เขายิ้มถาม "อยากให้พอหอมปากหอมคอ หรือว่ายิ่งใหญ่เอิกเกริกล่ะ?""ยิ่งใหญ่เอิกเกริกสิ"ฉันตอบอย่างไม่ลังเล"ยกให้ผมจัดการ"ลู่สือเยี่ยนพยักหน้าและพาฉันมาส่งที่รถ "ขับรถระวังด้วย มีอะไรก็โทรหาผม"เส้นเสียงนุ่มนวลชัดใส ราวกับมีเวทมนต์ปาฏิหาริย์ทำให้รู้สึกสงบฉันขับออกจากลานจอดรถ ขณะหยุดรถเพื่อจ่ายค่าจอดรถ ฉันก็มองกระจกมองหลังเห็นเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม รูปร่างสูงสง่า สายตามองไปยังทางที่ฉันกำลังขับไปถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขามีผู้หญิงที่รักมาหลายปีแล้ว ฉันคงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาแอบชอบฉันรึเปล่าฉันค่อยๆ ขับไปยังบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป ระหว่างทางก็โทรหาหลินเนี่ยน"อีกสิบนาที ฉันจะรออยู่ที่ลานจอดรถด้านล่าง""...พี่คะ"หลินเนี่ยนดูแปลกใจเล็กน้อย "ฉัน ฉันตอนนี้กำลังยุ่งมาก"น้ำเสียงฉันเลยเย็นชาขึ้นเล็กน้อย "งั้นให้ฉันขึ้นไปหาไหม?""เออ..งั้นฉันลงไปหาดีกว่าค่ะ"เดิมทีในใจของฉันยังก็แอบหวังอยู่ว่าบางทีอาจไม่ใช่เธอ อาจเพราะมีบางจุดที่ฉันประมาทเลินเล่อแต่เธอดูมีพิรุธชัดเจนเกินไปพอฉันไปถึง เธอก็รอฉันอยู่ตรงที่จอดรถที่ฉันมักจอด หน้าซีดเล็กน้อยหลังจากฉันลงจากรถก็ถามเข้าประเด็นทันที "ทำไมถึงทำ
เหตุการณ์ดำเนินมาเหมือนกับที่ฉันคาดไว้ทันทีที่ฉันออกจากบริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ป เรื่องนี้ก็จะแพร่สะพัดในวงการฉันถามลู่สือเยี่ยนแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นฟู่จินอันที่ให้คนปั่นข่าวนี้รองผอ.บริษัทแซ่ฟู่กรุ๊ปคัดลอกงานออกแบบอีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ถูกชักนำตามกระแสอย่างง่ายดาย ถึงอย่างไร คนที่ส่งผลงานออกแบบก่อนก็เป็นเธอจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ทุกคนเกลียดจนเข้ากระดูกดำ ด่าฉันเสียหายจนฟังไม่ได้"ไอพวกขี้ลอก ไม่สมควรได้ดิบได้ดี ไสหัวออกไปจากวงการออกแบบซะ!""เอาความดีของคนอื่นไปเป็นผลงานของตัวเอง ไปตายห่าให้หมดทั้งบ้านไป๊""หน้าไม่อายจริงๆ อยู่บริษัทเดียวกันแท้ๆ ยัยหร่วนอะไรนั่นกล้าลอกผลงานได้ไง?""..."ขณะฉันกำลังจะปิดมือถือ แอคเคาท์ทางการของ MS ก็โพสต์ประกาศ ประมานว่าให้ฉันกับฟู่จินอันไปตึกสำนักงาน MS พรุ่งนี้ เพื่อหาข้อสรุปของเรื่องคัดลอกผลงานและก็ยินดีให้เพื่อนร่วมสาขาอาชีพเข้ามาเผือกได้……วันต่อมา ฉันอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า แต่งหน้าอย่างบรรจง สวมส้นสูงเดินออกจากบ้านพอมาถึง หน้าประตูใหญ่ของตึกสำนักงาน MS ก็มีกลุ่มคนมารอเผือกอยู่แล้ว รวมไปถึงลู่สือเยี่ยนที่กำลังรอฉันอยู่ฉันสะพายกระเป๋าเ
ฉันอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างตกใจ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป ฉันพูดอย่างไม่ได้หยิ่งยโสแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตน "นักออกแบบทุกท่าน อรุณสวัสดิ์ ดิฉันหร่วนหนานจือ ที่มาในวันนี้ก็เพื่อต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้ทุกคนกระจ่างและเข้าใจตรงกัน"ฟู่จินอันก็พูดแทรกขึ้นมาทันที "คุณต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ใช่หรอ เริ่มเลยสิ?"เธอมั่นใจมากถ้าฉันไม่ได้มีนิสัยชอบเตรียมแผนสำรองไว้ ฉันคงอาจต้องเล่นไปตามเกมของเธอและหมดสิทธิจะแก้ตัว"งั้นขอเชิญทุกคนฟังคลิปเสียง"ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาและเปิดคลิปเสียงสนทนากับหลินเนี่ยนทันใดนั้นทุกคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ฟู่จินอันเหมือนจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอพูดอย่างใจเย็น "คลิปเสียงนี้พิสูจน์อะไรได้? หลินเนี่ยนคงเป็นผู้ช่วยของเธอใช่ไหม? ใครจะไปรู้ว่าพวกเธออาจจะแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมดก็ได้?""คุณพูดมีเหตุผล"ฉันพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ฉันเลยหยิบงานออกแบบต้นฉบับมาจากกระเป๋าของตัวเอง "ทุกท่านลองดู นี่คืองานออกแบบต้นฉบับของฉัน สามารถมองเห็นได้ชัดตรงจุดที่มีการแก้ไข งานออกแบบที่ฟู่จินอันส่งไป เป็นต้นฉบับรองสุดท้ายของฉัน ไม่ใช่ฉบับเสร็จสมบูรณ์"อันที่จริงฟู่
"ฉันไม่ได้เล่นละครเก่งเหมือนเธอ"ฉันพอพูดทิ้งเสร็จก็ไม่อยากจะข้องแวะกับเธอีก เลยหันหลังเดินกลับ"เธอห้ามไป! วันนี้เธอจะต้องอธิบายให้ฉันฟัง!"เธอจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา ขอเท้าพลิก เธอจงใจพุ่งกระโจนเข้ามาหาฉันส่วนข้างฉันๆ ก็คือบ่อน้ำพุขนาดใหญ่!ฉันถูกเธอกระแทกใส่จนพลิกล้มตกลงไปในบ่อน้ำพุ ส่วนฉันก็คว้าแขนเธอเอาไว้พาเธอลงไปด้วยกัน!เธอชอบลากคนไปตายด้วยไม่ใช่หรือไงงั้นก็ไปด้วยกันน้ำเย็นจนถึงกระดูก พริบตาก็ทำให้เปียกซกไปทั้งตัว น้ำเข้าจมูกเข้าปากอย่างไม่ทันตั้งตัว!ยังดีน้ำในบ่อไม่ลึก ฉันควานมือไปทั่ว ขณะกำลังหาควานหาที่จับ มือใหญ่ข้างหนึ่งก็เข้ามาคว้าฉันไว้แน่น"หนานจือ!"วินาทีต่อมา ฉันก็ถูกคนลากขึ้นมาห่อไว้ในเสื้อคลุมและตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นฉันสำลักจนไอไม่หยุด ยังไม่ทันหยุดไอก็ได้ยินลู่สือเยี่ยนตะคอกไปยังบ่อน้ำพุตรงที่มีเสียงตะเกียกตะกาย "ห้ามช่วยเธอ ให้เธอปีนขึ้นมาเอง!"เสียงดุดันเกรงขาม ราวกับพญามัจจุราชคืบคลานขึ้นมาจากนรกทันใดนั้นพวกรปภ.ก็ไม่กล้าเดินเข้าไปฉันมองไม่เห็นสีหน้าของลู่สือเยี่ยนเพราะย้อนแสง ตอนลมหนาวพัดผ่าน ฉันหนาวจนสั่นไปทั้งตัว คนที่อุ้มกอดฉันอยู่จู่ๆ ก็ว
