พอเห็นท่าทีของเขา ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกความรู้สึกดีใจนี้ กระตุ้นให้ฉันพูดออกมามากขึ้นฉันมึนหัวตาลาย เหมือนจะตัวร้อน ทว่าสติกลับตื่นตัวสุดขีด ไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้ระบาย รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ระบายฉันสบมองดวงตาสีดำของเขา ฉันฝืนยิ้มออกมาและพูดอย่างโหดร้าย "ใช่ ตอนตรวจเจออายุครรภ์ได้ 5 สัปดาห์พอดี เด็กตัวเล็กมาก ยังไม่มีหัวใจด้วยซ้ำก็ดันมาแท้งเสียก่อน ช่วงนั้นฉันมักจะปวดท้องก็เพราะตั้งท้อง"ฟู่ฉีชวนมองฉันอย่างลำบากใจและเอ่ยปากพูด "ทำไม...ไม่บอกผม?""ฉันได้ผลตรวจตอนครบรอบแต่งงานสามปีพอดี ฉันดีใจมากๆ อดทนรอไม่ไหวที่จะบอกข่าวนี้กับคุณ กลับบ้านมาก็ตั้งใจเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนสำหรับวันครบรอบแต่งงานสามปี ฉันอุตส่าห์เอาผลตรวจไปซ่อนไว้ในเค้กกับมือ หวังจะเซอร์ไพรส์คุณ...""ผมไม่เห็นเค้กเลย...""วันนั้นคุณไม่ได้สนใจฉันเลย!"ฉันหัวเราะ "คุณอยู่กับฟู่จินอัน คุณเอาสร้อยคอที่ฉันชอบและอยากได้มานานสวมให้บนคอของเธอเอง คุณลืมวันครบรอบแต่งงานของเรา คุณมัวแต่ฉลองการหย่าของเธอ!""ผ่านมาอีกสองสามวัน ฉันขอให้คุณไปตรวจสุขภาพกับฉันที่โรงพยาบาล ซึ่งอันที่จริงก็เพื่ออยากให้คุณรับ
รู้สึกเหมือนว่ายังระบายออกมาไม่พอ ฉันยิ้มหัวเราะและกล่าว "ฟู่ฉีชวน ตอนฉันแท้ง คุณกลับไปอยู่กับคนอื่น ตอนฉันออกมาจากห้องผ่าตัด คุณตบหน้าฉันอย่างแรง ถามฉันว่าทำไมไม่เข้าไปขวางหล่อน ก็เพราะว่าฉันท้องเหมือนกันไง...ฉันกลัวบาดเจ็บ...ฉันเลยไม่กล้า! คำตอบนี้ ตอนนี้คุณพอใจรึยัง?""หนานจือ..."นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าใจหายของเขา เขาเอื้อมมือออกมาต้องการจะคว้ามือของฉันใครจะไปรู้ มือคู่หนึ่งได้เข้ามาขวางเขาไว้อย่างฉับพลัน!ลู่สือเยี่ยนจู่ๆ ก็กลับมา เขาดูอ่อนโยนแต่แฝงความคมคาย "คุณมาคิดบัญชีแทนฟู่จินอันใช่ไหม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมและหนานจือ"ฟู่ฉีชวนกลับมาดูเย็นชาเหมือนอย่างเช่นเคย เขายิ้มเยาะ "บัญชีแค้นของนาย ยังมีเวลาอีกนาน นายไม่ต้องรีบหรอก""..."ฉันรู้นิสัยของฟู่ฉีชวน เลยอดพูดไม่ได้ "รุ่นพี่ลู่ทำเพื่อช่วยฉัน ไม่จำเป็นต้องไปลงกับเขา ถ้าคุณอยากออกหน้าช่วยคนรักของคุณ คุณมาลงกับฉันก็พอ"ฟู่ฉีชวนไม่พอใจที่ฉันออกตัวปกป้องเขา แต่เพราะรู้สึกผิด เลยต้องอดทน เขาคว้าข้อมือของฉัน "กลับบ้านกับผม""พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว!"ฉันสลัดข้อมือออก ทว่ากลับรู้สึกเหมือนบ้านหมุน เลยค้ำโต๊ะ
ตลอดทางไปที่โรงพยาบาล ฉันเอนตัวพิงอยู่ที่นั่งข้างคนขับ คิดถึงตอนก่อนออกมา สีหน้าสลดสิ้นหวังของฟู่ฉีชวน หัวใจเหมือนถูกใครบีบมะนาวใส่ (บีบมะนาวใส่ หมายถึง ทำให้เจ็บปวดรวดร้าว)ทรมานสุดจะพรรณาทว่าพอได้ระบายออกไปแล้ว ความรู้สึกอัดอั้นในอ้อมอกของฉันก็ผ่อนคลายลงไปได้มากจริงๆ!ใช่เราสองคนเสียลูกไปทำไมฉันต้องมาทนทรมานอยู่คนเดียวเขาสมควรต้องเจ็บปวด เจ็บปวดไปพร้อมกับฉันลู่สือเยี่ยนใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัย อีกมือเอื้อมมือสัมผัสหน้าผากของฉัน สีหน้ากังวล "คุณตัวร้อนหนักมาก""ไม่เป็นไร ก็แค่เป็นหวัด ฉีดยาหน่อยก็หายแล้ว"ฉันส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจถึงยังไง ลูกก็ไม่ได้อยู่ในท้องแล้ว เป็นหวัดเป็นไข้ กินยาฉีดยาเดี๋ยวก็หายMS อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเซิ่งซินมากสุด ลู่สือเยี่ยนกลัวว่าจะเสียเวลา เลยไม่ได้ไปโรงพยาบาลอื่น ส่วนฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้โรงพยาบาลออกใหญ่โต ถ้าไม่ตั้งใจจะเจอกันคงไม่มีทางจะเจอกันได้ใครจะไปรู้ พอพวกเราจอดรถและเปิดประตูออกมา ผอ.ก็พาแพทย์คนหนึ่งและพยาบาลอีกสองคนรีบมารอต้อนรับ"คุณนายฟู่"ผอ.ส่งสายตาให้พยาบาลเข้ามาพยุงฉัน เขากระแอมเสียงและพูดอย่างเป็นกันเอง "รองประธาน
หลังจากหมอเดินมาจากข้างหลังหลังผอ.เพื่อตรวจอาการ ก็จ่ายยาให้ฉันทันทีโดยไม่ต้องตรวจเลือดพร้อมกับให้พยาบาลไปเอายามาให้ จากนั้นก็ให้น้ำเกลือฉันตอนจะให้น้ำเหลือ ฉันก็กลัวขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ อดไม่ได้ที่จะชักมือกลับ จากนั้นมือใหญ่อันอุ่นสบายก็เข้ามาปิดตาฉัน "อย่ากลัว เข็มฉีดเข้าไปแล้ว"หัวใจฉันรู้สึกสงบลงเล็กน้อย ขณะที่กำลังผ่อนคลาย เข็มก็แทงเข้าไปในเส้นเลือดฉันตอนนั้นฉันเอามือออกและเงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนอย่างจนปัญญา "รุ่นพี่ก็รู้จักโกหกคนอื่นเป็นเหมือนกันหรอ?""โกหกหน้าตายเลยล่ะ"เขายิ้มเบาๆหลังจากพยาบาลประคองฉันขึ่นไปบนเตียงก็เอาแผ่นแปะลดไข้แปะให้ฉัน จากนั้นผอ.และคนอื่นๆ ก็ขอตัวพอติดแผ่นแปะลดไข้ก็รู้สึกเย็นผ่อนคลาย ทันใดนั้นฉันรู้สึกสบายขึ้นมากลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ เตียงผู้ป่วยและชี้ออกไปข้างนอก แววตาเขาอบอุ่นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างลังเลและระแวดระวัง "เมื่อกี้ทำคุณตกใจหรอ?""อืม?"ฉันนิ่งไป ทันใดนั้นก็รู้ตัวว่าเขาหมายถึงเรื่องที่โมโหใส่ฟู่จินอัน ฉันส่ายหัว "ไม่ถึงขั้นตกใจ ก็แค่ไม่คาดคิด"เขาเม้มปาก "ไม่คิดว่าผมจะอารมณ์เสียแบบนั้นใช่ไหม?"ฉันคิด "อืม...ก็ไม่ขนาดนั้น ก็แค่เห
