Home / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 5 กำลังใจจากเพื่อนรัก

Share

บทที่ 5 กำลังใจจากเพื่อนรัก

last update Last Updated: 2025-04-09 23:44:30

อรดาลอบมองสีหน้าของตัวแทนที่เริ่มเคร่งเครียดขึ้น เธอสูดลมหายใจช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ “คุณนาราคะ ดิฉันคิดว่าเงื่อนไขที่ทางคุณ...” เธอหันไปทางตัวแทนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตร “...ทางคุณศักดิ์ดาเสนอมา อาจจะดูเหมือนฝ่ายเราต้องรับภาระมาก แต่ถ้ามองในระยะยาว ดิฉันเห็นว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้พันธมิตรทางธุรกิจนะคะ หากโครงการสะดุด ทางเราชดเชยไปก่อนก็เพื่อให้โครงการไม่ล้ม แล้วภายหลังเมื่อโครงการเริ่มทำกำไร เราก็จะได้รับส่วนแบ่งคืนมาพร้อมดอกผล ความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างสองบริษัทก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นด้วยค่ะ”

 

ตัวแทนเหลือบสายตามองอรดาเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนคนได้ที ขณะที่นาราหันขวับไปมองเลขาคนสนิท แววตาฉายความประหลาดใจผสมไม่พอใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับเป็นเยือกเย็นเช่นเดิม เธอไม่คิดว่าอรดาจะออกหน้าสนับสนุนอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้

 

“อรดา” นาราเอ่ยชื่อเลขาด้วยเสียงเรียบเย็น ปราศจากสรรพนามหรือคำลงท้ายใดๆ น้ำเสียงนั้นห้วนสั้นจนอรดาสะดุ้งน้อยๆ “ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดี แต่ขอให้จำไว้ว่าเราอยู่ฝ่ายไหน” แค่ประโยคสั้นๆ แต่ทุกคำหนักแน่นดั่งหินผาที่ตกกระทบพื้นห้องประชุม

 

อรดาหน้าถอดสีในทันที เธอก้มหน้ารับคำ “ขอโทษค่ะ ดิฉันล้ำเส้นเกินไป” เสียงเธอแผ่วลงอย่างสำนึกผิด

 

นาราพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปหาตัวแทนฝั่งตรงข้าม สายตาคมกริบของเธอฉายแววเยือกเย็น “ต้องขออภัยด้วยค่ะ คุณคงเข้าใจว่าฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทฉัน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ทรงอำนาจ “ข้อเสนอที่คุณยื่นมา ในส่วนของการแบ่งผลประโยชน์และเงื่อนไขความรับผิดชอบ ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เราจะยอมรับได้ค่ะ”

 

คุณศักดิ์ดาตัวแทนตระกูลเดชาสกุลวงศ์เผลอกำมือแน่นใต้โต๊ะโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงฝืนยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น คุณนาราอยากให้เราแก้ไขปรับปรุงตรงไหนได้บ้างครับ เรายินดีรับฟัง” น้ำเสียงเขายังคงความสุภาพ ทว่าความขุ่นมัวส่อแววผ่านทางสายตา

 

นาราสบสายตาคู่นั้นโดยไม่หลบ รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าราวกับเธอเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า “ดิฉันเกรงว่าในส่วนหลักการ เราคงไม่สามารถตกลงตามข้อเสนอนี้ได้ค่ะ หากจะร่วมลงทุนกันจริง ผลประโยชน์และความเสี่ยงต้องแบ่งกันอย่างเป็นธรรม มิใช่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียว” เธอใช้ถ้อยคำนุ่มนวลแต่เฉียบคม “เว้นเสียแต่ทางคุณศักดิ์ดาจะมีข้อเสนอใหม่ที่สมดุลกว่านี้ ดิฉันคงต้องขอปฏิเสธความร่วมมือครั้งนี้ค่ะ”

 

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่หึ่งแผ่วเบา นารายังคงนั่งสงบนิ่ง ในขณะที่ตัวแทนฝั่งตรงข้ามสีหน้าเครียดขึง รอยยิ้มจอมปลอมจางหายไปจากใบหน้าเขาโดยสิ้นเชิง นาทีนี้เองที่อีกฝ่ายตระหนักว่าการเจรจาคงมาถึงทางตันแล้ว

 

“น่าเสียดายนะครับ” ในที่สุดเขาก็เอ่ยขึ้นช้าๆ เน้นเสียงทุกคำ น้ำเสียงสุภาพนั้นเจือความเย็นเยียบ “ผมเองก็คาดหวังว่าจะได้ร่วมงานกับวรเมธินทร์ กรุ๊ป อย่างราบรื่น” เขาปิดแฟ้มเอกสารเบื้องหน้าลงแผ่วเบา “แต่ในเมื่อคุณนารายืนยันเช่นนี้ ทางเราคงต้องนำเรื่องกลับไปทบทวน”

 

“ค่ะ” นาราตอบรับสั้นๆ “ถ้าหากทางคุณมีข้อเสนอที่ปรับปรุงแล้ว เรายินดีรับพิจารณาใหม่อีกครั้งค่ะ” แม้ถ้อยคำจะเปิดช่องไว้ แต่น้ำเสียงเธอหนักแน่นจนฟังดูกลายๆ ว่าโอกาสนั้นริบหรี่เต็มที

 

ตัวแทนฝั่งตรงข้ามยืนขึ้น อรดาและนาราเองก็ลุกขึ้นยืนตามมารยาท “ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณนารา” เขายื่นมือออกมา นารายื่นมือไปจับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบางตามมารยาท แต่สัมผัสมือของเธอหนักแน่นมั่นคงจนอีกฝ่ายรู้สึกได้

 

“เช่นกันค่ะ ขอบคุณที่ให้เกียรติมาเสนอข้อเสนอ” นารากล่าวพร้อมพยักหน้าเชิงบอกลา

 

เมื่อแขกผู้มาเยือนเดินลับออกจากห้องไปแล้ว ประตูไม้หนักก็ปิดลง อรดายืนนิ่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย ในใจของเธอก้ำกึ่งระหว่างความละอายและหวาดหวั่น นาราหันมามองหน้าเลขาของเธอนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของนารายังคงเยือกเย็นแฝงแววผิดหวังเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะเมินสายตาไปทางหน้าต่าง

 

“เตรียมสรุปรายงานการประชุมครั้งนี้ส่งให้ฉันภายในวันนี้” นาราสั่งเสียงเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ จากนั้นเธอก็สาวเท้าออกจากห้องประชุม ปล่อยให้อรดายืนก้มหน้ารับคำอยู่ลำพัง

 

ภายนอกหน้าต่าง อาคารสูงระฟ้าทิ่มแทงเข้าไปในผืนฟ้าสีหม่น แสงแดดยามบ่ายทอประกายอ่อนลง ราวกับวันที่ยาวนานนี้กำลังจะสิ้นสุด แต่เบื้องหลังความเงียบงันที่ปกคลุมทิวทัศน์เมือง กลับมีบางสิ่งเริ่มเคลื่อนไหวในเงามืด

 

ใต้ถุนอาคารสำนักงานของวรเมธินทร์ กรุ๊ป รถยนต์คันหรูของตัวแทนตระกูลเดชาสกุลวงศ์แล่นออกมาอย่างเนิบช้า ภายในรถ ชายผู้นั้นกดโทรศัพท์มือถือแนบหู พลางเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรง ดวงตาที่เคยสุภาพอ่อนโยนบัดนี้แข็งกร้าว “นายท่านครับ... แผนขั้นแรกไม่สำเร็จ” เขากล่าวเสียงเบาแต่หนักแน่น คล้ายรายงานข่าวร้ายให้ผู้เป็นนายฟัง “ครับ...ผมเข้าใจครับ... แน่นอน ผมจะจัดการตามแผนสอง”

 

ปลายสายพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มพยักหน้ารับ สีหน้าเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่กลับปรากฏรอยยิ้มมุมปากที่ดูเย็นชา “ครับ... อรดาทำได้ดี เธอคงช่วยเราได้อีกมาก” เขาตอบเบาๆ ก่อนจะกดวางสาย

 

รถยนต์คันนั้นแล่นไปหลังกำแพงเงามืดของอาคารสูง ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าเงียบงัน แต่นาราหารู้ไม่ว่า กลเกมในเงามืดได้เริ่มเดินแล้ว และเงานั้นกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ความเงียบสงบของบ่ายวันนั้นจึงเป็นเพียงภาพลวงตาก่อนพายุใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดเบื้องหน้า

 

 

 

หลังจากการประชุมอันยาวนานจบลงในบ่ายวันนั้น

นาราใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องทำงาน ไม่ได้เปิดเอกสารใด ไม่แม้แต่จะเปิดคอมพิวเตอร์

เธอเพียงนั่งมองภาพวิวเมืองเบื้องหน้าผ่านกระจกบานใหญ่ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยอยู่ท่ามกลางความเงียบ

จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นสามจังหวะสั้น ๆ ตามด้วยเสียงเปิดประตูแบบไม่รอคำอนุญาต

 

“เซอร์ไพรส์!” เสียงใสร่าเริงดังขึ้นก่อนจะเห็นตัว

 

นาราหันไปตามเสียงนั้น แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างอัตโนมัติ

หญิงสาวในชุดเดรสสีสด ผมยาวสลวยถูกมัดครึ่งศีรษะอย่างมีสไตล์ ใส่แว่นกันแดดไว้บนศีรษะ เดินเข้ามาพร้อมถุงขนมแน่นมือ

 

“พราวฟ้า...” นาราเรียกชื่อเพื่อนรักอย่างแผ่วเบา “เธอมาที่นี่ได้ยังไง”

 

“มาหาเพื่อนสิยะ ไม่ดีใจเหรอ หรือกลัวว่าฉันจะเอาน้ำปลาร้ามาเทในห้องประชุม”

 

ฉับพลันความทรงจำครั้งก่อนที่พราวฟ้ากลับจากการไปถ่ายละคร เธอได้นำส้มตำปูปลาร้าเจ้าดังเจ้าประจำวิ่งเข้ามาหานาราที่ห้องประชุม ทว่ารองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมดันมาทรยศเธอเสียได้ ทันทีที่ส้นรองเท้าหักลง ถุงส้มตำก็ได้แตกกระจายลงบนพื้นห้องประชุมอย่างไม่เหลือติดที่ถุงเลยแม้แต่น้อย แค่คิดถึงกลิ่นที่ฟุ้งกระจายจนต้องย้ายไปห้องประชุมใหม่ทั้งอาทิตย์ นาราก็ย่นจมูกออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

"โอ๊ย! แก วันนี้ไม่มีหรอกจ้าส้มตำน่ะ ไม่ต้องมาทำท่าน้ำลายสอ" พราวฟ้าพูดออกมาอย่างหน้าตาย

 

".............."

 

พราวฟ้ายักคิ้วขำ ๆ แล้ววางถุงขนมลงบนโต๊ะอย่างอลังการ “ขนมครกจากเจ้าโปรดของแก ไข่ปลาหมึกทอดจากร้านหน้า ม. และนี่....ชาไทยจากร้านเก่าที่เราเคยนั่งเม้าท์ผู้ชายกันตอนปีสาม!”

 

นาราหลุดหัวเราะในลำคอ

เสียงของพราวฟ้าเหมือนกลิ่นดินหลังฝน สดชื่นและปลอบโยนโดยไม่ต้องพยายาม

 

“ขอโทษนะนารา...” พราวฟ้าทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ น้ำเสียงแผ่วลง

“ตอนงานศพฉันติดกองถ่ายอยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มาหาเลย พอเสร็จงานก็รีบบึ่งมาหาแกก่อนใคร”

 

“ไม่เป็นไรเลยฟ้า” นาราส่ายหน้าเบา ๆ “แค่เธอมาตอนนี้ ฉันก็ดีใจมากแล้ว”

 

พราวฟ้าเอื้อมมือไปจับมือเพื่อน “ฉันรู้ว่าแกต้องเข้มแข็งเพราะแบกรับทุกอย่างไว้ แต่วันนี้ขอฉันเป็นคนแบกแกบ้างได้ไหม?”

