"อืม...ฉันรู้แล้ว!"ดวงตาฉันร้อนผ่าว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวดวงหนึ่งสว่างมาก รู้สึกราวกับสามารถหลุดออกมาจากความรู้สึกที่แตกสลายได้ทุกเมื่อในทันทีลู่สือเยี่ยนหยิบทิชชู่ออกมาให้ฉัน "ร้องเลย ร้องวันนี้ให้จบ แล้วอย่าร้องไห้อีก เวลาแบบนี้ร้องไห้บ่อยจะมีผลต่อดวงตา"เขาไม่ได้ให้ฉันอยู่บนภูเขานานนักและพาฉันมาส่งที่เขตเมืองหลังจากฉันลังเลอยู่พักก็ลองหยั่งเชิงถาม "รุ่นพี่ ผู้หญิงที่พี่ชอบมาหลายปี คงจะเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ เลยใช่ไหม?""ครับ"เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเลและดวงตาอันอ่อนโยน "เธอก็คือเด็กผู้หญิงที่ผมเพิ่งเล่าให้คุณฟังไป"ฉันอดตกใจไม่ได้ "ถ้างั้น...ก็หลายปีแล้ว""ครับ 20 ปีได้แล้ว"เขาพูดออกมาตรงๆแม้จะพูดอย่างจริงใจ ทว่าเป็นความชอบที่หยั่งรากลึกจนถอนไม่ขึ้นฉันส่งเสียงอุทานและไม่ได้พูดอะไรอีก พอใกล้ถึงชั้นล่างของคอนโดเจียงไหล ฉันก็พูดขอบคุณกับเขาเบาๆ "วันนี้ขอบคุณมาก"อันที่จริง ตอนหัวค่ำที่เขาถามฉันว่าป่วยรึเปล่า ฉันลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ตอนนี้ ฉันอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วเขาเลิกคิ้ว "สัญญาอะไรกับผมไว้ จำได้ไหม?""เรื่องอื่นอาจไม่ต้องขอบคุณ แต่เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณจริงๆ""
ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นและก็ไม่อยากให้เขาขึ้นมารบกวนเจียงไหลด้วย เลยได้แต่รับปาก "รู้แล้ว"ก่อนลงมา เจียงไหลกับลู่สือเยี่ยนทำเหมือนกันเลย เธอเอาเสื้อโค้ทมาคลุมให้กับฉัน แล้วก็ยังเอาหมวกมาสวมบนหัวให้ฉัน"อย่าหาว่าฉันโอเวอร์"เจียงไหลจิ้มหัวฉันเบาๆ "ในเน็ทบอกช่วงนี้ลมหนาวกำลังพัดผ่าน เดี๋ยวจะปวดหัว""อืมๆๆ เธอดีกับฉันที่สุดเลย"เธอหวังดีกับฉัน ฉันหลังจากรับพูดหับเธอก็เปลี่ยนรองเท้าและเดินลงมาจากตึกพอเห็นฉันเดินออกมาจากตึกคอนโด แววตาของฟู่ฉีชวนก็ลึกล้ำ "ทำไมสวมเยอะขนาดนี้ ไม่สบายหรอ?""เป็นห่วงฉันแล้วหรอ ?"ฉันพบว่าไม่สามารถจะพูดกับเขาดีๆ ได้อีกแล้วต่อให้เขาจะเป็นห่วงฉันจริงๆ ต่อให้เขาไม่รู้ว่าฉันท้อง เมื่อวานก็ควรถามสักหน่อยว่าฉันเป็นไงบ้างไม่ว่าจะรุนแรงหรือเล็กน้อย แต่ฉันก็ถูกรถชนมาฟู่ฉีชวน "เธอต้องพูดจาแดกดันแบบนี้ด้วยหรอ?"ฉันไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เลยพูดเข้าประเด็น "เรียกฉันลงมามีธุระอะไร?"ดึกดื่นขนาดนี้ ฉันไม่ได้มีอารมณ์มาถกเถียงเรื่องไร้สาระกับเขาเขาขมวดคิ้ว "ทำไมคุณไม่รอผม?""..."สายตาเย็นชาของฉันมองสบสายตาเขา "ทำไมฉันต้องรอคุณด้วย?"ส่วนฉันก็รู้สึ
ฉันเกือบจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่ว่าฉันฝืนที่จะไม่พูดพูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ฉันเผยอยิ้มมุมปาก "คุณช่างจิตใจสูงส่งเหมือนกับเหลยเฟิงตอนมีชีวิตอยู่เลย เดือนหน้าฉันขอไหว้วานคุณช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม?""ว่ามาสิ"ฉันกล่าวอย่างเรียบเฉย "ไปเอาใบสำคัญหย่ากับฉันที"แรงที่จับข้อมือของฉันแน่นเหมือนกับโซ่กุญแจมือ ฉันสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นตรงปลายนิ้วของเขา จากนั้นก็ยังคงดึงดันโดยไม่พูดอะไรผ่านไปนาน ประตูลิฟต์ได้เปิดออก คู่สามีภรรยาที่รักใครก็เดินสวนออกมาฟู่ฉีชวนเหม่อลอยไปเสี้ยววิ ฉันอาศัยจังหวะดึงข้อมือออกและเดินเข้าไปในลิฟต์ฉันกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ ขณะประตูลิฟต์กำลังปิด ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยมีมาก่อนการแยกทางคือตัวเลือกที่ดีที่สุดคงต้องแยกทาง……คืนนั้น ไม่รู้ว่าเพราะข้อสรุปของเรื่องเดินมาถึงจุดสิ้นสุด หรือว่าเพราะฉันเหนื่อยเกินไป ฉันหลับไปจนถึงเก้าโมงกว่าขนาดตอนเจียงไหลไปทำงาน ฉันก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นภายในหม้อหุงข้าว เป็นโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าที่เจียงไหลตั้งเวลาทำอาหารเอาไว้ฉันทานไปสองชาม ไม่รู้ว่าความอยากอาหารของตัวเองดีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดได้ จริงสิ
แต่เพราะว่าเขาเป็นลุงเขยของฉัน!เขาใช้ความเป็นลุงเขยของฉันพูดจาส่งเดชต่อหน้าฟู่ฉีชวน!"พี่ครับ พี่พูดแบบนี้ มันหักหามน้ำใจกันเกินไปแล้ว"หลินเฟิงเอาเมล็กทานตะวันที่ยังทานไม่เสร็จใส่ถุง ทำน้ำเสียงเหมือนเข้าใจทุกอย่าว "ผมรู้ครับ พี่เขยนอกใจใช่ไหมล่ะ? ผมเมื่อกี้ไปเจอมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นขี้เหล่กว่าพี่มาก หน้าตาเหมือนพวกอินฟลู พี่ก็ให้พี่เขยได้สนุกสักพัก พอเบื่อเดี๋ยวก็กลับมาเอง"เรื่องนอกใจในสายตาของผู้ชายที่ไม่มีศีลธรรม ก็เหมือนเป็นเรื่องไม่หนักหนาอะไรฉันพยายามข่มไฟความโกรธเอาไว้ "ฉันบอกแล้ว เรื่องนี้พวกคุณไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง ฟังเข้าใจไหม?""เข้าใจแล้ว“หลินกั๋วอันคือตัวอย่างของคนเลวที่แก่ตัวลงซึ่งเป็นหัวข้อในโลกออนไลน์ เขายิ้มโชว์ฟันเหลืองจากการสูบบุหรี่จัด เรียกร้องจากฉันสูงเกินไป "ถ้าไม่อยากให้ฉันไปพบรองประธานฟู่ งั้นเธอหลังจากนี้ก็ต้องให้เงินฉันสามหมื่นทุกเดือน และก็จัดการเรื่องตำแหน่งงานให้หลินเฟิงด้วย ฉันถึงจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง""ลุงไม่ปล้นเลยล่ะ"ฉันระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ "ลุงฟังให้ดี หลังจากนี้หนูจะไม่ให้ลุงสักแดงเดียว""ฉันจะไปศาลฟ้องแก! ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูคนแก่
ชายร่างสูงในชุดสูทรสีเข้ม สีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม แววตาเรียบเฉย รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล มีออร่าของผู้มีอำนาจมาตั้งแต่เกิดฉันตกใจเล็กน้อยเห็นหลินกั๋วอันหยุดบ่นในทันที ไม่มีพฤติกรรมหยาบกระด้างเมื่อครู่แม้แต่น้อย เขาถูมือและปั้นหน้าเดินเข้าไปหาฟู่ฉีชวนค้อมตัวหัวเราะ "รองประธานฟู่ ท่านมาได้ยังไง? ผมกำลังสั่งสอนหลานสาวอยู่พอดี"ศักดิ์ศรีของฉันเหมือนถูกหลินกั๋วอันเหยียบไว้ใต้เท้า แม้เราจะเดินมาถึงขั้นที่ต้องหย่าร้างกันแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากให้ฟู่ฉีชวนเห็นด้านสมเพชของฉันหรือจะพูดว่าญาติผู้น่าสมเพชดี"คุณออกไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ"ฉันผลักฟู่ฉีชวนออกไปนอกห้องฉันไม่อยากให้ลุงเขยสอดมือมายุ่งเรื่องระหว่างฉันกับเขา ขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่ได้หวังให้เขามายุ่งเรื่องสกปรก"แกกลัวแล้วหรอ?"หลินกั๋วอันบืนขวางตรงประตูพร้อมกับพูดตะคอดเสียงดัง "กลัวว่าหลานเขยฉันจะรู้ว่าแกเป็นคนเนรคุณแค่ไหนงั้นหรอ?"ฉันโมโหจนหมดคำจะพูดยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็เริ่มตำหนิอ้างเหตุผลวาทกรรม "ไม่โทษคุณหรอกที่ไปหาความสุขทางอื่น อันที่จริงหลานสาวฉันก็ไม่ได้รู้ประสาเลย ไม่เคยเอาใจใส่! อารมณ์เสียยิ่งกว่าอะไร คนอ
ฟังจบ หลินกั๋วอันก็หน้าเปลี่ยนสี ดูลำบากใจอย่างมาก "คือ...คือว่า...คนบ้านเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องคิดถี่ถ้วนขนาดนั้นเลย?"ฟู่ฉีชวนท่าทางผ่อนคลายและพูดปลอบเขาอย่างจริงจัง "จำเป็นสิครับ คุณลุง บุญคุณควรตอบแทน ไม่ต้องเกรงใจครับ ตัดเรื่องเงินที่เธอส่งให้ช่วงไม่กี่ปีนี้ออกไป พวกคุณเลี้ยงดูเธอมาจนเติบใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องมีสักห้าหมื่นหยวน งั้นผมก็ควรตอบแทนคืนสักห้าสิบล้าน""ประเด็นคือ..."หลินกั๋วอันสีหน้ากระอักกระอ่วน หน้าแดงขึ้นมาในตอนสุดท้าย "ประเด็นคือผ่านไปหลายปีแล้ว ครับ คงคิดตีเป็นตัวเลขชัดๆ ไม่ได้หรอก?""ไม่ยากครับ พวกคุณถือบัตรธนาคารอะไรไว้? ผมแค่โทรศัพท์คุยไม่กี่นาทีก็ทราบแล้ว" ฟู่ฉีชวนทำท่าเอามือถือออกมาหลินกั๋วอันตกใจจนคุกเข่ากับพื้นตรงนั้นและพยายามพูดหลายครั้ง "ท่านรองประธานฟู่ อย่าตรวจสอบเลย อย่าตรวจสอบเลยครับ!"เขากลัวฟู่ฉีชวนจะตรวจสอบพบว่าเขาปฏิบัติกับฉันอย่างกดขี่ แบบนั้นเขาก็จะซวยสภาพน่าสมเพชแบบนั้น เหลือจะเชื่อเลยจริงๆ"ทำไม?"ฟู่ฉีชวนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ และถามอย่างไม่เข้าใจ "คุณลุงบอกว่าหนานจือเนรคุณไม่ใช่หรอ? พวกเราอยากจะตอบแทนบุณคุณคืนให้เป็นทวีคูน คุณลุงไม่เอาแล้วห
น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากับแฝงไปด้วยความเย็นเยือกอันน่าขนลุกราวกับว่าขอแค่หลินกั๋วอันกล้าลงมือ เขาก็จะหักแขนของหลินกั๋วอันนี่เหมือนกับเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึงการถูกปกป้องจากเขาเพียงแต่ มันสายเกินไปหน่อยก็เท่านั้น ในใจไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหลินกั๋วอันขยับแขนของเขาและพบว่าชายอกสามศอกอย่างเขากลับพบว่าแขนของเขาในมือของฟู่ฉีชวนขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาอดตัวสั่นไม่ได้และรีบอธิบาย"รองประธานฟู่ ไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ!"คุณป้าเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย "หนานจือ..."ฉันอยากจะสั่งสอนหลินกั๋วอัน แต่คุณป้าป่วยอยู่ในภาพนี้ คงไม่เหมาะฉันเลยคว้าแขนของฟู่ฉีชวน "พอเถอะ ปล่อยเขาไป"ฟู่ฉีชวนตัวหัวเสีย เขามักจะไม่ฟังใครง่ายๆ เขาเหลือบมองหลินกั๋วอันอย่างสงสัย "ถ้าคุณแตะต้องเธอ ผมจะตัดมือคุณทิ้งซะ เข้าใจไหม?""เข้า เข้าใจแล้วครับ! ผมไม่กล้าแล้ว...คุณวางใจได้เลย!"หลินกั๋วอันสีหน้าซีดเผือดและรีบรับปากเขาจนกระทั่งฟู่ฉีชวนสะบัดแขนเขาออกไป ฉันก็หันมองหลินกั๋วอันอย่างเหนื่อยหน่าย"ค่ารักษาของคุณป้า ฉันได้จ่ายในส่วนที่ควรจ่ายให้ไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่น คุณลุงเลิกหวังเถอะ""แก..."แ
"หร่วนหนานจือ"สายตาของเขาหันมามองฉันเป็นครั้งคราว แววตาปรากฎอารมณ์ที่ไม่อาจอธิบาย "ผมเสียใจที่ไปอำเภอกับคุณวันนั้น""หือ?""ผมไม่อยากหย่ากับคุณ"เส้นเสียงทุ้มต่ำของเขาเหมือนถูกหมอกปกคลุมไว้อยู่"..."ฉันเลียริมฝีปากและเหลือบมองลิฟต์ที่กำลังจะมาถึง "ฉันขอตัวก่อน"อะไรที่อยากบอกก็บอกไปหมดแล้ว ยื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปแบบนี้ก็ไม่มีความหมาย มีแต่จะสร้างปัญหา"ผมบอกแล้ว ผมจะไปส่ง...""อาชวน!"ประตูลิฟต์เปิดออก ภายในลิฟต์คือฟู่จินอัน เธอสีหน้าแปลกใจและพูดด้วยเสียงออดอ้อน "คุณบอกว่าตอนบ่ายไม่ว่างมาหาไม่ใช่หรอ? ที่แท้ก็อดเป็นห่วงฉันไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?"ฉันไม่ได้หันกลับไปมองและเดินผ่านเธอเข้าไปในลิฟต์ หลังจากกดปุ่มชั้น ฉันไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะหันไปมองสีหน้าของฟู่ฉีชวนจะสีหน้าจำใจ หงุดหงิดหรือหลงใหลสำหรับฉันมันไม่ได้สำคัญเลยตอนนี้สิ่งที่ฉันควรหัดเรียนรู้คือการปล่อยวาง ปล่อยวางคนที่ไล่ตามมาตลอดแปดปีก็ยังไล่ตามไม่ทัน……ขณะกลับบ้าน ลู่สือเยี่ยนก็โทรมาหาฉันยิ้มและรับสาย "รุ่นพี่ เป็นไงบ้าง?""งานออกแบบเข้าร่วมแข่งขันของคุณ คุณได้ให้คนอื่นดูรึเปล่า?" น้ำเสียงของเขาจริงจังในใจฉัน
สีหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึม และเสียงของเขาที่ฟังดูแหบแห้งและหยาบกระด้าง "ฉันให้หุ้นแก่คุณเพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้คุณมาต่อรองกับฉัน""ประธานฟู่ คุณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย?""......"เขาเยาะเย้ยและพูดอย่างเย็นชา "งั้นคุณก็ลองดูสิ ฉันจะฆ่าใครก็ตามที่คุณขายให้ ถ้าคุณอยากทำร้ายใครก็เชิญเลย""......"เขายังคงหวาดระแวงอย่างมาก เกือบจะเหมือนโรคจิตในเรื่องของการข่มขู่ คือการแข่งขันกันว่าใครจะยอมทำสิ่งที่ต่ำที่สุดมากกว่ากันฉันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ พูดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ฉันกัดฟันแล้วเดินไปหาเจียงไหลเจียงไหลและเฉินเย่กำลังคุยกันเรื่องทั่วไปบางอย่างเมื่อเห็นฉันมา เจียงไหลยกริมฝีปากแดงของเธอไปทางเฉินเย่และพูดว่า "คุณเฉิน ฉันจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นเมื่อฉันกลับไปเมืองเจียงเฉิงหลังตรุษจีน""ได้"เฉินเย่พยักหน้าเล็กน้อยหลังจากทักทายเขาแล้ว ฉันก็ไปกับเจียงไหล"ประธานหร่วน!"เฉินเย่หยุดฉันไว้ทันที ก่อนจะเปิดปากถามอย่างระมัดระวังว่า: "คุณและพี่ชวนต้องหย่ากัน มันเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการหมั้นหมายของเขากับเสิ่นซิงหยูหรือเปล่า?"ฉันพูดตามตรงว่า "ใช่ แ
ฉันเงียบไปและพูดเบาๆ ว่า "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่าคุณมีความอดทนสูงขนาดนั้น"คืนนั้น ฉันจูบโจวฟางต่อหน้าเขาแม้ว่าฉันจะเมามากเกินไป แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงๆด้วยบุคลิกของเขา แบบที่ยอมให้ตัวเองทำผิดกฎได้แต่ห้ามคนอื่น เขาน่าจะหยุดมองมาทางฉันนานแล้วทันทีที่ฉันพูดจบ เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่ฉีชวน แต่เป็นเสียงที่มาจากทางกลางห้องจัดงานเลี้ยงเสิ่นชิงหลี่เปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมชุดสีขาวล้วนสุดหรู เธอถือไมโครโฟนไว้ตรงกลางห้อง ดูขี้อายเล็กน้อย แต่ดวงตาสีเช้มของเธอกลับเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่นในขณะที่เธอจ้องไปที่ทิศทางหนึ่งโดยเฉพาะทิศทางที่โจวฟางอยู่"ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ฉัน จากอ้อมอกของคุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ไป ฉัน... ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ทนทุกข์ทรมานจากวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อฉัน แต่ด้วยช่วงเวลาที่สวยงามที่เหลืออยู่ในความทรงจำ ฉันกัดฟันและอดทนต่อไป"เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอสะอื้น “แต่ฉันโชคดี ครอบครัวของฉัน… และพี่อาฟางไม่เคยยอมแพ้ในการตามหาฉัน เช้านี้คุณย่าถามฉันว่าความปรารถนาของฉันคืออะไร ตอนนั้น ฉันนึกอะไรไม่ออก เพราะแค่การได้กลับไปยังตระกูลเสิ่นก็ถือเ
"คุณนายเสิ่น"ฟู่ฉีชวนขมวดคิ้วอย่างใจเย็นและพูดด้วยเสียงต่ำ "คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับฉันเกี่ยวกับการถอนหมั้น"เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขาแม่เสิ่นไม่รู้ว่าเธอไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอจงใจแกล้งทำเป็นสับสน "แน่นอนว่าฉันต้องอธิบาย ทันทีที่คุณได้ยินว่าวันนี้เป็นซิงหยูของเราที่มารับคุณ คุณก็มาพร้อมกับประธานเสิ่นโดยเฉพาะ ฉันเข้าใจแล้ว...."ปากของเฉินเย่กระตุกเมื่อเขาฟัง และเขาไม่สามารถทนขัดจังหวะได้ "ความมั่นใจของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันยังต้องแทรกอยู่ดี ประธานฟู่มาที่นี่วันนี้และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูเสิ่นแม้แต่สลึงเดียว โอ้ ไม่ มันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่สตางต์เดียว""มันจะไม่เกี่ยวข้องกับซิงหยูได้ยังไง ประธานฟู่าหาครอบครัวเสิ่นของเรา ถ้าไม่ใช่เพราะซิงหยู....."เมื่อพูดไปได้ครึ่งทาง แม่เสิ่นก็คิดได้และสีหน้าของเธอก็มืดมนลง ทันใดนั้นก็มองไปในทิศทางที่ฉันอยู่!ฟู่ฉีชวนก้มตาลงและปรับแขนเสื้อ เสียงของเขาเย็นชาและเฉยเมย "พูดตามตรงนะ คุณนายเสิ่น วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อตามง้อภรรยาของฉัน"เสียงของเขาไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่ทุกคำก็ตั้งใจทำเพื่อให้ทุกคนรอบข้างได้ยินเขาอย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เสิ่นก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกเป้าหมายไปที่คุณพ่อของเสิ่น แล้วดึงเขาออกไปด้วยกันเพื่อไปต้อนรับไม่นาน ก็เกิดความโกลาหลขึ้นจากทางเข้าห้องจัดเลี้ยงเป็นฟู่ฉีชวน เฉินเย่แลตระกูลเสิ่นจำนวนสามคนที่เดินเข้ามาฟู่ฉีชวนสวมเสื้อคลุมสีดำ มีคิ้วกับดวงตาที่สง่างามและเย็นชา ก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีรัศมีแห่งอำนาจที่แข็งแกร่งเฉินเย่เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อเขาไปที่หนานซี เขาอยู่ห่างจากฟู่ฉีชวนครึ่งก้าว แต่ทั้งสองดูคุ้นเคยกันดีเมื่อมองดูครั้งแรกเมื่อรวมกับสิ่งที่แม่เสิ่นพูดก่อนจะออกไปรับเขาคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ผ่านโลกมานาน แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วฟู่ฉีชวนเป็นบอสใหญ่ของRF กรุ๊ปไม่ใช่ใครอื่นฟู่ฉีชวนคือชายคนเดียวกันที่ตระกูลเสิ่นเคยถอนหมั้นด้วยแต่ตอนนี้ ในชั่วพริบตา พวกเขากลับปฏิบัติกับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ไม่กล้าแสดงความละเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน ก็ต้องทนต่อไปโดยไม่สามารถแสดงออกมาได้ความสัมพันธ์นี้ ส่งผลให้บรรยากาศก็ตึงเครียดอย่างประหลาด และไม่มีใครกล้าเข้าใกล้และพูดคุยส
"ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว"ฉันจนปัญญาเขาพูดอย่างหนักแน่นว่า "ผลตรวจ DNA ต้องมีปัญหาแน่ หร่วนหนานจือ ฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นเธอ"ฉันรู้ดีว่า "คนอื่น" นั้นหมายถึงฉันจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ "แต่ฉันจะจำเธอได้เสมอ""......"ฉันเม้มริมฝีปาก "นั่นเป็นเรื่องระหว่างคุณกับตระกูลเสิ่น โจวฟาง เราควรจะรักษาระยะห่างไว้บ้าง"ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกจริงๆพูดจบ ฉันไม่แม้แต่จะมองสีหน้าของเขา ดึงเจียงไหล แล้วเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงทันทีแม้ว่างานเลี้ยงต้อนรับนี้จะจัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้จัดแบบลวกๆ เลยแสงไฟที่ระยิบระยับและบรรยากาศที่หรูหรา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่างานนี้ยิ่งใหญ่อลังการท่ามกลางชนชั้นสูงผู้มั่งคั่งหลังจากรับเครื่องดื่มจากถาดของพนักงานเสิร์ฟ เจียงไหลมองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจ "เธอกลายเป็นคนไร้ความปรานีตั้งแต่เมื่อไหร่?""เจ๊คะ"ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ให้เธอ "แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์ นอกจากนี้ สิ่งต่างๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป""ไม่เหมือนเดิมยังไง?""เมื่อก่อนฉันเคยถลำลึกลงไปแล้ว กว่าจะดึงตัวเองกลับมาได้ มันทั้งยากและเจ็บปวด
"แค่ก..."เจียงไหลเห็นว่าฉันยังรับมือได้ แต่เธอเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหากับฉันจึงเงียบอยู่ตลอดในขณะนี้ คำพูดของโจวฟาง ทำให้ฉันอดไม่ได้และสำลักน้ำลายของตัวเองสำหรับฉันแล้ว แม่เสิ่นสามารถพูดจาเหน็บแนมฉันได้แม่ของเสินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าโจวฟางกับคุณย่าโจว เธอไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาได้ เพราะต้องระวังมารยาทกับผู้ใหญ่ และทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความหงุดหงิด“ไอ้เด็กเวร!”ไม่ว่าคุณย่าโจวจะตามใจโจวฟางมากเพียงใด เธอก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครสอนให้แกพูดแบบนั้น?”"ก็คุณย่าสอนผมนั่นแหละ"โจวฟางไม่ได้ใส่ใจและพูดว่า "เมื่อคุณเห็นความอยุติธรรม จงยื่นมือเข้ามาช่วย""......"คุณย่าโจวโกรธมากจนจ้องมองเขา แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาโต้ตอบได้ใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สามารถได้ยินว่าแม่เสิ่นตั้งใจหาเรื่อง และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นร้ายกาจเกินไปเสิ่นชิงหลี่ผู้ซึ่งเคยเงียบและขี้อายเสมอมา พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาและเบาบาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องหยุดพูดถึงเรื่องนี้"แต่พี่อาฟาง คุณแม่ของฉันก็พูดไม่ผิดนะ เด็กผู้หญิงควรรักษาความบริสุทธิ์และซื่อสั
เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนั้น อันตรายยิ่งกว่าฟู่จินอันที่เคยเจอเสียอีกฉันไม่อยากสร้างปัญหา[ทำไมคุณไม่ไปตรวจ DNA ด้วยล่ะ][หร่วนหนานจือ ตอบฉันหน่อย][หนีอีกแล้วเหรอ?]……บรรยากาศในห้องยังคงดูผ่อนคลายเหมือนเดิม แต่โทรศัพท์ของฉันยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนข้อความไม่หยุดฉันขมวดคิ้ว เปลี่ยนการตั้งค่าแชทของโจวฟางเป็นห้ามรบกวนแม้เสิ่นชิงหลี่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าฉันคือตัวจริงอยู่ดี“คุณหร่วน คุณเพิ่งหย่า แต่โทรศัพท์ของคุณกลับไม่หยุดสั่น”แม่เสิ่นสังเกตเห็นการกระทำของฉัน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน "มูฟออนได้เร็วจริง ๆ เลยนะ"โจวฟางส่งเสียงเฮอะออกมา และกำลังจะระเบิดความโกรธออกมาในทันทีฉันไม่อยากยุ่งกับเขาในตอนนี้ ฉันจึงชิงพูดก่อน "โดยทั่วไปแล้ว ฉันไม่สามารถเทียบกับความเร็วของเสิ่นซิงหยูได้ พอฉันเพิ่งหย่าเสร็จ เธอก็หมั้นหมายกับอดีตสามีของฉันไปแล้ว"“…เธอ!”แม่เสิ่นจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อเธอจงใจจงใจทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนจำนวนมากการใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด มีใครบ้างที่ทำไม่ได้?คุณย่าโจวสังเกตเห็นบางอย่างและขมวดคิ้ว "หนานจือ งั้นอดีตสามีของเ
แต่ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยความคิดนี้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางที่พวกเขาอยู่ หลังจากที่เสิ่นชิงหลี่กระโจนเข้าหาเขา เขาก็ลังเลเล็กน้อย ดูเหมือนไม่สบายใจและกลัวที่จะทำให้เสิ่นชิงหลี่เศร้าเขาจับแขนของเธอแล้วดึงออก เสียงของเขากลับเย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอารมณ์อะไร "วิ่งช้าๆ หน่อย""แต่ฉันคิดถึงคุณนะ"เสิ่นชิงหลี่เงยหน้าขึ้นมองเขา กระพริบตาปริบๆ ใบหน้าซีดขาวและท่าทางเหมือนกระต่ายตัวน้อย "เมื่อวานคุณออกไปแต่เช้า และฉันไม่ได้เจอคุณมาเกือบยี่สิบชั่วโมงแล้ว"นับกระทั่งชั่วโมงฉันรวบรวมความคิด ยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเห็นสายตาของโจวฟางจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าฉันสงบและไม่มีอารมณ์ใดๆ ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยเขาปล่อยมือของเสิ่นชิงหลี่ แล้วยิ้มกวนๆ ทักทายกับคุณยายทั้งสองก่อน จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามฉันอย่างขี้เกียจคุณย่าโจวมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองและพูด “ไอ้เด็กเวร ดูแลชิงหลี่ให้ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ เธอเพิ่งกลับมา...”"โอ้ย เธอกำลังพูดอะไรอยู่? ชิงหลี่อยู่ที่บ้านของเธอเอง เธอยังต้องการให้อาฟางดูแลเธออีกเหรอ?"คุณย่าเสิ่นยิ้มตอบ
ฉันปลอบใจว่า "อาจจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างขี้อาย? ในอนาคตยังมีเวลาอีกเยอะ ถ้าได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น คงจะดีขึ้นเอง""แต่ฉันรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ"หญิงชรารู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เด็กสาวคนนั้น ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่ควรกลายเป็นคนขี้อายได้ขนาดนี้…”ขณะที่ฉันกำลังจะพูด หญิงชราถอนหายใจและพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่ดี เธอยังอยู่เมืองจิ่งเฉิงอยู่ไหม?"ฉันตอบตามตรง “อืม ฉันยังอยู่ค่ะ”“ดีมากเลย! ฉันจะส่งคนขับรถไปรับเธอ”หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม "คืนนี้ฉันกำลังวางแผนจัดงานเลี้ยงต้อนรับชิงหลี่ และฉันต้องการให้เธอมา ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ตาม ฉันกับย่าโจวสวมเสื้อผ้าที่เธอออกแบบให้เราสำหรับช่วงตรุษจีน และหลายคนถามว่าสั่งจากที่ไหน ฉันจะใช้โอกาสนี้แนะนำเธอ สัญญาว่าเธอจะไม่ขาดลูกค้าไปทั้งปี!!"".....ดีจังค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า"ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตกลงทำข้อตกลงทางธุรกิจตั้งแต่ที่เลือกทำงานออกแบบชุดที่สั่งทำพิเศษแบบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องติดต่อกับคุณหญิงคุณนายจากตระกูลใหญ่ แม้ตอนนี