หน้าหลัก / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 2 ความรักในเงาธุรกิจ

แชร์

บทที่ 2 ความรักในเงาธุรกิจ

ผู้เขียน: แพรวรุณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-09 23:40:40

เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะช้า ๆ ก้องสะท้อนในห้อง ICU ที่เย็นเยียบและเงียบงัน

ร่างของกานต์นอนนิ่งอยู่บนเตียง รายล้อมด้วยสายระโยงระยาง และกลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ลอยปะปนกับกลิ่นแห่งความหวาดกลัวที่ไม่มีใครพูดออกมา

นารานั่งอยู่ข้างเตียง มือเล็กกุมมือเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเพียงปล่อยมือเดียว…เขาจะหลุดลอยหายไปจากชีวิตเธอตลอดกาล

“กานต์…ได้ยินฉันไหม…” เสียงเธอเบาราวเสียงกระซิบ แต่สั่นจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์

 

เขาไม่ตอบ ไม่มีแม้แต่การขยับเปลือกตา

แต่ภายใต้ความนิ่งเงียบเช่นนั้น...ที่ปลายลมหายใจอ่อนแรง เขา ยังอยู่

เขาติดอยู่ในร่างกายที่ไม่อาจขยับเขยื้อน

หัวใจของเขายังพยายามต่อลมหายใจสุดท้าย

เขาอยากตอบ อยากบีบมือนั้นกลับ

แต่โลกของเขาค่อย ๆ มืดลง...

เหมือนถูกดูดกลืนไปในความเงียบของจักรวาลที่ไม่มีใครได้ยินเสียงเรียก

 

 

หมอเดินเข้ามาเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มแต่จริงจัง

“หัวใจเขาอ่อนแรงลงมากแล้วครับ เราพยายามเต็มที่

หากมีอะไรที่คุณอยากพูดกับเขา...ตอนนี้คงเป็นเวลาสุดท้ายแล้ว”

 

คำว่า “สุดท้าย” กระแทกเข้าใส่หัวใจเธอเหมือนคลื่นโถมซัดใส่ฝั่งไม่หยุดยั้ง

นาราก้มหน้าลงแนบหน้าผากกับมือเขา สะอื้นอย่างเงียบงัน

ร่างกายสั่นสะท้านราวกับจะสลายไปพร้อมลมหายใจสุดท้ายของเขา

“คุณสัญญาว่าจะไม่ทิ้งฉัน…

คุณบอกว่าจะอยู่ข้างฉันตลอดไป…

แล้วแบบนี้…ฉันจะอยู่ยังไงโดยไม่มีคุณ…”

 

เสียงเครื่องวัดชีพจรเริ่มดังถี่ขึ้น รัวเร่งราวกับหัวใจเขากำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อเธอ

เธอแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าพยาบาลที่วิ่งเข้ามา ไม่แม้แต่จะหันมองเครื่องมือที่ส่งเสียงเตือน

โลกของเธอมีเพียงมือเขา…ที่ยังอุ่นอยู่…

แต่กำลังจะเย็นลงในทุกวินาที

“กานต์…ได้โปรด…อย่าทิ้งฉัน…” เธอพูดซ้ำ ๆ ทั้งน้ำตา เสียงเธอแทบขาดห้วงไปกับทุกจังหวะเครื่อง

 

 

เสียงสุดท้ายของเครื่องกลายเป็นเส้นยาวเรียบ

ไม่มีจังหวะ ไม่มีความหวัง

เป็นวินาทีที่หัวใจของเขาหยุดลงในมือของเธอ

และในวินาทีนั้นเอง หัวใจของเธอเหมือนแตกสลาย

ทว่ามันยังต้องเต้นต่อไป...เพื่อแบกความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

..........

 

คืนวันที่เจ็ดแห่งการจากลา เสียงสวดอภิธรรมยังคงก้องในความทรงจำ

กลิ่นดอกไม้จันทน์และควันเทียนยังไม่จางจากใจ

นารานั่งนิ่งหน้ารูปถ่ายของกานต์ ภาพนั้นเป็นรอยยิ้มที่เธอจำได้ดี รอยยิ้มสุดท้ายที่เธอไม่ทันได้บอกลา

ภายในโลงศพคือร่างของคนที่ครั้งหนึ่งเคยใช้ทั้งชีวิตปกป้องเธอ

แต่ภายนอก คือโลกที่ยังหมุนต่อไปโดยไม่มีเขา

เธอไม่ได้ร้องไห้ออกเสียง แต่แค่ลมหายใจก็เหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น

 

นารานั่งนิ่งอยู่หน้ารูปถ่ายของกานต์

เธอยกมือขึ้นไหว้ช้า ๆ ดวงตาแดงช้ำจนไม่มีน้ำตาจะไหลอีกแล้ว

ในความเงียบงันนั้น หัวใจเธอเหมือนหล่นหายไปพร้อมกับชายผู้เป็นทั้งเพื่อน คนรัก และคู่ชีวิตที่จากไปในคืนวันแต่งงาน

 

 

เสียงฝีเท้าแผ่วเบาค่อย ๆ เดินเข้ามา

คุณบงกชย่อตัวลงข้างเธอ มืออบอุ่นของหญิงวัยกลางคนวางบนบ่าของนาราเบา ๆ

“นารา…” เสียงของคุณบงกชสั่นไหว “อย่าโทษตัวเองเลยนะลูก…”

นาราเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาสบกับแววตาอ่อนโยนของผู้หญิงที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ มาตลอดชีวิต

เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่สุดท้ายก็หลุดออกมาในลมหายใจเงียบ ๆ

 

“หนูควรจะเป็นคนที่จากไป ไม่ใช่เขา…” น้ำเสียงนาราเบาเหมือนจะขาดหายไปในลม

"เขา นาทีนั้น กานต์เขาพยายาม ที่จะเอาตัวเองมาปกป้องหนูไว้..." คำพูดออกมาเพียงเท่านั้น จากนั้นน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ก็กลบเสียงของเธอไปจนสิ้น

 

คุณพิรัชต์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เดินเข้ามา ย่อตัวลงอีกฝั่ง พลางจับมือนาราไว้แน่น

“กานต์เขารักหนู เขาเลือกที่จะปกป้องหนูโดยไม่ลังเลเลย เพราะฉะนั้น อย่าให้การจากไปของเขากลายเป็นความผิดของหนูเลยนะนารา”

คำพูดแผ่วเบาแต่หนักแน่นราวกับพายุที่พัดใจเธอให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง

 

คุณบงกชโอบนาราไว้แน่น หัวใจของผู้หญิงสองคนที่สูญเสียคนที่รักที่สุดแนบชิดกันอย่างเงียบงัน

“ตั้งแต่วันแรกที่เรารับหนูเข้าบ้าน กานต์ไม่เคยหยุดยิ้มเลย

และแม่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าหนูไม่ใช่ลูกเรา”

 

“เพราะฉะนั้น…” คุณพิรัชต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “นับจากนี้ลูกต้องอยู่ต่อไปให้ได้ ในแบบที่กานต์เคยเชื่อมั่น ว่าหนูเข้มแข็งพอที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง”

นารากอดพวกเขาไว้แน่น น้ำตาหยดสุดท้ายร่วงลงบนมือทั้งสองข้างที่โอบเธอไว้

หัวใจของเธออาจแตกร้าว แต่ก็ยังมีอ้อมแขนของครอบครัวที่ยังรักเธอไม่ต่างจากเดิมเลยแม้แต่น้อย

 

หลังจากพิธีฌาปนกิจจบลง ผู้คนค่อย ๆ ทยอยกลับ

เหลือเพียงเธอกับความเงียบ และกรอบรูปที่ตั้งนิ่งอยู่บนฐานดอกไม้

“ฉันยังอยู่ แต่คุณไม่อยู่แล้ว…”

คำพูดของเธอเบาเกินกว่าจะได้ยิน แต่หนักแน่นเกินกว่าจะลืม

 

.................

 

สองสัปดาห์ผ่านไป วังวนของความเศร้ายังคงโอบล้อมหัวใจของนาราไว้แน่น

แต่เธอไม่มีเวลาจะล้มลงซ้ำ

เพราะธุรกิจของครอบครัวของกานต์ยังต้องเดินต่อ

วรเมธินทร์กรุ๊ปเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของเธอ

แม้จะไม่ได้ใช้เลือดเนื้อสร้างมันขึ้นมา แต่ทุกก้าวที่เธอเติบโต ก็คือทุกก้าวของบริษัทนี้เช่นกัน

 

 

นาราหวนคิดถึงอดีต ห้าปีก่อนหน้านี้

 

“คุณพ่อกับคุณแม่วางแผนจะเปิดสาขาห้างใหม่ที่เชียงใหม่” นาราวัยยี่สิบต้น ๆ เอ่ยขณะยื่นแผนธุรกิจให้กานต์

 

“แล้วเธอคิดว่ายังไง” เขาถามทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าจากภาพวาดตรงหน้า

 

“ฉันว่ามันเสี่ยง แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่มั่นใจฉันก็พร้อมสนับสนุน ในฐานะผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ที่สวยและเก่งที่สุดในแวดวงธุรกิจ” เธอพูดอย่างติดตลก

 

กานต์วางพู่กันลง มองเธอด้วยแววตาเอ็นดู “เธอไม่ได้เป็นแค่คนในทีมธุรกิจนะ นารา เธอคือคนสำคัญของบ้านนี้”

 

“ก็เพราะคุณพูดแบบนี้ ฉันถึงพยายามให้มากขึ้นทุกวัน”

 

เขายิ้ม พลิกกระดาษที่วาดเป็นรูปหน้าของเธอเทียบกับใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า

กานต์ใช้นิ้วจิ้มที่หว่างคิ้วของนารา แล้วเคลื่อนลงมาที่ปลายจมูกพร้อมกับเคาะเบาๆ สองสามครั้ง อย่างที่เคยทำเป็นประจำ

“ผมไม่ได้พูดให้เธอทำงานเก่งขึ้นนะ ผมพูดเพราะ...เธอเก่งอยู่แล้ว แต่ความสวย เอ่อ......” กานต์ทิ้งช่วงคำพูดแล้วแสร้งกลับไปวาดภาพต่อ

 

"กานต์! นี่! คุณหมายความว่ายังไง" นาราได้ยินคำพูดนั้นก็ทำตาโตพร้อมเข้าไปตีที่หลังเขาเบา ๆ หนึ่งที

 

"โอ๊ย! ผมเจ็บนะนารา" ชายหนุ่มแสร้งร้องแล้วขำออกมา

 

"ฉันตีเบา ๆ เอง คุณนี่ก็แสดงเก่งเกินไปแล้ว" นาราเอ่ยอย่างเง้างอน เธอยืนกอดอกมองค้อนเขา "ทีคุณยังว่าฉันไม่สวยเลย"

 

"ผมยังไม่ได้พูดว่าคุณไม่สวยเลยสักคำนะ ผมจะบอกว่า คุณไม่ใช่แค่สวยแต่คุณยังสง่างาม เด็ดเดี่ยว แล้วก็เข้มแข็งมากกว่าใคร ๆ"

เขาพูดพร้อมกับยืนขึ้นแล้วโอบกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง "ที่สำคัญ คุณยังเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เพราะมีผู้ช่วยและกำลังใจจากผู้ชายที่รักคุณที่สุดคนนี้เสมอ"

พูดจบเขาก็ประทับจมูกลงบนพวงแก้วที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอายของนารา

 

กานต์ไม่ได้ชอบธุรกิจ เขาชอบงานศิลปะ ชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่วุ่นวายกับตัวเลข

แต่เขากลับเข้าใจทุกสิ่งที่นาราทำ และเลือกยืนอยู่ข้างเธอเสมอ

เขาไม่ใช่ผู้นำแบบที่ใครคาดหวัง

แต่เขาเป็น ‘แรงสนับสนุน’ ที่แข็งแรงที่สุดของเธอ

 

...............

 

ปัจจุบัน

นารานั่งอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท

ไม่มีเสียงของกานต์ ไม่มีรอยยิ้มที่เคยนั่งข้างเธอ

มีเพียงรายงานตัวเลข และบรรยากาศที่เงียบจนคนรู้สึกไม่คุ้นชิน

 

“เราต้องรีบควบคุมความเสียหายจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลนะคะคุณนารา” เสียงของอรดา เลขาคนสนิทของเธอดังขึ้นทำลายความเงียบลง

 

นาราพยักหน้าช้า ๆ “ขอบคุณที่ดูแลระหว่างฉันพักฟื้นนะอรดา ฉันจะรับช่วงต่อจากนี้เอง”

 

อรดาชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณนารา ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนี้ก็ได้ค่ะ คุณเพิ่งเสีย...”

 

“แต่บริษัทนี้ยังอยู่ และฉัน...ยังมีสัญญาที่ให้ไว้กับกานต์”

เสียงเธอเรียบ แต่หนักแน่น

ไม่มีน้ำตา ไม่มีรอยสั่นสะท้าน

มีเพียงความแน่วแน่ที่เคยเป็นเสาหลักของวรเมธินทร์กรุ๊ปมาตลอด

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 3 คำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง

    ในมุมหนึ่งของห้องกรอบรูปขาวดำตั้งอยู่เงียบ ๆ บนโต๊ะทำงานของกานต์นาราหันไปมองแวบหนึ่ง แม้ว่าวันนี้โต๊ะทำงานข้าง ๆ เธอ จะไม่มีกานต์ สามีอันเป็นที่รักของเธอนั่งอยู่แล้วแต่เธอก็ยังคงปล่อยให้โต๊ะตัวนั้นตั้งอยู่ที่เดิม เธอคิดเสมอว่าเขายังคงอยู่เคียงข้างเธอ ไม่เคยจากเธอไปไหนและในหัวใจของเธอยังมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาเบา ๆ“แม้ว่าจะเจอเรื่องอะไรอย่ากังวล ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ”คิดถึงวันที่เขาเคยอยู่กับเธอ ไม่ว่าเธอจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาถมมามากมายเพียงไหน กานต์จะอยู่ข้างๆ เธอเสมอ และจะพูดประโยคนี้กับเธอทุกครั้งที่เธอรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ต้องเผชิญขอแค่มีเขา เธอก็ไม่เคยหวาดกลัวต่ออุปสรรคใด ๆ ทั้งนั้นเช้าวันใหม่มาถึงโดยไม่มีเสียงปลุกจากคนที่เธอเคยตื่นมาเจอทุกวันนารายังคงต้องลุกขึ้นมาทำงานด้วยความรู้สึกที่ขาดหายโต๊ะไม้สีเข้มยังคงวางอยู่ที่เดิมกองเอกสารงานด้านการออกแบบที่กานต์ดูแลยังคงวางอยู่บนนั้นปลายนิ้วไล้ลงไปบนเส้นดินสอที่ยังมีเศษฝุ่นเล็ก ๆ ติดอยู่ลมหายใจสั้นลงอย่างไม่รู้ตัวนี่คือภาพเครื่องประดับที่เขาวาดไว้ล่าสุดเขาเคยบอกว่า...เขากำลังจะออกแบบชิ้นงาน ที่ได้แรงบันดาลใจจากหญิงสาว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 4 ข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรม

    แสงแดดยามสายส่องลอดม่านหน้าต่างกระจกของห้องประชุมใหญ่ บรรยากาศเงียบขรึมถูกแต่งแต้มด้วยสีเทาเงินของผนังและโต๊ะไม้โอ๊กขัดเงาริมหน้าต่างเผยให้เห็นภาพเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ เลือนรางหลังม่านบางๆ ให้ความรู้สึกทั้งเปิดเผยและปกปิดในคราวเดียวกัน นารานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ดวงตาคมสบมองแผ่นกระดาษเอกสารเบื้องหน้า ท่ามกลางความเงียบงันของช่วงต้นการประชุม ที่ทุกคนต่างกำลังจับจ้องรายละเอียดบนหน้ากระดาษตรงข้ามเธอ ตัวแทนฝ่ายประสานงานธุรกิจของตระกูลเดชาสกุลวงศ์นั่งตัวตรง แววตาเชื่อมั่นหลังกรอบแว่น เขาสวมสูทเนี๊ยบสีเข้ม ด้านข้างมีผู้ช่วยหนุ่มถือแฟ้มเอกสารประกบอยู่ไม่ห่าง ส่วนทางด้านซ้ายมือของนารา อรดา เลขาคนสนิท นั่งสงบนิ่งคอยจดบันทึกตามนิสัยถี่ถ้วน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองนาราแวบหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงดังเดิมเมื่อสบสายตาของเจ้านายสาว“ก่อนอื่น ทางเราขอขอบคุณที่คุณนาราให้เกียรติรับฟังข้อเสนอความร่วมมือในวันนี้” เสียงทุ้มนุ่มของตัวแทนดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาเผยยิ้มบางตามมารยาท พลางสบตาทุกคนในห้อง “โครงการโรงแรมและศูนย์การค้าที่เราจะร่วมกันพัฒนาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทั้งวรเมธินทร์กรุ๊ป และตระกูลเดชาสกุลวงศ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 5 กำลังใจจากเพื่อนรัก

