเจ็บหนักกว่าเก่า เธอพูดตะกุกตะกัก "หรวนหร่วน...เธอ เธอไม่ต้องกลัว..."ฉันเหมือนกับสัมผัสได้ถึงอะไรอุ่นๆ กำลังไหลออกจากร่างกาย ฉันใช้เรี่ยวแรงที่เหลือคว้าเจียงไหล "โอ๊ย...ไหลไหล ฉันปวดมาก...ช่วยลูกฉันด้วย...""ฉันอยู่นี่"เธอโทรเรียกรถพยาบาลพร้อมกับปลอบฉันอย่างทุลักทุเล "ฉันอยู่นี่ หรวนหร่วน เธอไม่ต้องกลัว จะต้องไม่เป็นไร เธอกับลูกจะต้องไม่เป็นไร!"ไม่รู้ว่าเธอกำลังปลอบฉันหรือว่ากำลังปลอบตัวเองขณะเดียวกันกับที่เธอโทร 1
หัวใจของฉันถูกกรีดจนเป็นรอยแยกน้ำตาไม่ไหลออกมาแล้ว ฉันกล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง "ฉัน ไม่มีสามี ไม่มีครอบครัว...ขอร้องพวกคุณ ยังไงก็ต้องปกป้องลูกฉันด้วย""อืม..."พยาบาลเหลือบมองตรงหว่างขาแวบหนึ่ง สีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ทว่าในตอนท้ายก็พูดออกมา "พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด"พอได้ยินประโยคนี้จากปากหมอ ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆจากนั้นก็ถูกเอาไปไว้บนเตียงผ่าตัด หลังจากหมอถามสถานการณ์คร่าวๆ แล้วก็พูดออกมาตรงๆ "ไปเรียกวิสัญญีแพทย์มา เตรียมการขูดมดลูกให้พร้อม"ฉันลืมตามองไฟผ่าตัดที่ส่องแยงตา ดวงตาทั้งแห้งและเจ็บชุดประโปรงยาวไปจรดเท้าถูกหมอตัดออก หมอเหมือนถามอะไรกับฉัน ในหัวมีเสียงวิ๊งดังก้อง ไม่มีตัวเลือกอะไรให้เลือกหลังมือปวดจี๊ดขึ้นมาเบาๆ ทันใดนั้นก็ไร้ความรู้สึกและภาพก็ตัดมืดไป"แม่""แม่""ลูกต้องไปแล้ว แม่ทิ้งหนูแล้ว..."เห็นร่างเงาเล็กๆ ค่อยเดินห่างจากฉันไป ฉันตะโกนขึ้นมาทันใด "เปล่านะ! แม่ไม่ได้ทิ้งหนู!"พอลืมตาตื่น กลับเป็นห้องกำแพงสีขาวหิมะในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงแต่เสียงน้ำเกลือที่หยดลงมา เจียงไหลที่เฝ้าไข้อยู่ข้างๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาและรีบพูด "รู้สึกยังไงบ้าง?""ไหลไหล ลูก ลูกฉ
คำถามมากมายถาโถมใส่ตรงหน้า ทำฉันตกตะลึงจนยืนอยู่ตรงนั้นฉันลูบตรงท้องน้อยที่ปวดอย่างเจ็บใจพร้อมกับถามด้วยหน้าซีดเซียว "คุณพูดอะไร?""เธอแท้งแล้ว!"ฟู่ฉีชวนชี้ไปทางห้องพักผู้ป่วย แววตาเย็นเยือกดุร้าย "เธอเสียลูกของเธอไปแล้ว! หมอบอกว่า เธอหลังจากนี้คงจะมีลูกยาก! หร่วนหนานจือ เธอพอใจรึยัง?!""..."น้ำเสียงที่เขาถามทำให้ฉันสั่นไปทั้งตัว ลำคอเหมือนมีฟองน้ำชุ่มอุดเอาไว้ มุมปากเผยรอยยิ้มอันขมขื่น ผ่านไปนานกว่าฉันจะพูด "เธอแท้งแล้วหรอ?"แต่ว่า...ฉันเองก็แท้งเหมือนกันฟู่ฉีชวนเลือดที่ออกมาจากร่างของฉันเป็นลูกของเรา เป็นลูกที่เราตั้งใจเฝ้ารอที่จะมีกันมานานฉันคิดมาตลอดว่าต่อให้สักวันจะไม่มีชีวิตแต่งงานเฮงซวยนี้แล้ว ฉันก็ยังมีลูกคอยอยู่เคียงข้างแต่ตอนนี้ มันไม่มีอีกแล้วราวกับว่า...ฉันไม่มีเรื่องอะไรคุ้มค่ากับการรอคอยอีกแล้วสิ่งที่เขาพูดว่าฟู่จินอัน "โวยวาย" ทำให้ฉันสูญเสียทุกอย่างไปแต่สุดท้าย คนที่ต้องรับผิดชอบก็ยังต้องเป็นฉันฟู่ฉีชวนจ้องมองฉันเขม็งและขบกรามจนแน่น "เธอแท้งแล้ว คุณคงดีใจสินะ?"ฉันยิ้มอย่างไม่แยแส "ใช่ เธอสมควรแล้ว!"ลูกของเธอแลกกับชีวิตของลูกฉัน ก็ไม่อาจทำใ
"แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ
ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท