น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากับแฝงไปด้วยความเย็นเยือกอันน่าขนลุกราวกับว่าขอแค่หลินกั๋วอันกล้าลงมือ เขาก็จะหักแขนของหลินกั๋วอันนี่เหมือนกับเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึงการถูกปกป้องจากเขาเพียงแต่ มันสายเกินไปหน่อยก็เท่านั้น ในใจไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหลินกั๋วอันขยับแขนของเขาและพบว่าชายอกสามศอกอย่างเขากลับพบว่าแขนของเขาในมือของฟู่ฉีชวนขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาอดตัวสั่นไม่ได้และรีบอธิบาย"รองประธานฟู่ ไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ!"คุณป้าเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย "หนานจือ..."ฉันอยากจะสั่งสอนหลินกั๋วอัน แต่คุณป้าป่วยอยู่ในภาพนี้ คงไม่เหมาะฉันเลยคว้าแขนของฟู่ฉีชวน "พอเถอะ ปล่อยเขาไป"ฟู่ฉีชวนตัวหัวเสีย เขามักจะไม่ฟังใครง่ายๆ เขาเหลือบมองหลินกั๋วอันอย่างสงสัย "ถ้าคุณแตะต้องเธอ ผมจะตัดมือคุณทิ้งซะ เข้าใจไหม?""เข้า เข้าใจแล้วครับ! ผมไม่กล้าแล้ว...คุณวางใจได้เลย!"หลินกั๋วอันสีหน้าซีดเผือดและรีบรับปากเขาจนกระทั่งฟู่ฉีชวนสะบัดแขนเขาออกไป ฉันก็หันมองหลินกั๋วอันอย่างเหนื่อยหน่าย"ค่ารักษาของคุณป้า ฉันได้จ่ายในส่วนที่ควรจ่ายให้ไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่น คุณลุงเลิกหวังเถอะ""แก..."แ
"หร่วนหนานจือ"สายตาของเขาหันมามองฉันเป็นครั้งคราว แววตาปรากฎอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบาย "ผมเสียใจที่ไปอำเภอกับคุณวันนั้น""หือ?""ผมไม่อยากหย่ากับคุณ"เส้นเสียงทุ้มต่ำของเขาเหมือนถูกหมอกปกคลุมไว้อยู่"..."ฉันเลียริมฝีปากและเหลือบมองลิฟต์ที่กำลังจะมาถึง "ฉันขอตัวก่อน"อะไรที่อยากบอกก็บอกไปหมดแล้ว ยื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีความหมาย มีแต่จะสร้างปัญหา"ผมบอกแล้ว ผมจะไปส่ง...""อาชวน!"ประตูลิฟต์เปิดออก ภายในลิฟต์คือฟู่จินอัน เธอสีหน้าแปลกใจและพูดด้วยเสียงออดอ้อน "คุณบอกว่าตอนบ่ายไม่ว่างมาหาไม่ใช่หรอ? ที่แท้ก็อดเป็นห่วงฉันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?"ฉันไม่ได้หันกลับไปมองและเดินผ่านเธอเข้าไปในลิฟต์ หลังจากกดปุ่มชั้น ฉันไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะหันไปมองสีหน้าของฟู่ฉีชวนจะสีหน้าจำใจ หงุดหงิดหรือหลงใหลสำหรับฉันมันไม่ได้สำคัญเลยตอนนี้สิ่งที่ฉันควรหัดเรียนรู้คือการปล่อยวาง ปล่อยวางคนที่ไล่ตามมาตลอดแปดปีก็ยังไล่ตามไม่ทัน……ขณะกลับบ้าน ลู่สือเยี่ยนก็โทรมาหาฉันยิ้มและรับสาย "รุ่นพี่ เป็นไงบ้าง?""งานออกแบบเข้าร่วมแข่งขันของคุณ คุณได้ให้คนอื่นดูรึเปล่า?" น้ำเสียงของเขาจริงจังในใจฉัน
ฉันรับโทรศัพท์มา แค่มองผ่านก็สามารถยืนยันได้ว่านี่คือผลงานออกแบบของฉันอีกอย่างมันยังเป็นแค่แบบร่างตอนฉันออกแบบ ยังมีรายละเอียดบางส่วนยังไม่ได้เก็บความเรียบร้อยก็ถูกคนคัดลอกผลงานแล้วแต่เพราะว่าตรงจุดนี้เลยทำให้ฉันรู้ในทันทีว่างานออกแบบของฉันไปตกอยู่ในมือของฟู่จินอันได้ยังไง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในใจ"อย่าเพิ่งรีบร้อน"เสียงอ่อนโยนของลู่สือเยี่ยนเหมือนกับยาที่ทำให้ฉันสบายใจขึ้น "ขณะคุณกำลังคิดหาทางพิสูจน์ว่านี่คือผลงานของคุณเอง ผมจะปิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน""ไม่ต้องปิดค่ะ"ฉันทัดผมไว้หลังใบหูและยิ้มกล่าว "ปล่อยไว้อย่างงั้นแหละ ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"เมื่อก่อนไม่คาดคิดว่าฟู่จินอันมีของหลายอย่างที่ต้องการจะแยกจากฉันในเมื่อเธอเสนอหน้ามาเอง ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้เธอได้จดจำบทเรียนใบหน้าของลู่สือเยี่ยนสดใสพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย "เดิมทีผมกังวลเรื่องที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน จนคุณอาจรับไม่ไหว ดูเหมือนคุณจะคิดหาวิธีออกแล้ว?""ใช่ค่ะ"ฉันพยักหน้า "สมัยเรียนมหาลัย อาจารย์เฉินเคยบอกพวกเราไว้ในคาบเรียน ทำงานสายอาชีพนี้ ต้องปกป้องงานออกแบบของตัวเอง ต้องสามารถพิสูจน์ตนเองได
เขายิ้มถาม "อยากให้พอหอมปากหอมคอ หรือว่ายิ่งใหญ่เอิกเกริกล่ะ?""ยิ่งใหญ่เอิกเกริกสิ"ฉันตอบอย่างไม่ลังเล"ยกให้ผมจัดการ"ลู่สือเยี่ยนพยักหน้าและพาฉันมาส่งที่รถ "ขับรถระวังด้วย มีอะไรก็โทรหาผม"เส้นเสียงนุ่มนวลชัดใส ราวกับมีเวทมนต์ปาฏิหาริย์ทำให้รู้สึกสงบฉันขับออกจากลานจอดรถ ขณะหยุดรถเพื่อจ่ายค่าจอดรถ ฉันก็มองกระจกมองหลังเห็นเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม รูปร่างสูงสง่า สายตามองไปยังทางที่ฉันกำลังขับไปถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขามีผู้หญิงที่รักมาหลายปีแล้ว ฉันคงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาแอบชอบฉันรึเปล่าฉันค่อยๆ ขับไปยังบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ระหว่างทางก็โทรหาหลินเนี่ยน"อีกสิบนาที ฉันจะรออยู่ที่ลานจอดรถด้านล่าง""...พี่คะ"หลินเนี่ยนดูแปลกใจเล็กน้อย "ฉัน ฉันตอนนี้กำลังยุ่งมาก"น้ำเสียงฉันเลยเย็นชาขึ้นเล็กน้อย "งั้นให้ฉันขึ้นไปหาไหม?""เออ..งั้นฉันลงไปหาดีกว่าค่ะ"เดิมทีในใจของฉันยังก็แอบหวังอยู่ว่าบางทีอาจไม่ใช่เธอ อาจเพราะมีบางจุดที่ฉันประมาทเลินเล่อแต่เธอดูมีพิรุธชัดเจนเกินไปพอฉันไปถึง เธอก็รอฉันอยู่ตรงที่จอดรถที่ฉันมักจอด หน้าซีดเล็กน้อยหลังจากฉันลงจากรถก็ถามเข้าประเด็นทันที "ทำไมถึงทำ
เหตุการณ์ดำเนินมาเหมือนกับที่ฉันคาดไว้ทันทีที่ฉันออกจากบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป เรื่องนี้ก็จะแพร่สะพัดในวงการฉันถามลู่สือเยี่ยนแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นฟู่จินอันที่ให้คนปั่นข่าวนี้รองผอ.บริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปคัดลอกงานออกแบบอีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ถูกชักนำตามกระแสอย่างง่ายดาย ถึงอย่างไร คนที่ส่งผลงานออกแบบก่อนก็เป็นเธอจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ทุกคนเกลียดจนเข้ากระดูกดำ ด่าฉันเสียหายจนฟังไม่ได้"ไอพวกขี้ลอก ไม่สมควรได้ดิบได้ดี ไสหัวออกไปจากวงการออกแบบซะ!""เอาความดีของคนอื่นไปเป็นผลงานของตัวเอง ไปตายห่าให้หมดทั้งบ้านไป๊""หน้าไม่อายจริงๆ อยู่บริษัทเดียวกันแท้ๆ ยัยหร่วนอะไรนั่นกล้าลอกผลงานได้ไง?""..."ขณะฉันกำลังจะปิดมือถือ แอคเคาท์ทางการของ MS ก็โพสต์ประกาศ ประมานว่าให้ฉันกับฟู่จินอันไปตึกสำนักงาน MS พรุ่งนี้ เพื่อหาข้อสรุปของเรื่องคัดลอกผลงานและก็ยินดีให้เพื่อนร่วมสาขาอาชีพเข้ามาเผือกได้……วันต่อมา ฉันอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า แต่งหน้าอย่างบรรจง สวมส้นสูงเดินออกจากบ้านพอมาถึง หน้าประตูใหญ่ของตึกสำนักงาน MS ก็มีกลุ่มคนมารอเผือกอยู่แล้ว รวมไปถึงลู่สือเยี่ยนที่กำลังรอฉันอยู่ฉันสะพายกระเป๋าเ
ฉันอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างตกใจ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป ฉันพูดอย่างไม่ได้หยิ่งยโสแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตน "นักออกแบบทุกท่าน อรุณสวัสดิ์ ดิฉันหร่วนหนานจือ ที่มาในวันนี้ก็เพื่อต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้ทุกคนกระจ่างและเข้าใจตรงกัน"ฟู่จินอันก็พูดแทรกขึ้นมาทันที "คุณต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ใช่หรอ เริ่มเลยสิ?"เธอมั่นใจมากถ้าฉันไม่ได้มีนิสัยชอบเตรียมแผนสำรองไว้ ฉันคงอาจต้องเล่นไปตามเกมของเธอและหมดสิทธิจะแก้ตัว"งั้นขอเชิญทุกคนฟังคลิปเสียง"ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาและเปิดคลิปเสียงสนทนากับหลินเนี่ยนทันใดนั้นทุกคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ฟู่จินอันเหมือนจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอพูดอย่างใจเย็น "คลิปเสียงนี้พิสูจน์อะไรได้? หลินเนี่ยนคงเป็นผู้ช่วยของเธอใช่ไหม? ใครจะไปรู้ว่าพวกเธออาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมดก็ได้?""คุณพูดมีเหตุผล"ฉันพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ฉันเลยหยิบงานออกแบบต้นฉบับมาจากกระเป๋าของตัวเอง "ทุกท่านลองดู นี่คืองานออกแบบต้นฉบับของฉัน สามารถมองเห็นได้ชัดตรงจุดที่มีการแก้ไข งานออกแบบที่ฟู่จินอันส่งไป เป็นต้นฉบับรองสุดท้ายของฉัน ไม่ใช่ฉบับเสร็จสมบูรณ์"อันที่จริงฟู่
"ฉันไม่ได้เล่นละครเก่งเหมือนเธอ"ฉันพอพูดทิ้งเสร็จก็ไม่อยากจะข้องแวะกับเธอีก เลยหันหลังเดินกลับ"เธอห้ามไป! วันนี้เธอจะต้องอธิบายให้ฉันฟัง!"เธอจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา ขอเท้าพลิก เธอจงใจพุ่งกระโจนเข้ามาหาฉันส่วนข้างฉันๆ ก็คือบ่อน้ำพุขนาดใหญ่!ฉันถูกเธอกระแทกใส่จนพลิกล้มตกลงไปในบ่อน้ำพุ ส่วนฉันก็คว้าแขนเธอเอาไว้พาเธอลงไปด้วยกัน!เธอชอบลากคนไปตายด้วยไม่ใช่หรือไงงั้นก็ไปด้วยกันน้ำเย็นจนถึงกระดูก พริบตาก็ทำให้เปียกซกไปทั้งตัว น้ำเข้าจมูกเข้าปากอย่างไม่ทันตั้งตัว!ยังดีน้ำในบ่อไม่ลึก ฉันควานมือไปทั่ว ขณะกำลังหาควานหาที่จับ มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เข้ามาคว้าฉันไว้แน่น"หนานจือ!"วินาทีต่อมา ฉันก็ถูกคนลากขึ้นมาห่อไว้ในเสื้อคลุมและตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นฉันสำลักจนไอไม่หยุด ยังไม่ทันหยุดไอก็ได้ยินลู่สือเยี่ยนตะคอกไปยังบ่อน้ำพุตรงที่มีเสียงตะเกียกตะกาย "ห้ามช่วยเธอ ให้เธอปีนขึ้นมาเอง!"เสียงดุดันเกรงขาม ราวกับพญามัจจุราชคืบคลานขึ้นมาจากนรกทันใดนั้นพวกรปภ.ก็ไม่กล้าเดินเข้าไปฉันมองไม่เห็นสีหน้าของลู่สือเยี่ยนเพราะย้อนแสง ตอนลมหนาวพัดผ่าน ฉันหนาวจนสั่นไปทั้งตัว คนที่อุ้มกอดฉันอยู่จู่ๆ ก็ว
พอเห็นท่าทีของเขา ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกความรู้สึกดีใจนี้ กระตุ้นให้ฉันพูดออกมามากขึ้นฉันมึนหัวตาลาย เหมือนจะตัวร้อน ทว่าสติกลับตื่นตัวสุดขีด ไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้ระบาย รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ระบายฉันสบมองดวงตาสีดำของเขา ฉันฝืนยิ้มออกมาและพูดอย่างโหดร้าย "ใช่ ตอนตรวจเจออายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์พอดี เด็กตัวเล็กมาก ยังไม่มีหัวใจด้วยซ้ำก็ดันมาแท้งเสียก่อน ช่วงนั้นฉันมักจะปวดท้องก็เพราะตั้งท้อง"ฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างลำบากใจและเอ่ยปากพูด "ทำไม...ไม่บอกผม?""ฉันได้ผลตรวจตอนครบรอบแต่งงานสามปีพอดี ฉันดีใจมากๆ อดทนรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวนี้กับคุณ กลับบ้านมาก็ตั้งใจเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนสำหรับวันครบรอบแต่งงานสามปี ฉันอุตส่าห์เอาผลตรวจไปซ่อนไว้ในเค้กกับมือ หวังจะเซอร์ไพรส์คุณ...""ผมไม่เห็นเค้กเลย...""วันนั้นคุณไม่ได้สนใจฉันเลย!"ฉันหัวเราะ "คุณอยู่กับฟู่จินอัน คุณเอาสร้อยคอที่ฉันชอบและอยากได้มานานสวมให้บนคอของเธอเอง คุณลืมวันครบรอบแต่งงานของเรา คุณมัวแต่ฉลองการหย่าของเธอ!""ผ่านมาอีกสองสามวัน ฉันขอให้คุณไปตรวจสุขภาพกับฉันที่โรงพยาบาล ซึ่งอันที่จริงก็เพื่ออยากให้คุณรับ
หรือจะบอกได้ว่า ตั้งแต่ปู่ของเขาตายไป เวินฟางอาจกลายเป็นความอบอุ่นเพียงอย่างเดียวที่ฟู่ฉีชวนได้รับจากความรักในครอบครัวแต่ตอนนี้... หากสิ่งที่ฟู่จินอันพูดเป็นความจริง ทัศนคติของเขาเกี่ยวกับความรักในครอบครัวก็จะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงความผูกพันทางอารมณ์หลายปี หลายทศวรรษ จะขาดสะบั้นลงพร้อมๆ กันสำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบ การต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกครั้งอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เลวร้ายอย่างไรก็ตาม ฉันไม่เห็นด้วยกับแนวทางของลุงเฉิง มีบางสิ่งที่ความเจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดในระยะยาวฉันมองฟู่ฉี่ชวนอย่างมั่นคงและพูดว่า "คุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูดไหมล่ะ?"