    อรดาลอบมองสีหน้าของตัวแทนที่เริ่มเคร่งเครียดขึ้น เธอสูดลมหายใจช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาแต่ชัดถ้อยชัดคำ “คุณนาราคะ ดิฉันคิดว่าเงื่อนไขที่ทางคุณ...” เธอหันไปทางตัวแทนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นมิตร “...ทางคุณศักดิ์ดาเสนอมา อาจจะดูเหมือนฝ่ายเราต้องรับภาระมาก แต่ถ้ามองในระยะยาว ดิฉันเห็นว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้พันธมิตรทางธุรกิจนะคะ หากโครงการสะดุด ทางเราชดเชยไปก่อนก็เพื่อให้โครงการไม่ล้ม แล้วภายหลังเมื่อโครงการเริ่มทำกำไร เราก็จะได้รับส่วนแบ่งคืนมาพร้อมดอกผล ความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างสองบริษัทก็จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นด้วยค่ะ”ตัวแทนเหลือบสายตามองอรดาเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนคนได้ที ขณะที่นาราหันขวับไปมองเลขาคนสนิท แววตาฉายความประหลาดใจผสมไม่พอใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับเป็นเยือกเย็นเช่นเดิม เธอไม่คิดว่าอรดาจะออกหน้าสนับสนุนอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้“อรดา” นาราเอ่ยชื่อเลขาด้วยเสียงเรียบเย็น ปราศจากสรรพนามหรือคำลงท้ายใดๆ น้ำเสียงนั้นห้วนสั้นจนอรดาสะดุ้งน้อยๆ “ฉันเข้าใจว่าเธอหวังดี แต่ขอให้จำไว้ว่าเราอยู่ฝ่ายไหน” แค่ประโยคสั้นๆ แต่ทุกคำหนักแน่นดั่งหินผาที่ตกกระทบพื้นห้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 6 คุณไม่มีวันลอกหัวใจของคนได้

    “เราจะจัดประชุมด่วนไหมคะ” อรดา ผู้ที่เป็นเลขาส่วนตัวถามเบา ๆ“ไม่ต้อง” เธอตอบเสียงแผ่ว “ให้ทุกคนพักก่อน...ฉันขอเวลาทบทวนแผนแป๊บเดียว”เธอยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงชั้นบนสุด ปล่อยให้ลมเย็นตีหน้าเบา ๆ เสียงรอบตัวเงียบลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงในใจที่เริ่มสั่นไหวคืนนั้นเธอกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน ไฟในบ้านเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดิน นาราเดินไปยังชั้นหนังสือ ค่อย ๆ หยิบกรอบรูปเก่าออกมา ภาพของเธอกับกานต์ในวันเปิดโรงแรมสาขาแรก เขายิ้มแบบเดิม...รอยยิ้มที่เคยทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้นเสมอ'ถ้าวันหนึ่งเธอเจออะไรหนัก ๆ ให้คิดว่าเธอไม่ได้เดินคนเดียว' เสียงของเขาในความทรงจำเอ่ยเบา ๆ“แต่ตอนนี้ฉัน...ก็เดินคนเดียวจริง ๆ ใช่ไหม” เธอพึมพำ กอดกรอบรูปแน่น น้ำตาร่วงเงียบลงบนหลังมือคืนทั้งคืนเธอไม่ได้นอน แต่เมื่อแสงแรกของวันใหม่ส่องลอดม่านเข้ามา นาราลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ ล้างหน้าแต่งตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมองตัวเองในกระจก ดวงตายังคงแดงช้ำ แต่ภายใต้ความหม่นนั้นกลับเปล่งประกายอะไรบางอย่างเธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง สูดลมหายใจลึก แล้วหันไปมองตารางงานที่วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ข้าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 7 สืบหาคนทรยศ

    ห้องประชุมใหญ่ของวรเมธินทร์ กรุ๊ป เงียบลงชั่วครู่หลังการสรุปผลแคมเปญใหม่ เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยพลังใจนารายืนมองทีมงานตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ เธอรู้ การตอบสนองของลูกค้าและสื่อคือก้าวแรกของชัยชนะ แต่ศึกที่แท้จริงเพิ่งเริ่มต้น“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย “ตอนนี้ให้ทุกคนกลับไปพักก่อนนะคะ พรุ่งนี้เรามีขั้นต่อไปที่ต้องเตรียมพร้อมกัน”ทีมงานทยอยออกจากห้องประชุมก่อนที่ศิตาจะเดินตามคนอื่นออกไป นารากลับเอ่ยเรียกขึ้นเบา ๆ“พี่ศิตาคะ...อยู่คุยกับฉันสักครู่ได้ไหม”ศิตาหยุดฝีเท้า หันมาพยักหน้า แล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้ใกล้นาราอีกครั้ง“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณนารา?” เธอถามเบา ๆ พลางมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาวตรงหน้านาราเว้นจังหวะครู่หนึ่ง ก่อนจะวางเอกสารในมือลง“ฉันอยากให้พี่ช่วยตรวจสอบข้อมูลการเข้าถึงทุกอย่างของแคมเปญที่เราเคยประชุมไว้ก่อนเปิดตัวค่ะ”ศิตาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หมายถึง...การเข้าถึงไฟล์ทั้งหมด?”นาราพยักหน้า “ไฟล์ร่าง แนวคิดที่ใช้ตอนประชุมเบื้องต้น วันเวลา รายชื่อคนที่เข้าถึงข้อมูล ทุกอย่างเลยค่ะ”“ค่ะ...ไม่มีปัญหาเลย” ศิตาต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 8 สัมผัสที่อบอุ่นอย่างประหลาด

    นาราเตรียมของที่จะไปทำบุญ เธอเดินออกจากบ้านมาที่จุดจอดรถ ลุงอำนวยคนขับรถที่ดูแลกานต์กับนารามาตั้งแต่วัยเด็ก ยังคงยืนรอเพื่อทำหน้าที่รับส่งนาราอย่างซื่อสัตย์ สำหรับครอบครัวของพวกเขา ลุงอำนวยไม่ใช่แค่คนขับรถ แต่เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยดูแลพวกเขามาตลอดหลายปี "ลุงอำนวยคะ วันนี้เราไปทำบุญให้กานต์ด้วยกันนะคะ หนูเตรียมของทำบุญกับดอกไม้ธูปเทียนไว้ให้ลุงแล้วค่ะ" นารายิ้มพร้อมกับยื่นของให้ลุงอำนวย ลุงอำนวยรับของมาใส่ไว้ที่ท้ายรถ ด้วยท่าทีที่นอบน้อมอย่างที่เคยเป็นมาตลอด "ครับคุณนารา นี่ก็ร้อยวันแล้ว ที่คุณกานต์เค้าจากไป...." คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยถูกกลืนลงไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมา "ทิ้งให้คนแก่อย่างลุงต้องเป็นฝ่ายทำบุญไปให้ ไม่ควรเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ " นาราทำได้เพียงกล่าวปลอบใจญาติผู้ใหญ่ของเธอคนนี้ เธอเข้าใจความรู้สึกของลุงอำนวยเป็นอย่างดี ว่าเขาเองก็ต้องเศร้าโศกเสียใจ จากการสูญเสียบุคคลที่รักดุจหลายชายแท้ ๆ ไป หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญครบร้อยวันให้กับกานต์แล้ว นารา คุณพิรัชต์ และคุณบงกช ก็พากันมาตรงที่เก็บอัฐิ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าที่เก็บอัฐิของกานต์ คุณพิรัชต์และคุณบงกชยืน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 9 หัวใจที่ยังคงเต้นอยู่

    หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต ทั้งเรื่องราวในชีวิตและการบริหารธุรกิจที่รุมเร้าเหมือนพายุ วรเมธินทร์ กรุ๊ป กลับมาเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้งนารารับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ ในการจัดประมูลเครื่องประดับเพื่อการกุศล รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในเขตกรุงเทพฯ และภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดโครงการนี้ไม่เพียงสะท้อนภาพลักษณ์ของบริษัทในฐานะองค์กรที่มีหัวใจ หากยังทำให้นาราได้กลับมามองตัวเองอีกครั้ง ว่าเธอ…ยังมีคุณค่าในแบบที่กานต์เคยเชื่อเสมอหอประชุมใหญ่ภายในสำนักงานใหญ่ของวรเมธินทร์ เวลานี้คึกคักไปด้วยตัวแทนและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากหลากหลายแห่งที่ได้รับเชิญมาร่วมประชุม หัวข้อในวันนี้คือการจัดสรรเงินสนับสนุนและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ในพื้นที่เสี่ยงภัยหลังการประชุมสิ้นสุดลง คุณหมอวรัตถ์ ศัลยแพทย์ผู้ดูแลกานต์ในวินาทีวิกฤตช่วงสุดท้ายของวีวิต เดินตรงเข้ามาทักนาราด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น"สวัสดีครับคุณนารา ดีใจที่ได้พบกับคุณอีกครั้งนะครับ ช่วงนี้อาการป่วยหายดีแล้วใช่ไหมครับ"นารามองไปยังที่มาของเสียง แล้วกล่าวทักทายคุณหมอวรัตถ์อย่างคนคุ้นเคย “สวัสดีค่ะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 10 ฉันรอไม่ได้อีกแล้ว

    หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันงานประมูล นารายังคงมาทำงานแต่เช้าตรู่ แสงแดดอ่อนแรกลอดผ่านผ้าม่านในห้องทำงาน เธอนั่งอยู่หลังโต๊ะไม้เนื้อดี สายตาพินิจแฟ้มข้อมูลที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่คืนก่อนเสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะคุ้นเคย ก่อนพี่ศิตาจะก้าวเข้ามาอย่างสุภาพ พร้อมวางแฟ้มเอกสารปิดสนิทลงตรงหน้าเธอ“เรื่องที่คุณนาราให้ฉันตรวจสอบ มีความคืบหน้าแล้วค่ะ”นาราเงยหน้าขึ้น สบตากับผู้ช่วยที่เธอไว้วางใจ “มีอะไรที่เราควรกังวลหรือเปล่าคะ”พี่ศิตานิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “อาจจะ...มีมากกว่าที่เราคิดไว้ค่ะ”ไม่มีคำถามซักต่อ ไม่มีการอธิบายรายละเอียดในตอนนั้น นาราเพียงพยักหน้าช้า ๆ ราวกับเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มเติมเงาของความเงียบยังคงทอดยาวอยู่ในห้อง เหมือนกับบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป......ยามบ่ายในอีกมุมหนึ่งของอาคาร คีรณัฐกำลังจัดวางแบบจำลองของพื้นที่แสดงเครื่องประดับอยู่ในห้องจัดนิทรรศการ แสงไฟสลัวกระทบกับเส้นสายที่เขาร่างไว้บนโต๊ะราวกับศิลปะที่มีชีวิต“คุณคีรณัฐ ดูเหมือนงานจะคืบหน้าเร็วเลยนะคะ” เสียงของนาราดังขึ้นขณะเดินเข้ามาในห้องเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ยังไม่ถึงครึ่งที่คิด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-14