พอเห็นท่าทีของเขา ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกความรู้สึกดีใจนี้ กระตุ้นให้ฉันพูดออกมามากขึ้นฉันมึนหัวตาลาย เหมือนจะตัวร้อน ทว่าสติกลับตื่นตัวสุดขีด ไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้ระบาย รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ระบายฉันสบมองดวงตาสีดำของเขา ฉันฝืนยิ้มออกมาและพูดอย่างโหดร้าย "ใช่ ตอนตรวจเจออายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์พอดี เด็กตัวเล็กมาก ยังไม่มีหัวใจด้วยซ้ำก็ดันมาแท้งเสียก่อน ช่วงนั้นฉันมักจะปวดท้องก็เพราะตั้งท้อง"ฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างลำบากใจและเอ่ยปากพูด "ทำไม...ไม่บอกผม?""ฉันได้ผลตรวจตอนครบรอบแต่งงานสามปีพอดี ฉันดีใจมากๆ อดทนรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวนี้กับคุณ กลับบ้านมาก็ตั้งใจเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนสำหรับวันครบรอบแต่งงานสามปี ฉันอุตส่าห์เอาผลตรวจไปซ่อนไว้ในเค้กกับมือ หวังจะเซอร์ไพรส์คุณ...""ผมไม่เห็นเค้กเลย...""วันนั้นคุณไม่ได้สนใจฉันเลย!"ฉันหัวเราะ "คุณอยู่กับฟู่จินอัน คุณเอาสร้อยคอที่ฉันชอบและอยากได้มานานสวมให้บนคอของเธอเอง คุณลืมวันครบรอบแต่งงานของเรา คุณมัวแต่ฉลองการหย่าของเธอ!""ผ่านมาอีกสองสามวัน ฉันขอให้คุณไปตรวจสุขภาพกับฉันที่โรงพยาบาล ซึ่งอันที่จริงก็เพื่ออยากให้คุณรับ
รู้สึกเหมือนว่ายังระบายออกมาไม่พอ ฉันยิ้มหัวเราะและกล่าว "ฟู่ฉีชวน ตอนฉันแท้ง คุณกลับไปอยู่กับคนอื่น ตอนฉันออกมาจากห้องผ่าตัด คุณตบหน้าฉันอย่างแรง ถามฉันว่าทำไมไม่เข้าไปขวางหล่อน ก็เพราะว่าฉันท้องเหมือนกันไง...ฉันกลัวบาดเจ็บ...ฉันเลยไม่กล้า! คำตอบนี้ ตอนนี้คุณพอใจรึยัง?""หนานจือ..."นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าใจหายของเขา เขาเอื้อมมือออกมาต้องการจะคว้ามือของฉันใครจะไปรู้ มือคู่หนึ่งได้เข้ามาขวางเขาไว้อย่างฉับพลัน!ลู่สือเยี่ยนจู่ๆ ก็กลับมา เขาดูอ่อนโยนแต่แฝงความคมคาย "คุณมาคิดบัญชีแทนฟู่จินอันใช่ไหม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมและหนานจือ"ฟู่ฉีชวนกลับมาดูเย็นชาเหมือนอย่างเช่นเคย เขายิ้มเยาะ "บัญชีแค้นของนาย ยังมีเวลาอีกนาน นายไม่ต้องรีบหรอก""..."ฉันรู้นิสัยของฟู่ฉีชวน เลยอดพูดไม่ได้ "รุ่นพี่ลู่ทำเพื่อช่วยฉัน ไม่จำเป็นต้องไปลงกับเขา ถ้าคุณอยากออกหน้าช่วยคนรักของคุณ คุณมาลงกับฉันก็พอ"ฟู่ฉีชวนไม่พอใจที่ฉันออกตัวปกป้องเขา แต่เพราะรู้สึกผิด เลยต้องอดทน เขาคว้าข้อมือของฉัน "กลับบ้านกับผม""พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว!"ฉันสลัดข้อมือออก ทว่ากลับรู้สึกเหมือนบ้านหมุน เลยค้ำโต๊ะ