น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน "เชื่อ"คงต้องใช้เวลาคิดนานก่อนที่จะตัดสินใจถามฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ลังเลที่จะตอบนั่นทำให้ฉันสบายใจ ฉันจิบกาแฟแล้วเริ่มพูดว่า “ถ้าฉันบอกคุณว่าวันนั้นที่โรงพยาบาล ฉันพูดอะไร....”“พี่ฉีชวน!”ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออกโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับเสียงผู้หญิงที่สดใสและชัดเจนซึ่งขัดจังหวะฉันอย่างหยาบคายวินาทีต่อมา เสิ่นซิงหยูเดินเข้ามาโดยชุดชาแนลรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นและรองเท้าบู๊
ระหว่างทางไปบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าในที่สุดฟู่ฉีชวนก็เต็มใจที่จะเริ่มสงสัยเวินฟางและลูกสาวของเธอ ฉันควรจะถอนหายใจด้วยความโล่งใจบางทีสาเหตุการตายของปู่ของเขาและการตายของแม่ของเขาอาจอธิบายได้ในครั้งนี้แต่ในใจของฉันยังคงรู้สึกไม่สบายใจฉันไม่สามารถบอกสาเหตุได้เมื่อฉันมาถึงแซ่ฟู่กรุ๊ป ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกคนเร่งรีบและดูจริงจังทันทีที่ฉันก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นบนสุด ความตึงเครียดก็ถึงจุดสูงสุดฉินเจ๋อรอฉันในลิฟต์เป็นการส่วนตัวและพาฉันไปที่สำนักงานของรองประธาน เมื่อเห็นคำถามในสีหน้าของฉัน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า "สถานการณ์ออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มบริษัท มีโครงการหลายโครงการเพียงก้าวเดียวก็จะลุล่วง และอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าทีรอและดู"ฉันขมวดคิ้วและพูด "มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าโจวฟางจะชำนาญในกลยุทธ์ของเขาจริงๆ เพียงแค่การเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็สร้างวิกฤตที่แซ่ฟู่กรุ๊ปไม่เคยเจอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิด"ฉินเจ๋อเหลือบมองไปทางสำนักงานของรองประธานอีกครั้งแล้วพูดว่า "ประธานฟู่ไม่ได้พักเลยตั้งแต่เหตุการณ์เ
".....หยุด หยุดขู่ฉันได้แล้ว!"หลินกั๋วอันตะโกนประโยคนี้ แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว ก่อนที่ฉันจะตอบได้ เขาก็วิ่งหนีไปในพริบตา!"โอเคไหลไหล ฉันมีบางอย่างต้องทำตอนนี้ ฉันจะติดต่อกลับในภายหลัง"ฉันวางสายโทรศัพท์ของเจียงไหลและมองไปที่หลินเฟิง ซึ่งมักจะเป็นคนที่จืดจางเสมอมา "คุณแค่มองดูพ่อของนายทุบตีแม่ของนายแบบนี้เหรอ?"หลินเฟิงยักไหล่และพูดว่า "ผมไม่แข็งแร็งเท่าเขา และเขาเองก็ไม่ฟังผมเหมือนกัน""..."ฉันโกรธมากและไม่รู้จะพูดอะไรคุณป้าของฉันพูดด้วยความเจ็บปวด "หลินเฟิง ออกไปก่อน ฉันอยากคุยกับลูกพี่ลูกน้องของแก""อ้อ"หลังจากหลินเฟิงออกไป ฉันก็ดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "แผลทั้งหมดบนตัวของคุณรักษาแล้วหรือยัง? มีจุดไหนที่พวกเขาพลาดไปหรือเปล่า?'"ไม่หรอก อาการบาดเจ็บพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงมาก มีหมอและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาห้ามไว้ เลยไม่ได้ร้ายแรงมาก"คุณป้าของฉันส่ายหัว ราวกับว่าเธออ่อนแอกว่าตอนที่ฉันเจอเธอครั้งล่าสุดมาก น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ "ฉันอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่เห็นด้วย..."ฉันถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง"หลินกั๋วอันไม่ใช่ฟู่ฉีชวน ไม่ใช่เร