บทล่าสุด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 20 เธอติดกับแล้ว

    ค่ำคืนของวันงาน โรงแรมหรูใจกลางเมืองแสงไฟสีทองอุ่นที่ประดับประดาเต็มห้องบอลรูมหรูหราทำให้บรรยากาศภายในดูราวกับฉากในความฝัน บันไดวนที่ทอดลงจากชั้นลอยถูกปูพรมสีแดงตัดกับผนังหินอ่อนอย่างสง่างาม แขกผู้มีเกียรติทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีงาช้างประดับคริสตัลปรากฏตัวขึ้น สายตาหลายคู่ก็หันมาพร้อมกันนารา วรเมธินทร์ ก้าวลงจากบันไดอย่างสง่าผ่าเผย ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงไวน์ แววตาสงบนิ่งแต่ทรงอำนาจ เครื่องประดับเพชรจากแบรนด์หรูในเครือของเธอเองประดับอย่างสมบูรณ์แบบข้างเธอคือ พราวฟ้า ในชุดเกาะอกสีไพลิน ผมถักเป็นเปียหลวมพาดบ่า มองดูราวกับเจ้าหญิงโมเดิร์นที่มีเสน่ห์แบบขี้เล่น“คืนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นดาวเด่นของงานเลยนะ” พราวฟ้ากระซิบพร้อมอมยิ้ม “คืนนี้เธอจะกลายเป็นข่าวแน่ ๆ”“หวังว่าข่าวดีนะ” นาราตอบเบา ๆ พลางมองไปรอบงานในเงามุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มในชุดทักซิโดสีดำยืนสงบนิ่ง ท่ามกลางแสงไฟระยิบที่สะท้อนบนแก้วแชมเปญและเครื่องเพชรของเหล่าผู้คนรอบข้างธีภพ จ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีงาช้างที่เพิ่งปรากฏตัวนารา งดงามเกินกว่าคำบรรยาย ท่วงท่าการก้าวเดินของเธอสะกดสายตา

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 19 รวมถึงเธอคนนั้นด้วยหรือเปล่า

    เช้าวันใหม่ในบริษัทวรเมธินทร์กรุ๊ป เสียงรองเท้าส้นสูงเบา ๆ ดังแผ่วมาตามทางเดิน ก่อนที่ประตูห้องทำงานของประธานหญิงจะเปิดออก พร้อมกับเสียงสดใสที่คุ้นหู“ฉันเอาของกินมาฝากค่ะ ท่านประธานคนสวย!”พราวฟ้ายิ้มกว้างในชุดเดรสลำลองเรียบหรู ถือถุงขนมและของว่างแน่นมือ ทั้งเบเกอรีโฮมเมด ชานมไข่มุกจากร้านดัง และของว่างจากแบรนด์พรีเมียมที่หิ้วมาจากห้างหรูนาราเงยหน้าจากกองเอกสาร ยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยแต่ต้อนรับ “นี่ยังเช้าอยู่นะ แล้วนี่…ซื้อทั้งร้านมาเหรอ?”“เกือบทั้งร้านแหละ!” พราวฟ้าหัวเราะแล้ววางถุงขนมเรียงไว้เต็มโต๊ะรับแขก “ได้ยินมาว่าคีรณัฐทำงานอยู่กับเธอใช่มั้ย? ของกินเยอะแบบนี้…ฉันว่าแบ่งไปให้เขาด้วยดีกว่า”นารายิ้มมุมปาก “มาหาฉันหรือมาหาผู้ชายกันแน่?”พราวฟ้าชะงักไปนิด ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน “หึ อย่าแซวสิ ก็แค่เพื่อนของเพื่อนจะเอาขนมไปฝากมันผิดตรงไหน”ทั้งสองหัวเราะกันเบา ๆ บรรยากาศผ่อนคลายลงจากความตึงเครียดของงานช่วงที่ผ่านมาทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น พี่ศิตาเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพ“คุณนาราคะ มีบัตรเชิญจากงานเลี้ยงแวดวงนักธุรกิจที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้าค่ะ แขกเชิญในงานเป็นระดับผู้นำบ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 18 ทำลายความแข็งแกร่งให้พังทลาย

    หลังจากที่เสียงประชุมเงียบลง และผู้ถือหุ้นทยอยกันออกจากห้อง นารากลับมานั่งที่โต๊ะทำงานส่วนตัวของเธอด้วยความเหนื่อยล้า ความตึงเครียดที่สะสมมาทั้งเช้าเริ่มคลายตัวลง เธอหยิบจดหมายเตือนฉบับนั้นขึ้มมาพินิจดูอย่างครุ่นคิดอีกครั้งไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีตราประทับบริษัท ไม่มีแม้แต่สัญลักษณ์ใด ๆ ที่บอกว่าเป็นจดหมายทางธุรกิจ ปลายนิ้วลูบผ่านผิวกระดาษที่หยาบเล็กน้อย ราวกับมันถูกจงใจเลือกให้ดูเรียบง่ายจนเกือบไร้พิรุธ“พี่ศิตาคะ เข้ามาหาฉันหน่อยค่ะ” นารากดออดเรียกพี่ศิตาเลขาคู่ใจเดินเข้ามาแทบจะทันที“คะ คุณนารา?”“จดหมายฉบับนี้…มากับแฟ้มเอกสารพวกนี้เหรอคะ?”พี่ศิตาขมวดคิ้วมอง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ใช่ค่ะ พี่เห็นมันสอดอยู่ในแฟ้มที่ฝ่ายบัญชีส่งขึ้นมา พี่ก็ไม่ทราบว่าเป็นจดหมายอะไร นึกว่าเป็นของคุณนาราเอง เลยนำมาวางไว้ให้ที่โต๊ะ”นาราพยักหน้าเบา ๆ แม้ใบหน้ายังเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยคำถาม ใครเป็นคนส่งจดหมายปริศนานี้มา?..................................ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เสียงดนตรีจากด้านนอกยังคงดังแผ่ว ๆ เข้ามาเป็นจังหวะคงที่ ขับกล่อมบรรยากาศในห้องส่วนตัวของไนต์คลับหรูให้คลายความตึงเครียดล

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 17 แทรกแซงการถือหุ้น

    เวลาผ่านไปราวสองสัปดาห์หลังงานประมูล นาราเดินหน้าปรับโฉมโรงแรมในเครือวรเมธินทร์อย่างเต็มกำลัง การประชุมภายในบริษัทถูกจัดขึ้นในห้องประชุมใหญ่ ท่ามกลางทีมบริหารระดับสูงและฝ่ายพัฒนาโครงการ“โครงการที่จะพลิกโรงแรมของเราให้เป็นมากกว่าที่พัก คือสิ่งที่ฉันอยากเห็นจริง ๆ” นารากล่าวเปิดประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงคีรณัฐก้าวขึ้นไปหน้าห้อง นำเสนอแนวคิดใหม่ผ่านสไลด์ที่เรียบหรู“เราขอเสนอการติดตั้งระบบผู้ช่วยอัจฉริยะภายในห้องพัก โดยเชื่อมโยงกับระบบ AI Concierge (ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้บริการลูกค้า หรือ ดูแลอำนวยความสะดวก) ที่สามารถควบคุมทุกอย่างในห้องผ่านเสียง ตั้งแต่อุณหภูมิ แสงไฟ เพลง ไปจนถึงแนะนำที่เที่ยวและบริการของโรงแรม”จากนั้น คีรณัฐคลิกภาพถัดไปที่เผยให้เห็นภาพจำลองของ AI Concierge เสมือนจริงในชื่อ “VARA” บนจอ“VARA หรือวารา ย่อจาก Virtual Assistant for Remarkable Arrival ที่หมายถึงผู้ช่วยเสมือนเพื่อการมาถึงอย่างน่าประทับใจ จะเป็นภาพเสมือนในห้องพักของแขกทุกคน เธอจะปรากฏตัวบนหน้าจอหลัก พร้อมเสียงพูดที่นุ่มนวล ช่วยต้อนรับและแนะนำบริการต่าง ๆ อย่างมีเสน่ห์ เป็นมิตร และมืออาชีพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 16 ก็แค่หมากไม่ใช่คนคุมเกม

    พราวฟ้าลูบต้นแขนตัวเองเบา ๆ เหมือนเพิ่งรู้สึกเย็นวูบวาบขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอรู้ไหม ตอนที่ฉันรู้ว่าเพชรที่ฉันใส่ตอนเดินโชว์เป็นของปลอม ฉันแทบเป็นลม!” เธอทำตาโตประกอบคำพูดนาราหัวเราะเบา ๆ “โชคดีแล้วล่ะที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ยังไงฉันก็ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะ ที่ทำให้แกต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”"เดือดร้อนอะไรล่ะแก" พราวฟ้ายืดอกแล้วยิ้มอย่างมีชั้นเชิง "เรื่องนี้ทำให้ฉันได้แสงต่างหากล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีกระแสจากเรื่องเพชรปลอมที่ฉันเองก็ตกเป็นเหยื่อ แม้จะไม่โดยตรงเหมือนแกก็เถอะ แต่ก็ได้คะแนนความสงสารท่วมท้นเลยล่ะ""งั้นคุณฟ้าดาราชื่อดังต้องจ่ายค่าสร้างกระแสให้ฉันด้วยสินะ" นาราเอ่ยเย้าหยอกเพื่อนรักด้วยเสียงจริงจัง "สักยี่สิบเปอร์เซ็นของงานโฆษณาตัวหน้าคิดว่าไง"สองสาวพากันหัวเราะออกมาอย่างคนที่รู้ทันกันพราวฟ้าพยักหน้ารัวแล้วพูดถึงเรื่องในวันงานต่อ “แล้วยัยอรดานั่น...ตอนได้ยินที่เธอพูดบนเวที ฉันแทบลุกขึ้นไปปาส้นสูงใส่หน้าเลย เธอหน้าด้านมากนะ! แกล้งทำเป็นห่วงบริษัท ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเอาของปลอมมาเปลี่ยนให้ฉันใส่เอง!”เธอส่ายหน้าแล้วถอนหายใจยาว “สมน้ำหน้านางจริง ๆ ที่จบลงในคุก! คิดจะแทงข้างหลังเ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 15 ผู้ประมูลปริศนา

    หลังจากที่ผู้คนเริ่มสลายตัวจากความวุ่นวาย เสียงซุบซิบแผ่วเบาค่อย ๆ จางลงไปตามจังหวะของเวลาที่คลี่คลายแสงไฟในห้องโถงสลัวลง เหลือเพียงประกายจากโคมไฟระย้าซึ่งทอดแสงอุ่นนุ่ม เหนือพื้นที่ที่ยังอบอวลไปด้วยแรงสะเทือนจากเหตุการณ์เมื่อครู่นารายืนอยู่เงียบ ๆ คนเดียวตรงข้างเวที สายตาเธอมองไปยังกล่องเพชรที่วางอยู่บนโต๊ะ ราวกับยังคงจับต้องความจริงได้ไม่หมด เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนออกเบา ๆเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”น้ำเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นใกล้พอให้หัวใจสะดุ้งเบา ๆเธอหันกลับไป เห็นธีภพยืนอยู่ตรงนั้นในแสงสลัว ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่แววตายังมีเงาของความห่วงใยไม่ปิดบัง“ไม่ค่ะ…ฉันไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พลางเบนสายตากลับไปยังเพชรตรงหน้า “แต่ก็ยังไม่แน่ใจ ว่าหัวใจของฉันยังแข็งแรงพอจะจัดงานต่อไปได้หรือเปล่า”“หัวใจของคุณแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด” เขาตอบช้า ๆ “คุณยืนอยู่ตรงนี้ได้ทั้งที่ถูกหักหลัง ถูกใส่ร้าย ถูกประณาม…แต่คุณไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว”นาราเงียบ ราวกับคำพูดนั้นกลั่นซึมเข้าสู่รอยร้าวบางอย่างในใจธีภพเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง“ผมเฝ้ามองคุณมาตลอด…น

