เมื่อเห็นว่าเป็นเสิ่นเยี่ยนจือ ดวงตาของจี้อี่หนิงก็ฉายแววรำคาญ แล้วตัดสายทันทีอีกฝ่ายโทรมาอีกหลายครั้ง เห็นว่าจี้อี่หนิงไม่ยอมรับสายเสียที จึงหยุดไปทางด้านเสิ่นเยี่ยนจือ เขาโยนโทรศัพท์ลงพื้นด้วยความโกรธ สีหน้าดำมืดน่ากลัว"หยางอวี่ ส่งคนไปเฝ้าดูที่เมืองหรง ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบบอกฉันทันที"เขาไม่อยากถูกนอกใจแล้วยังไม่รู้ตัวหยางอวี่อยากจะเตือนสติสักหน่อย แต่เห็นสีหน้าดำทะมึนของเขาแล้ว ก็ไม่กล้าพูดออกมา"ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"หลังจากหยางอวี่จากไป เสิ่นเยี่ยนจือมองเอกสารบนโต๊ะ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม อ่านไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเดียวแค่คิดว่าจี้อี่หนิงอาจจะอยู่กับเสิ่นซื่อตามลำพัง หัวใจเขาก็ทรมานราวกับมีมดนับพันนับหมื่นตัวไต่อยู่ทว่าด้วยกำลังที่มีตอนนี้ เขาไม่กล้าต่อกรกับเสิ่นซื่อเลยเสียงเคาะประตูดังขึ้นตัดความคิดของเขา ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ฉินจืออี้ที่แต่งหน้าอย่างประณีต สวมชุดราตรีสีดำคอวีลึกเดินเข้ามาเมื่อเห็นเธอ คิ้วของเสิ่นเยี่ยนจือก็ขมวดแน่นขึ้นทันที"เธอมาทำอะไรที่นี่?"ความเกลียดชังและเย็นชาในดวงตาของเขา เหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของฉินจืออี้ รอย
เสิ่นเยี่ยนจือกอดเอวเธอไว้ ระบายอารมณ์อย่างบ้าคลั่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดมนไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ ตอนที่ฉินจืออี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดสติ เสิ่นเยี่ยนจือก็กระแทกกายเข้าหาเธออย่างแรง ทั้งสองคนก็ขึ้นถึงจุดสุดยอดพร้อมกันหลังจากจบภารกิจ ตอนที่ฉินจืออี้อี้กำลังจะหยิบชุดชั้นในขึ้นมาใส่ จู่ๆ ท้องน้อยก็ปวดร้าวอย่างรุนแรง ใบหน้าที่ยังมีร่องรอยความสุขสมเปลี่ยนเป็นซีดขาวในพริบตา"เยี่ยนจือ...ฉันปวดท้องมาก..."นึกถึงว่าเธอตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสามเดือน แถมเมื่อครู่เขาก็ไม่ได้ควบคุมตัวเอง สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็เปลี่ยนไป เขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วรีบเดินออกไปทันทีตอนเย็น ตอนที่จี้อี่หนิงได้รับข่าวจากซุนสิงและกำลังจะออกไปข้างนอก จู่ๆ ก็ได้รับข้อความจากนักสืบส่วนตัวหลังจากอ่านจบ สีหน้าของเธอก็ซีดขาวในทันทีเพิ่งโทรหาเธอไปหยกๆ ไม่นานก็ไปมีอะไรกับชู้รักจนต้องเข้าโรงพยาบาล ช่างน่าขยะแขยงที่สุดโชคดีที่เธอไม่เคยคิดจะให้อภัยเขา ไม่อย่างนั้นถ้ารู้เรื่องนี้ตอนนี้ คงจะรู้สึกขยะแขยงมากกว่านี้เธอสูดหายใจลึก ส่งข้อความให้นักสืบส่วนตัวให้จับตาดูต่อไป แล้วเก็บโทรศัพท์ออกไปข้างนอกแต่อารมณ์ก็ถูกเรื่องน
ดูเหมือนว่า สมุนไพรของบริษัทพวกเขาอาจจะมีปัญหาอะไรสักอย่างจี้อี่หนิงก้มหน้าลง ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยปาก "ได้ค่ะ ฉันอยู่ห้อง 802 คุณจงมาได้เลยนะคะ"ไม่นาน จงฉิงก็มาถึงจี้อี่หนิงเปิดประตูให้เธอเข้ามา หลังจากนั่งลงแล้ว จงฉิงก็ยื่นถุงในมือให้จี้อี่หนิง พลางยิ้มพูดว่า "คุณจี้คะ นี่ผ้าพันคอของคุณ ลองดูว่ามีปัญหาอะไรไหมคะ"ทันทีที่รับถุงมา จี้อี่หนิงก็รู้ว่าน้ำหนักนี้ไม่ใช่แค่ผ้าพันคอแน่นอนเธอหยิบผ้าพันคอขึ้นมา เห็นด้านล่างมีเงินกองอยู่หลายปึก คาดว่าน่าจะมีประมาณสองแสนจี้อี่หนิงวางผ้าพันคอกลับลงไป แล้วผลักถุงไปตรงหน้าจงฉิง"คุณจง ผ้าพันคอนี้แพงเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้"จงฉิงยังคงยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "คุณจี้ ไม่แพงเลยค่ะ บางทีต่อไปเราอาจจะมีโอกาสได้เจอกันอีกบ่อยๆ"จี้อี่หนิงเม้มปาก มองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย"คุณจงอยากให้ฉันทำอะไร?""คุณจี้เป็นผู้ตรวจสอบ น่าจะเข้าใจนะคะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณจี้พักผ่อนเร็วๆ นะคะ"เห็นจงฉิงหันหลังจะกลับ จี้อี่หนิงก็ยื่นถุงบนโต๊ะให้เธอ"คุณจง คุณเอาผ้าพันคอนี่กลับไปด้วยเถอะค่ะ ส่วนเรื่องการตรวจสอบ ถ้าคุณภาพสมุนไพรขอ
"เจ็บ..."จี้อี่หนิงละเมอพลางมีเหงื่อเย็นผุดออกมา คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเป็นปม ใบหน้าซีดขาวหมอกับยารักษาโรคกระเพาะของจี้อี่หนิงมาถึงพร้อมกัน ตั้งใจจะให้เธอกินยาก่อนดูอาการ แต่เธอกัดฟันแน่น ไม่มีทางให้กลืนยาลงไปได้สถานการณ์แบบนี้ ทำได้แค่ให้น้ำเกลือหลังจากให้น้ำเกลือจี้อี่หนิงเรียบร้อย หมอหันไปพูดกับเสิ่นซื่อ "เดี๋ยวพอเธอตื่น ให้เธอกินอะไรอ่อนๆ เช่น โจ๊กนะครับ""ครับ"หมอกำชับอีกสองสามประโยค แล้วก็ตามพนักงานออกไป"ประธานเสิ่น ไปพักผ่อนเถอะครับ ผมจะคอยดูแลคุณจี้เอง"เสิ่นซื่อก้มลงมองมือของจี้อี่หนิงที่ยังกำมือเขาแน่น สีหน้าบึ้งตึง เมื่อกี้ตอนหมอให้น้ำเกลือ พยายามแกะมือเธอออก แต่ไม่สำเร็จ เลยต้องเปลี่ยนไปให้น้ำเกลืออีกข้างแทน"นายคิดว่าแบบนี้ฉันจะพักผ่อนได้เหรอ?"มองตามสายตาของเขาไป เห็นมือที่กุมกันไว้ ซุนสิงรีบเปลี่ยนเรื่อง"ผมไปซื้อโจ๊กให้คุณจี้นะครับ"“อืม”หลังจากซุนสิงออกไป ห้องก็เงียบลง เหลือแค่เสียงละเมอของจี้อี่หนิงเป็นครั้งคราวเสิ่นซื่อก้มหน้าลง เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อ ใบหน้าเท่าฝ่ามือขมวดมุ่นอยู่ ดูน่าสงสารแต่พอนึกถึงว่าเธอเป็นภรรยาของเสิ่นเยี่ยน
