"..."ฉันไม่คิดว่าหลินกั๋วอันจะเลวได้ถึงขั้นนี้ ฉันขมวดคิ้ว "งั้นคุณลุงเขาทราบรหัสไหมคะ?""ป้า ป้ากลัวว่าตัวเองจะจำรหัสไม่ได้ก็เลย..."สีหน้าของคุณป้าเสียใจอย่างมาก "ตั้งรหัสเป็นรหัสเดียวกันกับ ATM ของบัญชีในบ้าน""...""..."ฉันกับเจียงไหลจนปัญญาหลินกั๋วอันเป็นคนกะล่อนหลอกเงินขโมยเงิน พอได้บัตร ATM ไป เขาต้องโอนเงินก่อนเป็นอันดับแรกตอนนี้ไปธนาคารก็คงจะไม่ทันแต่ว่าเมื่อเทียบกับเรื่องนี้ ฉันกังวลอีกเรื่องมากกว่า "คุณลุงเขาเริ่มติดพนันอีกแล้วใช่ไหมคะ?""อืม..."คุณป้าปาดน้ำตาพร้อมกับกัดฟันพูด "อันที่จริงหลายปีมานี้ เขาไม่เคยเลิกติดพนันได้เลย ดังนั้นป้าเลยไม่กล้าให้เขารู้ว่าหลานแต่ละเดือนโอนให้ป้าเท่าไหร่ ไม่คาดคิดว่าไอแก่สารเลวคนนี้จะกล้าขโมยเงินค่ารักษาของป้า!""งั้นป้าทำไมไม่หย่ากับเขาให้มันสิ้นเรื่องไปเลย? การพนันมีแต่จะเสียกับเสีย!" เจียงไหลฟังก็รู้สึกโกรธ อดไม่ได้ที่จะพูด"ครั้งนี้..."คุณป้าเงยหน้าขึ้นมามองฉัน กล่าวอย่างรู้สึกผิด "หย่าแน่นอน ป้าจะหย่าแน่นอน ถ้าป้าหย่ากับเขาเร็วกว่านี้ หลายปีนี้หลานก็คงไม่ต้องลำบาก"ฉันไม่รู้ว่าตัวเองนึกอะไรขึ้นมา ถึงได้นึกถึงตอนก่
ฉันลุกขึ้นมานั่ง เอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟตรงหัวเตียง ทันใดนั้นภายในห้องก็สว่างฉันยังไม่ทันตั้งตัวก็เห็นสภาพเขาดูน่าเวทนาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนชายซึ่งสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด คางเต็มไปด้วยหนวดเคราขึ้นจนเข้ม ขอบตาดำลึกอย่างมาก ราวกับว่าไม่ได้มาหลายวัน ดูโทรมแซ่ฟู่กรุ๊ปเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงทำให้เขายุ่งจนอยู่ในสภาพนี้ฉันขมวดคิ้วเล็กๆ "ฉันว่าคุณเอาเวลามาเฝ้าฉันไปนอนสักงีบดีกว่า"นิ้วเรียวจนเห็นกระดูกได้ชัดจับตรงปมเน็กไทและดึงลงมา มุมปากเผยรอยยิ้มขมขื่น "ผมรับรู้ความรู้สึกที่ต้องเสียลูกไปของคุณแล้ว"ฉันกำมือแน่นและหันไปพูดแดกดันใส่เขา "ฟู่ฉีชวน ฉันไม่ต้องการให้คุณมารู้สึกเห็นใจ ฉันขอแค่คุณจำเอาไว้ตลอดว่าลูกคนแรกของคุณ เป็นคุณที่ฆ่าเองกับมือก็พอแล้ว"ดวงตาสีดำของเขาเผยให้เห็นความเจ็บปวด ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อยพร้อมกับเสียงค่อนข้างๆ แหบพร่า "คุณ...เกลียดผมขนาดนี้เลยหรอ?""ใช่"ฉันยอมรับอย่างตรงไปตรงมา "ฉันเกลียดคุณกับฟู่จินอัน ถ้าคุณรู้สึกว่าติดค้างฉันกับลูก งั้นเดือนหน้าคุณแค่ไปรับใบสำคัญหย่าที่อำเภอตามกำหนดการก็พอ""...ได้"เขากลืนน้ำลายพร้อมกับพรุบสายตามองต่ำ พูดอย่างคลุมเครือ "แล้ว
เจียงไหลเป็นนักช้อปตัวยง เธอลากฉันเดินไม่หยุดเธอบอกว่าไหนๆ ได้ลาออกทั้งทีก็ต้องให้รางวัลกับตนเองที่ทำงานหนักมาตลอดสี่ปีสักหน่อย"เธอดูสิ นังนั่นใช่ยัยปาเต็กฟิลิปป์รึเปล่า?"ขณะเดินผ่านเคาน์เตอร์แบรนด์ร้านหนึ่ง เธอจู่ๆ ก็ชี้ไปด้านในร้านฉันเหลือบหันไปดู "เธอจริงๆ"กำลังลองสะพายกระเป๋าใบละหลายแสน เธอตั้งใจจะซื้อแน่ๆฟู่ฉีชวนใจกว้างกับหล่อนจริงๆฉันไม่มีอารมณ์จะสนใจเธอต่อ เลยลากเจียงไหลออกมา เจียงไหลเพ่งสายตามอง เธอคว้าฉันไปหลบด้านหลังเสากลม!ฉันไม่เข้าใจ มองเธอพร้อมกับใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม "???"เธอกล่าวอย่างตกใจ "พ่อสามีเธอ!""พ่อสามีฉัน?""ใช่ พ่อสามีเธอกำลังช้อปปิ้งกับยัยปาเต็กฟิลิปป์นั่น!" เจียงไหลสีหน้าเหมือนกับเจอเผือกร้อนๆ"มันก็ปกติไม่ใช่หรือไง"ฉันยิ้ม "ตั้งแต่เด็ก นางนั่นคือแก้วตาดวงใจของพ่อสามีฉัน"ขนาดฟู่ฉีชวน ยังไม่เคยได้รับความรักจากพ่อของเขาแม้แต่น้อย ความรักทั้งหมดยกให้กับฟู่จินอันเจียงไหลขมวดคิ้วสงสัย จากนั้นก็ชะเง้อหน้าออกไปดูอย่างระมัดระวัง หันกลับมามองฉันอย่างสงสัย "ยัยปาเต็กฟิลิปป์นั่นคล้องแขนพ่อสามีเธอด้วย ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ลูกเลี้ย
พนักงานเติมสต็อกคนหนึ่งผลักรถสินค้าผ่านมา ขัดจังหวะพูด "โทษนะครับ ขอผ่านไปหน่อย"ฉันคว้าเจียงไหลให้หลีกถอยหลังและถาม "เมื่อกี้เธอพูดอะไร?""หล่อนคงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อสามีเธอใช่ไหมล่ะ?"เจียงไหลทำสีหน้าสนอกสนใจฉันขมวดคิ้ว "ไม่ขนาดนั้นหรอก...หล่อนอายุมากกว่าฟู่ฉีชวนตั้งสองปี"ถ้าจะนอกใจ มันก็ไม่ควรจะเร็วขนาดนั้น?"จะไม่ใช่ได้ยังไง?"เจียงไหลไม่ได้คิดเช่นนั้นและพูดซุบซิบนินทาพวกคนรวยอย่างตื่นเต้น "ตระกูลเศรษฐีของพวกเขามั่วเละเทะกันจะตาย ในบ้านมีเมียคนนึงแล้ว ข้างนอกก็ยังมีบ้านเล็กบ้านน้อย พวกเขาก็ทำกันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง?""แต่ว่า..."ฉันกลับรู้สึกว่าไม่ถูก "ถ้าหากฟู่จินอันคือลูกสาวแท้ๆของเขา ท่านปู่เกลียดฟู่จินอันขนาดนั้น เขาทำไมไม่ไปบอกคุณปู่?"กับหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แน่นอนว่าต้องปฏิบัติต่างออกไปเจียงไหลไหลพอได้ยินก็เห็นด้วยและพูดอย่างไม่เข้าใจ "เธอพูดก็ถูก? ถ้าฟู่จินอันเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา เขาจะให้ฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอันคบกันโดยยืนมองเฉยๆ เนี่ยนะ แบบนั้นมันผิดประเวณีไม่ใช่หรือไง?"ฉันพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงไหลทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา "ไม่สิ ยังไงก็แปลก คิดยังไ
"..."เจียงไหลหันควับมามองตาฉัน เธอส่งสายตาเป็นนัยน์จนแทบจะถลนออกมาฉันแปลกใจเล็กน้อย แต่พอเห็นท่าทีอันเฉยเมยราวกับลมสงบของลู่สือเยี่ยน ฉันรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้หมายถึงอย่างที่เจียงไหลเข้าใจอีกอย่าง ลู่สือเยี่ยนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ชอบมาตั้ง 20 ปี เขาจะมารู้สึกอะไรกับคนที่เพิ่งหย่าอย่างฉันลู่สือเยี่ยนรินน้ำข้าวโพดให้ฉัน "ยังไม่ต้องรีบตอบ คุณเอาไปคิดก่อน""ค่ะ"ในใจของฉันยังรู้สึกเต้นไม่เป็นส่ำถึงอย่างไรก็เป็นแบรนด์ที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดหลายปี จู่ๆ ก็ได้มาง่ายๆ เหมือนกับฝันไปเลยพอทานข้าวเสร็จ เจียงไหลก็อ้างว่าต้องไปปาร์ตี้ต่อ เธอเลยรบกวนลู่สือเยี่ยนให้ไปส่งฉันพอขึ้นรถ ฉันก็พูดอย่างเกรงใจ "รบกวนคุณแย่เลย""ไม่รบกวนครับ ผมกินของคนอื่นปากจะอ่อน เอาของคนอื่นมือจะสั้น" (กินของคนอื่นปากจะอ่อน เอาของคนอื่นมือจะสั้น หมายถึง ใจอ่อนเพราะติดค้างบุญคุณ)ลู่สือเยี่ยนยิ้มกรุ้มกริ่มฉันหัวเราะเบาๆ "คุณไม่ยอมให้ฉันออกเงินเลี้ยงด้วยซ้ำ ขอบคุณ..."ตอนระหว่างทานอาหาร เขาก็อ้างว่าจะไปรับโทรศัพท์ ที่แท้ไปจ่ายเงินค่าอาหารมือขาวเย็นจับพวกมาลัยด้วยนิ้วเรียวยาว ดูมีความสง่ามาตั้งแต่กำเนิด สายตาเหลือ
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง มองลงไปในถุงกระดาษ ข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่ประณีตสองกล่องด้านในเป็นจี้หยกที่คุณปู่เตรียมมอบไว้ให้กับลูกของฉันในใจของฉันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทีละน้อยพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา "คุณปู่เตรียมไว้ให้กับลูก ในเมื่อลูกไม่อยู่แล้ว ฉันควรจะคืนให้คุณ"เขาเหลือบมองฉัน "คุณปู่ยกให้คุณ ถ้าคุณจะคืน ก็ไปคืนให้กับคุณปู่เองเถอะ""..."ฉันพบว่าเขาเป็นคนที่ถ้าไม่พูดด้วยเหตุผล เขาก็จะไม่ฟังเลยฉันเม้มริมฝีปาก "ฟู่ฉีชวน อย่างอื่นฉันรับไว้ได้ แต่ของสิ่งนี้มูลค่ามากเกินไป"เขาพูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง "ผมให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นคนไกล"ฉันกำมือแน่นอย่างอดไม่ได้ พยายามอดกลั้นความรู้สึกแปลกในใจ พยายามตั้งสติ "ระหว่างเราขาดแค่ใบสำคัญหย่าแค่ใบเดียว เราควรขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนไว้จะดีกว่า""ขีดเส้นแบ่ง?"หางตาเย็นชาของฟู่ฉีชวนกระตุกเล็กน้อย เขามองฉันอย่างสงบอารมณ์ฉันรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่มีเหตุผล "ใช่""เอาอะไรมาขีดเส้นแบ่ง?"เขาเอนตัวลงบนโซฟา ร่างสูงโปร่งค่อยๆ พูดอย่างไม่สนใจ "คุณกับผมแต่งงานกันมาสามปี เห็นเรือนร่างผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้เสียกับผมมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ใครจะไปรู้ว่าคุณแอบถ่าย
"ไม่ใช่หล่อน แล้วเป็นฉันรึไง?"ฉันมองสบตาเขาอย่างไม่หวั่นเกรง ถามชัดถ้อยชัดคำจะบอกว่าฉันถามไปโดยไม่คาดหวังก็ดูจะโกหกฉันอาจหลอกคนอื่นได้ แต่คงไม่อาจหลอกหัวใจตัวเองได้ ฉันยังปล่อยวางจากเขาไม่ได้แม้ฉันจะรู้แก่ใจดีทุกอย่าง ไม่ว่ายังไง ฉันกับเขาก็ไม่อาจไปกันต่อได้ ทว่าก็ยังจะหวังว่าหลายปีมานี้ เขาจะชอบฉันสักนิด ต่อให้เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีสั้นๆ ก็ยังดีแปดปี ชีวิตคนเราตั้งแปดปีเลยนะดวงตาสีดำของเขาราวกับห้วงวังวน เหมือนกับจะดูดกลืนคนลงไป เสียงของเขาแฝงไปด้วยอำนาจลวงใจ "ถ้าหากผมบอกว่าใช่ เราจะไม่หย่ากันได้ไหม?"ฉันประหลาดใจ จนเวลาผ่านไปนาน ฉันรวบรวมสติมองไปที่เขาและส่ายหัว"ฟู่ฉีชวน หากคุณเคยชอบฉันจริงๆ มันก็แค่พิสูจน์ได้ว่า ฉันหลายปีมานี้ไม่ได้รักคุณแค่ข้างเดียว มันทำให้ฉันพอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่นี่...ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไปกันต่อได้""หลายปี?""ใช่ หลายปี"ฉันจู่ๆ ก็ยอมสารภาพความรู้สึกออกมา ไม่ปิดบังอีกต่อไปและยิ้มกล่าว "แปดปี ฟู่ฉีชวน ฉันชอบคุณตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว ชอบคุณมาแปดปีแล้ว"ฉันพูดออกมาทั้งหมด อาจเพราะไม่ต้องการรู้สึกเสียใจในภายหลังบอกเขาอย่างเปิดเผยว่าฉันเคยช
พอได้ยินประโยคนั้น ฉันเหม่อลอยไปพักหนึ่งคำถามนี้ นอกจากเจียงไหลที่เคยถามฉันแล้ว อันที่จริงฉันไม่เคยถามตัวเองอย่างจริงจังเลยเป็นไปได้หรอถ้าหากคนที่ช่วยฉันในวันนั้นเป็นผู้ชายอีกคน คนที่ฉันตื่นขึ้นมาก็เห็นเป็นผู้ชายอีกคนเช่นกันฉันจะชอบผู้ชายคนนั้นรึเปล่าหรือหากฉีชวนไม่เคยช่วยฉัน ฉันจะยังชอบเขาขนาดนี้รึเปล่า งั้นที่ฉันชอบเขามาตลอดหลายปี...มันคืออะไร...ฉันอารมณ์แปรปรวน ไม่กล้าจะคิดอะไรต่อ ฉันส่ายหัวเบาๆ "ฟู่ฉีชวน ฉันตอบคุณไม่ได้"ฟู่ฉีชวนซึ่งมักจะสุขุมมาตลอดกลับไม่อาจรักษาท่าทีสงบไว้ได้ สันกรามบนใบหน้าแน่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เขาพ่นควันขมุกขมัวของบุหรี่ออกมาและพูด "...อืม""ฉันเคยชอบคุณเพราะว่าอะไรมันสำคัญด้วยหรอ?"ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเห็นเหมือนเขาดูผิดหวังมาถึงปลายทางจุดสิ้นสุดของความรักแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องรื้อฟื้นเหตุผลอะไรตอนแรกเลยฟู่ฉีชวนเหลือบหลบสายตาฉัน ขยี้ก้นบุหรี่จนดับ เขาบ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่น "เรื่องที่คุณขอ ผมให้สัญญา""อะไรนะ?"ฉันอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้สติกลับมา "เรื่องของฟู่จินอัน?"เขาพยักหน้า "ใช่""ฉันหวังว่าคุณจะทำได้เหมือนที่สัญญา ไม่ทำให้วิญญาณของ
เขาจะต้องรับผลที่ตามมาจากการทำอะไรที่ไร้เหตุผลตระกูลเสิ่นเป็นคนจัดการยากเกินไป ฉันไม่อยากลากเขาลงไปในน้ำโคลนด้วยกันเขาหยุดคิดสักครู่แล้วพูดว่า "ดีแล้ว"น้ำเสียงของเธอยังคงอบอุ่นเช่นเคย แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ผิดหวังปนอยู่ก่อนจะวางสาย ผู้หญิงที่ดูเป็รผู้ใหญ่แลมีสติปัญญา ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าออฟฟิศของฉันทันทีฉันเกร็งตัวและพยักหน้าให้เธอเป็นการทักทาย ขณะที่เสียงของลู่สือเยี่ยนยังคงดังผ่านโทรศัพท์ “หนานจือ สักวันหนึ่งฉันจะปกป้องคุณอย่างดี”ฟังดูเหมือนคำสาบาน เหมือนคำสัญญาจริงใจถึงขั้นไร้สาระ ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะควักหัวใจของเขาออกมาและเปิดเผยมันให้ฉันรู้ถ้าไม่มีผู้หญิงตรงหน้าฉัน ฉันกลัวว่าหัวใจของฉันจะเต้นแรงในตอนนี้แต่ในชีวิตนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็ตอบเบาๆ ว่า "รุ่นพี่ ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่งจะไม่มีใครรังแกฉันได้อีก"ดูเหมือนเขาจะรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของฉัน "หนานจือ..."อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่อยู่หน้าประตู ดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะรออีกต่อไปและผลักประตูเปิดเพื่อเข้าไปฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดจังหวะ
วันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นตามปกติ ข่าวลือและข่าวซุบซิบก็ยังคงแพร่สะพัดไปทั่วอินเทอร์เน็ตแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ในบริษัทก็มองมาที่ฉันด้วยความอยากรู้เล็กน้อยเมื่อคืนนี้ เจียงไหลไปที่บ้านของฉัน คืนกระเป๋าและโทรศัพท์ให้ฉัน พร้อมตำหนิตัวเองอีกครั้งเธอไปแจ้งความโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อคนอื่นได้ยินว่าเป็นตระกูลเสิ่น พวกเขาก็เลี่ยงที่จะรับแจ้งความทันที พูดง่ายๆ ก็คือ หากไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่สามารถดำเนินการได้เธอยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความได้เปรียบของอำนาจและความรู้สึกหมดหนทางของการเป็นคนธรรมดาเธอยังล้อเล่นด้วยว่า ถ้าเธอรู้มาก่อน เธอคงไม่ยืนกรานที่จะเลิกกับเฮ่อถิง แม้ว่าจะหมายถึงการเป็นเมียน้อย แต่เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เธอก็จะไม่เหลือใครให้หันไปขอความช่วยเหลือโง่จนกู่ไม่กลับในขณะนั้น เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับกาแฟสองแก้ว วางแก้วหนึ่งไว้ตรงหน้าฉัน และดึงเก้าอี้ตรงข้ามฉันให้นั่งลงสีหน้าของเธอแทบจะเหมือนเดิมกับเมื่อคืนนี้ขณะที่ฉันกำลังร่างแบบสำหรับคุณย่าโจว ฉันถามด้วยความสงสัย "เกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เธออารมณ์เสีย"เธอลังเลก่อนจะพูดประโยคเดียวออกมา
ยังไม่ได้หลับฉันเม้มริมฝีปากและพูดอย่างจริงจัง "ฉันขอโทษจริงๆ ที่ทำกระปุกออมสินของคุณแตกในวันนั้น"เมื่อฉันพูดถึงเรื่องนี้ เขากระชากผ้าปิดตาลงด้วยความหงุดหงิด ดวงตาที่ดูอ่อนล้าสะท้อนความไม่พอใจออกมา "หร่วนหนานจือ คุณมักจะถูกคนอื่นรังแกจากข้างนอกเท่านั้น แต่พอมาอยู่กับฉันกลับรู้ดีนักว่า รู้วิธีทำให้ฉันทุกข์ใจได้ดีเชียวนะ.....""ไม่ใช่"ฉันรีบขัดจังหวะและหยิบกระต่ายน้อย ที่ช่างเซรามิกทำขึ้นออกมา พยายามสงบอารมณ์ของเขา "นี่...นี่เป็นกระต่ายที่ฉันให้ช่างทำตามแบบกระต่ายตัวนั้น มันค่อนข้างจะใกล้เคียงกับของจริง ฉันหวังว่ามันจะชดเชยความซุ่มซ่ามของฉันในวันนั้นได้"ในทางอารมณ์และตรรกะ ฉันไม่ควรแตะกระปุกออมสินของเขาเลยตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าถูกบังคับอย่างอธิบายไม่ถูก จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเอื้อมมือไปแตะข้าวของส่วนตัวของคนอื่นฉันใช้เวลาสองสามวัน ที่ผ่านมาแอบไปที่สตูดิโอปั้นเซรามิกเพื่อพยายามปั้นของที่เหมือนกันเพื่อมาแทนที่ แต่ฝีมือของฉันยังไม่ดีพอ และของที่ฉันปั้นก็ยังไม่น่าประทับใจเลยสุดท้าย ฉันก็ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างปั้นเซรามิกโจวฟางตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาจ้องไป
คำถามสองข้อนั้น ค่อนข้างจะเฉียบแหลมแต่โจวฟางไม่แสดงท่าทีอึดอัดแม้แต่น้อย เขาใช้มือโบกมือเรียก “เข้ามาใกล้ๆ แล้วฉันจะบอกคุณ”ฉันเอนตัวไปเล็กน้อย เป็นเชิงสัญลักษณ์แล้วพูดว่า "พูดมา"พื้นที่ภายในรถกว้างขวางมากและไม่มีใครนอกจากคนขับ ทำไมถึงทำให้มันดูลึกลับขนาดนั้นเขายังเอนตัวไปด้านข้างนี้อีกสองสามเซนติเมตร พร้อมกับยิ้มในดวงตาและตีเขาอย่างสุดแรง: “ฉันทนคนที่โง่เกินไปไม่ได้จริงๆ”"......"ฉันนั่งตัวตรงและจ้องมองเขา “แล้วฉันควรจะขอบคุณคุณที่ทำให้ฉันรู้แจ้งหรือเปล่า”"ฉันไม่ถือสา"เขายิ้มอย่างสุภาพดูเย่อหยิ่งและน่ารำคาญเสมอถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถละเลยความจริงที่ว่าเขาช่วยฉันไว้ได้ ฉันมองต่ำลงเล็กน้อยและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อกี้"นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบาๆ ที่เฟรมหน้าต่าง "ถ้าฉันไม่โผล่มา พวกเขาคงปล่อยคุณไปอยู่ดี""แต่ไม่ใช่ก่อนที่จะทำให้คุณทรมานมากกว่านี้อีกหน่อย"แม่ลูกตระกูลเสิ่น คงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเรื่องอื้อฉาวทางออนไลน์เกิดขึ้น คุณนายเสิ่นคงระบายความโกรธทั้งหมดของเธอมาที่ฉันฉันระบายเสร็จแล้ว และฉันก็คงเกือบตายไปแล้ว"พวกเขาคงไม่กล้า
"ยังไหวอยู่"ฉันหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผม หลังจากที่ร่างกายเย็นๆ ของฉันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ฉันมองไปที่โจวฟางแล้วถามว่า "มีอะไรผิดปกติทางออนไลน์หรือเปล่า?"เขาโต้กลับว่า "นั่นไม่ใช่ฝีมือของคุณเหรอ?'"ว่ายังไงนะ?"ฉันถามคำถามนั้นอีกครั้งด้วยความสับสนเขาจ้องมาที่ฉันสักครู่ ยกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า "โอเค ฉันประเมินคุณสูงเกินไป"หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ ดูเอง“รหัสผ่าน?”“วันเกิดของคุณ”"?"ฉันตกตะลึงไปชั่วขณะเขาเงยหน้าขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า "คุณกำลังเพ้อฝันอะไรอยู่ วันเกิดของคุณเหมือนกับของเธอคนนั้น"“…โอ้ คราวหน้าก็พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”ฉันกลัวมากจนประมวลผลไม่ทันหลังจากปลดล็อกแล้ว ฉันก็พบเรื่องที่แม่เสิ่นถามถึงอย่างรวดเร็วเสิ่นซิงหยูถูกเปิดโปงทางออนไลน์ว่า เป็นเมียน้อยที่ใช้กลวิธีแอบแฝงเพื่อบังคับให้เมียหลวงยอมหย่า และวันนี้ เธอถูกกล่าวหาว่าวางแผนลักพาตัวเมียหลวงมีคนปล่อยวิดีโอจากที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมเมืองเจียงเฉิงออกมาด้วย เป็นวิดีโอที่มีคนลักพาตัวฉันไป วิดีโอนี้ควรจะถูกลบโดยตระกูลเสิ่นไปแล้วความคิดเห็นของสาธารณชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเธอแต
ฉันไม่ได้ยินเสียงของเธอแต่เธอพูดช้ามากจนฉันอ่านริมฝีปากของเธอได้ก่อนที่ฉันจะละสายตาไป ก็มีร่างหนึ่งรีบเดินผ่านฉันไปเป็นพ่อเสิ่นไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงของบางสิ่งที่แตกกระจายก็ดังก้องมาจากห้องนั่งเล่นเสียงการโต้เถียงแผ่วเบาตามมาฉันได้ยินชื่อของตัวเอง ฉันยังได้ยินชื่อของฟู่ฉีชวนด้วยและข่าวลือบางอย่างบนอินเทอร์เน็ตในที่สุด เสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากปากของพ่อเสิ่น "เธอเอาแต่ใจและดื้อรั้น แล้วคุณก็ยังยืนกรานที่จะตามใจเธอต่อไปงั้นเหรอ ปล่อยให้เธอคุกเข่าอยู่ข้างนอกต่อไปในวันที่หิมะตกและปล่อยข่าวลือให้คนอื่นได้ยิน...."ทันใดนั้น หิมะก็หยุดตกฉันตอบสนองชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกถึงเงาที่ปกคลุมศีรษะของฉันเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ฉันเห็นร่มสีดำสนิทและดวงตาสีน้ำตาลไร้ก้นบึ้งของโจวฟาง!เขายังคงนิ่งเฉยและยื่นร่มให้ฉัน "คุณถือมันได้ไหม?"ฉันถูมือที่แข็งเล็กน้อยด้วยคำพูดว่า "พอได้..."ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ด้ามร่มก็ถูกยัดเข้าไปในมือของฉันวินาทีต่อมา ชายในแจ็คเก็ตหนังสีดำคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง และอุ้มฉันขึ้นมาในอ้อมแขนอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มเดินก้าวเด
ใบหน้าของเสิ่นซิงหยูแข็งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเยาะเย็นช "ฉันตัดมันเอง แล้วไง?"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉันก็หมดความสนใจที่จะยุ่งเกี่ยวต่อไปและมองไปที่แม่เสิ่นเท่านั้น "คุณนายเสิ่น ฉันคงไปได้แล้วสินะ?"ฉันคิดว่า เธอแค่ระบายความโกรธที่มีต่อลูกสาวของเธอตอนนี้ความจริงก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเลยโดยไม่คาดคิด เธอจึงหยิกใบหน้าของเสิ่นซิงหยูด้วยความรักใคร่และพูดว่า "ลูกบ้าไปแล้วหรือ? ลูกไปเอาความบริสุทธิ์ของลูกไปเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายเธอหรือไง?"เสิ่นซิงหยู่ทำปากยื่นและพูดเล่น "แม่ หนูผิดไปแล้ว! แต่เธอดื้อมาก หนูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีนี้""พอได้แล้ว"แม่เสิ่นพูดอย่างเอาใจ “ขึ้นไปชั้นบนเถอะ แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”น้ำเสียงของเธออ่อนโยน ไม่มีวี่แววของการตำหนิใดๆเธออาจเป็นแม่ ที่ตามใจลูกมากที่สุดในวันนี้เสิ่นซิงหยูยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า "แม่ แม่รักหนูที่สุดเลย!"หลังจากพูดจบ เธอก็เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว และแม่เสิ่นก็มองดูร่างของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเธอหลังจากร่างของเธอหายไป แม่เสิ่นก็ค่อยๆ ถอนสายตาออกและมองมาที่ฉันอย่างเย็นชา ราวกับว่ากำลั
ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านเสิ่นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่หิมะเริ่มตกโปรยจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ พัดนวนไปมาแล้วตกลงเป็นชิ้นๆหิมะสีขาวบางๆ ตกลงมากองอยู่ที่พื้นแล้วห้องนั้นอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อน แต่เมื่อฉันสบตากับแม่เสิ่นที่เย็นชา ฉันรู้สึกหนาวไปทั้งตัวพวกเธอได้ตรวจสอบฉันพวกเขายังตรวจทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมาที่เมืองเจียงเฉิงด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ฉันถูกขังไว้ในห้องเก็บของและตัดไฟโดยตั้งใจเพื่อจัดการกับอดีตภรรยาอย่างฉัน พวกเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่แม่เสิ่นจิบชาและมองมาที่ฉันอย่างดูถูก "เธออยากพิจารณาการออกจากเมืองเจียงเฉิงอีกครั้งไหม?"ฉันนั่งตัวตรงและถามว่า "แล้วครั้งนี้ เหตุผลคืออะไร?"คราวที่แล้ว เป็นการบังคับและติดสินบนคราวนี้เหตุผลอะไรอีก"หลังจากเริ่มทำธุรกิจ เสื้อผ้าชุกแรกที่เธอออกแบบมา ก็เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น"แม่เสิ่นเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยเยาะเย้ย "เธอคิดว่าบริษัทของเธอจะยังอยู่รอดได้ไหม ทำไมไม่ไปต่างประเทศล่ะ? ใช้เวลาสองสามปีเพื่อเรียนรู้อะไรดีๆ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เธอเอง"ฉันกำมือแน่นวันนั้นที่บ้านของตระกูลเสิ่น ฟู่ฉี่ชวนก็พูดแบบเดียวกันฃต้องการส่งฉัน
เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นฉันเย็บชุดด้วยตะเข็บที่เรียบและแน่น และชุดทั้งหมดก็ตัดเย็บให้เข้ากับรูปร่างของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าสายรัดจะขาด มันก็จะติดอยู่ในอกของเธอชั่วคราวและไม่หลุดออกทันทีเว้นแต่ว่าซิปด้านหลังจะขาดในเวลาเดียวกันแต่เป็นไปไม่ได้ซัพพลายเออร์ของผ้าและซิปได้ร่วมมือกับแซ่ฟู่กรุ๊ปตั้งแต่นั้นมา และคุณภาพก็เป็นไปตามมาตรฐานอย่างแน่นอนอย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าเป็นงานแฮนด์เมดของฉันฉันคว้าเสื้อโค้ทของฉัน ลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปบนเวที เมื่อฉันพยายามช่วยเธอคลุม เธอก็คลั่งและตบหน้าฉัน!"เธอตั้งใจเทำให้ฉันรู้สึกอายในวันนี้เหรอ?"ฉันยกมือปิดหน้าที่แสบร้อนตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตบกลับไป"เสิ่นซิงหยู นยังไม่ถึงขนาดบ้าคลั่งพอที่จะทำลายชื่อเสียงตัวเอง!"เสิ่นซิงหยู่จ้องมองมาด้วยตาที่เบิกกว้างจากความโกรธ เพร้อมจะพุ่งเข้าหาฉัน แต่ก่อนที่เธอจะเข้าใกล้ได้ ฟู่ฉีชวนก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาเย็นชา ขณะที่เขาดึงเธอไว้ข้างหลัง ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกเพื่อคลุมเธอแสดงท่าทางเหมือนผู้ชายที่พร้อมปกป้องภรรยาแม่เสิ่นมาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน หน้าอกของเธอขึ้นลงด้วยความโกรธ "จับเธอไว้ใ