หน้าหลัก / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 3 คำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง

แชร์

บทที่ 3 คำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง

ผู้เขียน: แพรวรุณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-09 23:42:21

ในมุมหนึ่งของห้อง

กรอบรูปขาวดำตั้งอยู่เงียบ ๆ บนโต๊ะทำงานของกานต์

นาราหันไปมองแวบหนึ่ง แม้ว่าวันนี้โต๊ะทำงานข้าง ๆ เธอ จะไม่มีกานต์ สามีอันเป็นที่รักของเธอนั่งอยู่แล้ว

แต่เธอก็ยังคงปล่อยให้โต๊ะตัวนั้นตั้งอยู่ที่เดิม เธอคิดเสมอว่าเขายังคงอยู่เคียงข้างเธอ ไม่เคยจากเธอไปไหน

และในหัวใจของเธอยังมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาเบา ๆ

 

“แม้ว่าจะเจอเรื่องอะไรอย่ากังวล ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”

 

คิดถึงวันที่เขาเคยอยู่กับเธอ ไม่ว่าเธอจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาถมมามากมายเพียงไหน กานต์จะอยู่ข้างๆ เธอเสมอ และจะพูดประโยคนี้กับเธอทุกครั้งที่เธอรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ต้องเผชิญ

ขอแค่มีเขา เธอก็ไม่เคยหวาดกลัวต่ออุปสรรคใด ๆ ทั้งนั้น

 

 

 

เช้าวันใหม่มาถึงโดยไม่มีเสียงปลุกจากคนที่เธอเคยตื่นมาเจอทุกวัน

นารายังคงต้องลุกขึ้นมาทำงานด้วยความรู้สึกที่ขาดหาย

โต๊ะไม้สีเข้มยังคงวางอยู่ที่เดิม

กองเอกสารงานด้านการออกแบบที่กานต์ดูแลยังคงวางอยู่บนนั้น

ปลายนิ้วไล้ลงไปบนเส้นดินสอที่ยังมีเศษฝุ่นเล็ก ๆ ติดอยู่

ลมหายใจสั้นลงอย่างไม่รู้ตัว

นี่คือภาพเครื่องประดับที่เขาวาดไว้ล่าสุด

เขาเคยบอกว่า...เขากำลังจะออกแบบชิ้นงาน ที่ได้แรงบันดาลใจจากหญิงสาวคนหนึ่งที่สำคัญกับชีวิตของเขามาก

 

.......

 

ภาพความทรงจำเมื่อหกปีก่อนย้อนหวนคืนมาอีกครั้ง

นารายืนอยู่บนเวทีเล็ก ๆ ในงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของวรเมธินทร์กรุ๊ป

เธอจับไมโครโฟนแน่น ใจเต้นแรงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอในวัยเพียงยี่สิบสองปี ได้ขึ้นพูดในฐานะผู้นำโปรเจกต์

 

“สู้ ๆ นะ” กานต์กระซิบจากข้างเวที

 

เธอหันไปสบตาเขา

เพียงรอยยิ้มและการพยักหน้าจากเขา ก็เหมือนเธอได้แบตเตอรี่สำรองเต็มกำลัง

เธอก้าวออกไปสู่เวทีนั้นอย่างมั่นใจ เพราะเธอรู้ ไม่ว่าใครจะอยู่ตรงหน้า

‘คนข้างหลัง’ ของเธอก็ยังอยู่ที่เดิม

 

 

เสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าห้องทำงานดึงเธอออกมาจากความทรงจำในอดีต

อรดาเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มในมือ แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

 

“คุณนารา...มีนักลงทุนกลุ่มใหม่จากต่างประเทศขอนัดประชุมด่วนค่ะ พวกเขาอยากหารือเรื่องการร่วมทุนต่อหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”

 

นาราหันไปมองภาพกานต์ที่วางอยู่บนโต๊ะ

ดวงตาเธอยังแดง แต่แววตานิ่งและมั่นคง

 

“บอกพวกเขาให้รอฉันสิบห้านาที”

เสียงของเธอไม่ได้แข็ง แต่แน่นพอจะปกป้องทุกสิ่งที่เขาเคยทิ้งไว้ “เรื่องข้อมูลรั่วไหล จัดการไปถึงไหนแล้ว”

 

อรดาที่กำลังตรวจเอกสารเตรียมการประชุมอยู่เงยหน้าขึ้นทันที ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะคุณนารา เราได้ว่าจ้างทีมโปรแกรมเมอร์ชุดใหม่ที่คุณนาราเคยแนะนำ ให้เข้ามาดูแลระบบทั้งหมด พวกเขาอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยใหม่เสร็จสิ้นแล้ว และตอนนี้สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ในระดับที่มั่นใจค่ะ”

 

นาราพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาไล่อ่านรายงานเบื้องหน้าท่ามกลางความเงียบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“แล้วสาเหตุล่ะ…รู้หรือยังว่าเกิดจากอะไรแน่”

 

อรดาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงแผ่วลง

“ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดค่ะ ว่าเป็นการเจาะระบบจากบริษัทคู่แข่ง หรือเกิดจากคนในที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่ทีมตรวจสอบกำลังเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติมอยู่”

 

นาราเงียบไปครู่หนึ่ง แววตาทอดมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างคล้ายกำลังไตร่ตรองบางสิ่ง

“ให้ติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด แล้วส่งรายงานทุกความเคลื่อนไหวมาให้ฉันทุกสัปดาห์ อย่าให้ใครเข้ามาแตะข้อมูลสำคัญได้อีกแม้แต่นิดเดียว เข้าใจไหม”

 