เธออึ้งไปสองสามวินาที ในใจพลันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน จี้อี่หนิงกินยาและโจ๊ก ตัดสินใจไปขอบคุณเสิ่นซื่อให้ดีๆเพราะเมื่อคืนเธอจับมือเขาไว้ตลอด เขาคงพักผ่อนไม่ค่อยดีเดินมาถึงหน้าห้องข้างๆ จี้อี่หนิงยกมือจะเคาะประตู ประตูก็เปิดออกจากด้านในเสิ่นซื่อผมเปียกนิดหน่อย เปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ดูเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ"ประธานเสิ่น ฉัน...อยากจะขอบคุณคุณค่ะ สำหรับเรื่องเมื่อคืน ขอบคุณนะคะ"เห็นเธอก้มตาลง มือประสานกันไว้ข้างหน้าตัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเกร็งๆเธอกลัวเขาพอได้ข้อสรุปนี้ เสิ่นซื่อก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน"ไม่เป็นไร แค่หวังว่าครั้งหน้าถ้าคุณไม่สบาย ให้รีบบอก อย่าสร้างความลำบากให้คนอื่น"น้ำเสียงเย็นชาของเขา ทำให้จี้อี่หนิงยิ่งรู้สึกละอายใจ"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ""อืม กลับไปเตรียมตัวเถอะ แปดโมงออกเดินทางไปเทียนรุ่ยตรงเวลา"กลับมาที่ห้อง จี้อี่หนิงรู้สึกหดหู่คงเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน ทำให้เสิ่นซื่อไม่พอใจเธอมากนึกถึงว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเสิ่นเยี่ยนจือ จี้อี่หนิงก็ยิ่งรู้สึกแย่ ต่อไปจะไม่ยอมให้เขามามีผลต
จี้อี่หนิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า "ดูออกเลยว่าคนของเทียนรุ่ยอยากจะให้ความร่วมมือครั้งนี้สำเร็จ บางทีพวกเขาอาจจะส่งคนมาติดตามเรา หากรู้ว่าเราจะไปฐานสมุนไพร อาจจะมีการเตรียมตัวล่วงหน้าไว้แล้วก็ได้"ถ้าเป็นแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไปถึงฐานสมุนไพรแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะรู้คุณภาพที่แท้จริงของสมุนไพรได้ซุนสิงที่อยู่ข้างๆ หัวเราะแล้วพูดว่า "คุณจี้ไม่ต้องกังวล เรามีวิธีที่จะปิดบังจากคนของเทียนรุ่ยได้แน่นอน"รู้ว่าพวกเขามีแผนรับมือ จี้อี่หนิงจึงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีกบ่ายสองกว่า ซุนสิงได้จัดหารถมารับพวกเขาที่หน้าโรงแรมหลังจากขึ้นรถได้ไม่นาน คนขับก็มองกระจกหลังแล้วพูดว่า "มีคนตามมาจริงๆด้วย"ซุนสิงมีสีหน้าสงบนิ่งและพูดว่า "ไม่ต้องสนใจ"ถ้าหากเราสลัดพวกเขาออกไป ย่อมจะทำให้ทางฝั่งเทียนรุ่ยเกิดความสงสัยอย่างแน่นอนต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ ปล่อยให้คนของเทียนรุ่ยคิดว่าพวกเขารู้ 'ความเคลื่อนไหว'ของเราอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะตบตาพวกเขาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถก็จอดที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่คึกคักที่สุดในเมืองหรงพวกเขาลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในห้างทันที คนของเทียนรุ่ยก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกันเ
รู้สึกได้ถึงมือใหญ่ที่แข็งแรงกำลังโอบเอวของเธออยู่ และความอุ่นของร่างกายที่ส่งผ่านเนื้อผ้าบางๆ จี้อี่หนิงก็หน้าแดงขึ้นทันทีเธอรีบยืนให้มั่นคง รู้สึกไม่กล้ามองหน้าเขา"ประธานเสิ่น ขอบคุณค่ะ"เสิ่นซื่อดึงมือกลับอย่างไม่ใส่ใจและพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า"ดูสมุนไพรไปด้วยก็ต้องระวังทางด้วย""ทราบแล้วค่ะ"หลังจากนั้น จี้อี่หนิงไม่กล้ามองมั่วซั่วอีก คอยระวังทางข้างหน้าอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะเผลอสะดุดล้มอีก"นี่คือระย่อมน้อยที่ตากแห้งแล้ว"เจ้าหน้าที่หยิบระย่อมน้อยแห้งจากชั้นวางออกมาให้เสิ่นซื่อหนึ่งชิ้น เสิ่นซื่อรับมาดูสักพักแล้วส่งต่อให้จี้อี่หนิง"คุณลองดูสิ"รากระย่อมน้อยนี้กับสมุนไพรที่เทียนรุ่ยให้พวกเขาดูเมื่อเช้านั้น ดูผิวเผินแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่ต้องทำการทดสอบก่อนจึงจะทราบปริมาณสารที่มีประสิทธิภาพจี้อี่หนิงหันไปมองเจ้าหน้าที่แล้วถามว่า "ปกติแล้วปริมาณแอลคาลอยด์ในระย่อมน้อยจะมีอยู่เท่าไหร่?""โดยทั่วไปสามารถมีได้ถึง 0.1% ถ้ามากกว่านี้ก็จะค่อนข้างยากแล้ว"ที่จริงแล้ว 0.1% ก็ถือว่าเป็นค่าที่ไม่เลว หากเทียนรุ่ยซื้อสมุนไพรทั้งหมดจากที่นี่จริงๆ ค่าในเช้าวันนี้ก็น่าจะเป็นก
สุดท้ายก็เป็นน้ำใจของคน เขารีบเก็บความไม่พอใจไว้ในใจอย่างรวดเร็ว และยังรักษารอยยิ้มที่เป็นมิตรบนใบหน้าเช่นเดิม"นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทางบริษัทของเรามีความจริงใจอย่างมากในการที่จะร่วมมือกับชิงหงระยะยาว หวังว่าประธานเสิ่นจะพิจารณาอย่างดี"เสิ่นซื่อพยักหน้าและพูดว่า "อืม ประธานเจียง มา ฉันดื่มอวยพรให้คุณ"ทั้งสองคนคุยกันต่อ ไม่นานนักเหล้าขวดหนึ่งก็หมดลงใบหน้าขาวเนียนของเสิ่นซื่อเริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้น ดวงตาที่เคยเย็นชาก็มีแววเมาเล็กน้อย แสงไฟจากด้านบนส่องลงมา ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูโดดเด่นจนยากที่จะละสายตาเมื่อรู้ตัวว่ามองเสิ่นซื่อจนเคลิ้ม จี้อี่หนิงก็รีบหันสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว"คุณจี้ ฉันขอดื่มอวยพรให้คุณ"จี้อี่หนิงหันไปมอง จงฉิงที่อยู่ข้างๆ ส่งแก้วไวน์แดงให้เธอ พร้อมกับยิ้มอย่างมีไมตรี"ขอโทษค่ะ คุณจง ฉันดื่มเหล้าไม่เป็น""นี่เป็นไวน์แดงที่มีแอลกอฮอล์ต่ำ ดื่มแล้วไม่เมา แถมยังหอมหวานนุ่มนวล คุณจี้ลองดื่มดูได้นะคะ"พูดจบ จงฉิงก็ยื่นแก้วไวน์แดงไปข้างหน้าอีกเล็กน้อยจี้อี่หนิงยื่นมือออกไปเพื่อจะปฏิเสธ แต่พอมือแตะโดนจงฉิง มือของอีกฝ่ายที่ถือแก้วไวน์แดงอยู่ก็เอียงเล็กน
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