"ฉันได้ยินมาว่าโจวฟางมาที่เมืองเจียงเฉิงครั้งนี้ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับอดีตคู่หมั้นของเขา""ฉันคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นคนทุ่มเทขนาดนั้น"ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีคนอย่างลู่สือเยี่ยนอยู่จริงๆ ที่ทั้งคู่ยึดติดกับใครบางคนที่พวกเขาพบตอนเป็นเด็กยึดมั่นในความผูกพันนั้นมาหลายปีลู่สือเยี่ยนยิ้มและไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่พูดว่า "พรุ่งนี้คุณอยู่บ้านไหม ฉันจะนำของขวัญมาฝากคุณหลังเลิกงาน""ของขวัญ?"ฉันใช้เวลาสักครู่เพื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อคืน ฉันพยักหน้า "แน่นอน ฉันจะกลับบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ เว้นแต่จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น"……วันรุ่งขึ้น ฉันนอนหลับจนกระทั่งตื่นขึ้นมาเองและสัมผัสขอบเตียงที่ว่างเปล่าเจียงไหลหายไปฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู จึงเห็นไลน์ที่เธอส่งมาให้ฉัน [ไปก่อนนะ ถ้าเฮ่อถิงเป็นโรคประสาทอีกเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาใหม่][นังตัวดี นอนกับฉันเสร็จก็หนีไปเลย]ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ขณะนอนเล่นโทรศัพท์อย่างขี้เกียจบนเตียงเหตุการณ์ระหว่างฟู่จินอันกับฟู่เหวินไห่ รวมถึงการเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างเธอและเวินฟางที่อำเภอ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ทำให้รา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเศรษฐีรุ่นสองที่พูดเรื่องเงินตลอดเวลา"ช่างมันเถอะ ฉันจะไปถามคนอื่น"ทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันก็ก้าวเดินเข้าไปข้างในฉันเพิ่งกลับมาถึง เจียงไหลก็ก้าวออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดจากการร้องไห้ “กลับบ้านกันเถอะ”"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?"ฉันหยิบเสื้อคลุมจากมือของเธอแล้วพาดไว้บนไหล่ของเธอเธอสูดหายใจและดวงตาของเธอแจ่มใส "อืม จากนี้ไป ไม่ว่าเขาจะแต่งงานหรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันก็ชื่นชมความเด็ดขาดของเธอ ความสามารถในการปล่อยวางอย่างหมดจดของเธอขณะที่กำลังเดินทางกลับบ้าน เจียงไหลกำลังรับผิดชอบการขับรถอยู่ ทันใดนั้น ฉันก็ได้รับสายจากลู่สือเยี่ยนหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นและถามว่า "หนานจือ คุณคือคนที่อยู่กับโจวฟางเมื่อกี้ใช่ไหม?"ฉันตกใจไปครู่หนึ่ง แต่ฉันไม่ได้โกหกเขา "ใช่ ฉันเอง... คุณรู้ได้ยังไง"โจวฟางปิดบังฉันไว้อย่างมิดชิดแม้แต่ฟู่ฉีชวนก็ถามแค่เรื่องรองเท้าเท่านั้นและถึงอย่างนั้น น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่แน่ใจแต่ลู่สือเยี่ยนเดาได้จริงๆ ว่าเป็นฉันทางโทรศัพท์ ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นค
ดูเหมือนว่าคนที่ตกลงกับฉันเมื่อวานไม่ใช่เขาฉันโกรธ และพูดไม่ออก "คุณไม่ได้สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกใครหรอกเหรอ?""?"โจวฟางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สิ่งที่ฉันสัญญากับคุณคือจะไม่บอกใครว่าคุณกำลังแอบดูและยังบันทึกวิดีโอด้วย""..."ไม่เป็นไรตามตรรกะนั้น เขาก็ไม่ได้ผิดเลย ดังนั้นเป็นความผิดของฉันที่ไม่อธิบายตัวเองให้ชัดเจนงั้นเหรอ?"คุณมีความแค้นต่อตระกูลฟู่หรือเปล่า?""ก็ไม่หนิ"โจวฟางมองฉันด้วยความสับสนแล้วพูดว่า "คุณไม่เข้าใจสงครามธุรกิจที่โหดร้ายเหรอ หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาก็ไม่ได้สอนเรื่องพวกนี้ให้คุณเลยเหรอ?"ฉันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะความตรงไปตรงมาของเขาช่างน่ากลัว และยังเป็นเพราะคำถามที่สองของเขาด้วยฉันบีบฝ่ามือแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ไม่"หลังจากติดตามฟู่ฉีชวนมาสามปี เขาสอนอะไรฉันบ้าง? ความเป็นอิสระ ความอดทน ความอดกลั้น และความทุ่มเท....นอกจากการรักษาระยะห่างอย่างสุภาพแล้ว เราไม่เคยมีบทสนทนาที่จริงจังเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกลอุบายของโลกธุรกิจคราวนี้ถึงคราวของโจวฟางที่ต้องตกตะลึง เขายกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจและพูดว่า "คุณน่าสนใจเลยทีเดียว""คุณก็น่าสนใจเหมื
ขอร้องเขาเหรอ?หัวเขากระแทกประตูหรือไง!ฉันปล่อยมือเขา ไม่สนใจอีกต่อไปว่าฟู่ฉีชวนหรือลู่สือเยี่ยนจะเห็นฉันหรือไม่ ฉันยอมแพ้และหันหลังเดินจากไปทันใดนั้น ดวงตาของฉันก็มืดลง เสื้อคลุมยาวของผู้ชายพร้อมฮู้ดถูกสวมทับตัวฉัน และฉันถูกนำทางอย่างชาญฉลาดกลับไปที่ราวบันได เพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นโดยคนสองคนนั้นกลิ่นมิ้นต์สดชื่นลอยเข้าจมูกของฉันฉันค่อนข้างเข้ากันได้กับโจวฟางฝีเท้าของฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะหยุดชะงักชั่วขณะ และฉันได้ยินเสียงที่ไม่สุภาพของโจวฟาง "ประธานฟู่ สนใจเรื่องส่วนตัวระหว่างคู่รักหนุ่มสาวมาก"ฟู่ฉีชวนดูเหมือนจะกำลังพินิจพิเคราะห์ เสียงของเขาทุ้มและอ่อนโยน "รองเท้าของแฟนคุณ ภรรยาของฉันดูเหมือนจะมีคู่เดียวกัน"หัวใจของฉันเต้นแรงนี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดของแบรนด์หนึ่ง ในเมืองเจียงเฉิงมีเพียงไม่กี่คู่เท่านั้น ซึ่งสามารถนับได้ด้วยมือเดียวแม้ว่าฉันจะไม่ได้แอบฟังความลับใดๆ เลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปอย่างเปิดเผย แต่ตอนนี้ที่โจวฟางเล่นกับฉันแบบนี้ ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อยฉันไม่กล้าขยับเลย"งั้นเหรอ?"โจวฟางหัวเราะเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าประธานฟู่จะไม่ค่อยสนใจภรรยาคน
