หลังจากที่จื่ออี้เฉินหักหยกมิติที่ห่าวอู๋มู่ลี่มอบให้ทำให้ทุกคนเข้าไปเมืองตะวันทันที่ ณ เมืองตะวัน คนที่เฝ้าถ้ำตะวันพากันวิ่งวุ่นวายมีสัตว์อสูรและหญิงสาวลอยขึ้นมาจากน้ำอมฤต มีคนมารายงานคุณชายใหญ่ตระกูลห่าวอู๋ เพราะตระกูลห่าวอู๋นั้นถือว่าเป็นเจ้าของของถ้ำแห่งนี้ เดิมที่ถ้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไป เพราะมีสัตว์อสูรอีกาดำสามขาเฝ้าอยู่แต่ตอนนี้บุตรชายคนเล็กของตระกูลห่าวอู๋ได้กำหราบอีกาดำสามขาได้แล้ว จึงให้อีกาดำสามขาเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาและติดตามตนไป เดิมทีไม่มีคนคอยเฝ้าก็ไม่มีผู้คนเขามาอยู่แล้ว แต่ห่าวอู๋มู่ลี่ได้ส่งคนไปเฝ้าเผื่อน้องชายตนกลับมาจะได้รู้ทันที"มีผู้หญิงหนึ่งคนที่เป็นมนุษย์ เจ้าอีกาดำสามขา อีแร้งยักษ์เหมือนตัวที่เคยเป็นสัตว์ในพันะสัญญาของคุณชายเลยขอรับ แล้วก็มีจรเข้หนึ่งตัว แล้วก็จิ้งจอกเก้าหางหนึ่งตัวขอรับ"ผู้ที่เฝ้าอยู่ในถ้ำรายงาน เขากำลังนอนหลับอยูดีดีก็ได้ยินเสียงปังๆอยู่ๆก็มีร่างห้าร่างโพลขึ้นมาจากน้ำ พวกเขาจึงลงไปลากร่างขึ้นมาปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่"แล้วคุณชายห่าวอู๋วี่ล่ะ ยังไม่กลับมาหรอกหรอแต่สัตว์อสูรในพันธะสัญญากลับมาแล้วเนี้ยนะ ไปข้าจะไปดู"ห่าวอู
หลังจากที่ห่าวอู๋หรงสั่งให้คนไปบุกเรือนคุณชายใหญ่ก็ไม่พบใคร จึงทำให้ห่าวอู๋หรงเดือดดาลเป็นอย่างมาก"พวกเจ้าไม่มีตากันเลยหรือไร เฝ้าเรือนปล่าๆมาสองคืนสองวัน ยังไม่รู้เรื่องไม่เห็นอีกหรือว่าใครไปไหน ให้คนจับตาดูที่เรือนคุณชายสี่ และถ้ำตะวันไว้ ทางที่ดีประตูทางเข้าเมืองตะวันด้วยดีกว่า ข้าจะหาผู้ที่ไว้ใจได้นำคนไปเฝ้าประตูไว้ไม่ให้คุณชายสี่กลับมา"ห่าวอู๋หลงกล่าว"ท่านพี่ผลหลิวต้องแสงจันทร์ ถ้าเด็ดออกมาจากต้นแล้วมีเวลาเก็บรักษาได้สามวันนิ ถ้าเกินนั้นก็ไม่มีผลแล้ว และบางทีอาจหายไปแล้วก็ได้"ห่าวอู๋ไห่กล่าวกับพี่สาว เขาถูกกักบริเวณแต่ก็เข้าออกเรือนพี่สาวของตนได้ จึงต้องมาวางแผนกันเป็นประจำ นี้ก็หกเจ็ดวันแล้วที่ข่าวผลหลิวต้องแสงจันทร์สุก น่าจะใช้การไม่ได้แล้ว"เจ้านั้นมันบื้อนักถ้าน้องสี่กินผลหลิวต้องแสงจันทร์เข้าไปแล้วกลับมา กลั่นไอวิเศษออกจากเลือดได้เล่าเจ้าจะว่าอย่างไร"ห่าวอู๋หรงกล่าว"ท่านพี่ท่านไม่คิดบ้างเลยหรือ ว่าถ้าหากคุณชายใหญ่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็มีคุณชายสี่อีกคนที่เป็นลูกของฮูหยินไม่ใช้ลูกอนุแบบเรา"ห่าวอู๋ไห่ถามพี่สาวแบบตรงๆ คุณชายสี่ทั้งโดดเด่นหยิ่งยโส และฉลาดออก "
ณ ถ้ำอสรพิษหลังจากมู๋จินเป่าตื่นขึ้นจากพวังฝึกฝนก็มีวรยุทธเพิ่มขึ้น นางมองออกไปก็พบกับห่าวอู๋อวี่ที่กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ ตนจึงเดินออกสำหรวจสิ่งของนางเจอกำไลนิลกาฬที่ดูแล้วสะดุดตายิ่งนักกำลังจะสัมผัส สตรีในชุดสีเหลืองอ่อนก็เข้ามาและห้ามปรามไว้"ท่านเก็บของทุกอย่างที่เป็นสีเหลืองอมส้ม หรือสมบัติของหยกสีน้ำผึ้งได้เท่านั้น"หญิงสาวได้กล่าว มู๋จินเป่าจึงกวาดของที่มีสีน้ำผึ้งเข้ามิติทันทีโดยไม่ปิดบังหญิงชุดเหลืองแม่แต่น้อย หญิงชุดเหลืองในอดีตคือคนรับใช้ของหยกสีน้ำผึ้ง นางไม่สามารถกล่าวเรื่องนี้กับผู้อื่นได้ ว่านางมีของดี มีมิติล่องหนอยู่ ในมิติล่องหนของนางใช้ที่เก็บของธรรมดาเสียที่ไหน มีทั้งต้นไม้สมุนไพรบ่อน้ำอมฤต และที่เก็บของนางตั้งใจจะทำบ้านในนั้นให้ลี่หลินอาศัยอยู่ด้วย นางเก็บของแล้วก็ส่งกระแสจิตเข้าไป จัดสิ่งของไม่นานก็ได้ยินลี่หลินสื่อกระแสจิตมาหาตน พอคุยกันเสร็จมู๋จินเป่าก็ออกมา และเดินสำหรวจรอบถ้ำต่อเพื่อรอห่าวอู๋อวี่ตื่นขึ้นมา เดินดูของในถ้ำมากมายของที่ถูกตาถูกใจก็มีแต่สีดำของนิลกาฬ นางตั้งใจแล้วว่าถ้าห่าสอู๋อวี่ออกจากพวังฝึกฝนแล้วตนจะของให้หมดเลย หลังจากดูของทุกอย่างและยิ้มด้วยควา
ระหว่างกินข้าวมู๋จินเป่าก็ให้ลี่หลินเข้าไปในมิติ เพราะจิ้งจอกเก้าหางเด่นเกินไปทำให้หลายคนสนใจนัก หลี่หลินเข้าไปในมิติล่องหนก็ตกใจยิ่งนัก มีบ่อน้ำอมฤต ป่าสมุนไพร ถ้ำอีกด้วย พอหลี่หลินเข้าไปเจ้าอสูรสองตัวก็ออกมาพูดคุยกัน จึงทำให้อสูรงูเห่าทั้งสองตนมองมู๋จินเป่าใหม่ และช่วยกันจัดของให้มู๋จินเป่าในการกินอาหารกับพี่ชายในครั้งนี้ ห่าวอู๋อวี่มีความสุขที่สุดในระหว่างเจ็ดปีที่ผ่านมานี้"ท่านพี่พวกเรารอจินเป่ากับพี่ซิงอีหาประสบการณ์ ในสำนักตะวันเลือนสักปี แล้วเราออกไปหาประสบการณ์นอกมิตินี้กันเถอะ ข้ากับจินเป่าเราคุยกันแล้วเรามีเป้าหมายที่เหมือนกัน ยุทธภพนี้ไม่ว่าจะมิติใดๆข้าคิดว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่มีอำนาจที่สุด ถ้าเรามั่วแต่อยู่ที่นี้เราจะเก่งกันได้อย่างไร ข้าว่าข้าจะให้จื่ออี้เฉินไปคอยปกป้องเจ้าในสำนักตะวันเลือนดีหรือไม่"ห่าวอู๋อวี่กล่าวกับคุณชายใหญ่และมู๋จินเป่า ทำให้คุณชายใหญ่มองมู๋จินเป่า และประเมินนาง หญิงสาวที่หน้าตางามจับจิตแต่มีวรยุทธแค่ขั้นศิลาแปดดาวแต่มีสัตว์อสูรอยู่ตั้งขั้นนภา สายตาของน้องชายสีของตนมีปัญหาหรือไม่"ท่านไม่ต้องทำมากถึงเพียงนั้น ข้ามีลี่หลินอยู่และไห
เมื่อกลับจวนตระกูลห่าวอู๋แล้ว มู๋จินเป่ากับซิงอีก็พักที่เรือนรับรองของเรือนคุณชายสี่ พอเข้าห้องได้ ซิงอีก็ขัดผิวให้มู๋จินเป่าพลางพูดคุยกัน"พี่ซิงอีตอนนี้ข้ารู้ว่ามีมิติที่ไม่ใช่ที่เราอยู่เพิ่มขึ้นอีกสองมิติแล้ว แต่ข้าก็ไม่รู้ภูมิหลังของเราว่าอยู่มิติใดกันแน่ ตอนนี้เราต้องหาประสบการณ์ที่นี้และออกไปตามหาภูมิหลังกัน"มู๋จินเป่ากล่าวกับพี่ซิงอี"แล้วที่เจ้าบอกว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเจ้าเล่า แล้วเรื่องเจ้ากับท่านห่าวอู๋อวี่อีก มันแปลกๆนะ พวกเจ้าสองคนเหมือนมีใจให้กัน ใจตรงกันแทบทุกเรื่องเลย"ซิงอีถามด้วยความสงสัย"ก็บอกแล้วไงเดียวข้าเล่าให้ฟังขัดตัวเสร็จก่อนแล้วกันนะ และพี่ล่ะทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ หลังจากที่ข้าแทงต้นหลิวต้องแสงจันทร์ข้าก็สลบไปเลย ตื่นขึ้นมาก็ไม่ทันได้คุยสิ่งใดกับท่านห่าวอู๋อวี่เลยด้วยซ้ำก็ถูกตามไล่ล่าจนข้าถูกงูยักษ์จับไปที่ถ้ำอสรพิษนี้แหละ"มู๋จินเป่ากล่าวกับซิงอี ซิงอีจึงเล่าให้ฟังว่าตนเป็นอย่างไรบ้างและตอนนี้ก็เหลือผลหลิวต้องแสงจันทร์เพียงสองผลเพราะแบ่งรักษา เจ้าอีกาดำ "หลังจากนี้เจ้าก็ต้องรีบฝึกฝน ใช้ผลหลิวต้องแสงจันท์ในการฝึกฝนเถอะจะได้มีวรยุทธ์พุ่งขึ้นเหม
หลังจากกินข้าวกันเสร็จห่าวอู๋เจียง ก็ชวนทุกคนให้อยู่ต่อเพราะต้องการจะมอบตำราให้มู๋จินเป่าเพราะว่านางมีวรยุทธน้อยที่สุดเพื่อจะได้ฝึกวรยุทธ ให้อยู่ในระดับที่เข้าศึกษาได้ และให้ห่าวอู๋หรงตามสหายที่นามว่าหลี่ชุนชุนมา"ถ้าเจ้าสองคนไม่ให้ข้าพูดคุยกับสำนักให้ก็ไม่เป็นไร แต่ข้าว่าเจ้าคนนั้นวรยุทธยังไม่ถึงขั้นในการรับคัดเลือกด้วยซ้ำ เจ้าหาตำราจากข้าได้เพื่อที่จะเร่งฝึกวรยุทธให้เข้าสำนักได้"ห่าวอู๋เจียงส่งคนไปขนตำรามา พลางคุย กับมู๋จินเป่า "พวกข้าทั้งสองไม่ปฏิเสธตำราของท่านเจ้าค่ะ พวกข้าขอดูก่อนว่าอันใดที่พวกข้าสนใจ แต่กฎของการเข้าไปศึกษาในสำนักตะวันเลือนได้กำหนดว่าต้องมีวรยุทขั้นจิตตราขึ้นไปจริง ๆ หรือ ท่านห่าวอู๋อวี่ไม่เคยบอกข้านิ ข้าคิดว่าผู้ที่มีพลังวรยุทธ จะได้เข้าทดสอบทุกคน เพื่อจะคัดเลือกว่าผ่านหรือไม่ ไม่ใช่หรอกหรือ"มู๋จินเป่ากล่าวพลางมองหน้าห่าวอู๋เจียง เดิมทีตนคิดจะเพิ่มวรยุทธแต่ดูแบบนี้แล้วไม่จำเป็นแล้วล่ะ รอดูการทดสอบเถอะว่าจะผ่านหรือไม่"มันก็ใช่ที่ว่าสำนักเขาไม่ได้กำหนดตายตัว แต่ถ้าเจ้ามีวรยุทธน้อยในการทดสอบไม่ผ่านก็เสียเวลาอยู่ดี เอาแบบนี้เดียวข้าจะไปพูดคุยให้เจ้าทั้งสองคน
"เป็นพวกคุณหนูใหญ่เอง เราหนีกันเถอะ"ซิงอีที่เห็นมู๋จินเป่าแล้วจึงเอ่ยขึ้นก่อนจะกระอักเลือดออกมา"พี่ซิงอีเราเล่นกับพวกนางสักหน่อยเถอะ เอาถุงมิติมาก่อนแล้วเราไปร่วมเล่นกัน สัตว์อสูรทั้งหลายพวกเจ้าเล่นสนุกได้ในรูปแบบของมนุษย์นะ พวกเจ้าเหนื่อยกับการหาอัญมณีสีแดงมานานแล้ว เล่นกับพวกเขาหน่อยเถอะ"มู๋จินเป่ากล่าว พลางมองผู้ทดสอบทั้งหลายต่อสู้กับจรเข้ตาไฟอยู่ ตอนนี้จรเข้ตาไฟสบักสบอมมาก มู๋จินเป่าเลยโบกมือเก็บมันเข้าไปในมิติของนางเอง พร้อมกับถุงมิติสองใบของซิงอี และหยิบขวดน้ำอมฤตออกมาให้สัตว์อสูรของนางกับซิงอีได้ดื่ม พอทุกคนได้ดื่มก็หายเหนื่อย"อ๊ามาแล้วหรือน้องสาว ไม่เจอกันนานเจ้ามีวรยุทธ์กับเขาด้วยหรือ แต่ก่อนเจ้ามีวรยุทธเหนือข้ามากนะแต่ตอนนี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก เจ้ามีเพื่อนกับเขาด้วยหรือ 5555+ ทิ้งให้พี่เลี้ยงสู้ผู้เดียวเกือบตายแต่ตัวเองก็ไปมีเพื่อนใหม่ วรยุทธของเพื่อนเจ้ามากจนข้ามองไม่ออกแล้วอย่างไรเล่า พวกข้ามีคนมากกว่าเจ้านิ5555+ ทุกคนจับพวกนี้แล้วยึดป้ายหยกมาทำลายเดียวนี้ เรื่องสัตว์อสูรตนนั้นเดียวออกจากที่นี่ไปก่อนค่อยว่ากันใหม่"มู๋จินเหอเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงกรูเข้าไปเพื่อแย่งป้ายหย
หลังจากออกจากป่าอาคมแล้ว ทั้งสองก็ได้มาอยู่ดินแดนต้องห้าม พอทั้งสองเกาะกลุ่มกันแล้วก็มาปรากฏตัวอยู่ในที่เดียวกัน "ครั้งนี้มีผู้เข้าทดสอบที่ผ่านด่านจากป่าอาคมสองร้อยห้าสิบสามคน ในดินแดนต้องห้ามมีป้ายเข้าสำนักเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบป้าย ผู้ใดหาป้ายเข้าสำนักได้และรักษาได้เป็นเวลาสามวันถือว่าผ่านด่าน ป้ายชั้นดีมีสีม่วงมีห้าป้าย ป้ายชั้นกลางมีสีเขียวมีสี่สิบห้าป้าย ป้ายชั้นต่ำมีสีแดงหนึ่งร้อยป้าย เริ่มทำภาระกิจหาป้ายได้ในบัดนี้"เสียงประกาศดังขึ้น "ป้ายเข้าสำนักเป็นแบบไหนน่ะ แล้วที่พี่ซิงอี บอกว่าข้าจะต้องได้ที่หนึ่งในสิบข้าต้องได้ป้ายสีม่วงหรือไม่ก็ป้ายสีเขียว ถ้าเราหาป้ายสีเขียวหรือสีม่าวได้เราต้องหาสองอัน เราจะได้ลำดับพอพอกัน เพื่อในการเรียนเราจะได้เรียนในระดับเดียวกัน เราเริ่มกันเถอะเดียวจะไม่ทันเขา"มู๋จินเป่ากล่าวกับซิงอี"ไม่มีใครบอกอะไรเราเลยจริงๆ เราก็ลืมถามเสียด้วยว่ามันคือสิ่งใด แล้วจะหาได้อย่างไรกัน"ซิงอีกกล่าว และทั้งสองก็เดินไปเรื่อยๆ "เราให้สัตว์อสูรออกมาเป็นเพื่อนดีกว่าไหมเพราะเราไม่พบใครเลยสักคน"ซิงอีกล่าวอีก"ก็ดีเหมือนกันเนาะจะได้ให้สัตว์อสูรไปสอบถามกับสัตว์อสูรด้วย"ม
"ท่านพ่อสหายจากมิติสามัญต้องการที่จะหาสถานที่ฝึกวรยุทธกัน ลูกคิดว่าให้พวกเขาไปฝึกวรยุทธที่ตำหนักร้างดีหรือไม่ขอรับ เราก็ให้คนของเราไปดูแลพวกเขาอยู่รอบนอก ถ้าพวกเขาขาดเหลือสิ่งใดเราก็ส่งให้ ถ้าท่านพอไม่ไว้ใจพวกเขาก็ให้ลูกไปฝึกกับพวกเขาก็ได้นะขอรับ"องค์ชายหกกล่าวขอผู้เป็นบิดาให้หาที่ฝึกวรยุทธให้กับสหายจากมิติสามัญ เพราะพวกเขาบอกว่าที่มาจากมิติสามัญนั้นก็เพื่อที่จะหาประสบการณ์และฝึกวรยุทธให้เข้มแข็งขึ้นก่อนที่จะไปยังมิติเชื่อมจิต"เจ้ายังมีความต้องการที่จะเดินทางไปยังมิติอื่นอีกอยู่หรือ เจ้าไม่เห็นพี่ชายของเจ้าหรือขนาดอยู่ที่ดีๆยังมีคนปองร้ายเขาถึงขนาดนั้น โลกแห่งนี้ไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ ดูพี่ชายเจ้าเป็นตัวอย่างสิในคืนแต่งงานแท้ๆอยู่ดีๆเขาก็ต้องนอนเป็นผักอยู่ตั้งหลายปี"ท่านประมุขของมิตินิมิตกล่าวกับบุตรชายของตน"ท่านพ่อไม่รู้อะไรเสียแล้ว ในโลกที่ผู้มีวรยุทธเป็นใหญ่แบบเราผู้ใดที่แข็งแรงกว่าผู้นั้นก็กำปั้นหนักกว่าเสมอสามารถชี้ไปทิศใต้ทิศเหนือได้ ข้าต้องการฝึกประสบการณ์กับสหายจากมิติสามัญนั้นจริงๆขอรับ เผื่อวันข้างหน้าถ้าเสด็จพี่องค์ชายรัชทายาทเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก พวกเราก็จะได้แก้ไขไ
พอได้ผลหยางเหมยมาแบบชอบธรรมแล้วจางซินก็นำมาปรุงสมุนไพรรักษาลมปราณทันที และขอให้จินเป่ามาช่วย เพราะยามใดมีจินเป่าลงมือปรุงสมุนไพรจะออกมาเป็นจำนวนหลายเม็ด เขาจึงสรุปเอาเองว่าจินเป่าได้พรสวรรค์มาจากตระกูลจาง ส่วนตัวเขาเองเหมือนจะเก่งด้านนี้แต่น่าจะมาจากการฝึกฝนเองทั้งนั้น "จางซินข้าเห็นเหมือนว่าเจ้ามีมิติล่องหนเลยทำไมเจ้าไม่ลองนำสมุนไพรพวกนี้ไปปรุงในมิติเล่ามันอาจจะได้หลายเม็ดก็ได้"จินเป่ากล่าวขึ้น"ข้ารู้แล้วแหละว่าเจ้าต้องรู้เพราะการรักษาคุณชายใหญ่และซิงอีตอนที่อยู่มิติสามัญนั้นมันต้องใช้ผู้ที่มีมิติล่องหลรักษาเท่านั้น"ซินจางกล่าวขึ้น"ข้าสงสัยเจ้าตั้งแต่อยู่หุบเขาแห่งบรรพกาลแล้วล่ะ แต่ที่ข้าแน่ใจก็วันก่อนที่เราจะออกเดินทางจากจวนห่าวอู๋มานั่นแหละ เพราะว่าน้ำอมฤตนั้นเป็นของข้าและข้าก็รู้ว่าเจ้าเอาน้ำอมฤตออกข้าเข้าไปในมิติล่องหลและเจ้าก็เอามันออกมา"จินเป่ากล่าว"เจ้าจะรู้ได้อย่างไรเจ้าเก่งขนาดนั้นเชียว"จางซินกล่าวขึ้นโดยไม่เดือดร้อนเพราะต่อไปนี้ตนไม่มีสิ่งใดที่จะปกปิดต่อน้องสาวของตัวเองอยู่แล้ว"แล้วเจ้ามีมิติล่องหนจะเรียนรู้อะไรกับมิติล่องหนของเจ้าบางที่ทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการ
"ที่พวกข้ามานี้ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกนะ พวกข้าแค่ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านะ แล้วผลหยางเหมยนี้ล่ะเอามาจากที่ใดกันข้าได้ข่าวว่าถ้าพบก็ต้องเป็นสิบๆลูกนิ เจ้าเอามาจากที่ใดล่ะถึงมีเพียงลูกเดียวไม่ใช่ว่ามีหลายลูกแต่ไม่เอาออกมาหรอกหรือ"บุรุษผู้หนึ่งถามเจ้ากระต่ายหยกขึ้น เจ้ากระต่ายหยกทำหน้าบูดขึ้นทันทีมันไม่ตอบแต่มองกลับไปก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้ละโมบอยากได้ผลหยางเหมยหมดทุกผลรวมกับเบี้ยที่เสียมาด้วย"ทำไมไม่ตอบล่ะเจ้ารู้หรือป่าวว่าลูกพี่ของข้าคือผู้ที่เก่งที่สุดในมิติแห่งนี้ท่านตงหมิงของข้าผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งของศึกมังกรเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว"บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้น แต่กระต่ายหยกเองก็ยังเมินเฉยอยู่"หรือเจ้าไม่รู้ภาษามนุษย์กันถึงได้เงียบแบบนี้"บุรุษอีกผู้ถามขึ้น"พวกเจ้ามีปัญหาอะไรกันหรือป่าว"จินเป่ากล่าวถาม"พวกข้าจะเป็นอย่างไรแล้วพวกเจ้าจะมีปัญหาอะไรกัน"บุรุษผู้หนึ่งกล่าวขึ้นจึงทำให้กลุ่มคนของตงหมิงราวๆแปดคนมองมาที่จินเป่าเพียงคนเดียว ทันใดนั้นด้วยความงามของนางก็ทำให้คนที่เห็นถึงกับตกตลึงทันที"อ่ะเจ้าจะมาพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะ ถ้าสตรีผู้นี้จะมาเกี่ยวข้องข้าเองก็เต็มใจยิ่งนัก ข้ามีนามว่าตงหมิงที่ศ
"ข้าว่าท่านประมุขในมิติแห่งนี้ก็ฉลาดมากนักนะ สงสัยองค์ชายรัชทายาทต้องฟื้นแล้วล่ะ และนี้คงจะเป็นการล่อคนออกมาเป็นแน่ หรือจะจัดเพื่อเอาใจเรากันนะ"จางซินกล่าวขึ้น"ข้าว่าน่าสนุกออกเราไปขอให้องค์ชายหกให้พวกเราเข้าร่วมด้วยดีกว่าเราจะได้ประสบการณ์ด้วย แถมเคล็ดวิชานี้ก็น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง ดัชนีสุริยัน ข้าได้ยินแล้วสนใจยิ่งนัก ถ้าท่านได้ศึกษาเคล็ดวิชานี้ท่านต้องไปได้ไกลแน่ๆ"จินเป่ากล่าวขึ้นพลางนึกคึกขึ้นมา และมองหน้าห่าวอู๋อวี่ เพราะจินเป่าต้องการเคล็ดวิชานี้เพื่อเขา"เจ้าอยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี้ถึงเพียงนั้นเลยหรือ "ห่าวอู๋อวี่ถามขึ้น"ยังกับท่านไม่อยากจะลองประลองในครั้งนี้ ข้าว่าตัวท่านแหละต้องการประลองในครั้งนี้มากกว่าข้าเสียอีก แล้วอีกอย่างเราเป็นคนจากมิติอื่นเขาไม่น่าจะสังหารเราหรอกมั้ง"จินเป่ากล่าวขึ้น"ข้าคิดว่ามันก็เป็นการดีนะถ้าเราจะลองประลองฝีมือในครั้งนี้ แต่ข้าว่าเราน่าจะช่วยกันหาผลหยางเหมยก่อนดีหรือป่าวเพราะเราต้องเตรียมสมุนไพรรักษาเส้นลมปรานเสียก่อนไม่อย่างนั้นถ้าบาดเจ็บมาเราแย่แน่"จางหยงกล่าวขึ้น"ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปหาองค์ชายหกกันเพื่อจะคุยเรื่องการเข้าร่วมประลอง ส่วนเ
หลังจากที่ท่านประมุขรู้ทุกอย่างที่บุตรชายของตนเล่าให้ฟัง จึงส่งคนไปตามหาพระชายาและจับตัวพระชายามา แต่ทหารที่จะไปตามตัวพระชายาขององค์รัชทายาทนั้นยังไม่ได้ออกจากตำหนักก็พบว่าพระชายาได้เดินทางเข้าวังหลวงเสียแล้ว หลังจากที่นางรู้สึกถึงสายฟ้าฟาดเข้ามาในวังหลวง บุรุษผู้เป็นสามีก็ให้นางรีบเข้ามาดูสถานการณ์ เพราะคนของพวกนางถูกสับเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่มีใครคอยสืบข่าว หลังจากที่นางเข้ามาในวังหลวงก็ถูกทหารจับตัวทันที"พวกเจ้าจับข้าทำไมกัน ข้าคือชายาขององค์ชายรัชทายาทนะปล่อยข้ากับลูกเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทำกับข้าแบบนี้ไม่กลัวถูกตัดหัวหรือไร"พระชายาร้องตกใจที่ตัวเองถูกจับกุมไว้ ทั้งๆที่นางก็คิดว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเกี่ยวกับตัวของนางแน่นอน"ไปกับพวกข้าซะดีๆเถอะเดี๋ยวท่านก็รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงท่านได้รับความเป็นธรรมแน่นอน"ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้นพลางลากตัวคนที่สนิทของพระชายาไป"เจ้าจะพานางไปไหนปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะ นี่เป็นคำสั่งของข้า พระชายาขององค์ชายทายาท"เมื่อคนรับใช้ข้างกายของตนถูกจับจึงทำให้พระชายาทนอยู่เฉยๆไม่ได้ร้องโวยวายออกมา เพราะคนข้างกายนั้นคือน้องสามีของนางเอง ไม่นานพระชายาก
หลังจากที่ท่านประมุขรู้ทุกอย่างที่บุตรชายของตนเล่าให้ฟัง จึงส่งคนไปตามหาพระชายาและจับตัวพระชายามา แต่ทหารที่จะไปตามตัวพระชายาขององค์รัชทายาทนั้นยังไม่ได้ออกจากตำหนักก็พบว่าพระชายาได้เดินทางเข้าวังหลวงเสียแล้ว หลังจากที่นางรู้สึกถึงสายฟ้าฟาดเข้ามาในวังหลวง บุรุษผู้เป็นสามีก็ให้นางรีบเข้ามาดูสถานการณ์ เพราะคนของพวกนางถูกสับเปลี่ยนไปหมดแล้ว ไม่มีใครคอยสืบข่าว หลังจากที่นางเข้ามาในวังหลวงก็ถูกทหารจับตัวทันที"พวกเจ้าจับข้าทำไมกัน ข้าคือชายาขององค์ชายรัชทายาทนะปล่อยข้ากับลูกเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าทำกับข้าแบบนี้ไม่กลัวถูกตัดหัวหรือไร"พระชายาร้องตกใจที่ตัวเองถูกจับกุมไว้ ทั้งๆที่นางก็คิดว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติเกี่ยวกับตัวของนางแน่นอน"ไปกับพวกข้าซะดีๆเถอะเดี๋ยวท่านก็รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงท่านได้รับความเป็นธรรมแน่นอน"ทหารผู้หนึ่งกล่าวขึ้นพลางลากตัวคนที่สนิทของพระชายาไป"เจ้าจะพานางไปไหนปล่อยนางเดี๋ยวนี้นะ นี่เป็นคำสั่งของข้า พระชายาขององค์ชายทายาท"เมื่อคนรับใช้ข้างกายของตนถูกจับจึงทำให้พระชายาทนอยู่เฉยๆไม่ได้ร้องโวยวายออกมา เพราะคนข้างกายนั้นคือน้องสามีของนางเอง ไม่นานพระชายาก
กลางคืนอันเงียบสงบก็เกิดพายุลมแรงขึ้นเสียงฟ้าคำรามกึกก้อง ทั้งหกที่นอนอยู่ในห้องรีบวิ่งออกมาด้านนอกรวมตัวกัน"มันเกิดสิ่งใดหรือทำไมท้องฟ้าแปรปรวนเช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะมีผู้เลื่อนวรยุทธหรอกหรือ"ห่าวอู๋มูลี่กล่าวขึ้น"น่าจะมีผู้ที่มีวรยุทธลึกล้ำที่กำลังจะเลื่อนวรยุทธนะท่านพี่ ข้าว่ามิตินิมิตแห่งนี้มีผู้ที่วรยุทธลึกล้ำไม่มีอันใดแปลก หรอก หรือว่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาทที่ต้องฟื้นภายในวันนี้แต่เขาไม่ฟื้น กลับมาฟื้นกลางดึกแบบนี้ แล้วร่างกายได้รับความกดดันพลังภายในเป็นเวลานานจึงทำให้วรยุทธเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น อยู่ๆก็มีสายฟ้าฟาดเข้ามาในพระราชวัง สายตาทั้งหกคู่ที่มองเห็นแทบจะบอดเลยทีเดียว ทุกคนต่างหลับตาและอุดหู"โน้นสายฟ้าฟาดเข้าไปในวังน่าจะตำแหน่งของตำหนักองค์ชายรัชทายาทเป็นแน่"จินเป่าร้องขึ้นพลางชี้มือไปที่ปลายสายของสายฟ้านั้น สายฟ้าผ่าลงไปสักพักแสงก็เลือนหายไป ทุกคนที่อยู่ตำหนักขององค์ชายรัชทายาทนั้นสลบทันที ผู้เป็นมารดาขององค์ชายรัชทายาทลุกขึ้นมาเพราะเสียงฟ้าผ่า นางตื่นขึ้นมาก็กระอักเลือดไปสามที แต่ด้วยความที่นางเป็นห่วงบุตรชาย จึงรีบเดินออกไปดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และรีบว
หลังจากมอบยาให้กับท่านประมุขแล้วทั้งหกก็ไม่ได้เข้าไปตำหนักใหญ่อีกเลย ทำราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความร่วมมือกับท่านประมุขแต่อย่างใด องค์ชายหกยังแวะเวียนมาเยี่ยมทั้งหก และพาพวกเขาออกไปด้านนอกตามเคย "ห๊ะทั้งหกไม่ได้เข้าไปรักษาองค์ชายรัชทายาทหรอกหรือ แสดงว่าที่เราขู่เขาได้ผลล่ะสิ แล้วผู้ที่ข้าส่งไปทำไม่ยังไม่กลับมารายงานอีกหรือพวกเจ้าจัดการเก็บเรียบร้อยแล้วหรือ"เสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้น "กลุ่มคนที่ถูกส่งไปไม่ได้มีใครกลับออกมาแบบมีชีวิตเลยขอรับ ทางการน่าจะจับตายหมดแล้ว ตอนนี้กำลังสืบอยู่ขอรับ"ผู้ที่มาส่งข่าวรายงาน"ท่านพี่แต่เห็นคนบอกว่าต้นไม้จันทน์แดงนั้นถูกเก็บออกไปเสียแล้ว ข้าเกรงว่าไม่ช้าองค์ชายรัชทายาทต้องฟื้นมาเป็นแน่ เราต้องหาสิ่งใดไปแทนหรือไม่ ข้าต้องการให้ลูกชายของเราทั้งสอง ห้าขวบเร็วๆจังจะได้กำจัดมันไปเสียที"เสียงสตรีกล่าวขึ้น ขณะที่ทุกคนคิดว่านางไปต่างเมื่องเพื่อเยี่ยมมารดาของนาง"เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นแหละเจ้าจะได้กำจัดมันแล้ว ถ้าไม่มีต้นจันทร์แดงอยู่เพียงสามเดือนมันก็จะฟื้นแต่นั้นมันก็นานพอดู เอาเป็นว่าข้าจะหาวิธีใหม่ก็แล้วกัน แต่กลุ่มคนเหล่านนั้นมันรู้ได้อย่างไรว่าต้
"ห๊ะอะไรนะ ชายาขององค์ชายรัชทายาทหนีไปแล้วหรือ "จางซินร้องขึ้นเมื่อได้ฟังองค์ชายหกเล่าเรื่องในวังให้ฟัง"นางคงไปดูแลมารดาที่ป่วยนะ องค์ชายหกก็บอกอยู่ว่านางกล่าวเช่นนั้น"จินเป่าพูดอย่างไม่ใส่ใจ "เจ้าเชื่อแบบนั้นจริงๆหรือ ที่เจ้ากล่าวตอนกลางวันข้าก็นำไปทูลเสด็จพ่อ กับฮองเฮาพวกเขายังตรัสถามเลยว่าเจ้าสงสัยชายาขององค์ชายรัชทายาทหรือ แต่พอเรามาเล่าให้ฟังว่าเขาอ้างว่ากลับไปเยี่ยมมารดาเจ้ากลับเชื่อ"องค์ชายหกกล่าวขึ้น จินเป่าจึงมองหน้าห่าวอู๋อวี่เขาเห็นพ้องต้องกันแล้วว่าคืนนี้จะมีผู้ลงมือกับพวกเขาเป็นแน่"วันนี้องค์ชายหกให้เกียรติพวกเราถึงขนาดมาเยี่ยมพวกเราที่เรือน เอาแบบนี้ละกันวันนี้องค์ชายหกพอมีเวลารับประทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเราหรือไม่"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น"5555แน่นอน เดียวเราสั่งคนไปนำสุราอาหารมา"องค์ชายหกกล่าวขึ้น"ท่านให้คนไปนำสุราก็เพียงพอแล้ว ที่เราเคยบอกไว้เรื่องอาหารปลาหลี่น้ำจิ้มซีฟู้ด วันนี้พวกข้าจะตอบแทนที่ท่านพาพวกข้าเที่ยวทั้งวันดีหรือไม่"จางซินกล่าวขึ้นเพราะเห็นว่าห่าวอู่อวี่ต้องการรั่งองค์ชายหกให้อยู่ต่อ"อ้าดีเลย ข้าก็อยากที่จะลิ้มรสมันเหมือนกัน เดียวข้าสั่งคนไปซื้อป