 

นารายิ้มจาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

“ฟ้า...ฉันคิดถึงเสียงหัวเราะของเธอ”

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวกินไข่ปลาหมึกก่อน แกจะได้หัวเราะทั้งน้ำตาแน่นอน”

พราวฟ้าพูดติดตลก พลางยื่นถุงขนมให้นารา

“อร่อยจนอยากบวชทดแทนพ่อค้าเลยล่ะ”

 

นาราหัวเราะเบา ๆ ครั้งแรกในรอบหลายวัน เสียงนั้นสั้น แต่มันออกมาจากใจจริง

 

“แล้วนี่...อรดาเป็นยังไงมั่ง” พราวฟ้าถามขึ้นระหว่างที่หยิบขนมใส่ปาก

“ยังทำงานกับแกอยู่ใช่ไหม จำได้เลยว่าสมัยเรียน นางนี่เงียบเป็นเปลือกหอยใต้ทะเลทราย”

 

นาราหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ใช่...แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ทำงานเก่งขึ้น คล่องแคล่ว ช่วยฉันได้เยอะเลยตอนช่วงที่แย่ที่สุด”

 

“แหม...เปลือกหอยแปลงร่างเป็นเลขาเต็มตัวสินะ”

พราวฟ้าหรี่ตา “แต่เอาจริง ๆ นะนารา เมื่อก่อนเธอก็ไม่ได้สนิทกับอรดาเท่าไหร่ใช่ไหม

อยู่คณะเดียวกันก็จริง แต่ฉันจำได้ว่าอรดาชอบแยกตัวไม่ค่อยยุ่งกับพวกเรา”

 

“ก็แปลกดีเหมือนกัน” นาราพยักหน้าเบา ๆ “แต่เธอก็อยู่กับฉันมาหลายปีแล้วนี่แหละ ตอนกานต์เสีย เธอก็ช่วยฉันแทบทุกอย่าง”

 

พราวฟ้าอมยิ้ม ก่อนจะว่าพูดต่อ “ก็หวังว่า...นางจะช่วยด้วยใจนะ ไม่ใช่แค่เพราะอยากอยู่ใกล้อำนาจ”

เธอทำเสียงกระซิบแล้วชะโงกหน้ามาหานารา “จะว่าไป หลัง ๆ นี้ นางแต่งตัวแซ่บขึ้นนะ ฉันเห็นนางใส่บิกินนี่ในเฟสนางด้วยล่ะ!”

 

นาราส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ฟ้า...เธอนี่มัน...เหมือนเดิมเลย”

 

“แน่นอนสิยะ” พราวฟ้ายักไหล่ “ฉันไม่เปลี่ยนหรอก เพราะโลกมันเปลี่ยนเร็วพออยู่แล้ว

แต่แก...อย่าให้ความเศร้าทำให้แกลืมว่าตัวเองเคยหัวเราะยังไงนะนารา”

น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นจริงจังในบัดดล

 

นาราชะงัก เธอไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่สบตาเพื่อนรัก

หัวใจเธอก็คล้ายจะเบาลงนิดหนึ่ง

 

พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงด้านนอก แสงสีทองอบอุ่นสาดผ่านกระจก

สองหญิงสาวยังคุยกันเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องอดีต คนรัก ความฝัน และเรื่องไร้สาระที่ทำให้หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา

พราวฟ้าไม่ได้มาในฐานะนักแสดงชื่อดัง

แต่ในวันนี้ เธอมาในฐานะเพื่อนคนที่ไม่ต้องมีคำปลอบยืดยาว

แค่ยื่นขนมครกอุ่น ๆ กับรอยยิ้มที่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

 

แสงเย็นของวันคลี่ตัวลงอย่างช้า ๆ ถนนหน้าบริษัทเงียบสงบกว่าปกติ นารากับพราวฟ้าเดินออกจากอาคารด้วยกัน พร้อมถุงขนมที่เหลือจากมื้อเล็ก ๆ ในห้องทำงาน

 

“ให้ฉันไปส่งไหม” พราวฟ้าถามพลางกดรีโมทรถเปิดประตู “วันนี้ใส่ส้นสูงมาเพราะคิดว่าจะไปกินบุฟเฟ่ต์กับแก เลยเอารถคันเล็กมา แต่ก็ยังพาเพื่อนกลับบ้านได้แบบสบายบรื๋อ!”

 

นาราหันไปมองรถตัวเองที่จอดอยู่ตรงที่จอดรถผู้บริหาร “แต่...ฉันขับรถมาเองนะ”

 

“ก็โทรหาคนขับรถประจำตัวแกสิ ให้เขามาขับกลับไปแทน” พราวฟ้าพูดอย่างง่ายดาย “จะเก็บไว้ให้มันเหงาอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ รถก็ต้องการคนดูแลเหมือนหัวใจแหละ!”

 

นาราหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ “โอเค ๆ เดี๋ยวโทรให้ลุงอำนวยมารับ”

 

พราวฟ้าพยักหน้าทันที “ดีมากค่ะคุณผู้บริหาร หัดปล่อยบ้างอะไรบ้าง วันไหนมีเพื่อนให้พึ่งก็ต้องพึ่ง ไม่ใช่ทำเองทุกเรื่องยันล้างครัว!”

 

“ฉันไม่เคยล้างครัวนะยะ” นาราพูดพลางยิ้ม

 

“ไม่ล้างแต่ทำให้ระเบิดได้ใช่ไหม!” พราวฟ้าตอบทันควัน เพราะรู้ซึ้งถึงฝีมือการทำครัวของเพื่อนรักเป็นอย่างดี เธอเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ “ขึ้นมาเลยนารา วันนี้ฉันจะพาแกกลับบ้านอย่างปลอดภัย เหมือนมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันเลยแหละ!”

 

 

เมื่อมาถึงบ้าน พราวฟ้าเดินตามนาราเข้าไปโดยไม่ต้องขออนุญาต

 

“โอเค! ขอตั้งหลักก่อนนะ” เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วยืนยืดตัวเหมือนกำลังอยู่ในห้องซ้อมละคร “แหม...บ้านยังอบอุ่นเหมือนเดิมเลย ถึงจะขาดเจ้าของเสียงกวน ๆ ไปก็เถอะ”

 

นารานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “เงียบไปเยอะเลยจริง ๆ ...จนบางทีก็กลัวความเงียบ”

 

“งั้นแกก็โชคดีแล้วล่ะที่ฉันมาวันนี้” พราวฟ้าโพล่งขึ้น “เพราะต่อจากนี้ ความเงียบจะหมดไปแน่นอน ฉันจะอยู่ด้วยหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ!”