ฉันอิ่มแล้ว ฉันเลยวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า "เธอตกลงที่จะพบเขาเหรอ?"“ใช่ ฉันตกลง”เจียงไหลช่วยฉันเก็บกล่องอาหารเดลิเวอรี่ “วันก่อนเขายังไม่โตเลย เขาไม่ฟังคำพูดของฉัน บางอย่างก็อธิบายทางโทรศัพท์ได้ยาก ฉันเลยคิดว่าจะพบเขาอีกครั้งแล้วค่อยเคลียร์กันให้เรียบร้อย”ฉันพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันสนับสนุนเธอ”"คุณจะไปกับฉันไหม?""ไปสิ"ฉันยิ้มและพูดเล่น: "ถ้าฉันไม่ไป แล้วถ้าเขามัดคุณแล้วขายคุณล่ะ"สถานที่ที่พวกเขานัดกันไว้ยังคงเป็นคลับเฮาส์เจียงไหลพาฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่างสบายๆ หลังจากคิดอยู่สักพัก ฉันก็พูดว่า "เธอเข้าไปเถอะ ถ้าฉันอยู่ด้วย เธอจะพูดอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลย ฉันจะเข้าไปทันที""โอเค"เจียงไหลพยักหน้าและผลักประตูเปิดออกฉันยืนอยู่หน้าประตู มองดูพนักงานเสิร์ฟถือจานผลไม้และจานเดินไปมา ฉันรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่ที่ดีนัก จึงเดินช้าๆ ไปที่สวนลอยฟ้าใกล้ๆเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ค่ำคืนในเมืองเจียงเฉิงจะชื้นและหนาวเย็นอย่างไรก็ตาม คลับเฮาส์แห่งนี้ได้ลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการออกแบบสวนลอยฟ้าที่สวยงามและหรูหราสวนหินไหลด้วยน้ำที่ไหลเอื่อยๆ และมีพืชหายากมากมายในฤดูใบไม้ร่วงแล
เจียงไหลจ้องมองอย่างว่างเปล่า"ไม่ได้งั้นเหรอ?""เป็นแบบนั้นนั่นแหละ"ฉันไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะโน้มน้าวชายคนนั้นให้ไปเอาใบหย่ามาได้เจียงไหลเห็นว่าฉันอารมณ์ไม่ดี เธอก็ปลอบใจฉัน: "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฝ่ายหนึ่งมีเจตนาที่จะจากไป มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ คุณได้บรรลุข้อตกลงในทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นใบหย่า มันก็ถือว่าคุณหย่าแล้ว"ฉันยิ้มและคุยกับเธอสักพัก จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนไป “แล้วเธอล่ะ เฮ่อถิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อตามหาเธอเหรอ?”ตอนที่เราย้ายบ้าน เฮ่อถิงช่วยเราย้ายบ้าน พูดถึงเรื่องนี้ พอนึกดูดีๆ ฉันยังติดเลี้ยงข้าวเขาอยู่เลยเขาคงยังจำที่อยู่นี้ได้ถึงแม้จะไม่รู้ แค่ถามฟู่ฉีชวนก็คงรู้แล้วเจียงไหลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของเธอแผ่วเบา "ไม่ เขาไม่กล้ามาบ้านคุณหรอก""ทำไมล่ะ?""เขากลัวฟู่ฉีชวนที่สุด""......"……ต่อมา ฉันไม่อยากทำอาหาร แต่ทักษะการทำอาหารของเจียงไหลน่าประทับใจมาก ฉันเลยสั่งอาหารเดลิเวอรี่แทนเจียงไหลกินข้าวและคุยเล่นในขณะที่ปัดโทรศัพท์เป็นครั้งคราวทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าตะลึงงันว่า “โอ้พระเจ้า แม่ลูกคู่นั้นทะเลาะกันที