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 14 กลับมาสู่ที่ของมัน

    เสียงภายในห้องโถงเงียบลงฉับพลัน ราวกับถูกกลืนหายไปพร้อมคำกล่าวหาของอรดา ดวงตานับร้อยหันมาจับจ้องที่นารา หญิงสาวในชุดราตรีสีทองดำผู้เป็นหัวใจของงานในค่ำคืนนี้แต่ในจังหวะที่ใครหลายคนเริ่มตั้งคำถาม เธอกลับยืนนิ่งสงบ ดุจผิวน้ำที่ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมอรดาก้าวออกมาจากกลุ่มผู้ร่วมงาน เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นห้องดังชัดเจนในความเงียบ ริมฝีปากแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะนุ่มนวล แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นที่อัดแน่นจนแทบปริแตก“ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ต้องเป็นคนพูดเรื่องนี้ออกมา” อรดาเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ในฐานะผู้ช่วยที่อยู่เบื้องหลังงานนี้ ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องชื่อเสียงของแขกทุกท่านและชื่อของแบรนด์ที่เคยภาคภูมิใจ”เธอค่อย ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าคลัตช์สีน้ำเงินเข้ม ยกขึ้นให้แสงไฟจับต้องชัด“นี่คือใบรับรองของเพชรฟินาเล่ที่ใช้เปิดงานค่ำคืนนี้ค่ะ”เธอหมุนเอกสารให้กล้องสื่อมวลชนและแขกในงานเห็นอย่างทั่วถึง ก่อนใช้นิ้วชี้แตะลงที่มุมล่างขวา “ตรงนี้...ไม่มีโลโก้ของสถาบันรับรอง ซึ่งในทุกใบรับรองจะต้องมีตามมาตรฐาน”เสียงซุบซิบเริ่มดังขึ้นอีกรอบ หนักแน่นและแผ่กระจายเหมือนไฟลามบนผืนหญ้าแห้ง“ฉ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 13 หมากแรกที่เดินออกมาจากเงา

    เสียงพิธีกรกังวานขึ้นจากเวทีหลักกลางโถงงาน เสียงนั้นลึก หนักแน่น และเต็มไปด้วยพลังสะกดฝูงชนให้เงียบสงบในพริบตา"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี... ค่ำคืนนี้คือค่ำคืนแห่งประกายและเรื่องราว ค่ำคืนที่ความงามไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จากหัวใจ"เสียงปรบมือดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้งเมื่อพิธีกรยกมือขึ้นอย่างนุ่มนวล"วรเมธินทร์กรุ๊ป มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอแฟชั่นโชว์เครื่องประดับแห่งปี ภายใต้แนวคิด 'ศรัทธาแห่งการฟื้นคืน' ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวของความทรงจำอันมีค่า เข้ากับแสงสะท้อนของอัญมณี"เสียงดนตรีคลาสสิกเริ่มบรรเลงเบา ๆ เคล้ากับเสียงซุบซิบอันเงียบงันของผู้ชม"และเพื่อเปิดม่านสู่ค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับการเดินแบบสุดพิเศษที่จะเปิดตัวด้วย 'เครื่องเพชรแห่งแรงบันดาลใจ' หนึ่งเดียวในค่ำคืนนี้!"แสงไฟทุกดวงดับวูบลงในเสี้ยววินาที ความเงียบปกคลุมห้องจนได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ จากใครบางคนทันใดนั้น แสงสปอตไลต์สว่างวาบขึ้นบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีที่พุ่งทะยานดั่งสายลมยามค่ำคืนที่โอบล้อมผู้ชมไว้เวทีเปลี่ยนสีเป็นม่วงอมน้ำเงินระยิบ ทอดเงาบนพื้นพ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 12 หลุมพรางแห่งการหักหลัง

    ค่ำคืนนี้ คืนแห่งงานประมูลสุดยิ่งใหญ่ที่ทุกสายตาจับจ้อง ห้องโถงนิทรรศการของวรเมธินทร์กรุ๊ป กลายเป็นฉากแห่งความฝันที่ถูกบรรจงสรรค์สร้างขึ้นเพื่อการเฉลิมฉลองความงามอย่างแท้จริงแสงไฟสีทองนวลละมุนไล้ไปตามแนวเพดานโค้งสูง สะท้อนกระทบคริสตัลที่เรียงรายราวหยาดน้ำแข็งจากสรวงสวรรค์ กระจกใสเจียระไนถูกจัดวางอย่างมีจังหวะ ทุกแผ่นสะท้อนเงาผู้คนเป็นพันเสี้ยว ดั่งเพชรที่มีหลากเหลี่ยมมุมทั่วบริเวณประดับประติมากรรมแก้วใสที่ถูกหล่อขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต แสดงถึงการควบรวมของศิลปะและวิทยาศาสตร์ เบื้องใต้แสงจันทร์จำลองที่สาดทาบผ่านเพดานโปร่งใส ผืนพรมสีหมอกเงินทอดยาวจากทางเข้าจนถึงเวทีกลางโถง ราวกับพาผู้คนก้าวเข้าสู่โลกซึ่งกาลเวลาและความจริงถูกระบายไว้ด้วยประกายอัญมณีแขกผู้มีเกียรติทยอยเดินเข้าสู่บริเวณงานอย่างต่อเนื่อง ราวกับขบวนแห่งรัตติกาลที่เปล่งประกายไม่หยุดยั้งชุดสูทตัดเย็บจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก สวมทับร่างของนักธุรกิจชายผู้ทรงอิทธิพล ชุดราตรีกวาดพื้นของสตรีผู้สูงศักดิ์ระยิบระยับด้วยคริสตัลจากปารีส ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างบนพรมเงินคือการแสดงออกถึงอำนาจ ฐานะ และศิลปะแห่งการเลือกสรรเสียงกดชัตเตอร์จากก

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status