 

“หือ?” นาราหันมามองงุนงง

 

พราวฟ้าไหวไหล่แบบไม่รู้ไม่ชี้ “ก็ไหน ๆ ฉันก็กลับมาแล้วนี่นา ขี้เกียจกลับคอนโด อยู่คนเดียวมันเหงาแถมขี้เกียจล้างจานด้วย มาอยู่บ้านแกดีกว่า แกก็จะได้ไม่เหงา ฉันก็จะได้กินข้าวฟรี ดีจะตาย!”

 

นาราหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง คราวนี้ยาวกว่าเดิม

 

“แล้วงานละครล่ะ?”

 

“คิวถ่ายว่างไปหนึ่งอาทิตย์พอดี” พราวฟ้าตอบพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ตาราง “ผู้กำกับบอกให้พักผิว เอ๊ย...พักบท ฉันเลยถือโอกาสมาเป็นนักแสดงพิเศษให้แกแทน แสดงบท ‘เพื่อนสุดปังผู้เยียวยาหัวใจ’ เข้าใจไหม?”

 

นาราส่ายหน้าแล้วพยักหน้ายิ้ม ๆ ในคราวเดียวกัน “โอเค งั้นคืนนี้นอนห้องเดิมนะ ฉันจะปูเตียงให้”

 

พราวฟ้ายกมือขึ้นทำท่าซาบซึ้งแบบนางเอกละคร “โอ๊ย ขอบคุณค่าเพื่อนรัก” เธอหันมามองนาราแล้วแกล้งทำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าคืนนี้แกไม่อยากนอนคนเดียว ฉันอยู่โต้รุ่งดูหนังกับแกได้ยันเช้า โอเค๊!”

 

นาราไม่ตอบ เธอเพียงแค่พยักหน้า...ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเพื่อนรักแน่น ๆ อ้อมกอดที่อุ่นพอจะทำให้หัวใจที่แหลกละเอียด รู้สึกเหมือนได้หายใจอีกครั้ง

 

คืนนั้น ทั้งคู่กินขนม ดูซีรีส์ที่เคยดูด้วยกันเมื่อตอนเรียน และหัวเราะจนเกือบลืมว่าหัวใจเคยมีรอยแผล

 

แม้จะเพียงหนึ่งอาทิตย์ แต่พราวฟ้าเชื่อว่า...นั่นมากพอจะเติมแสงอ่อน ๆ ให้เพื่อนของเธอได้มีแรงยืนอีกครั้ง

 

 

........................................

 

หนึ่งสัปดาห์หลังจากพราวฟ้ากลับไปทำงานที่กองถ่าย นาราก็กลับมาโฟกัสงานในบริษัทอย่างเต็มตัวอีกครั้ง

ภายใต้แสงแฟลชจากกล้องสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญใหม่ "7 คืน 7 ประสบการณ์"

เสียงกดชัตเตอร์รัวไม่ขาดสาย หญิงสาวในชุดสูทสีงาช้างยืนอยู่กลางเวที ดวงตาแน่วแน่ ริมฝีปากมีรอยยิ้มที่เรียบสงบ

 

“เราเชื่อว่า…ประสบการณ์ของลูกค้า ไม่ใช่สิ่งที่บริษัทควรบอกว่าคืออะไร แต่คือสิ่งที่ลูกค้ารู้สึก และอยากแบ่งปัน” นาราพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ละมุน “และวรเมธินทร์จะเป็นพื้นที่ให้คุณเล่าเรื่องเหล่านั้นออกมา”

 

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วห้อง

 

แต่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังการเปิดตัว เสียงปรบมือกลับกลายเป็นเสียงวิจารณ์

การแถลงข่าวของโรงแรมคู่แข่งถูกปล่อยออกมา พร้อมแคมเปญที่ใช้ชื่อและแนวคิดแทบไม่ต่างจากของนารา ทั้งภาพโปรโมท คอนเซปต์ และรูปแบบกิจกรรม ซึ่งทางคู่แข่งได้ว่าจ้างนักแสดงชั้นนำและอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าและนักลงทุน

 

โลกออนไลน์เริ่มตั้งคำถามอย่างดุเดือด

 

“ใครเป็นคนคิดก่อน?”

“หรือทั้งหมดนี้...แค่ร่วมมือกันสร้างกระแส?”

“วรเมธินทร์กำลังลอกแคมเปญหรือ”

 

แม้จะมีคนบางส่วนออกมาปกป้อง แต่กระแสหลักกลับเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ อีเมลจากพันธมิตรธุรกิจถูกส่งเข้ามาเป็นระยะ เสียงโทรศัพท์จากนักข่าวดังไม่หยุดหย่อน บางข้อความตรงและเจ็บแสบจนแม้แต่นาราเองก็ต้องนิ่งงันไปชั่วขณะ

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 6 คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้

    “เราจะจัดประชุมด่วนไหมคะ” อรดา ผู้ที่เป็นเลขาส่วนตัวถามเบา ๆ“ไม่ต้อง” เธอตอบเสียงแผ่ว “ให้ทุกคนพักก่อน...ฉันขอเวลาทบทวนแผนแป๊บเดียว”เธอยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงชั้นบนสุด ปล่อยให้ลมเย็นตีหน้าเบา ๆ เสียงรอบตัวเงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงในใจที่เริ่มสั่นไหวคืนนั้นเธอกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน นาราเดินไปยังชั้นหนังสือ ค่อย ๆ หยิบกรอบรูปเก่าออกมา ภาพของเธอกับกานต์ในวันเปิดโรงแรมสาขาแรก เขายิ้มแบบเดิม...รอยยิ้มที่เคยทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นเสมอ'ถ้าวันหนึ่งเธอเจออะไรหนัก ๆ ให้คิดว่าเธอไม่ได้เดินคนเดียว' เสียงของเขาในความทรงจำเอ่ยเบา ๆ“แต่ตอนนี้ฉัน...ก็เดินคนเดียวจริง ๆ ใช่ไหม” เธอพึมพำ กอดกรอบรูปแน่น น้ำตาร่วงเงียบลงบนหลังมือคืนทั้งคืนเธอไม่ได้นอน แต่เมื่อแสงแรกของวันใหม่ส่องลอดม่านเข้ามา นาราลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ ล้างหน้าแต่งตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมองตัวเองในกระจก ดวงตายังคงแดงช้ำ แต่ภายใต้ความหม่นนั้นกลับเปล่งประกายอะไรบางอย่างเธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สูดลมหายใจลึก แล้วหันไปมองตารางงานที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ข้าง

    Last Updated : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 7 สืบหาคนทรยศ

    ห้องประชุมใหญ่ของวรเมธินทร์ กรุ๊ป เงียบลงชั่วครู่หลังการสรุปผลแคมเปญใหม่ เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยพลังใจนารายืนมองทีมงานตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ เธอรู้ การตอบสนองของลูกค้าและสื่อคือก้าวแรกของชัยชนะ แต่ศึกที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้น“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย “ตอนนี้ให้ทุกคนกลับไปพักก่อนนะคะ พรุ่งนี้เรามีขั้นต่อไปที่ต้องเตรียมพร้อมกัน”ทีมงานทยอยออกจากห้องประชุมก่อนที่ศิตาจะเดินตามคนอื่นออกไป นารากลับเอ่ยเรียกขึ้นเบา ๆ“พี่ศิตาคะ...อยู่คุยกับฉันสักครู่ได้ไหม”ศิตาหยุดฝีเท้า หันมาพยักหน้า แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ใกล้นาราอีกครั้ง“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณนารา?” เธอถามเบา ๆ พลางมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้านาราเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนจะวางเอกสารในมือลง“ฉันอยากให้พี่ช่วยตรวจสอบข้อมูลการเข้าถึงทุกอย่างของแคมเปญที่เราเคยประชุมไว้ก่อนเปิดตัวค่ะ”ศิตาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หมายถึง...การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด?”นาราพยักหน้า “ไฟล์ร่าง แนวคิดที่ใช้ตอนประชุมเบื้องต้น วันเวลา รายชื่อคนที่เข้าถึงข้อมูล ทุกอย่างเลยค่ะ”“ค่ะ...ไม่มีปัญหาเลย” ศิตาต

    Last Updated : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 8 สัมผัสที่อบอุ่นอย่างประหลาด

    นาราเตรียมของที่จะไปทำบุญ เธอเดินออกจากบ้านมาที่จุดจอดรถ ลุงอำนวยคนขับรถที่ดูแลกานต์กับนารามาตั้งแต่วัยเด็ก ยังคงยืนรอเพื่อทำหน้าที่รับส่งนาราอย่างซื่อสัตย์ สำหรับครอบครัวของพวกเขา ลุงอำนวยไม่ใช่แค่คนขับรถ แต่เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยดูแลพวกเขามาตลอดหลายปี "ลุงอำนวยคะ วันนี้เราไปทำบุญให้กานต์ด้วยกันนะคะ หนูเตรียมของทำบุญกับดอกไม้ธูปเทียนไว้ให้ลุงแล้วค่ะ" นารายิ้มพร้อมกับยื่นของให้ลุงอำนวย ลุงอำนวยรับของมาใส่ไว้ที่ท้ายรถ ด้วยท่าทีที่นอบน้อมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด "ครับคุณนารา นี่ก็ร้อยวันแล้ว ที่คุณกานต์เค้าจากไป...." คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยถูกกลืนลงไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา "ทิ้งให้คนแก่อย่างลุงต้องเป็นฝ่ายทำบุญไปให้ ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ " นาราทำได้เพียงกล่าวปลอบใจญาติผู้ใหญ่ของเธอคนนี้ เธอเข้าใจความรู้สึกของลุงอำนวยเป็นอย่างดี ว่าเขาเองก็ต้องเศร้าโศกเสียใจ จากการสูญเสียบุคคลที่รักดุจหลายชายแท้ ๆ ไป หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญครบร้อยวันให้กับกานต์แล้ว นารา คุณพิรัชต์ และคุณบงกช ก็พากันมาตรงที่เก็บอัฐิ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าที่เก็บอัฐิของกานต์ คุณพิรัชต์และคุณบงกชยืน

    Last Updated : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 9 หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่

    หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต ทั้งเรื่องราวในชีวิตและการบริหารธุรกิจที่รุมเร้าเหมือนพายุ วรเมธินทร์ กรุ๊ป กลับมาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้งนารารับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ ในการจัดประมูลเครื่องประดับเพื่อการกุศล รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในเขตกรุงเทพฯ และภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดโครงการนี้ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทในฐานะองค์กรที่มีหัวใจ หากยังทำให้นาราได้กลับมามองตัวเองอีกครั้ง ว่าเธอ…ยังมีคุณค่าในแบบที่กานต์เคยเชื่อเสมอหอประชุมใหญ่ภายในสำนักงานใหญ่ของวรเมธินทร์ เวลานี้คึกคักไปด้วยตัวแทนและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากหลากหลายแห่งที่ได้รับเชิญมาร่วมประชุม หัวข้อในวันนี้คือการจัดสรรเงินสนับสนุนและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงภัยหลังการประชุมสิ้นสุดลง คุณหมอวรัตถ์ ศัลยแพทย์ผู้ดูแลกานต์ในวินาทีวิกฤตช่วงสุดท้ายของวีวิต เดินตรงเข้ามาทักนาราด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น"สวัสดีครับคุณนารา ดีใจที่ได้พบกับคุณอีกครั้งนะครับ ช่วงนี้อาการป่วยหายดีแล้วใช่ไหมครับ"นารามองไปยังที่มาของเสียง แล้วกล่าวทักทายคุณหมอวรัตถ์อย่างคนคุ้นเคย “สวัสดีค่ะ

    Last Updated : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 10 ฉันรอไม่ได้อีกแล้ว

    หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงานประมูล นารายังคงมาทำงานแต่เช้าตรู่ แสงแดดอ่อนแรกลอดผ่านผ้าม่านในห้องทำงาน เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เนื้อดี สายตาพินิจแฟ้มข้อมูลที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่คืนก่อนเสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะคุ้นเคย ก่อนพี่ศิตาจะก้าวเข้ามาอย่างสุภาพ พร้อมวางแฟ้มเอกสารปิดสนิทลงตรงหน้าเธอ“เรื่องที่คุณนาราให้ฉันตรวจสอบ มีความคืบหน้าแล้วค่ะ”นาราเงยหน้าขึ้น สบตากับผู้ช่วยที่เธอไว้วางใจ “มีอะไรที่เราควรกังวลหรือเปล่าคะ”พี่ศิตานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อาจจะ...มีมากกว่าที่เราคิดไว้ค่ะ”ไม่มีคำถามซักต่อ ไม่มีการอธิบายรายละเอียดในตอนนั้น นาราเพียงพยักหน้าช้า ๆ ราวกับเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มเติมเงาของความเงียบยังคงทอดยาวอยู่ในห้อง เหมือนกับบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป......ยามบ่ายในอีกมุมหนึ่งของอาคาร คีรณัฐกำลังจัดวางแบบจำลองของพื้นที่แสดงเครื่องประดับอยู่ในห้องจัดนิทรรศการ แสงไฟสลัวกระทบกับเส้นสายที่เขาร่างไว้บนโต๊ะราวกับศิลปะที่มีชีวิต“คุณคีรณัฐ ดูเหมือนงานจะคืบหน้าเร็วเลยนะคะ” เสียงของนาราดังขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ยังไม่ถึงครึ่งที่คิด

    Last Updated : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 11 คืนก่อนประกายจะพร่า

    แสงแดดอุ่นคลี่ตัวลงบนพื้นผิวของอาคารจัดแสดงนิทรรศการที่ถูกเนรมิตขึ้นอย่างวิจิตร ภายในห้องโถงหลัก ทีมงานต่างขะมักเขม้นตรวจความเรียบร้อยอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในความเรียบหรูนาราเดินตรวจพื้นที่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ ไม่หลุดโฟกัสแม้เพียงรายละเอียดเล็กน้อยของแสง เวที หรือกรอบโชว์เครื่องประดับ พรุ่งนี้คือวันจริง และเธอรู้ดีว่าทุกอย่างจะต้องไร้ที่ติขณะเดียวกัน พราวฟ้าปรากฏตัวในชุดฝึกซ้อมที่ตัดเย็บอย่างเรียบโก้ ผ้าเนื้อดีพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ เผยลำคอระหงและแววตาที่เจิดจรัสด้วยประกายของหญิงสาวที่มั่นใจในความงามในตัวเองแสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านกระจกสูงสะท้อนแสงกระทบพื้นหินอ่อนเงาวับ เก้าอี้จัดเรียงตามแนวเวทีอย่างประณีต กล่องประดับเพชรหลักยังคงวางเด่นอยู่กลางโถงใต้แสงไฟไลต์เฉพาะจุดราวกับราชินีผู้สง่างามเสียงดนตรีจำลองที่เปิดเบา ๆ ในห้องโถง เริ่มคลี่คลายความเงียบงัน ทีมงานทยอยเข้าประจำตำแหน่ง ขณะที่พราวฟ้าก้าวออกไปยังกลางเวที เธอหมุนตัวอย่างงดงามแบบนางงามสองรอบเต็ม ก่อนหยุดโพสด้วยท่วงท่าสง่างาม มือหนึ่งแตะแผ่วเบาที่สร้อยคอ อีกมือแตะสะโพกอย่าง

    Last Updated : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

    ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริงแสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุมทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณีแขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้งชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรรเสียงกดชัตเตอร์จากก

    Last Updated : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 13 หมากแรกที่เดินออกมาจากเงา

    เสียงพิธีกรกังวานขึ้นจากเวทีหลักกลางโถงงาน เสียงนั้นลึก หนักแน่น และเต็มไปด้วยพลังสะกดฝูงชนให้เงียบสงบในพริบตา"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี... ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนแห่งประกายและเรื่องราว ค่ำคืนที่ความงามไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากหัวใจ"เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเมื่อพิธีกรยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล"วรเมธินทร์กรุ๊ป มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอแฟชั่นโชว์เครื่องประดับแห่งปี ภายใต้แนวคิด 'ศรัทธาแห่งการฟื้นคืน' ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวของความทรงจำอันมีค่า เข้ากับแสงสะท้อนของอัญมณี"เสียงดนตรีคลาสสิกเริ่มบรรเลงเบา ๆ เคล้ากับเสียงซุบซิบอันเงียบงันของผู้ชม"และเพื่อเปิดม่านสู่ค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับการเดินแบบสุดพิเศษที่จะเปิดตัวด้วย 'เครื่องเพชรแห่งแรงบันดาลใจ' หนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้!"แสงไฟทุกดวงดับวูบลงในเสี้ยววินาที ความเงียบปกคลุมห้องจนได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ จากใครบางคนทันใดนั้น แสงสปอตไลต์สว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีที่พุ่งทะยานดั่งสายลมยามค่ำคืนที่โอบล้อมผู้ชมไว้เวทีเปลี่ยนสีเป็นม่วงอมน้ำเงินระยิบ ทอดเงาบนพื้นพ

    Last Updated : 2025-04-14

Latest chapter

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 20 เธอติดกับแล้ว

    ค่ำคืนของวันงาน โรงแรมหรูใจกลางเมืองแสงไฟสีทองอุ่นที่ประดับประดาเต็มห้องบอลรูมหรูหราทำให้บรรยากาศภายในดูราวกับฉากในความฝัน บันไดวนที่ทอดลงจากชั้นลอยถูกปูพรมสีแดงตัดกับผนังหินอ่อนอย่างสง่างาม แขกผู้มีเกียรติทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีงาช้างประดับคริสตัลปรากฏตัวขึ้น สายตาหลายคู่ก็หันมาพร้อมกันนารา วรเมธินทร์ ก้าวลงจากบันไดอย่างสง่าผ่าเผย ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงไวน์ แววตาสงบนิ่งแต่ทรงอำนาจ เครื่องประดับเพชรจากแบรนด์หรูในเครือของเธอเองประดับอย่างสมบูรณ์แบบข้างเธอคือ พราวฟ้า ในชุดเกาะอกสีไพลิน ผมถักเป็นเปียหลวมพาดบ่า มองดูราวกับเจ้าหญิงโมเดิร์นที่มีเสน่ห์แบบขี้เล่น“คืนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นดาวเด่นของงานเลยนะ” พราวฟ้ากระซิบพร้อมอมยิ้ม “คืนนี้เธอจะกลายเป็นข่าวแน่ ๆ”“หวังว่าข่าวดีนะ” นาราตอบเบา ๆ พลางมองไปรอบงานในเงามุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มในชุดทักซิโดสีดำยืนสงบนิ่ง ท่ามกลางแสงไฟระยิบที่สะท้อนบนแก้วแชมเปญและเครื่องเพชรของเหล่าผู้คนรอบข้างธีภพ จ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีงาช้างที่เพิ่งปรากฏตัวนารา งดงามเกินกว่าคำบรรยาย ท่วงท่าการก้าวเดินของเธอสะกดสายตา

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 19 รวมถึงเธอคนนั้นด้วยหรือเปล่า

    เช้าวันใหม่ในบริษัทวรเมธินทร์กรุ๊ป เสียงรองเท้าส้นสูงเบา ๆ ดังแผ่วมาตามทางเดิน ก่อนที่ประตูห้องทำงานของประธานหญิงจะเปิดออก พร้อมกับเสียงสดใสที่คุ้นหู“ฉันเอาของกินมาฝากค่ะ ท่านประธานคนสวย!”พราวฟ้ายิ้มกว้างในชุดเดรสลำลองเรียบหรู ถือถุงขนมและของว่างแน่นมือ ทั้งเบเกอรีโฮมเมด ชานมไข่มุกจากร้านดัง และของว่างจากแบรนด์พรีเมียมที่หิ้วมาจากห้างหรูนาราเงยหน้าจากกองเอกสาร ยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยแต่ต้อนรับ “นี่ยังเช้าอยู่นะ แล้วนี่…ซื้อทั้งร้านมาเหรอ?”“เกือบทั้งร้านแหละ!” พราวฟ้าหัวเราะแล้ววางถุงขนมเรียงไว้เต็มโต๊ะรับแขก “ได้ยินมาว่าคีรณัฐทำงานอยู่กับเธอใช่มั้ย? ของกินเยอะแบบนี้…ฉันว่าแบ่งไปให้เขาด้วยดีกว่า”นารายิ้มมุมปาก “มาหาฉันหรือมาหาผู้ชายกันแน่?”พราวฟ้าชะงักไปนิด ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “หึ อย่าแซวสิ ก็แค่เพื่อนของเพื่อนจะเอาขนมไปฝากมันผิดตรงไหน”ทั้งสองหัวเราะกันเบา ๆ บรรยากาศผ่อนคลายลงจากความตึงเครียดของงานช่วงที่ผ่านมาทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่ศิตาเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพ“คุณนาราคะ มีบัตรเชิญจากงานเลี้ยงแวดวงนักธุรกิจที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าค่ะ แขกเชิญในงานเป็นระดับผู้นำบ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 18 ทำลายความแข็งแกร่งให้พังทลาย

    หลังจากที่เสียงประชุมเงียบลง และผู้ถือหุ้นทยอยกันออกจากห้อง นารากลับมานั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวของเธอด้วยความเหนื่อยล้า ความตึงเครียดที่สะสมมาทั้งเช้าเริ่มคลายตัวลง เธอหยิบจดหมายเตือนฉบับนั้นขึ้มมาพินิจดูอย่างครุ่นคิดอีกครั้งไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีตราประทับบริษัท ไม่มีแม้แต่สัญลักษณ์ใด ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายทางธุรกิจ ปลายนิ้วลูบผ่านผิวกระดาษที่หยาบเล็กน้อย ราวกับมันถูกจงใจเลือกให้ดูเรียบง่ายจนเกือบไร้พิรุธ“พี่ศิตาคะ เข้ามาหาฉันหน่อยค่ะ” นารากดออดเรียกพี่ศิตาเลขาคู่ใจเดินเข้ามาแทบจะทันที“คะ คุณนารา?”“จดหมายฉบับนี้…มากับแฟ้มเอกสารพวกนี้เหรอคะ?”พี่ศิตาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ พี่เห็นมันสอดอยู่ในแฟ้มที่ฝ่ายบัญชีส่งขึ้นมา พี่ก็ไม่ทราบว่าเป็นจดหมายอะไร นึกว่าเป็นของคุณนาราเอง เลยนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ”นาราพยักหน้าเบา ๆ แม้ใบหน้ายังเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำถาม ใครเป็นคนส่งจดหมายปริศนานี้มา?..................................ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เสียงดนตรีจากด้านนอกยังคงดังแผ่ว ๆ เข้ามาเป็นจังหวะคงที่ ขับกล่อมบรรยากาศในห้องส่วนตัวของไนต์คลับหรูให้คลายความตึงเครียดล

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 17 แทรกแซงการถือหุ้น

    เวลาผ่านไปราวสองสัปดาห์หลังงานประมูล นาราเดินหน้าปรับโฉมโรงแรมในเครือวรเมธินทร์อย่างเต็มกำลัง การประชุมภายในบริษัทถูกจัดขึ้นในห้องประชุมใหญ่ ท่ามกลางทีมบริหารระดับสูงและฝ่ายพัฒนาโครงการ“โครงการที่จะพลิกโรงแรมของเราให้เป็นมากกว่าที่พัก คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นจริง ๆ” นารากล่าวเปิดประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงคีรณัฐก้าวขึ้นไปหน้าห้อง นำเสนอแนวคิดใหม่ผ่านสไลด์ที่เรียบหรู“เราขอเสนอการติดตั้งระบบผู้ช่วยอัจฉริยะภายในห้องพัก โดยเชื่อมโยงกับระบบ AI Concierge (ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการลูกค้า หรือ ดูแลอำนวยความสะดวก) ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในห้องผ่านเสียง ตั้งแต่อุณหภูมิ แสงไฟ เพลง ไปจนถึงแนะนำที่เที่ยวและบริการของโรงแรม”จากนั้น คีรณัฐคลิกภาพถัดไปที่เผยให้เห็นภาพจำลองของ AI Concierge เสมือนจริงในชื่อ “VARA” บนจอ“VARA หรือวารา ย่อจาก Virtual Assistant for Remarkable Arrival ที่หมายถึงผู้ช่วยเสมือนเพื่อการมาถึงอย่างน่าประทับใจ จะเป็นภาพเสมือนในห้องพักของแขกทุกคน เธอจะปรากฏตัวบนหน้าจอหลัก พร้อมเสียงพูดที่นุ่มนวล ช่วยต้อนรับและแนะนำบริการต่าง ๆ อย่างมีเสน่ห์ เป็นมิตร และมืออาชีพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 16 ก็แค่หมากไม่ใช่คนคุมเกม

    พราวฟ้าลูบต้นแขนตัวเองเบา ๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกเย็นวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ไหม ตอนที่ฉันรู้ว่าเพชรที่ฉันใส่ตอนเดินโชว์เป็นของปลอม ฉันแทบเป็นลม!” เธอทำตาโตประกอบคำพูดนาราหัวเราะเบา ๆ “โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ยังไงฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะ ที่ทำให้แกต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”"เดือดร้อนอะไรล่ะแก" พราวฟ้ายืดอกแล้วยิ้มอย่างมีชั้นเชิง "เรื่องนี้ทำให้ฉันได้แสงต่างหากล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีกระแสจากเรื่องเพชรปลอมที่ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ แม้จะไม่โดยตรงเหมือนแกก็เถอะ แต่ก็ได้คะแนนความสงสารท่วมท้นเลยล่ะ""งั้นคุณฟ้าดาราชื่อดังต้องจ่ายค่าสร้างกระแสให้ฉันด้วยสินะ" นาราเอ่ยเย้าหยอกเพื่อนรักด้วยเสียงจริงจัง "สักยี่สิบเปอร์เซ็นของงานโฆษณาตัวหน้าคิดว่าไง"สองสาวพากันหัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันกันพราวฟ้าพยักหน้ารัวแล้วพูดถึงเรื่องในวันงานต่อ “แล้วยัยอรดานั่น...ตอนได้ยินที่เธอพูดบนเวที ฉันแทบลุกขึ้นไปปาส้นสูงใส่หน้าเลย เธอหน้าด้านมากนะ! แกล้งทำเป็นห่วงบริษัท ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาของปลอมมาเปลี่ยนให้ฉันใส่เอง!”เธอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจยาว “สมน้ำหน้านางจริง ๆ ที่จบลงในคุก! คิดจะแทงข้างหลังเ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 15 ผู้ประมูลปริศนา

    หลังจากที่ผู้คนเริ่มสลายตัวจากความวุ่นวาย เสียงซุบซิบแผ่วเบาค่อย ๆ จางลงไปตามจังหวะของเวลาที่คลี่คลายแสงไฟในห้องโถงสลัวลง เหลือเพียงประกายจากโคมไฟระย้าซึ่งทอดแสงอุ่นนุ่ม เหนือพื้นที่ที่ยังอบอวลไปด้วยแรงสะเทือนจากเหตุการณ์เมื่อครู่นารายืนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวตรงข้างเวที สายตาเธอมองไปยังกล่องเพชรที่วางอยู่บนโต๊ะ ราวกับยังคงจับต้องความจริงได้ไม่หมด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกเบา ๆเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นใกล้พอให้หัวใจสะดุ้งเบา ๆเธอหันกลับไป เห็นธีภพยืนอยู่ตรงนั้นในแสงสลัว ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตายังมีเงาของความห่วงใยไม่ปิดบัง“ไม่ค่ะ…ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พลางเบนสายตากลับไปยังเพชรตรงหน้า “แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าหัวใจของฉันยังแข็งแรงพอจะจัดงานต่อไปได้หรือเปล่า”“หัวใจของคุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด” เขาตอบช้า ๆ “คุณยืนอยู่ตรงนี้ได้ทั้งที่ถูกหักหลัง ถูกใส่ร้าย ถูกประณาม…แต่คุณไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว”นาราเงียบ ราวกับคำพูดนั้นกลั่นซึมเข้าสู่รอยร้าวบางอย่างในใจธีภพเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง“ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด…น

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 14 กลับมาสู่ที่ของมัน

    เสียงภายในห้องโถงเงียบลงฉับพลัน ราวกับถูกกลืนหายไปพร้อมคำกล่าวหาของอรดา ดวงตานับร้อยหันมาจับจ้องที่นารา หญิงสาวในชุดราตรีสีทองดำผู้เป็นหัวใจของงานในค่ำคืนนี้แต่ในจังหวะที่ใครหลายคนเริ่มตั้งคำถาม เธอกลับยืนนิ่งสงบ ดุจผิวน้ำที่ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมอรดาก้าวออกมาจากกลุ่มผู้ร่วมงาน เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดังชัดเจนในความเงียบ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะนุ่มนวล แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นที่อัดแน่นจนแทบปริแตก“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ต้องเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา” อรดาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ในฐานะผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องชื่อเสียงของแขกทุกท่านและชื่อของแบรนด์ที่เคยภาคภูมิใจ”เธอค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าคลัตช์สีน้ำเงินเข้ม ยกขึ้นให้แสงไฟจับต้องชัด“นี่คือใบรับรองของเพชรฟินาเล่ที่ใช้เปิดงานค่ำคืนนี้ค่ะ”เธอหมุนเอกสารให้กล้องสื่อมวลชนและแขกในงานเห็นอย่างทั่วถึง ก่อนใช้นิ้วชี้แตะลงที่มุมล่างขวา “ตรงนี้...ไม่มีโลโก้ของสถาบันรับรอง ซึ่งในทุกใบรับรองจะต้องมีตามมาตรฐาน”เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกรอบ หนักแน่นและแผ่กระจายเหมือนไฟลามบนผืนหญ้าแห้ง“ฉ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 13 หมากแรกที่เดินออกมาจากเงา

    เสียงพิธีกรกังวานขึ้นจากเวทีหลักกลางโถงงาน เสียงนั้นลึก หนักแน่น และเต็มไปด้วยพลังสะกดฝูงชนให้เงียบสงบในพริบตา"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี... ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนแห่งประกายและเรื่องราว ค่ำคืนที่ความงามไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากหัวใจ"เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเมื่อพิธีกรยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล"วรเมธินทร์กรุ๊ป มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอแฟชั่นโชว์เครื่องประดับแห่งปี ภายใต้แนวคิด 'ศรัทธาแห่งการฟื้นคืน' ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวของความทรงจำอันมีค่า เข้ากับแสงสะท้อนของอัญมณี"เสียงดนตรีคลาสสิกเริ่มบรรเลงเบา ๆ เคล้ากับเสียงซุบซิบอันเงียบงันของผู้ชม"และเพื่อเปิดม่านสู่ค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับการเดินแบบสุดพิเศษที่จะเปิดตัวด้วย 'เครื่องเพชรแห่งแรงบันดาลใจ' หนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้!"แสงไฟทุกดวงดับวูบลงในเสี้ยววินาที ความเงียบปกคลุมห้องจนได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ จากใครบางคนทันใดนั้น แสงสปอตไลต์สว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีที่พุ่งทะยานดั่งสายลมยามค่ำคืนที่โอบล้อมผู้ชมไว้เวทีเปลี่ยนสีเป็นม่วงอมน้ำเงินระยิบ ทอดเงาบนพื้นพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

    ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริงแสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุมทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณีแขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้งชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรรเสียงกดชัตเตอร์จากก

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status