“เข้าใจค่ะคุณนารา” อรดารับคำทันที หากแต่ในดวงตากลับมีแววบางอย่างที่ไม่อาจเดาได้ชัดนัก

 

หลังจากจัดการสั่งงานเสร็จ นาราลุกขึ้น เดินไปหยิบเข็มกลัดโลโก้บริษัทติดหน้าอก

สูดลมหายใจลึก และยืดหลังตรงเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมร่วมลงทุนครั้งนี้

เธอคิดเสมอว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ

แต่มันคือสิ่งที่เธอและกานต์ “ร่วมสร้าง” มาด้วยกัน

ก่อนก้าวออกจากห้อง เธอหันกลับไปมองโต๊ะทำงานของเขาอีกครั้ง

กระซิบเบา ๆ ราวกับเขายังนั่งอยู่ตรงนั้น

“ฉันจะทำให้ทุกอย่างที่เราวางไว้ เดินหน้าต่อไปให้ได้”

 

................

 

ผ่านมาราวสองอาทิตย์ ในช่วงบ่ายของวันหยุดบริษัท

นารากลับมายังบ้านหลังเก่า บ้านที่เธอกับกานต์เคยใช้ชีวิตเติบโต และร่วมสร้างความฝันไว้ด้วยกัน

 

บ้านหลังเก่าเงียบราวกับชีวิตที่ไร้ลมหายใจ

ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีเสียงพู่กัน ไม่มีแม้กระทั่งคำทักทายที่เธอเคยได้ยินจากเขาทุกเช้า

มีเพียงความว่างเปล่าที่สะท้อนเสียงหัวใจของเธอชัดเจนจนเกินไป

 

เธอเดินไปยังห้องทำงานของกานต์ โต๊ะไม้สีเข้มยังคงอยู่ที่เดิม

สมุดสเก็ตช์เล่มเก่าวางเปิดค้างไว้ที่ภาพเจ้าสาวในชุดสีขาว รอยยิ้มของเธอในภาพนั้นงดงามและเขินอาย

เธอยังจำได้ดี ภาพนี้เป็นภาพที่กานต์วาดให้เธอในวันที่ไปลองชุดแต่งงาน

ในตอนนั้นเขาบอกกับเธออย่างเย้าหยอกว่า ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งจากช่างภาพอันดับหนึ่งของโลก ก็สวยไม่เท่ากับภาพวาดนาราที่มาจากฝีมือของเขา

เธอหวนคิดพลางยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่ เจ็บปวดใจต่อผู้พบเห็น

 

ขณะเธอกำลังจะวางสมุดกลับเข้าลิ้นชัก สายตาก็สะดุดเข้ากับซองจดหมายซ่อนอยู่ข้างใต้

กระดาษสีขาวสะอาด เขียนด้วยลายมือที่เธอจำได้ดี

 

เธอยังจำได้ในคืนวันแต่งงาน กานต์เคยบอกกับเธอว่าหลังจากแต่งงานแล้วเขามีบางอย่างจะเซอร์ไพรส์เธอ แต่เขาไม่ได้บอกว่าคืออะไร เพียงแต่ในเวลานี้ไม่ว่าจะเซอร์ไพรส์แบบไหนก็คงจะไม่สามารถทำให้นาราดีใจได้ เท่ากับการที่ผู้ชายที่เธอรักกลับมาอยู่กับเธอได้อีกครั้ง

เธออ่านข้อความบนซองจดหมายนั้น

 

> “ถึง นารา”

 

มือเธอสั่น ค่อย ๆ แกะซองออก

ในนั้นมีเพียงกระดาษแผ่นเดียว กับลายมือที่อบอุ่นจนหัวใจสั่นไหว

 

> นาราที่รักของผม

 

ถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้ แปลว่าเรากลายเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ แล้วสินะ

ผมมีเรื่องเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้บอกคุณ

 

ผมจองทริปฮันนีมูนไว้แล้ว

เราจะไปอิตาลี เมืองชายฝั่งอมาลฟีที่เงียบสงบและมีแสงแดดอุ่น ๆ ตลอดวัน

ผมอยากให้คุณได้พัก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงหัวใจ

 

คุณไม่ชอบความเซอร์ไพรส์ แต่ครั้งนี้ ผมขอเอาชนะคุณสักครั้งนะ

 

– กานต์ –

(ปล. เปิดกระเป๋าเดินทางในตู้เสื้อผ้าดูนะ ผมแพ็คของไว้ให้แล้ว)

 

 

นาราวางจดหมายลงช้า ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว

น้ำตาไหลเงียบ ๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้น

เธอก้มหน้าซบเข่า ร้องไห้เหมือนหัวใจถูกบีบแน่นอยู่ข้างใน

 

“ทำไม...คุณถึงไม่บอกฉันก่อน…ว่าคุณจะไป…”

เสียงเธอเบาและขาดห้วง

 

 

เธอนั่งอยู่แบบนั้นนาน จนเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากหน้าประตู

 

“นารา…”

 

คุณพิรัชต์ และ คุณบงกช ยืนอยู่ตรงนั้น

สีหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใยและเหนื่อยล้า

 

เมื่อเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง

คุณบงกชรีบเดินเข้ามากอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนที่อ่อนโยนและปลอดภัย

 

“ร้องออกมาเถอะลูก…อย่าเก็บไว้อีกเลย”

 

นาราซบลงกับบ่า ราวกับรออ้อมแขนนั้นมาตลอด

“แม่คะ…เขารู้ไหมว่าเขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว…”

 

คุณบงกชลูบหลังเธอช้า ๆ

ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา

 

“แม่ไม่รู้หรอก…แต่แม่เชื่อว่า เขาไปอย่างหมดห่วง

เพราะเขารู้ว่าลูกรักเขามาก และลูกเข้มแข็งพอจะยืนอยู่ได้ แม้ไม่มีเขาอยู่ข้าง ๆ”

 

คุณพิรัชต์ เดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ

ดวงตาของชายผู้เป็นเสาหลักครอบครัวสั่นไหวในแบบที่นาราไม่เคยเห็นมาก่อน

 

“คืนวันแต่งงาน เราสองคนถูกเรียกตัวไปดูงานด่วนที่ญี่ปุ่น

เป็นโครงการใหญ่ที่รอเซ็นสัญญา พ่อกับแม่จึงจำเป็นต้องบินไปคืนนั้น

เราคิดว่าแค่สองสามวันก็จะกลับมา แล้วค่อยฉลองกันอีกครั้ง…”

เขาชะงัก สูดลมหายใจ

“แต่พอเครื่องลง...เราก็ได้รับข่าว ว่าเกิดอุบัติเหตุคืนนั้นเอง”

 

คุณบงกชพูดต่อทั้งน้ำตา

“แม่อยากกลับมาทันที แต่ช่วงนั้นพายุเข้า ไม่มีเที่ยวบินกลับเลย

แม่เจ็บที่สุด...ไม่ใช่แค่เสียลูก แต่ไม่ได้แม้แต่จะบอกลาลูกชายตัวเอง”

 

นารายกมือจับแขนคุณบงกชแน่น

เสียงเธอสั่น แต่แววตาเริ่มนิ่งขึ้น

 

“หนูก็ไม่ทันได้บอกลาเขาเหมือนกันค่ะ…

แค่จะบอกว่า ‘ขอบคุณ’ …ก็ยังไม่ทันเลย”

 

คุณพิรัชต์พยักหน้า

“แต่เขารู้ พ่อมั่นใจ

เพราะสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ลูก ไม่ใช่แค่จดหมาย

แต่คือหัวใจ ความรัก และความฝันทั้งหมดที่พวกลูกทั้งสองสร้างร่วมกัน”

 

คุณบงกชจับมือเธอไว้แน่น

“แม่ไม่อยากให้หนูแบกรับทุกอย่างคนเดียว

แต่แม่อยากให้หนูรู้ว่า สิ่งที่หนูกับกานต์สร้างมาด้วยกัน ไม่ควรหายไปพร้อมกับเขา”

 

 

นาราหลับตา สูดหายใจลึก

เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตานั้นไม่ใช่ของผู้หญิงที่พังทลายอีกต่อไป

แต่คือของผู้หญิงที่พร้อมจะลุกขึ้น แม้หัวใจจะยังแตกอยู่ก็ตาม

 

“หนูจะดูแลทุกอย่างแทนเขา

ไม่ใช่เพราะหนูต้องทำ

แต่เพราะหนูอยากทำ...เพื่อเขา”

 

คุณพิรัชต์ยิ้มบาง ๆ

“นั่นแหละ...คือนาราของกานต์”

 

............

 

วันต่อมา

นารายืนหน้ากระจกในห้องทำงานของตัวเอง

เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิมที่ยืนหน้าห้อง ICU อีกแล้ว

เธอคือผู้หญิงที่เสียคนรัก

แต่ยังเลือกจะรักในสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้

เธอแตะแก้มตัวเองเบา ๆ ก่อนกระซิบกับเงาสะท้อนในกระจก

“ฉันจะรักษาทุกอย่าง...ทั้งในนามของฉันและของคุณ”

 

เสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นในมือถือ

หน้าจอแสดงชื่อบริษัทลงทุนใหม่: เดชาสกุลวงศ์ เอ็นเตอร์ไพรส์

ชื่อที่คุ้นหู แต่ห่างไกลจากใจเธอเหลือเกิน

นารามองชื่อบริษัทนั้นอยู่ครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด

 

...

 

ค่ำวันเดียวกัน ที่มุมหนึ่งของเมือง

อรดานั่งอยู่ในรถยนต์ เปิดมือถือรับข้อความที่เพิ่งเข้า

 

> “ถึงเวลาแล้ว เริ่มขั้นตอนต่อไป”

“เดชาสกุลวงศ์ จะถือหุ้นหลักให้คุณ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย”

 

อรดากดโทรออกไปยังเบอร์ลับ เสียงของเธอเย็นเยียบ

“ค่ะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

นารายังไม่รู้ว่าเธอไม่ได้แค่เสียสามี แต่กำลังจะเสียทุกอย่างที่เหลืออยู่ในมือ”

 

ปลายสายพูดบางอย่าง

อรดาแสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนตอบช้า ๆ

“อีกไม่นานค่ะ เธอจะล้ม และฉันจะเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงที่เธอเคยยืน”

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 4 ข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรม

    แสงแดดยามสายส่องลอดม่านหน้าต่างกระจกของห้องประชุมใหญ่ บรรยากาศเงียบขรึมถูกแต่งแต้มด้วยสีเทาเงินของผนังและโต๊ะไม้โอ๊กขัดเงาริมหน้าต่างเผยให้เห็นภาพเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ เลือนรางหลังม่านบางๆ ให้ความรู้สึกทั้งเปิดเผยและปกปิดในคราวเดียวกัน นารานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ดวงตาคมสบมองแผ่นกระดาษเอกสารเบื้องหน้า ท่ามกลางความเงียบงันของช่วงต้นการประชุม ที่ทุกคนต่างกำลังจับจ้องรายละเอียดบนหน้ากระดาษตรงข้ามเธอ ตัวแทนฝ่ายประสานงานธุรกิจของตระกูลเดชาสกุลวงศ์นั่งตัวตรง แววตาเชื่อมั่นหลังกรอบแว่น เขาสวมสูทเนี๊ยบสีเข้ม ด้านข้างมีผู้ช่วยหนุ่มถือแฟ้มเอกสารประกบอยู่ไม่ห่าง ส่วนทางด้านซ้ายมือของนารา อรดา เลขาคนสนิท นั่งสงบนิ่งคอยจดบันทึกตามนิสัยถี่ถ้วน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองนาราแวบหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงดังเดิมเมื่อสบสายตาของเจ้านายสาว“ก่อนอื่น ทางเราขอขอบคุณที่คุณนาราให้เกียรติรับฟังข้อเสนอความร่วมมือในวันนี้” เสียงทุ้มนุ่มของตัวแทนดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาเผยยิ้มบางตามมารยาท พลางสบตาทุกคนในห้อง “โครงการโรงแรมและศูนย์การค้าที่เราจะร่วมกันพัฒนาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งวรเมธินทร์กรุ๊ป และตระกูลเดชาสกุลวงศ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 5 กำลังใจจากเพื่อนรัก

    อรดาลอบมองสีหน้าของตัวแทนที่เริ่มเคร่งเครียดขึ้น เธอสูดลมหายใจช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ “คุณนาราคะ ดิฉันคิดว่าเงื่อนไขที่ทางคุณ...” เธอหันไปทางตัวแทนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตร “...ทางคุณศักดิ์ดาเสนอมา อาจจะดูเหมือนฝ่ายเราต้องรับภาระมาก แต่ถ้ามองในระยะยาว ดิฉันเห็นว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้พันธมิตรทางธุรกิจนะคะ หากโครงการสะดุด ทางเราชดเชยไปก่อนก็เพื่อให้โครงการไม่ล้ม แล้วภายหลังเมื่อโครงการเริ่มทำกำไร เราก็จะได้รับส่วนแบ่งคืนมาพร้อมดอกผล ความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างสองบริษัทก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นด้วยค่ะ”ตัวแทนเหลือบสายตามองอรดาเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนคนได้ที ขณะที่นาราหันขวับไปมองเลขาคนสนิท แววตาฉายความประหลาดใจผสมไม่พอใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับเป็นเยือกเย็นเช่นเดิม เธอไม่คิดว่าอรดาจะออกหน้าสนับสนุนอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้“อรดา” นาราเอ่ยชื่อเลขาด้วยเสียงเรียบเย็น ปราศจากสรรพนามหรือคำลงท้ายใดๆ น้ำเสียงนั้นห้วนสั้นจนอรดาสะดุ้งน้อยๆ “ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดี แต่ขอให้จำไว้ว่าเราอยู่ฝ่ายไหน” แค่ประโยคสั้นๆ แต่ทุกคำหนักแน่นดั่งหินผาที่ตกกระทบพื้นห้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 6 คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้

    “เราจะจัดประชุมด่วนไหมคะ” อรดา ผู้ที่เป็นเลขาส่วนตัวถามเบา ๆ“ไม่ต้อง” เธอตอบเสียงแผ่ว “ให้ทุกคนพักก่อน...ฉันขอเวลาทบทวนแผนแป๊บเดียว”เธอยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงชั้นบนสุด ปล่อยให้ลมเย็นตีหน้าเบา ๆ เสียงรอบตัวเงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงในใจที่เริ่มสั่นไหวคืนนั้นเธอกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน นาราเดินไปยังชั้นหนังสือ ค่อย ๆ หยิบกรอบรูปเก่าออกมา ภาพของเธอกับกานต์ในวันเปิดโรงแรมสาขาแรก เขายิ้มแบบเดิม...รอยยิ้มที่เคยทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นเสมอ'ถ้าวันหนึ่งเธอเจออะไรหนัก ๆ ให้คิดว่าเธอไม่ได้เดินคนเดียว' เสียงของเขาในความทรงจำเอ่ยเบา ๆ“แต่ตอนนี้ฉัน...ก็เดินคนเดียวจริง ๆ ใช่ไหม” เธอพึมพำ กอดกรอบรูปแน่น น้ำตาร่วงเงียบลงบนหลังมือคืนทั้งคืนเธอไม่ได้นอน แต่เมื่อแสงแรกของวันใหม่ส่องลอดม่านเข้ามา นาราลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ ล้างหน้าแต่งตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมองตัวเองในกระจก ดวงตายังคงแดงช้ำ แต่ภายใต้ความหม่นนั้นกลับเปล่งประกายอะไรบางอย่างเธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สูดลมหายใจลึก แล้วหันไปมองตารางงานที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ข้าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 7 สืบหาคนทรยศ

    ห้องประชุมใหญ่ของวรเมธินทร์ กรุ๊ป เงียบลงชั่วครู่หลังการสรุปผลแคมเปญใหม่ เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยพลังใจนารายืนมองทีมงานตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ เธอรู้ การตอบสนองของลูกค้าและสื่อคือก้าวแรกของชัยชนะ แต่ศึกที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้น“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย “ตอนนี้ให้ทุกคนกลับไปพักก่อนนะคะ พรุ่งนี้เรามีขั้นต่อไปที่ต้องเตรียมพร้อมกัน”ทีมงานทยอยออกจากห้องประชุมก่อนที่ศิตาจะเดินตามคนอื่นออกไป นารากลับเอ่ยเรียกขึ้นเบา ๆ“พี่ศิตาคะ...อยู่คุยกับฉันสักครู่ได้ไหม”ศิตาหยุดฝีเท้า หันมาพยักหน้า แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ใกล้นาราอีกครั้ง“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณนารา?” เธอถามเบา ๆ พลางมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้านาราเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนจะวางเอกสารในมือลง“ฉันอยากให้พี่ช่วยตรวจสอบข้อมูลการเข้าถึงทุกอย่างของแคมเปญที่เราเคยประชุมไว้ก่อนเปิดตัวค่ะ”ศิตาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หมายถึง...การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด?”นาราพยักหน้า “ไฟล์ร่าง แนวคิดที่ใช้ตอนประชุมเบื้องต้น วันเวลา รายชื่อคนที่เข้าถึงข้อมูล ทุกอย่างเลยค่ะ”“ค่ะ...ไม่มีปัญหาเลย” ศิตาต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 8 สัมผัสที่อบอุ่นอย่างประหลาด

    นาราเตรียมของที่จะไปทำบุญ เธอเดินออกจากบ้านมาที่จุดจอดรถ ลุงอำนวยคนขับรถที่ดูแลกานต์กับนารามาตั้งแต่วัยเด็ก ยังคงยืนรอเพื่อทำหน้าที่รับส่งนาราอย่างซื่อสัตย์ สำหรับครอบครัวของพวกเขา ลุงอำนวยไม่ใช่แค่คนขับรถ แต่เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยดูแลพวกเขามาตลอดหลายปี "ลุงอำนวยคะ วันนี้เราไปทำบุญให้กานต์ด้วยกันนะคะ หนูเตรียมของทำบุญกับดอกไม้ธูปเทียนไว้ให้ลุงแล้วค่ะ" นารายิ้มพร้อมกับยื่นของให้ลุงอำนวย ลุงอำนวยรับของมาใส่ไว้ที่ท้ายรถ ด้วยท่าทีที่นอบน้อมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด "ครับคุณนารา นี่ก็ร้อยวันแล้ว ที่คุณกานต์เค้าจากไป...." คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยถูกกลืนลงไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา "ทิ้งให้คนแก่อย่างลุงต้องเป็นฝ่ายทำบุญไปให้ ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ " นาราทำได้เพียงกล่าวปลอบใจญาติผู้ใหญ่ของเธอคนนี้ เธอเข้าใจความรู้สึกของลุงอำนวยเป็นอย่างดี ว่าเขาเองก็ต้องเศร้าโศกเสียใจ จากการสูญเสียบุคคลที่รักดุจหลายชายแท้ ๆ ไป หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญครบร้อยวันให้กับกานต์แล้ว นารา คุณพิรัชต์ และคุณบงกช ก็พากันมาตรงที่เก็บอัฐิ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าที่เก็บอัฐิของกานต์ คุณพิรัชต์และคุณบงกชยืน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 9 หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่

    หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต ทั้งเรื่องราวในชีวิตและการบริหารธุรกิจที่รุมเร้าเหมือนพายุ วรเมธินทร์ กรุ๊ป กลับมาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้งนารารับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ ในการจัดประมูลเครื่องประดับเพื่อการกุศล รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในเขตกรุงเทพฯ และภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดโครงการนี้ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทในฐานะองค์กรที่มีหัวใจ หากยังทำให้นาราได้กลับมามองตัวเองอีกครั้ง ว่าเธอ…ยังมีคุณค่าในแบบที่กานต์เคยเชื่อเสมอหอประชุมใหญ่ภายในสำนักงานใหญ่ของวรเมธินทร์ เวลานี้คึกคักไปด้วยตัวแทนและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากหลากหลายแห่งที่ได้รับเชิญมาร่วมประชุม หัวข้อในวันนี้คือการจัดสรรเงินสนับสนุนและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงภัยหลังการประชุมสิ้นสุดลง คุณหมอวรัตถ์ ศัลยแพทย์ผู้ดูแลกานต์ในวินาทีวิกฤตช่วงสุดท้ายของวีวิต เดินตรงเข้ามาทักนาราด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น"สวัสดีครับคุณนารา ดีใจที่ได้พบกับคุณอีกครั้งนะครับ ช่วงนี้อาการป่วยหายดีแล้วใช่ไหมครับ"นารามองไปยังที่มาของเสียง แล้วกล่าวทักทายคุณหมอวรัตถ์อย่างคนคุ้นเคย “สวัสดีค่ะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 10 ฉันรอไม่ได้อีกแล้ว

    หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงานประมูล นารายังคงมาทำงานแต่เช้าตรู่ แสงแดดอ่อนแรกลอดผ่านผ้าม่านในห้องทำงาน เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เนื้อดี สายตาพินิจแฟ้มข้อมูลที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่คืนก่อนเสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะคุ้นเคย ก่อนพี่ศิตาจะก้าวเข้ามาอย่างสุภาพ พร้อมวางแฟ้มเอกสารปิดสนิทลงตรงหน้าเธอ“เรื่องที่คุณนาราให้ฉันตรวจสอบ มีความคืบหน้าแล้วค่ะ”นาราเงยหน้าขึ้น สบตากับผู้ช่วยที่เธอไว้วางใจ “มีอะไรที่เราควรกังวลหรือเปล่าคะ”พี่ศิตานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อาจจะ...มีมากกว่าที่เราคิดไว้ค่ะ”ไม่มีคำถามซักต่อ ไม่มีการอธิบายรายละเอียดในตอนนั้น นาราเพียงพยักหน้าช้า ๆ ราวกับเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มเติมเงาของความเงียบยังคงทอดยาวอยู่ในห้อง เหมือนกับบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป......ยามบ่ายในอีกมุมหนึ่งของอาคาร คีรณัฐกำลังจัดวางแบบจำลองของพื้นที่แสดงเครื่องประดับอยู่ในห้องจัดนิทรรศการ แสงไฟสลัวกระทบกับเส้นสายที่เขาร่างไว้บนโต๊ะราวกับศิลปะที่มีชีวิต“คุณคีรณัฐ ดูเหมือนงานจะคืบหน้าเร็วเลยนะคะ” เสียงของนาราดังขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ยังไม่ถึงครึ่งที่คิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

    แสงแดดอุ่นคลี่ตัวลงบนพื้นผิวของอาคารจัดแสดงนิทรรศการที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตร ภายในห้องโถงหลัก ทีมงานต่างขะมักเขม้นตรวจความเรียบร้อยอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในความเรียบหรูนาราเดินตรวจพื้นที่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่หลุดโฟกัสแม้เพียงรายละเอียดเล็กน้อยของแสง เวที หรือกรอบโชว์เครื่องประดับ พรุ่งนี้คือวันจริง และเธอรู้ดีว่าทุกอย่างจะต้องไร้ที่ติขณะเดียวกัน พราวฟ้าปรากฏตัวในชุดฝึกซ้อมที่ตัดเย็บอย่างเรียบโก้ ผ้าเนื้อดีพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ เผยลำคอระหงและแววตาที่เจิดจรัสด้วยประกายของหญิงสาวที่มั่นใจในความงามในตัวเองแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนแสงกระทบพื้นหินอ่อนเงาวับ เก้าอี้จัดเรียงตามแนวเวทีอย่างประณีต กล่องประดับเพชรหลักยังคงวางเด่นอยู่กลางโถงใต้แสงไฟไลต์เฉพาะจุดราวกับราชินีผู้สง่างามเสียงดนตรีจำลองที่เปิดเบา ๆ ในห้องโถง เริ่มคลี่คลายความเงียบงัน ทีมงานทยอยเข้าประจำตำแหน่ง ขณะที่พราวฟ้าก้าวออกไปยังกลางเวที เธอหมุนตัวอย่างงดงามแบบนางงามสองรอบเต็ม ก่อนหยุดโพสด้วยท่วงท่าสง่างาม มือหนึ่งแตะแผ่วเบาที่สร้อยคอ อีกมือแตะสะโพกอย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14

บทล่าสุด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 20 เธอติดกับแล้ว

    ค่ำคืนของวันงาน โรงแรมหรูใจกลางเมืองแสงไฟสีทองอุ่นที่ประดับประดาเต็มห้องบอลรูมหรูหราทำให้บรรยากาศภายในดูราวกับฉากในความฝัน บันไดวนที่ทอดลงจากชั้นลอยถูกปูพรมสีแดงตัดกับผนังหินอ่อนอย่างสง่างาม แขกผู้มีเกียรติทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีงาช้างประดับคริสตัลปรากฏตัวขึ้น สายตาหลายคู่ก็หันมาพร้อมกันนารา วรเมธินทร์ ก้าวลงจากบันไดอย่างสง่าผ่าเผย ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงไวน์ แววตาสงบนิ่งแต่ทรงอำนาจ เครื่องประดับเพชรจากแบรนด์หรูในเครือของเธอเองประดับอย่างสมบูรณ์แบบข้างเธอคือ พราวฟ้า ในชุดเกาะอกสีไพลิน ผมถักเป็นเปียหลวมพาดบ่า มองดูราวกับเจ้าหญิงโมเดิร์นที่มีเสน่ห์แบบขี้เล่น“คืนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นดาวเด่นของงานเลยนะ” พราวฟ้ากระซิบพร้อมอมยิ้ม “คืนนี้เธอจะกลายเป็นข่าวแน่ ๆ”“หวังว่าข่าวดีนะ” นาราตอบเบา ๆ พลางมองไปรอบงานในเงามุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มในชุดทักซิโดสีดำยืนสงบนิ่ง ท่ามกลางแสงไฟระยิบที่สะท้อนบนแก้วแชมเปญและเครื่องเพชรของเหล่าผู้คนรอบข้างธีภพ จ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีงาช้างที่เพิ่งปรากฏตัวนารา งดงามเกินกว่าคำบรรยาย ท่วงท่าการก้าวเดินของเธอสะกดสายตา

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 19 รวมถึงเธอคนนั้นด้วยหรือเปล่า

    เช้าวันใหม่ในบริษัทวรเมธินทร์กรุ๊ป เสียงรองเท้าส้นสูงเบา ๆ ดังแผ่วมาตามทางเดิน ก่อนที่ประตูห้องทำงานของประธานหญิงจะเปิดออก พร้อมกับเสียงสดใสที่คุ้นหู“ฉันเอาของกินมาฝากค่ะ ท่านประธานคนสวย!”พราวฟ้ายิ้มกว้างในชุดเดรสลำลองเรียบหรู ถือถุงขนมและของว่างแน่นมือ ทั้งเบเกอรีโฮมเมด ชานมไข่มุกจากร้านดัง และของว่างจากแบรนด์พรีเมียมที่หิ้วมาจากห้างหรูนาราเงยหน้าจากกองเอกสาร ยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยแต่ต้อนรับ “นี่ยังเช้าอยู่นะ แล้วนี่…ซื้อทั้งร้านมาเหรอ?”“เกือบทั้งร้านแหละ!” พราวฟ้าหัวเราะแล้ววางถุงขนมเรียงไว้เต็มโต๊ะรับแขก “ได้ยินมาว่าคีรณัฐทำงานอยู่กับเธอใช่มั้ย? ของกินเยอะแบบนี้…ฉันว่าแบ่งไปให้เขาด้วยดีกว่า”นารายิ้มมุมปาก “มาหาฉันหรือมาหาผู้ชายกันแน่?”พราวฟ้าชะงักไปนิด ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “หึ อย่าแซวสิ ก็แค่เพื่อนของเพื่อนจะเอาขนมไปฝากมันผิดตรงไหน”ทั้งสองหัวเราะกันเบา ๆ บรรยากาศผ่อนคลายลงจากความตึงเครียดของงานช่วงที่ผ่านมาทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่ศิตาเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพ“คุณนาราคะ มีบัตรเชิญจากงานเลี้ยงแวดวงนักธุรกิจที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าค่ะ แขกเชิญในงานเป็นระดับผู้นำบ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 18 ทำลายความแข็งแกร่งให้พังทลาย

    หลังจากที่เสียงประชุมเงียบลง และผู้ถือหุ้นทยอยกันออกจากห้อง นารากลับมานั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวของเธอด้วยความเหนื่อยล้า ความตึงเครียดที่สะสมมาทั้งเช้าเริ่มคลายตัวลง เธอหยิบจดหมายเตือนฉบับนั้นขึ้มมาพินิจดูอย่างครุ่นคิดอีกครั้งไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีตราประทับบริษัท ไม่มีแม้แต่สัญลักษณ์ใด ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายทางธุรกิจ ปลายนิ้วลูบผ่านผิวกระดาษที่หยาบเล็กน้อย ราวกับมันถูกจงใจเลือกให้ดูเรียบง่ายจนเกือบไร้พิรุธ“พี่ศิตาคะ เข้ามาหาฉันหน่อยค่ะ” นารากดออดเรียกพี่ศิตาเลขาคู่ใจเดินเข้ามาแทบจะทันที“คะ คุณนารา?”“จดหมายฉบับนี้…มากับแฟ้มเอกสารพวกนี้เหรอคะ?”พี่ศิตาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ พี่เห็นมันสอดอยู่ในแฟ้มที่ฝ่ายบัญชีส่งขึ้นมา พี่ก็ไม่ทราบว่าเป็นจดหมายอะไร นึกว่าเป็นของคุณนาราเอง เลยนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ”นาราพยักหน้าเบา ๆ แม้ใบหน้ายังเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำถาม ใครเป็นคนส่งจดหมายปริศนานี้มา?..................................ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เสียงดนตรีจากด้านนอกยังคงดังแผ่ว ๆ เข้ามาเป็นจังหวะคงที่ ขับกล่อมบรรยากาศในห้องส่วนตัวของไนต์คลับหรูให้คลายความตึงเครียดล

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 17 แทรกแซงการถือหุ้น

    เวลาผ่านไปราวสองสัปดาห์หลังงานประมูล นาราเดินหน้าปรับโฉมโรงแรมในเครือวรเมธินทร์อย่างเต็มกำลัง การประชุมภายในบริษัทถูกจัดขึ้นในห้องประชุมใหญ่ ท่ามกลางทีมบริหารระดับสูงและฝ่ายพัฒนาโครงการ“โครงการที่จะพลิกโรงแรมของเราให้เป็นมากกว่าที่พัก คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นจริง ๆ” นารากล่าวเปิดประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงคีรณัฐก้าวขึ้นไปหน้าห้อง นำเสนอแนวคิดใหม่ผ่านสไลด์ที่เรียบหรู“เราขอเสนอการติดตั้งระบบผู้ช่วยอัจฉริยะภายในห้องพัก โดยเชื่อมโยงกับระบบ AI Concierge (ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการลูกค้า หรือ ดูแลอำนวยความสะดวก) ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในห้องผ่านเสียง ตั้งแต่อุณหภูมิ แสงไฟ เพลง ไปจนถึงแนะนำที่เที่ยวและบริการของโรงแรม”จากนั้น คีรณัฐคลิกภาพถัดไปที่เผยให้เห็นภาพจำลองของ AI Concierge เสมือนจริงในชื่อ “VARA” บนจอ“VARA หรือวารา ย่อจาก Virtual Assistant for Remarkable Arrival ที่หมายถึงผู้ช่วยเสมือนเพื่อการมาถึงอย่างน่าประทับใจ จะเป็นภาพเสมือนในห้องพักของแขกทุกคน เธอจะปรากฏตัวบนหน้าจอหลัก พร้อมเสียงพูดที่นุ่มนวล ช่วยต้อนรับและแนะนำบริการต่าง ๆ อย่างมีเสน่ห์ เป็นมิตร และมืออาชีพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 16 ก็แค่หมากไม่ใช่คนคุมเกม

    พราวฟ้าลูบต้นแขนตัวเองเบา ๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกเย็นวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ไหม ตอนที่ฉันรู้ว่าเพชรที่ฉันใส่ตอนเดินโชว์เป็นของปลอม ฉันแทบเป็นลม!” เธอทำตาโตประกอบคำพูดนาราหัวเราะเบา ๆ “โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ยังไงฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะ ที่ทำให้แกต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”"เดือดร้อนอะไรล่ะแก" พราวฟ้ายืดอกแล้วยิ้มอย่างมีชั้นเชิง "เรื่องนี้ทำให้ฉันได้แสงต่างหากล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีกระแสจากเรื่องเพชรปลอมที่ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ แม้จะไม่โดยตรงเหมือนแกก็เถอะ แต่ก็ได้คะแนนความสงสารท่วมท้นเลยล่ะ""งั้นคุณฟ้าดาราชื่อดังต้องจ่ายค่าสร้างกระแสให้ฉันด้วยสินะ" นาราเอ่ยเย้าหยอกเพื่อนรักด้วยเสียงจริงจัง "สักยี่สิบเปอร์เซ็นของงานโฆษณาตัวหน้าคิดว่าไง"สองสาวพากันหัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันกันพราวฟ้าพยักหน้ารัวแล้วพูดถึงเรื่องในวันงานต่อ “แล้วยัยอรดานั่น...ตอนได้ยินที่เธอพูดบนเวที ฉันแทบลุกขึ้นไปปาส้นสูงใส่หน้าเลย เธอหน้าด้านมากนะ! แกล้งทำเป็นห่วงบริษัท ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาของปลอมมาเปลี่ยนให้ฉันใส่เอง!”เธอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจยาว “สมน้ำหน้านางจริง ๆ ที่จบลงในคุก! คิดจะแทงข้างหลังเ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 15 ผู้ประมูลปริศนา

    หลังจากที่ผู้คนเริ่มสลายตัวจากความวุ่นวาย เสียงซุบซิบแผ่วเบาค่อย ๆ จางลงไปตามจังหวะของเวลาที่คลี่คลายแสงไฟในห้องโถงสลัวลง เหลือเพียงประกายจากโคมไฟระย้าซึ่งทอดแสงอุ่นนุ่ม เหนือพื้นที่ที่ยังอบอวลไปด้วยแรงสะเทือนจากเหตุการณ์เมื่อครู่นารายืนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวตรงข้างเวที สายตาเธอมองไปยังกล่องเพชรที่วางอยู่บนโต๊ะ ราวกับยังคงจับต้องความจริงได้ไม่หมด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกเบา ๆเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นใกล้พอให้หัวใจสะดุ้งเบา ๆเธอหันกลับไป เห็นธีภพยืนอยู่ตรงนั้นในแสงสลัว ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตายังมีเงาของความห่วงใยไม่ปิดบัง“ไม่ค่ะ…ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พลางเบนสายตากลับไปยังเพชรตรงหน้า “แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าหัวใจของฉันยังแข็งแรงพอจะจัดงานต่อไปได้หรือเปล่า”“หัวใจของคุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด” เขาตอบช้า ๆ “คุณยืนอยู่ตรงนี้ได้ทั้งที่ถูกหักหลัง ถูกใส่ร้าย ถูกประณาม…แต่คุณไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว”นาราเงียบ ราวกับคำพูดนั้นกลั่นซึมเข้าสู่รอยร้าวบางอย่างในใจธีภพเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง“ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด…น

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 14 กลับมาสู่ที่ของมัน

    เสียงภายในห้องโถงเงียบลงฉับพลัน ราวกับถูกกลืนหายไปพร้อมคำกล่าวหาของอรดา ดวงตานับร้อยหันมาจับจ้องที่นารา หญิงสาวในชุดราตรีสีทองดำผู้เป็นหัวใจของงานในค่ำคืนนี้แต่ในจังหวะที่ใครหลายคนเริ่มตั้งคำถาม เธอกลับยืนนิ่งสงบ ดุจผิวน้ำที่ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมอรดาก้าวออกมาจากกลุ่มผู้ร่วมงาน เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดังชัดเจนในความเงียบ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะนุ่มนวล แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นที่อัดแน่นจนแทบปริแตก“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ต้องเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา” อรดาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ในฐานะผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องชื่อเสียงของแขกทุกท่านและชื่อของแบรนด์ที่เคยภาคภูมิใจ”เธอค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าคลัตช์สีน้ำเงินเข้ม ยกขึ้นให้แสงไฟจับต้องชัด“นี่คือใบรับรองของเพชรฟินาเล่ที่ใช้เปิดงานค่ำคืนนี้ค่ะ”เธอหมุนเอกสารให้กล้องสื่อมวลชนและแขกในงานเห็นอย่างทั่วถึง ก่อนใช้นิ้วชี้แตะลงที่มุมล่างขวา “ตรงนี้...ไม่มีโลโก้ของสถาบันรับรอง ซึ่งในทุกใบรับรองจะต้องมีตามมาตรฐาน”เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกรอบ หนักแน่นและแผ่กระจายเหมือนไฟลามบนผืนหญ้าแห้ง“ฉ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 13 หมากแรกที่เดินออกมาจากเงา

    เสียงพิธีกรกังวานขึ้นจากเวทีหลักกลางโถงงาน เสียงนั้นลึก หนักแน่น และเต็มไปด้วยพลังสะกดฝูงชนให้เงียบสงบในพริบตา"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี... ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนแห่งประกายและเรื่องราว ค่ำคืนที่ความงามไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากหัวใจ"เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเมื่อพิธีกรยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล"วรเมธินทร์กรุ๊ป มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอแฟชั่นโชว์เครื่องประดับแห่งปี ภายใต้แนวคิด 'ศรัทธาแห่งการฟื้นคืน' ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวของความทรงจำอันมีค่า เข้ากับแสงสะท้อนของอัญมณี"เสียงดนตรีคลาสสิกเริ่มบรรเลงเบา ๆ เคล้ากับเสียงซุบซิบอันเงียบงันของผู้ชม"และเพื่อเปิดม่านสู่ค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับการเดินแบบสุดพิเศษที่จะเปิดตัวด้วย 'เครื่องเพชรแห่งแรงบันดาลใจ' หนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้!"แสงไฟทุกดวงดับวูบลงในเสี้ยววินาที ความเงียบปกคลุมห้องจนได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ จากใครบางคนทันใดนั้น แสงสปอตไลต์สว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีที่พุ่งทะยานดั่งสายลมยามค่ำคืนที่โอบล้อมผู้ชมไว้เวทีเปลี่ยนสีเป็นม่วงอมน้ำเงินระยิบ ทอดเงาบนพื้นพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

    ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริงแสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุมทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณีแขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้งชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรรเสียงกดชัตเตอร์จากก

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status