ฉันคลำหาสวิทช์เปิดไฟในความมืด ฉันหันมองไปทางประตูพบว่าประตูปิดสนิทแสดงว่าเจียงไหลไม่ใช่คนปิดประตูคืนวันนี้เจียงไหลนอนเฝ้าไข้ฉัน เธอกลัวว่าจะส่งผลต่อการนอนหลับของฉันจนสุขภาพกลับมาหายดีช้า เธอเลยยืนกรานจะไปนอนบนโซฟาห้องรับแขก แต่ก็กลัววันฉันเป็นอะไรแล้วเรียกเธอไม่ได้ยิน ดังนั้นเลยปิดประตูแค่ครึ่งบานตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนเคยเดินเข้ามาเป็นเขาหรอ...ฉันไม่รู้แต่ว่ามันไม่สำคัญหรอก……เช้าวันรุ่งขึ้น พอตื่นขึ้นมา ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมากพยาบาลเอาอาหารเช้า ผลไม้และรังนกมาให้สองชุด จัดเต็มมากเจียงไหลน้ำลายสอ "โรงพยาบาลพวกคุณใจกว้างจริงๆ"พยาบาลยิ้ม "ก็เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วค่ะ แต่ว่า ห้องพักผู้ป่วยของพวกคุณได้รับการดูแลโภชนาเป็นพิเศษจากผอ.เพื่อคุณนายฟู่โดยเฉพาะค่ะ"พอพูดจบ พยาบาลก็วัดอุณหภูมิและตรวจวัดค่าต่างๆ "คุณนายฟู่ยังมีไข้อยู่เล็กน้อย คุณทานอาหารเช้าก่อน เดี๋ยวฉันจะตามอาจารย์เฟิงมาดูอาการให้ค่ะ"จนกระทั่งพยาบาลออกไป เจียงไหลก็ส่งสายตาแคลงใจมาให้ฉัน "ดูท่าพวกเธอจะหย่ากันจริงๆ ใช่ไหม?""แล้วยังไง ?""แล้วอาหารเช้านี้...ยังทานได้ไหม?"เธอมุ่ยปากหันไปทางอาหารเช้าห
ฉันรู้สึกตื่นตัวและรีบถาม "คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องหย่าเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา แต่คุณปู่ดีกับฉันมาตลอด ฉันไม่อยากให้คุณปู่ต้องจากไปโดยไม่ทราบสาเหตุแท้จริง"ฉันแสดงความมั่นใจให้เขาได้เห็น ลุงเฉิงในที่สุดก็พูดออกมา เขาเอาซองใสปิดผนึกออกมาซองหนึ่ง ข้างในมีแค่ยาเม็ดเล็กๆ เม็ดเดียวยาเม็ดนั้นฉันเห็นจนชินตามันเป็นยารักษาอาการฉุกเฉินซึ่งมักใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของคุณปู่ลุงเฉิงกล่าว "นี่เป็นยาที่คนใช้พบอยู่ใต้พรมตรงโต๊ะหนังสือในห้องทำงานของคุณท่านเมื่อสองวันก่อนตอนทำความสะอาด"ฉันรับเอามาดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวจนเสียวสันหลังวาบอากาศในเมืองเจียงเฉิงถือว่าค่อนข้างชื้น หากยาตกลงไปบนพื้นเป็นเวลานาน ยาจะต้องมีลักษณะชิ้นๆ แฉะๆแต่ยาในซองนั้น กลับไม่ได้มีลักษณะชิ้นเลยน้ำเสียงฉันกังวล "คฤหาสน์หลังเก่าทำความสะอาดครั้งก่อนเมื่อไหร่คะ?""เราทำความสะอาดครั้งใหญ่ก่อนคุณท่านจะเป็นอะไรไปหนึ่งวันพอดี"เห็นได้ชัดว่าลุงเฉิงก็คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน เขาถึงตอบได้อย่างทันที สีหน้าดูเคร่งขรึมเล็กน้อยกล่าวได้ว่าข้อสังเกตุทั้งหมดบ่งบอกว่ายาของคุณปู่หล่นลงพื้นในวันที่ท่านจา
ลุงเฉิงฝืนสีหน้าหันมามองเธอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังไม่พอใจ!"คุณท่านจากไปได้ไม่กี่วัน? คุณในฐานะคนรุ่นลูกก็ลืมสิ่งที่คุณท่านพูดเอาไว้ก่อนจากไปแล้วหรือยังไง? นายหญิงตระกูลฟู่คือคุณหนานจือคนเดียวเท่านั้น!""คนอกตัญญูอย่างคุณ คิดอยากเป็นคนตระกูลฟู่ ตัวเองคู่ควรรึไง?!"ลุงเฉิงเลยถือโอกาศถากถางเธอและถ่มน้ำลายใส่ต่อหน้า! ก่อนจะหันมามองฉันและพูดอย่างเคารพ "นายหญิง ผมขอตัวก่อน คุณเองก็รีบเข้าไปพักเถอะ เดี๋ยวพวกแมวพวกหมาจะคุ้มคลั่งแว้งมาทำร้าย!"ทันใดนั้นก็พาคนใช้เดินออกไปอย่างไม่แยแส บรรยากาศของเขาชวนให้นึกตอนคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่"แปลกจริงๆ จู่ๆ ก็เป็นบ้าอะไรขึ้นมา!"ฟู่จินอันถูกลุงเฉิงยั่วโมโหจนตกตะลึงอ้าปากค้าง เธอแสยะยิ้มถลึงตาหันมามองฉัน "ตระกูลฟู่ตั้งแต่คนแก่ยันรุ่นหลาน ตอนนี้ขนาดคนใช้ก็ยังถูกเธอหว่านล้อมจนหลงเชื่อแล้วสินะ?!""หรืออาจเพราะเธอมันน่าหมั่นไส้?"ฉันเถียงกลับเธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทันใดนั้นเจียงไหลก็เดินออกมา ริมฝีปากสีแดงกล่าวยั่วโมโหเธอ "มาอีกแล้วหรอ ชอบโดนฉันด่าหรือไง? เมื่อวานกลับบ้านคงคิดว่าฉันด่าเป็นเรื่องจริง เลยรู้สึกเปรี้ยวปากอยากโดนด่าอีกล่ะสิ?""แก! แก
"..."ฉันไม่คิดว่าหลินกั๋วอันจะเลวได้ถึงขั้นนี้ ฉันขมวดคิ้ว "งั้นคุณลุงเขาทราบรหัสไหมคะ?""ป้า ป้ากลัวว่าตัวเองจะจำรหัสไม่ได้ก็เลย..."สีหน้าของคุณป้าเสียใจอย่างมาก "ตั้งรหัสเป็นรหัสเดียวกันกับ ATM ของบัญชีในบ้าน""...""..."ฉันกับเจียงไหลจนปัญญาหลินกั๋วอันเป็นคนกะล่อนหลอกเงินขโมยเงิน พอได้บัตร ATM ไป เขาต้องโอนเงินก่อนเป็นอันดับแรกตอนนี้ไปธนาคารก็คงจะไม่ทันแต่ว่าเมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ฉันกังวลอีกเรื่องมากกว่า "คุณลุงเขาเริ่มติดพนันอีกแล้วใช่ไหมคะ?""อืม..."คุณป้าปาดน้ำตาพร้อมกับกัดฟันพูด "อันที่จริงหลายปีมานี้ เขาไม่เคยเลิกติดพนันได้เลย ดังนั้นป้าเลยไม่กล้าให้เขารู้ว่าหลานแต่ละเดือนโอนให้ป้าเท่าไหร่ ไม่คาดคิดว่าไอแก่สารเลวคนนี้จะกล้าขโมยเงินค่ารักษาของป้า!""งั้นป้าทำไมไม่หย่ากับเขาให้มันสิ้นเรื่องไปเลย? การพนันมีแต่จะเสียกับเสีย!" เจียงไหลฟังก็รู้สึกโกรธ อดไม่ได้ที่จะพูด"ครั้งนี้..."คุณป้าเงยหน้าขึ้นมามองฉัน กล่าวอย่างรู้สึกผิด "หย่าแน่นอน ป้าจะหย่าแน่นอน ถ้าป้าหย่ากับเขาเร็วกว่านี้ หลายปีนี้หลานก็คงไม่ต้องลำบาก"ฉันไม่รู้ว่าตัวเองนึกอะไรขึ้นมา ถึงได้นึกถึงตอนก่
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี