"ขอโทษที ผมเองก็ทราบมาโดยไม่ได้ตั้งใจ"เขาขอโทษอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็อธิบายเหตุผลสาเหตุคือเจียงไหลโพสต์ว่าฉันเกิดอุบัติเหตุรถชนเข้าจนแอดมิทอยู่โรงพยาบาล เขาถามเลขห้องพักผู้ป่วย เตรียมจะมาเยี่ยมคืนนี้แต่วันนี้พอมาถึงโรงพยาบาล เขาก็บังเอิญได้ยินพยาบาลคุยกัน นอกจากบาดเจ็บทั้งตัวยังต้องมาแท้งลูกอีก ไม่คิดว่าจะออกจากโรงพยาบาลในวันนั้นฉันเม้มริมฝีปากเบาๆ "งั้นคุณกับเขาชกต่อยกัน...""ก็แค่โมโหหัวเสีย"ลู่สือเยี่ยนขับพาฉันไปส่งอย่างสบายอารมณ์ เขาหันมามองฉันด้วยแววตาอันอ่อนโยน "คุณล่ะ สองวันนี้สบายดีไหม?""จะว่ายังไงดี"ฉันพรุบสายตาลงพร้อมกับจู่ๆ ก็หลุดปากพูดออกไป "เมื่อก่อนตอนที่ชอบเขา ฉันหวังว่าชีวิตแต่งงานจะสมบูรณ์ ต่อมาพอตั้งท้อง วันๆ ก็เอาแต่เฝ้ารอให้ลูกมาเกิดบนโลกไวๆ เพื่อจะได้เป็นสายใยและครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของฉัน แต่ตอนนี้..."ฉันยิ้มอย่างขมขื่น "ไม่รู้ว่าจะยังมีอะไรมีค่าพอจะให้ฉันได้ระลึกถึงอีก"ทุกอย่างล้วนไร้ความหมายมือขวาของฉันกุมไปที่ท้องน้อย ในอนาคตอันใกล้ ตรงนี้จะไม่มีเจ้าตัวน้อยเรียกฉันว่า "แม่" ด้วยเสียงอ้อแอ้อีกแล้วลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขาจอดร
"อืม...ฉันรู้แล้ว!"ดวงตาฉันร้อนผ่าว พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นดาวดวงหนึ่งสว่างมาก รู้สึกราวกับสามารถหลุดออกมาจากความรู้สึกที่แตกสลายได้ทุกเมื่อในทันทีลู่สือเยี่ยนหยิบทิชชู่ออกมาให้ฉัน "ร้องเลย ร้องวันนี้ให้จบ แล้วอย่าร้องไห้อีก เวลาแบบนี้ร้องไห้บ่อยจะมีผลต่อดวงตา"เขาไม่ได้ให้ฉันอยู่บนภูเขานานนักและพาฉันมาส่งที่เขตเมืองหลังจากฉันลังเลอยู่พักก็ลองหยั่งเชิงถาม "รุ่นพี่ ผู้หญิงที่พี่ชอบมาหลายปี คงจะเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ เลยใช่ไหม?""ครับ"เขาพยักหน้าอย่างไม่ลังเลและดวงตาอันอ่อนโยน "เธอก็คือเด็กผู้หญิงที่ผมเพิ่งเล่าให้คุณฟังไป"ฉันอดตกใจไม่ได้ "ถ้างั้น...ก็หลายปีแล้ว""ครับ 20 ปีได้แล้ว"เขาพูดออกมาตรงๆแม้จะพูดอย่างจริงใจ ทว่าเป็นความชอบที่หยั่งรากลึกจนถอนไม่ขึ้นฉันส่งเสียงอุทานและไม่ได้พูดอะไรอีก พอใกล้ถึงชั้นล่างของคอนโดเจียงไหล ฉันก็พูดขอบคุณกับเขาเบาๆ "วันนี้ขอบคุณมาก"อันที่จริง ตอนหัวค่ำที่เขาถามฉันว่าป่วยรึเปล่า ฉันลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ตอนนี้ ฉันอารมณ์ดีขึ้นมากแล้วเขาเลิกคิ้ว "สัญญาอะไรกับผมไว้ จำได้ไหม?""เรื่องอื่นอาจไม่ต้องขอบคุณ แต่เรื่องวันนี้ต้องขอบคุณจริงๆ""
ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นและก็ไม่อยากให้เขาขึ้นมารบกวนเจียงไหลด้วย เลยได้แต่รับปาก "รู้แล้ว"ก่อนลงมา เจียงไหลกับลู่สือเยี่ยนทำเหมือนกันเลย เธอเอาเสื้อโค้ทมาคลุมให้กับฉัน แล้วก็ยังเอาหมวกมาสวมบนหัวให้ฉัน"อย่าหาว่าฉันโอเวอร์"เจียงไหลจิ้มหัวฉันเบาๆ "ในเน็ทบอกช่วงนี้ลมหนาวกำลังพัดผ่าน เดี๋ยวจะปวดหัว""อืมๆๆ เธอดีกับฉันที่สุดเลย"เธอหวังดีกับฉัน ฉันหลังจากรับพูดหับเธอก็เปลี่ยนรองเท้าและเดินลงมาจากตึกพอเห็นฉันเดินออกมาจากตึกคอนโด แววตาของฟู่ฉีชวนก็ลึกล้ำ "ทำไมสวมเยอะขนาดนี้ ไม่สบายหรอ?""เป็นห่วงฉันแล้วหรอ ?"ฉันพบว่าไม่สามารถจะพูดกับเขาดีๆ ได้อีกแล้วต่อให้เขาจะเป็นห่วงฉันจริงๆ ต่อให้เขาไม่รู้ว่าฉันท้อง เมื่อวานก็ควรถามสักหน่อยว่าฉันเป็นไงบ้างไม่ว่าจะรุนแรงหรือเล็กน้อย แต่ฉันก็ถูกรถชนมาฟู่ฉีชวน "เธอต้องพูดจาแดกดันแบบนี้ด้วยหรอ?"ฉันไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เลยพูดเข้าประเด็น "เรียกฉันลงมามีธุระอะไร?"ดึกดื่นขนาดนี้ ฉันไม่ได้มีอารมณ์มาถกเถียงเรื่องไร้สาระกับเขาเขาขมวดคิ้ว "ทำไมคุณไม่รอผม?""..."สายตาเย็นชาของฉันมองสบสายตาเขา "ทำไมฉันต้องรอคุณด้วย?"ส่วนฉันก็รู้สึ
ฉันเกือบจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่ว่าฉันฝืนที่จะไม่พูดพูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ฉันเผยอยิ้มมุมปาก "คุณช่างจิตใจสูงส่งเหมือนกับเหลยเฟิงตอนมีชีวิตอยู่เลย เดือนหน้าฉันขอไหว้วานคุณช่วยฉันสักเรื่องได้ไหม?""ว่ามาสิ"ฉันกล่าวอย่างเรียบเฉย "ไปเอาใบสำคัญหย่ากับฉันที"แรงที่จับข้อมือของฉันแน่นเหมือนกับโซ่กุญแจมือ ฉันสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นตรงปลายนิ้วของเขา จากนั้นก็ยังคงดึงดันโดยไม่พูดอะไรผ่านไปนาน ประตูลิฟต์ได้เปิดออก คู่สามีภรรยาที่รักใครก็เดินสวนออกมาฟู่ฉีชวนเหม่อลอยไปเสี้ยววิ ฉันอาศัยจังหวะดึงข้อมือออกและเดินเข้าไปในลิฟต์ฉันกดปุ่มปิดประตูลิฟต์ ขณะประตูลิฟต์กำลังปิด ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยมีมาก่อนการแยกทางคือตัวเลือกที่ดีที่สุดคงต้องแยกทาง……คืนนั้น ไม่รู้ว่าเพราะข้อสรุปของเรื่องเดินมาถึงจุดสิ้นสุด หรือว่าเพราะฉันเหนื่อยเกินไป ฉันหลับไปจนถึงเก้าโมงกว่าขนาดตอนเจียงไหลไปทำงาน ฉันก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่นภายในหม้อหุงข้าว เป็นโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าที่เจียงไหลตั้งเวลาทำอาหารเอาไว้ฉันทานไปสองชาม ไม่รู้ว่าความอยากอาหารของตัวเองดีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดได้ จริงสิ
แต่เพราะว่าเขาเป็นลุงเขยของฉัน!เขาใช้ความเป็นลุงเขยของฉันพูดจาส่งเดชต่อหน้าฟู่ฉีชวน!"พี่ครับ พี่พูดแบบนี้ มันหักหามน้ำใจกันเกินไปแล้ว"หลินเฟิงเอาเมล็กทานตะวันที่ยังทานไม่เสร็จใส่ถุง ทำน้ำเสียงเหมือนเข้าใจทุกอย่าว "ผมรู้ครับ พี่เขยนอกใจใช่ไหมล่ะ? ผมเมื่อกี้ไปเจอมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นขี้เหล่กว่าพี่มาก หน้าตาเหมือนพวกอินฟลู พี่ก็ให้พี่เขยได้สนุกสักพัก พอเบื่อเดี๋ยวก็กลับมาเอง"เรื่องนอกใจในสายตาของผู้ชายที่ไม่มีศีลธรรม ก็เหมือนเป็นเรื่องไม่หนักหนาอะไรฉันพยายามข่มไฟความโกรธเอาไว้ "ฉันบอกแล้ว เรื่องนี้พวกคุณไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง ฟังเข้าใจไหม?""เข้าใจแล้ว“หลินกั๋วอันคือตัวอย่างของคนเลวที่แก่ตัวลงซึ่งเป็นหัวข้อในโลกออนไลน์ เขายิ้มโชว์ฟันเหลืองจากการสูบบุหรี่จัด เรียกร้องจากฉันสูงเกินไป "ถ้าไม่อยากให้ฉันไปพบรองประธานฟู่ งั้นเธอหลังจากนี้ก็ต้องให้เงินฉันสามหมื่นทุกเดือน และก็จัดการเรื่องตำแหน่งงานให้หลินเฟิงด้วย ฉันถึงจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง""ลุงไม่ปล้นเลยล่ะ"ฉันระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ "ลุงฟังให้ดี หลังจากนี้หนูจะไม่ให้ลุงสักแดงเดียว""ฉันจะไปศาลฟ้องแก! ไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูคนแก่
ชายร่างสูงในชุดสูทรสีเข้ม สีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม แววตาเรียบเฉย รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล มีออร่าของผู้มีอำนาจมาตั้งแต่เกิดฉันตกใจเล็กน้อยเห็นหลินกั๋วอันหยุดบ่นในทันที ไม่มีพฤติกรรมหยาบกระด้างเมื่อครู่แม้แต่น้อย เขาถูมือและปั้นหน้าเดินเข้าไปหาฟู่ฉีชวนค้อมตัวหัวเราะ "รองประธานฟู่ ท่านมาได้ยังไง? ผมกำลังสั่งสอนหลานสาวอยู่พอดี"ศักดิ์ศรีของฉันเหมือนถูกหลินกั๋วอันเหยียบไว้ใต้เท้า แม้เราจะเดินมาถึงขั้นที่ต้องหย่าร้างกันแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากให้ฟู่ฉีชวนเห็นด้านสมเพชของฉันหรือจะพูดว่าญาติผู้น่าสมเพชดี"คุณออกไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ"ฉันผลักฟู่ฉีชวนออกไปนอกห้องฉันไม่อยากให้ลุงเขยสอดมือมายุ่งเรื่องระหว่างฉันกับเขา ขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่ได้หวังให้เขามายุ่งเรื่องสกปรก"แกกลัวแล้วหรอ?"หลินกั๋วอันบืนขวางตรงประตูพร้อมกับพูดตะคอดเสียงดัง "กลัวว่าหลานเขยฉันจะรู้ว่าแกเป็นคนเนรคุณแค่ไหนงั้นหรอ?"ฉันโมโหจนหมดคำจะพูดยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็เริ่มตำหนิอ้างเหตุผลวาทกรรม "ไม่โทษคุณหรอกที่ไปหาความสุขทางอื่น อันที่จริงหลานสาวฉันก็ไม่ได้รู้ประสาเลย ไม่เคยเอาใจใส่! อารมณ์เสียยิ่งกว่าอะไร คนอ
ฟังจบ หลินกั๋วอันก็หน้าเปลี่ยนสี ดูลำบากใจอย่างมาก "คือ...คือว่า...คนบ้านเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องคิดถี่ถ้วนขนาดนั้นเลย?"ฟู่ฉีชวนท่าทางผ่อนคลายและพูดปลอบเขาอย่างจริงจัง "จำเป็นสิครับ คุณลุง บุญคุณควรตอบแทน ไม่ต้องเกรงใจครับ ตัดเรื่องเงินที่เธอส่งให้ช่วงไม่กี่ปีนี้ออกไป พวกคุณเลี้ยงดูเธอมาจนเติบใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องมีสักห้าหมื่นหยวน งั้นผมก็ควรตอบแทนคืนสักห้าสิบล้าน""ประเด็นคือ..."หลินกั๋วอันสีหน้ากระอักกระอ่วน หน้าแดงขึ้นมาในตอนสุดท้าย "ประเด็นคือผ่านไปหลายปีแล้ว ครับ คงคิดตีเป็นตัวเลขชัดๆ ไม่ได้หรอก?""ไม่ยากครับ พวกคุณถือบัตรธนาคารอะไรไว้? ผมแค่โทรศัพท์คุยไม่กี่นาทีก็ทราบแล้ว" ฟู่ฉีชวนทำท่าเอามือถือออกมาหลินกั๋วอันตกใจจนคุกเข่ากับพื้นตรงนั้นและพยายามพูดหลายครั้ง "ท่านรองประธานฟู่ อย่าตรวจสอบเลย อย่าตรวจสอบเลยครับ!"เขากลัวฟู่ฉีชวนจะตรวจสอบพบว่าเขาปฏิบัติกับฉันอย่างกดขี่ แบบนั้นเขาก็จะซวยสภาพน่าสมเพชแบบนั้น เหลือจะเชื่อเลยจริงๆ"ทำไม?"ฟู่ฉีชวนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ และถามอย่างไม่เข้าใจ "คุณลุงบอกว่าหนานจือเนรคุณไม่ใช่หรอ? พวกเราอยากจะตอบแทนบุณคุณคืนให้เป็นทวีคูน คุณลุงไม่เอาแล้วห
น้ำเสียงเรียบเฉย ทว่ากับแฝงไปด้วยความเย็นเยือกอันน่าขนลุกราวกับว่าขอแค่หลินกั๋วอันกล้าลงมือ เขาก็จะหักแขนของหลินกั๋วอันนี่เหมือนกับเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึงการถูกปกป้องจากเขาเพียงแต่ มันสายเกินไปหน่อยก็เท่านั้น ในใจไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหลินกั๋วอันขยับแขนของเขาและพบว่าชายอกสามศอกอย่างเขากลับพบว่าแขนของเขาในมือของฟู่ฉีชวนขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขาอดตัวสั่นไม่ได้และรีบอธิบาย"รองประธานฟู่ ไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ!"คุณป้าเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย "หนานจือ..."ฉันอยากจะสั่งสอนหลินกั๋วอัน แต่คุณป้าป่วยอยู่ในภาพนี้ คงไม่เหมาะฉันเลยคว้าแขนของฟู่ฉีชวน "พอเถอะ ปล่อยเขาไป"ฟู่ฉีชวนตัวหัวเสีย เขามักจะไม่ฟังใครง่ายๆ เขาเหลือบมองหลินกั๋วอันอย่างสงสัย "ถ้าคุณแตะต้องเธอ ผมจะตัดมือคุณทิ้งซะ เข้าใจไหม?""เข้า เข้าใจแล้วครับ! ผมไม่กล้าแล้ว...คุณวางใจได้เลย!"หลินกั๋วอันสีหน้าซีดเผือดและรีบรับปากเขาจนกระทั่งฟู่ฉีชวนสะบัดแขนเขาออกไป ฉันก็หันมองหลินกั๋วอันอย่างเหนื่อยหน่าย"ค่ารักษาของคุณป้า ฉันได้จ่ายในส่วนที่ควรจ่ายให้ไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่น คุณลุงเลิกหวังเถอะ""แก..."แ
"แม่...มีสิทธิ์อะไร...หนูเป็นลูกค้านะ!""ทำตามที่บอก!"แม่เสิ่นกลืนน้ำลายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้โจวฟาง มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “คุณหร่วน ในฐานะดีไซเนอร์ชุด โปรดอย่าลืมไปร่วมงานเลี้ยงหมั้นในสัปดาห์หน้าด้วย หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับชุด ก็สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที”“เดินทางปลอดภัย ไม่ไปส่งค่ะ”ฉันทำท่าส่งแขก จากนั้นจึงพูดว่า "ส่วนเงินที่ยังค้างอยู่ ก็โอนเข้าบัญชีเดียวกับครั้งที่แล้ว ขอบคุณ"……เรื่องตลกจบลงแล้ว ก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้วฉันเลยตัดสินใจเสนอพาพวกเขาไปกินหม้อไฟเมื่อเพิ่งมาถึงที่จอดรถใต้ดิน เจียงไหลได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับงานปาร์ตี้สังสรรค์และตัดสินใจทิ้งฉันไว้เหลือแค่ฉัน โจวฟาง และโจวโม่โจวฟางชูคอ หันหน้ามาทางฉัน แล้วพูดว่า "ไปนั่งรถฉันมา พรุ่งนี้จะไปส่งโมโม่ที่ทำงาน""โอเค"ขณะที่ฉันเดินไปเปิดประตูเบาะหลัง โจวโม่ก็ผลักฉันให้ไปนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า "พี นั่งเบาะหน้าเถอะ เบาะหลังแคบเกินไป"นั่นคือข้อเสียของรถสปอร์ต ดูดีแต่ไม่สบายตอนนั่งฉันเปิดแอพอาหารแล้วคิดว่าจะไปที่ไหน โจวฟางก็หาวแล้วพูดว่า "ฉันเหนื่อยแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ สั่งเดลิเวอรี่ก็ได้"ไม่ใ
ลูกวัวแรกเกิดอย่างโจวโม่ไม่กลัวเสือ ซึ่งทำให้เจียงไหลและฉันต่างจ้องมองกันหลังจากที่รู้ตัว ฉันก็กลัวว่าแม่เสิ่นจะลากเธอไปเอี่ยว ดังนั้นฉันจึงดึงเธอไว้ข้างหลัง“ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอามาคุยกับฉันสิ”"พี่!”โจวโม่ไม่กลัวเลยและมองไปที่แม่เสิ่น "คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่ต้องการชุดนี้แล้วเหรอ? งั้นก็ให้เสิ่นซิงหยูออกมา ไม่ต้องไปลองมันแล้ว""ฮ่า!"แม่เสิ่นยิ้มเยาะหลายครั้ง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความดูถูก “คำพูดของเธอนี่ช่างขำจริงๆ เธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ เธอคิดว่าเจ้านายของเธอจะเห็นด้วยกับเธอไหม? เธอรู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่....”"ฉันซื้อได้!”โจวโม่พองหน้าเล็กๆ และพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย่อหยิ่งฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำกล่าวที่เกินจริงของเธอใบหน้าของแม่เสิ่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างน่าตกใจ สั่นเทาด้วยความโกรธ “หร่วนหนานจือ นี่ก็เป็นจุดยืนของเธองั้นเหรอ?”“ถ้าคุณไม่พอใจกับชุดนี้ นั่นก็เป็นทางเลือกที่ดี”ฉันยิ้มอย่างสุภาพ น้ำเสียงของฉันสงบและนิ่งแม่เสิ่นกัดฟันและจ้องไปที่โจวโม่ “เธอแน่ใจนะว่า ซื้อมันได้ ชุดนี้ราคาเกิน 25 ล้าน!”“แค่ 25 ล้านเอง คุณป้า คุณไม่มีเงินหรือไง?”โจวโม่เอีย
ฉันไม่ได้คิดอะไรมากและหัวเราะ “เราออกไปนานแล้ว ฉันถึงบ้านแล้วและอาบน้ำแล้ว”"งั้นก็ดีแล้ว"“หลิน… ลุงของหลาน เขาไม่ได้ก่อเรื่องอีกแล้วใช่ไหม?”ก่อนที่ฉันจะไปกับลู่สือเยี่ยน เขาเตือนหลินกั๋วอันหลินกั๋วอันพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกือบจะคุกเข่าลงคุณป้าพยักหน้าแล้วพูดว่า "ไม่ ไม่ต้องห่วง เขาใบหย่าไปแล้วและเพิ่งกลับไป"ฉันแปลกใจเล็กน้อย "เซ็นต์ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?"ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวลู่สือเยี่ยนในระดับหนึ่งเมื่อคืนนี้เอง ยัวยืนกรานที่จะแบ่งทรัพย์สินของฉันคุณป้าถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ใช่แล้ว หลานต้องขอบคุณประธานลู่นะ เขาเป็นคนดีมาก”"โอเค ไม่ต้องกังวล ฉันจะหาโอกาสขอบคุณเขาเอง"ถ้าคุณป้าสามารถหย่าร้างได้อย่างราบรื่น ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขความกังวลในใจของฉันไปได้หนึ่งเปาะด้วยวิธีนี้ ฉันจะต้องดูแลคุณป้าของฉันเท่านั้นในอนาคต โดยไม่ต้องรับมือกับคนชั่วคนนี้……หนานซีเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และธุรกิจของเราก็อยู่ในระดับปานกลางตามธรรมชาติแต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตารางงานที่ยุ่งของฉันฉันใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการทำชุดหมั้นของเสิ่นซิงหยูในที่สุดเพชร ไข่มุก ทับทิมตร
ฉันหันกลับมาทันทีและกำลังจะถาม แต่ลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ"หนานจือ"ฉันพยักหน้าและพูดว่า "รุ่นพี่"ทันทีที่หลินกั๋วอันเห็นเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาตัวสั่นและพูดว่า "ประธานลู่ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้?"เห็นได้ชัดว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนมองมาที่ฉัน และหลังจากยืนยันว่าฉันปลอดภัยดี สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หลินกั๋วอัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกคุณอะไรไปเมื่อครั้งก่อน?”“ไม่ ไม่ ฉันไม่กล้า!”หลินกั๋วอันปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยแสดงรอยยิ้มประจบประแจงและระมัดระวัง "ฉัน... ฉันเพียงมาพบภรรยาของฉัน บังเอิญว่าผู้หญิงคนนี้มาพอดี"ฉันเห็นว่าเขากลัวลู่สือเยี่ยนมาก ฉันจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไป? คุณเอาเรื่องนี้มาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่ามาบอกฉันนะ มันเป็นแค่การพูดลอยๆ"ประโยคนี้ ลู่สือเยี่ยนก็ได้ยินเช่นกันหลินกั๋วอันหดตัวลงชั่วขณะ หลบตาคุณป้าของฉัน กัดฟันแล้วพูดขึ้นมาว่า "ฉัน..."“คุณควรพูดความจริงดีกว่า”ลู่สือเยี่ยนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น ยิ้มอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความคุกคาม "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมัก
"หนานจือ ลุงของคุณได้รับจดหมายแจ้งการฟ้องหย่าของเราแล้ว"ทนายฟางอดไม่ได้ที่จะเตือนฉันว่า "แต่ตอนที่ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไปเจอลุงของคุณเข้า เขาหน้าซีดมาก และอาจทำให้คุณป้าของคุณเดือดร้อนได้""โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ! ฉันจะไปดูทันที"คุณป้าของฉันอยู่ในระยะวิกฤตของการรักษา และกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์การทะเลาะกันใหญ่โต ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกายของเธอฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปที่ห้องส่วนตัว ฉันเอนตัวไปที่หูของเจียงไหลและพูด "ไหลไหล ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอนะ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านคุณป้า ฉันต้องลองไปดู"สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปและเธอพูดอย่างวิตกกังวล "เป็นอะไรหรือเปล่า? ฉันพาเธอไปเอง""ไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่"ฉันตบไหล่เธอ “เธออยู่ที่นี่และทำให้ทุกคนสนุกสนาน อย่าปล่อยให้เรื่องนี้มาทำให้เสียบรรยากาศ”เมื่อพูดจบ ฉันก็คว้ากระเป๋าและบอกลาทุกคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกไปลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นทันทีเช่นกัน “คุณดื่มแอลกอฮอล์มา ฉันจะพาคุณไปเอง”"โอเค"ฉันรู้ว่าเขามาทานอาหารเย็นนี้เพราะฉันเท่านั้น ถ้าฉันออกไป เขาก็คงไม่อยากอยู่เหมือนกันขณะที่ดินออกไป
ในขณะนั้นเอง มีคนจากภายในห้องดึงประตูเปิดออกพอดีตอนที่ฉันกำลังจะแอบดู พนักงานเสิร์ฟก้าวเข้ามา ทำให้ฉันไม่สามารถมองอะไรได้เลยสถานที่แห่งนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของแขกเป็นอย่างยิ่งพนักงานเสิร์ฟถามว่า “สวัสดี คุณเป็นเพื่อนของคุณเซียวและกลุ่มของเขาหรือเปล่า?”แซ่นี้ฟังดูไม่คุ้นเลยฉันต้องส่ายหัวและบอกว่า "ไม่ ฉันเข้าห้องส่วนตัวผิด"เมื่อฉันหันหลังกลับและออกไป ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังจ้องมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ขนที่คอของฉันลุกชันเมื่อหันกลับไปมอง สิ่งที่ฉันเห็นก็คือประตูห้องส่วนตัวที่ปิดสนิทแล้วเมื่อกลับมาที่ห้องส่วนตัว เจียงไหลสั่งอาหารเสร็จแล้ว “เอาล่ะ เธอมีอะไรอยากสั่งไหม?”"ฉันไม่เลือกหรอก สั่งมาเลย"เมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฉันรู้สึกหนักใจเล็กน้อยไม่ใช่ใครที่ฉันรู้จัก แต่สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมากแทบจะเป็นสถานการณ์เดียวกันฉันไม่เคยได้ยินว่ามีเพื่อนสนิทแซ่เซียวจากฟู่ฉีชวนเลยเจียงไหลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติและโน้มตัวเข้ามาที่หูของฉัน "เธอกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"ฉันยิ้มอย่างอ่อนโยนตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่อ
เจียงไหลไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉัน "อีกอย่าง ตอนนี้เธอก็หย่าแล้ว เธอคิดว่าเขาจะยอมแพ้ได้แค่พูดไม่กี่คำเหรอ? จะดีกว่าไหมที่จะกำหนดเส้นตายแบบนี้"ตอนนั้น ฉันก็คิดเหมือนกันตอนที่ฉันรู้ว่าลู่สือเยี่ยนแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเวลา 20 ปี ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นโชคดีมากแต่เมื่อฉันรู้ว่าเป็นฉัน ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากกว่าเป็นหนี้บุญคุณ....ยากที่จะตอบแทนในช่วงเวลาที่ฉันเงียบๆ เจียงไหลนอนลงบนโต๊ะ เขย่าต่างหูของฉันด้วยนิ้วของเธอ "อาหร่วน ทำไมเธอไม่ลองคบกับลู่สือเยี่ยนดูล่ะ มีผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนี้เพียงไม่กี่คนในสมัยนี้""ก็เพราะว่าเขาดีมาก ฉันจึงต้องระมัดระวังมากขึ้น"ไม่เช่นนั้น มันก็จะกลายเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคนอื่นเมื่อมีคนมอบใจให้ 100% ก็ควรให้ใจกลับไป100% ด้วยถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันก็ควรปล่อยเขาไปเร็วกว่านี้ เพื่อที่เขาจะได้หาคนที่ทำได้เจียงไหลไม่สามารถโน้มน้าวฉันได้ เธอจึงยอมแพ้และพูดว่า "เอาล่ะ คืนนี้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านประจำกันเถอะ"ร้านประจำที่เธอพูดถึงเป็นคลับเฮาส์ที่เธอเคยไปบ่อยๆฉันเดาะลิ้น “มันจะแพงเกินไปไหม?”“ไม่ต้องห่วง ฉันเลี้ยงเอง”"เงินขอเธอหล่นลงมาจากฟ้
ฉันสับสนมากไม่ใช่เขา แล้วใครส่งมา?การติดต่อครั้งเดียวที่เรามีกับRF กรุ๊ปก็ผ่านเขาเท่านั้น…ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงของเฉินเย่ที่นึกขึ้นได้ก็ดังขึ้นที่ปลายสาย "ใช่ ๆ ฉันจำได้แล้ว เป็นฉันเอง! จริงๆ แล้ว ฉันขอให้ผู้ช่วยของฉันสั่งให้ แต่เขาอาจจะสั่งผิด ฉันขอให้เขาสั่งตระกร้าดอกไม้ 99 ใบเพื่อบริษัทของคุณประสบความสำเร็จและรุ่งเรือง"เฉินเย่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและพูดว่า "ตะกร้าดอกไม้ 999 ใบมันมากเกินไปจริงๆ มันทำให้คุณเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า?"“เข้าใจแล้ว…”ฉันยิ้มแห้งๆ เมื่อมองไปที่ช่อดอกไม้ที่เรียงรายเต็มไปหมดจนเต็มพื้นที่ตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงออฟฟิศของเรา “ไม่ใช่ปัญหาจริงๆ… แต่บางทีฉันควรคุยกับร้านดอกไม้เกี่ยวกับการคืนดอกไม้บ้าง? ไม่งั้นมันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”“ไม่จำเป็น ฉันไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย”เฉินเย่พูดออกไป แล้วกระแอมอีกครั้งแล้วพูดเสริมว่า "ผู้ช่วยของฉัน เขาแค่มาทำงาน เพื่อต้องการเปิดประสบการณ์ชีวิต เขาเป็นคนร่ำรวยมาก และฉันจะหักเงินนี้จากโบนัสของเขา"“…โอเค”ฉันขอบคุณอีกครั้ง แพูดคุยอย่างสุภาพอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายเจียงไหลเอนตัวเข้ามาและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น เขาให้
ฉันรู้ดีว่าคงไม่ใช่ฉันหรอก แค่การตอบกลับตามวามเคยชินเขาหรี่ตาอย่างอันตราย แสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อรับ "พวกที่รังแกคุณต้องชดใช้ยังไง"ฉันหัวเราะเบาๆ “แล้วไงต่อ”“ไม่มีแล้วไงต่อ”โจวฟางเม้มปากและเอนหลังพิงพนักพิงศีรษะ ขนตาของเขาปิดบังอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้ "ชื่อคุณอยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหร่วน และก่อนที่ชิงหลี่จะจากไป คุณก็เป็นหร่วนหนานจือของตระกูลหร่วนไปแล้ว""แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไม ฉันเหมือนคุณย่าเลย บางครั้งก็ถูกดึงดูด""......"ฉันเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที และฉันก็เฝ้าดูเขาอย่างระมัดระวังเขาหัวเราะอย่างไม่เชื่อและกดลิ้นทับฟันกรามของเขา “ทำไมถึงมองแบบนั้น คุณคิดว่าฉันสิ้นหวังขนาดจะยอมคบกับใครก็ได้งั้นเหรอ?”“นั่นพูดยาก”ฉันยิ้มและดึงเสื้อโค้ทให้กระชับขึ้นโดยตั้งใจ หวังว่าจะช่วยคลายความตึงเครียดในรถได้เขาหาวและพูดออกมาสองคำอย่างไม่ใส่ใจว่า “เด็กน้อยจัง”จากนั้น เขาก็หยิบผ้าปิดตาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า และหลับไปอย่างสงบ……วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดตัวหนานซีอย่างเป็นทางการพนักงานใหม่หลายคนมาแต่เช้า เต็มไปด้วยพลังงาน ทำให้บรรยากาศของบริษัทดีขึ้นท