ตลอดทางไปที่โรงพยาบาล ฉันเอนตัวพิงอยู่ที่นั่งข้างคนขับ คิดถึงตอนก่อนออกมา สีหน้าสลดสิ้นหวังของฟู่ฉีชวน หัวใจเหมือนถูกใครบีบมะนาวใส่ (บีบมะนาวใส่ หมายถึง ทำให้เจ็บปวดรวดร้าว)ทรมานสุดจะพรรณาทว่าพอได้ระบายออกไปแล้ว ความรู้สึกอัดอั้นในอ้อมอกของฉันก็ผ่อนคลายลงไปได้มากจริงๆ!ใช่เราสองคนเสียลูกไปทำไมฉันต้องมาทนทรมานอยู่คนเดียวเขาสมควรต้องเจ็บปวด เจ็บปวดไปพร้อมกับฉันลู่สือเยี่ยนใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัย อีกมือเอื้อมมือสัมผัสหน้าผากของฉัน สีหน้ากังวล "คุณตัวร้อนหนักมาก""ไม่เป็นไร ก็แค่เป็นหวัด ฉีดยาหน่อยก็หายแล้ว"ฉันส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจถึงยังไง ลูกก็ไม่ได้อยู่ในท้องแล้ว เป็นหวัดเป็นไข้ กินยาฉีดยาเดี๋ยวก็หายMS อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเซิ่งซินมากสุด ลู่สือเยี่ยนกลัวว่าจะเสียเวลา เลยไม่ได้ไปโรงพยาบาลอื่น ส่วนฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้โรงพยาบาลออกใหญ่โต ถ้าไม่ตั้งใจจะเจอกันคงไม่มีทางจะเจอกันได้ใครจะไปรู้ พอพวกเราจอดรถและเปิดประตูออกมา ผอ.ก็พาแพทย์คนหนึ่งและพยาบาลอีกสองคนรีบมารอต้อนรับ"คุณนายฟู่"ผอ.ส่งสายตาให้พยาบาลเข้ามาพยุงฉัน เขากระแอมเสียงและพูดอย่างเป็นกันเอง "รองประธาน
หลังจากหมอเดินมาจากข้างหลังหลังผอ.เพื่อตรวจอาการ ก็จ่ายยาให้ฉันทันทีโดยไม่ต้องตรวจเลือดพร้อมกับให้พยาบาลไปเอายามาให้ จากนั้นก็ให้น้ำเกลือฉันตอนจะให้น้ำเหลือ ฉันก็กลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ อดไม่ได้ที่จะชักมือกลับ จากนั้นมือใหญ่อันอุ่นสบายก็เข้ามาปิดตาฉัน "อย่ากลัว เข็มฉีดเข้าไปแล้ว"หัวใจฉันรู้สึกสงบลงเล็กน้อย ขณะที่กำลังผ่อนคลาย เข็มก็แทงเข้าไปในเส้นเลือดฉันตอนนั้นฉันเอามือออกและเงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนอย่างจนปัญญา "รุ่นพี่ก็รู้จักโกหกคนอื่นเป็นเหมือนกันหรอ?""โกหกหน้าตายเลยล่ะ"เขายิ้มเบาๆหลังจากพยาบาลประคองฉันขึ่นไปบนเตียงก็เอาแผ่นแปะลดไข้แปะให้ฉัน จากนั้นผอ.และคนอื่นๆ ก็ขอตัวพอติดแผ่นแปะลดไข้ก็รู้สึกเย็นผ่อนคลาย ทันใดนั้นฉันรู้สึกสบายขึ้นมากลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยและชี้ออกไปข้างนอก แววตาเขาอบอุ่นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างลังเลและระแวดระวัง "เมื่อกี้ทำคุณตกใจหรอ?""อืม?"ฉันนิ่งไป ทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าเขาหมายถึงเรื่องที่โมโหใส่ฟู่จินอัน ฉันส่ายหัว "ไม่ถึงขั้นตกใจ ก็แค่ไม่คาดคิด"เขาเม้มปาก "ไม่คิดว่าผมจะอารมณ์เสียแบบนั้นใช่ไหม?"ฉันคิด "อืม...ก็ไม่ขนาดนั้น ก็แค่เห
"แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ
ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท