พนักงานเติมสต็อกคนหนึ่งผลักรถสินค้าผ่านมา ขัดจังหวะพูด "โทษนะครับ ขอผ่านไปหน่อย"ฉันคว้าเจียงไหลให้หลีกถอยหลังและถาม "เมื่อกี้เธอพูดอะไร?""หล่อนคงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อสามีเธอใช่ไหมล่ะ?"เจียงไหลทำสีหน้าสนอกสนใจฉันขมวดคิ้ว "ไม่ขนาดนั้นหรอก...หล่อนอายุมากกว่าฟู่ฉีชวนตั้งสองปี"ถ้าจะนอกใจ มันก็ไม่ควรจะเร็วขนาดนั้น?"จะไม่ใช่ได้ยังไง?"เจียงไหลไม่ได้คิดเช่นนั้นและพูดซุบซิบนินทาพวกคนรวยอย่างตื่นเต้น "ตระกูลเศรษฐีของพวกเขามั่วเละเทะกันจะตาย ในบ้านมีเมียคนนึงแล้ว ข้างนอกก็ยังมีบ้านเล็กบ้านน้อย พวกเขาก็ทำกันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง?""แต่ว่า..."ฉันกลับรู้สึกว่าไม่ถูก "ถ้าหากฟู่จินอันคือลูกสาวแท้ๆของเขา ท่านปู่เกลียดฟู่จินอันขนาดนั้น เขาทำไมไม่ไปบอกคุณปู่?"กับหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แน่นอนว่าต้องปฏิบัติต่างออกไปเจียงไหลไหลพอได้ยินก็เห็นด้วยและพูดอย่างไม่เข้าใจ "เธอพูดก็ถูก? ถ้าฟู่จินอันเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา เขาจะให้ฟู่ฉีชวนกับฟู่จินอันคบกันโดยยืนมองเฉยๆ เนี่ยนะ แบบนั้นมันผิดประเวณีไม่ใช่หรือไง?"ฉันพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงไหลทันใดนั้นก็พูดขึ้นมา "ไม่สิ ยังไงก็แปลก คิดยังไ
"..."เจียงไหลหันควับมามองตาฉัน เธอส่งสายตาเป็นนัยน์จนแทบจะถลนออกมาฉันแปลกใจเล็กน้อย แต่พอเห็นท่าทีอันเฉยเมยราวกับลมสงบของลู่สือเยี่ยน ฉันรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้หมายถึงอย่างที่เจียงไหลเข้าใจอีกอย่าง ลู่สือเยี่ยนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ชอบมาตั้ง 20 ปี เขาจะมารู้สึกอะไรกับคนที่เพิ่งหย่าอย่างฉันลู่สือเยี่ยนรินน้ำข้าวโพดให้ฉัน "ยังไม่ต้องรีบตอบ คุณเอาไปคิดก่อน""ค่ะ"ในใจของฉันยังรู้สึกเต้นไม่เป็นส่ำถึงอย่างไรก็เป็นแบรนด์ที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดหลายปี จู่ๆ ก็ได้มาง่ายๆ เหมือนกับฝันไปเลยพอทานข้าวเสร็จ เจียงไหลก็อ้างว่าต้องไปปาร์ตี้ต่อ เธอเลยรบกวนลู่สือเยี่ยนให้ไปส่งฉันพอขึ้นรถ ฉันก็พูดอย่างเกรงใจ "รบกวนคุณแย่เลย""ไม่รบกวนครับ ผมกินของคนอื่นปากจะอ่อน เอาของคนอื่นมือจะสั้น" (กินของคนอื่นปากจะอ่อน เอาของคนอื่นมือจะสั้น หมายถึง ใจอ่อนเพราะติดค้างบุญคุณ)ลู่สือเยี่ยนยิ้มกรุ้มกริ่มฉันหัวเราะเบาๆ "คุณไม่ยอมให้ฉันออกเงินเลี้ยงด้วยซ้ำ ขอบคุณ..."ตอนระหว่างทานอาหาร เขาก็อ้างว่าจะไปรับโทรศัพท์ ที่แท้ไปจ่ายเงินค่าอาหารมือขาวเย็นจับพวกมาลัยด้วยนิ้วเรียวยาว ดูมีความสง่ามาตั้งแต่กำเนิด สายตาเหลือ
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง มองลงไปในถุงกระดาษ ข้างในเป็นกล่องกำมะหยี่ประณีตสองกล่องด้านในเป็นจี้หยกที่คุณปู่เตรียมมอบไว้ให้กับลูกของฉันในใจของฉันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทีละน้อยพร้อมกับพูดอย่างเย็นชา "คุณปู่เตรียมไว้ให้กับลูก ในเมื่อลูกไม่อยู่แล้ว ฉันควรจะคืนให้คุณ"เขาเหลือบมองฉัน "คุณปู่ยกให้คุณ ถ้าคุณจะคืน ก็ไปคืนให้กับคุณปู่เองเถอะ""..."ฉันพบว่าเขาเป็นคนที่ถ้าไม่พูดด้วยเหตุผล เขาก็จะไม่ฟังเลยฉันเม้มริมฝีปาก "ฟู่ฉีชวน อย่างอื่นฉันรับไว้ได้ แต่ของสิ่งนี้มูลค่ามากเกินไป"เขาพูดออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง "ผมให้คุณ ไม่ได้ให้คนอื่นคนไกล"ฉันกำมือแน่นอย่างอดไม่ได้ พยายามอดกลั้นความรู้สึกแปลกในใจ พยายามตั้งสติ "ระหว่างเราขาดแค่ใบสำคัญหย่าแค่ใบเดียว เราควรขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนไว้จะดีกว่า""ขีดเส้นแบ่ง?"หางตาเย็นชาของฟู่ฉีชวนกระตุกเล็กน้อย เขามองฉันอย่างสงบอารมณ์ฉันรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่มีเหตุผล "ใช่""เอาอะไรมาขีดเส้นแบ่ง?"เขาเอนตัวลงบนโซฟา ร่างสูงโปร่งค่อยๆ พูดอย่างไม่สนใจ "คุณกับผมแต่งงานกันมาสามปี เห็นเรือนร่างผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้เสียกับผมมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ใครจะไปรู้ว่าคุณแอบถ่าย
"ไม่ใช่หล่อน แล้วเป็นฉันรึไง?"ฉันมองสบตาเขาอย่างไม่หวั่นเกรง ถามชัดถ้อยชัดคำจะบอกว่าฉันถามไปโดยไม่คาดหวังก็ดูจะโกหกฉันอาจหลอกคนอื่นได้ แต่คงไม่อาจหลอกหัวใจตัวเองได้ ฉันยังปล่อยวางจากเขาไม่ได้แม้ฉันจะรู้แก่ใจดีทุกอย่าง ไม่ว่ายังไง ฉันกับเขาก็ไม่อาจไปกันต่อได้ ทว่าก็ยังจะหวังว่าหลายปีมานี้ เขาจะชอบฉันสักนิด ต่อให้เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีสั้นๆ ก็ยังดีแปดปี ชีวิตคนเราตั้งแปดปีเลยนะดวงตาสีดำของเขาราวกับห้วงวังวน เหมือนกับจะดูดกลืนคนลงไป เสียงของเขาแฝงไปด้วยอำนาจลวงใจ "ถ้าหากผมบอกว่าใช่ เราจะไม่หย่ากันได้ไหม?"ฉันประหลาดใจ จนเวลาผ่านไปนาน ฉันรวบรวมสติมองไปที่เขาและส่ายหัว"ฟู่ฉีชวน หากคุณเคยชอบฉันจริงๆ มันก็แค่พิสูจน์ได้ว่า ฉันหลายปีมานี้ไม่ได้รักคุณแค่ข้างเดียว มันทำให้ฉันพอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่นี่...ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไปกันต่อได้""หลายปี?""ใช่ หลายปี"ฉันจู่ๆ ก็ยอมสารภาพความรู้สึกออกมา ไม่ปิดบังอีกต่อไปและยิ้มกล่าว "แปดปี ฟู่ฉีชวน ฉันชอบคุณตั้งแต่เรียนมหาลัยแล้ว ชอบคุณมาแปดปีแล้ว"ฉันพูดออกมาทั้งหมด อาจเพราะไม่ต้องการรู้สึกเสียใจในภายหลังบอกเขาอย่างเปิดเผยว่าฉันเคยช
พอได้ยินประโยคนั้น ฉันเหม่อลอยไปพักหนึ่งคำถามนี้ นอกจากเจียงไหลที่เคยถามฉันแล้ว อันที่จริงฉันไม่เคยถามตัวเองอย่างจริงจังเลยเป็นไปได้หรอถ้าหากคนที่ช่วยฉันในวันนั้นเป็นผู้ชายอีกคน คนที่ฉันตื่นขึ้นมาก็เห็นเป็นผู้ชายอีกคนเช่นกันฉันจะชอบผู้ชายคนนั้นรึเปล่าหรือหากฉีชวนไม่เคยช่วยฉัน ฉันจะยังชอบเขาขนาดนี้รึเปล่า งั้นที่ฉันชอบเขามาตลอดหลายปี...มันคืออะไร...ฉันอารมณ์แปรปรวน ไม่กล้าจะคิดอะไรต่อ ฉันส่ายหัวเบาๆ "ฟู่ฉีชวน ฉันตอบคุณไม่ได้"ฟู่ฉีชวนซึ่งมักจะสุขุมมาตลอดกลับไม่อาจรักษาท่าทีสงบไว้ได้ สันกรามบนใบหน้าแน่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เขาพ่นควันขมุกขมัวของบุหรี่ออกมาและพูด "...อืม""ฉันเคยชอบคุณเพราะว่าอะไรมันสำคัญด้วยหรอ?"ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงเห็นเหมือนเขาดูผิดหวังมาถึงปลายทางจุดสิ้นสุดของความรักแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องรื้อฟื้นเหตุผลอะไรตอนแรกเลยฟู่ฉีชวนเหลือบหลบสายตาฉัน ขยี้ก้นบุหรี่จนดับ เขาบ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่น "เรื่องที่คุณขอ ผมให้สัญญา""อะไรนะ?"ฉันอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้สติกลับมา "เรื่องของฟู่จินอัน?"เขาพยักหน้า "ใช่""ฉันหวังว่าคุณจะทำได้เหมือนที่สัญญา ไม่ทำให้วิญญาณของ
"เธอจะภูมิใจอะไรนักหนา?!"เธอโมโหหายใจเร็วจนอกกระเพื่อม แววตาของเธอแผ่รังสีโกรธเกรี้ยวอาฆาตร "หร่วนหนานจือ เธอบังคับฉันเองนะ เธอให้เขาไล่ฉันออกนอกประเทศใช่ไหม...รอตำแหน่งนายหญิงของตระกูลฟู่เป็นของฉันเมื่อไหร่ก่อนเถอะ ฉันจะไสหัวแกให้ออกไปจากเมืองเจียงเฉิง!""ไล่เธอออกนอกประเทศ?"ฉันคาดไม่ถึงคิดว่าฟู่ฉีชวนรับปากสัญญากับฉันแล้ว แต่เขาก็คงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ อย่างมากก็คงไม่แต่งงานกับเธอ ไม่คาดคิดว่าจะตัดขาดได้อย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้"เลิกสะตอสักที! อาชวนดีกับเธอขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เขาจะตัดขาดกับฉันแบบนี้ได้ไง!""...""ฉันขอบอกเธอไว้ ฉันจะไม่บินออกนอกประเทศ เธอล้มเลิกความหวังซะเถอะ!""เธอไปบอกกับเขาสิ คนที่ไล่เธอออกนอกประเทศไม่ใช่ฉัน"พูดจบ ฉันขณะกำลังจะเทน้ำดื่ม ฉันก็ได้ยินฟู่จินอันพูดเย็นชาเสียงดัง"ฉันฆ่าลูกของแกตาย แกคงแค้นฉันมากล่ะสิ?"ทันใดนั้นฟู่จินอันก็หัวเราะขึ้นมา แววตาร้ายกาจหัวใจของฉันเหมือนถูกคนแทงอย่างแรง ฉันหันไปมองเธอ "ฟู่ฉีชวนเป็นคนบอกเธอหรอ?""ไม่ใช่ เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องบอกฉัน"หล่อนยิ้มเหมือนภาคภูมิใจ เดินกระแทกส้นสูงทีละก้าวเข้ามาฉัน "ฉันเ
ในแววตาของฟู่จินอันคือรอยยิ้มได้ใจ!ทันใดนั้นฉันก็เข้าใจจุดประสงค์ของเธอ ฉันไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อยและค่อยๆชักมือกลับ ภายใต้สายตาตกตะลึงของฟู่ฉีชวน ฉันพูดอย่างเรียบเฉย "ตามที่คุณเห็น"ถึงยังไงก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาฟังคำอธิบายจากฉันอีกอย่าง เขาตอนนี้ยังได้เห็นเองกับตา ถ้าอธิบายมากไปก็มีแต่จะเข้าตัวเองเมื่อก่อนฉันกังวลเรื่องที่ไม่มีมูลว่าเขาจะคิดว่าฉันเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตรึเปล่า แต่ตอนนี้ ฉันไม่สนอะไรแล้วไม่มีอะไรเศร้ากว่าหัวใจที่ตายด้าน มันก็คงจะประมานนี้เขาจะมองฉันยังไง มันไม่สำคัญเลยสักนิดฟู่จินอันกุมบาดแผลของตัวเอง น้ำตานองเต็มหน้า "อาชวน ช่วยฉันด้วย...ฉันเจ็บเหลือเกิน! เธอบ้าไปแล้ว จู่ๆ ก็หยิบมีดมาแทงฉัน..."อายุ 30 กันแล้ว ยังจะแสร้งว่าตัวเองบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวขาวฉันยิ้มหัวเราะ "ร้องอะไรนักหนา เป้าหมายของเธอไม่ใช่รึไง? บรรลุเป้าหมายแล้ว ต้องมีความสุขสิถึงจะถูก"ยั่วโมโหฉัน กะเวลาที่ฟู่ฉีชวนจะมาและบีบให้ฉันต้องลงมือขิงต้องแก่ถึงจะเผ็ดฟู่จินอันร้อนใจขึ้นมา ทันใดนั้นเธอก็ร้องไห้หนักมากกว่าเก่า "เธอพูดส่งเดชอะไร...ฉันก็แค่มาขอร้องเธอ อย่าให้อาชวนไล่ฉันออกนอก
"ฉินเจ๋อ?"เสียงของฟู่ฉีชวนเย็นเยือกจนน่ากลัว "ยืนเป็นสากกะเบือทำไม เอาเธอไปส่งโรงพยาบาล!"ฟู่จินอันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เธอยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ฉินเจ๋อก็ลากเธอเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง!เธอไม่ลืมจะจงใจแกล้งทำเลือดหยดลงพื้นฉันหันมองไปทางที่พวกเขาเดินออกไป ฉันจ้องมองเขม็งอย่างอดไม่ได้ ฉันยังคงหายใจแรงจนอกกระเพื่อม"หนานจือ เราไปล้างมือกันก่อนดีกว่า?"ราวกับว่าฟู่ฉีชวนกลัวจะทำฉันโมโห น้ำเสียงเลยนุ่มนวลเหมือนกับกำลังปลอบเด็กฉันมองเขาและถามอย่างช้าๆ "คุณไม่โทษฉันที่ทำร้ายเธอหรอ?"นี่ไม่ใช่นิสัยของฟู่ฉีชวนเขาควรจะต้องอ้างเหตุผลมาปกป้องฟู่จินอัน เข้าข้างฟู่จินอันถึงจะถูกสิเขาถอนหายใจและจูงฉันเดินมาที่ห้องน้ำและเปิดก็อกน้ำ เขาลองเช็คอุณหภูมิน้ำ จากนั้นก็ค่อยเอามือของฉันไปวางไว้ใต้ก็อก บีบเจลล้างมือใส่และล้างมือให้ฉันอย่างบรรจง"คุณตบเธอแบบนั้น มือคุณเองไม่เจ็บหรอ?"ฉันชะงักไปเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมาฉันก้มหน้าลงมองนิ้วงามเรียวยาวของเขาที่กำลังสัมผัสกับนิ้วของฉัน ฉันยิ้มให้กับตัวเองถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฉันอาจจะใจอ่อน เมื่อก่อนขอแค่เขาทำดีกับฉันเล
"แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ
ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท