Share

บทที่ 5 ดักพบ

Author: Luffy.g
last update Last Updated: 2024-11-23 17:18:11

หลังจากซ่งฟู่หลงฝึกกระบี่เรียบร้อย เขาหย่อนกายนั่งพักตรงโต๊ะด้านข้างลานภายในสวน เขาหยิบผ้าขาวขึ้นซับเหงื่อที่ไหลชโลมกายไปทั่ว พ่อบ้านเดินนำขนมที่จัดใส่จานมาวางตรงหน้าซ่งฟู่หลง

ซ่งฟู่หลงหยิบขนมเข้าปากในทันทีด้วยความหิว เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้สึกชอบใจในรสชาติดังกล่าว

“เรียนนายท่าน นี่เป็นขนมเซาปิ่งที่คุณหนูรองสกุลจางนำมามอบให้ท่านขอรับ”    ซ่งฟู่หลงชะงักมือค้างไปชั่วขณะ คิ้วหนาเลิกขึ้นก่อนจะขมวดกันจนเป็นปม สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงไปในทันที ขนมครึ่งชิ้นที่ยังจดจ่ออยู่ตรงปากถูกเขาวางลงบนจานอย่างหมดความสนใจ

“นางมีธุระอันใด”

“คุณหนูรองเพียงนำขนมมาฝากให้นายท่านขอรับ”

“ต่อไปเจ้าอย่าได้รับของจากคนแปลกหน้าอีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตำหนิออกมา “แล้วก็..อย่าได้รายงานเรื่องนี้กับผู้ใดด้วย” ซ่งฟู่หลงพูดทิ้งท้ายพร้อมปรายตามองอย่างรู้ทัน เขารีบดักคอพ่อบ้านก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเรือนอย่างไม่พอใจนัก

พ่อบ้านหน้าเสียลงไปในทันที เขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ

ในวันต่อมาจางหมินเย่วยังคงมุ่งมั่นออกไปพบซ่งฟู่หลงอีกครั้ง นางยังคงลุกขึ้นแต่เช้าเพื่อลงมือทำขนมเซาปิ่งให้กับชายหนุ่มอีกหน

เมื่อจางหมินเย่วเดินทางไปถึงที่หน้าจวนสกุลซ่ง พ่อบ้านคนเดิมยังคงออกมาต้อนรับเช่นเดิม “เรียนคุณหนู นายท่านมีธุระต้องออกไปด้านนอก มิสะดวกให้คุณหนูเข้าพบขอรับ”

เล่อจิ้นทำท่าฮึดฮัดอย่างขัดเคือง ในขณะที่จางหมินเย่วได้แต่เม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว ข้าขอฝากขนมนี้ให้ใต้เท้าซ่งที” จางหมินเย่วยื่นตะกร้าขนมให้พ่อบ้าน แต่พ่อบ้านกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับเช่นเมื่อวาน

“รบกวนคุณหนูนำกลับไปเถิด นายท่าน...เอ่อ...ไม่ชอบทานของหวานขอรับ” พ่อบ้านคิดคำแก้ตัวในการปฏิเสธออกไป

จางหมินเย่วยืนตะลึงไปชั่วขณะ สองมือยังคงนิ่งค้างกลางอากาศราวกับถูกสาปเป็นรูปปั้นหิน เล่อจิ้นรีบเข้ามาหยิบตะกร้ากลับไปถือพร้อมมองหน้านายหญิงของตนอย่างนึกเห็นใจ

“คุณหนู พวกเรากลับก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

จางหมินเย่วพยักหน้ารับด้วยอาการที่เลื่อนลอย ใบหน้าหงิกงุ้มฉายแววความผิดหวังออกมามากมาย

ในขณะที่จางหมินเย่วกำลังจะก้าวขึ้นรถม้า พลันนางก็ฉุกนึกบางสิ่งขึ้นมาได้   “เล่อจิ้นช้าก่อน...เจ้าเอาตะกร้าขนมมาให้ข้า”

“คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ”

“พ่อบ้านบอกว่าใต้เท้าซ่งกำลังจะออกไปด้านนอก ข้าจะรอพบเขาเสียก่อน” จางหมินเย่วพูดพลางยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง

“คุณหนู....” เล่อจิ้นได้แต่ร้องออกมาอย่างโอดครวญ แต่จางหมินเย่วมีนิสัยดื้อดึงมากนัก นางจึงได้แต่บ่นอุบในใจ

จางหมินเย่วรออยู่สักพัก ร่างสูงใหญ่ที่ติดตรึงในความคิดก็ก้าวเดินออกมาด้านนอกจวน จางหมินเย่วยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ

“ใต้เท้าซ่ง...ใต้เท้าซ่งเจ้าคะ” จางหมินเย่วร้องตะโกนเรียกก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปดักด้านหน้าซ่งฟู่หลงในทันที

ซ่งฟู่หลงขมวดคิ้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่คุ้นเคย เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีคำถามโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา

“คำนับใต้เท้าซ่ง ข้าน้อยจางหมินเย่ว บุตรสาวคนรองของจวนสกุลจางเจ้าค่ะ” ซ่งฟู่หลงเพ่งมองจางหมินเย่วที่เวลานี้เอาแต่จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ ดวงหน้าอ่อนหวานรับกับดวงตากลมโตที่เวลานี้ระยิบระยับราวกับรวบรวมหมู่ดวงดาวมาไว้ในก้อนกลมเล็กตรงหน้า

ซ่งฟู่หลงถึงกับกระแอมออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก เขาเบือนหน้าหนีใบหน้างามตรงหน้าอย่างต้องการหลีกเลี่ยง “ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือคุณหนูรองสกุลจาง”

คำพูดที่ดูเย็นชาและเหินห่างทำเอาจางหมินเย่วถึงกับหน้าเจื่อนลงไป นางยังคงฝืนยิ้มออกมาอย่างต้องการให้กำลังใจตนเอง

“ช่วงนี้ข้ากำลังฝึกทำขนมที่จวน ข้าจึงอยากนำมามอบให้ท่านได้ชิมเจ้าค่ะ”

ซ่งฟู่หลงหันมามองหน้าจางหมินเย่วอย่างต้องการพิจารณา ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขอบคุณเจ้ามาก แต่ข้าขอมิรบกวนจะดีกว่า”

ซ่งฟู่หลงพูดจบก็หันกายเตรียมเดินจากไป แต่ในจังหวะที่จางหมินเย่วกำลังก้าวเท้าเข้ามาจะขวางหน้าของเขา มือใหญ่ก็สะบัดไปโดนตะกร้าในมือของจางหมินเย่วจนหล่นลงพื้น ขนมกระเด็นออกมาตกกระจายไปทั่วพื้นถนน

จางหมินเย่วตกตะลึงไม่ต่างจากซ่งฟู่หลงมากนัก “ข้าขอโทษเจ้าด้วย แต่ข้ามีธุระสำคัญต้องเร่งเดินทาง วันหลังเจ้าก็อย่ามาที่นี่อีกเลย” ซ่งฟู่หลงกล่าวตัดรอนออกไปอย่างไม่มีเยื่อใย ก่อนจะเดินตรงไปยังรถม้าที่พ่อบ้านเตรียมไว้

เล่อจิ้นเข้ามาประคองจางหมินเย่ว “คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”

จางหมินเย่วได้สติ นางรีบก้มลงเก็บขนมกลับเข้าไปในตะกร้าด้วยท่าทางที่ลนลานจากคำพูดที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรง

“คุณหนู ขนมตกพื้นหมดแล้วอย่าเก็บเลยเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นรีบร้องปรามออกมาเมื่อสองมืออันบอบบางเลอะไปด้วยเศษขนมและเศษดิน

“ข้าไม่เป็นอันใด ขนมพวกนี้คงไม่ถูกปากใต้เท้าซ่ง ไว้วันหน้าข้าจะลองทำอย่างอื่นมาแล้วกัน” คำพูดที่คล้ายคนกำลังละเมอ ทำเอาเล่อจิ้นอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ นางรีบช่วยเก็บขนมส่วนที่เหลือกลับเข้าไปในตะกร้าด้วยอีกคน

ซ่งฟู่หลงที่กำลังก้าวเท้าขึ้นรถม้า เขาปรายตากลับมามองจางหมินเย่วอีกครั้งอย่างลืมตัว ภาพของหญิงสาวที่กำลังเก็บขนมที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นด้วยมือบางที่สั่นเทา สีหน้าที่ดูเศร้าหมองราวกับโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมากับพื้น พร้อมหยดน้ำที่ร่วงหล่นอาบสองแก้ม ทำเอาเขารู้สึกผิดต่อจางหมินเย่วไปชั่วขณะ เขาหยุดชะงักพร้อมสองมือที่กำหมัดแน่น สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดใจก้าวเข้าไปในรถม้าพร้อมเดินทางออกไปในทันที

จางหมินเย่วปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ สองมือลูบถูแก้มขาวนวลนั้นไปมาจนแดงช้ำ ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษขนมและดินที่ติดเลอะมือให้ดูน่าสงสารยิ่งนัก

เล่อจิ้นเก็บขนมเรียบร้อยก็รีบเข้ามาประคองจางหมินเย่วเอาไว้แน่น “คุณหนูพวกเรากลับกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นประคองจางหมินเย่วลุกขึ้นกลับไปยังรถม้า

จางหมินเย่วนั่งเหม่อลอยด้วยความผิดหวัง เล่อจิ้นอดรนทนไม่ไหว นางถึงกับตัดพ้อออกมาด้วยความรู้สึกคับแน่นในอก “คุณหนู ใต้เท้าซ่งช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก คุณหนูเป็นถึงบุตรของใต้เท้าเสนาบดี เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดกลับกล้าล่วงเกินคุณหนูถึงเพียงนี้”

จางหมินเย่วหันไปมองเล่อจิ้นอย่างขัดเคือง “ใต้เท้าซ่งมิได้สนใจในฐานะของข้า เช่นนั้นหากใต้เท้ารักข้าย่อมหมายถึงรักในตัวข้าอย่างแท้จริง...เล่อจิ้น...พ่อบ้านบอกว่าใต้เท้าซ่งไม่ชอบทานของหวาน เช่นนั้นวันหน้าข้าทำอาหารคาวมาให้ใต้เท้าดีหรือไม่”

เล่อจิ้นมองหน้านายหญิงอย่างอ่อนใจในความโลกสวยของนาง “คุณหนู...”

Related chapters

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 6 ตบหน้าฉาดใหญ่

    หลังจากวันนั้นจางหมินเย่วก็ยังคงไม่ลดละความพยายาม ในเมื่อนางได้ปักใจกับซ่งฟู่หลงแล้ว นางย่อมไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ เป็นแน่ ความมุ่งมั่นที่มีกับความรู้สึกที่ลึกซึ้งเบ่งบานในใจทำให้นางสลัดความเศร้าที่มีในหนก่อน และเดินหน้าเพื่อความรักของนางต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้จางหมินเย่วจัดเตรียมตะกร้าอีกครั้งโดยนางเปลี่ยนจากขนมหวานเป็นอาหารคาวแบบง่ายๆ ด้วยตนเองแต่เมื่อไปถึงหน้าจวน พ่อบ้านคนเดิมได้แต่ทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยใจ เขาปฏิเสธจางหมินเย่วออกไปอย่างไม่ไว้หน้า“คุณหนู โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย นายท่านไม่ประสงค์ให้คุณหนูเข้าพบ หวังว่าคุณหนูจะตัดใจโดยเร็ว”จางหมินเย่วยิ้มหน้าเจื่อนไม่เสียทุกรอบ แต่นางก็ยังคงหวังว่าสักวันซ่งฟู่หลงจะใจอ่อนให้นางอยู่บ้าง ผิดกับเล่อจิ้นที่เอาแต่หงุดหงิดฉุนเฉียวไปเสียทุกครั้งไป ใต้เท้าซ่งผู้นั้นมีตาหามีแววไม่ นายหญิงลดตัวลงมาหาเขาเช่นนี้ แต่เขากลับแสดงความหยาบคายอย่างไม่ไว้หน้าทีเดียวหลังจากจางหมินเย่วถูกปฏิเสธอยู่หลายหน นางก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ท่าทางร่าเริงแปรเปลี่ยนเป็นเซื่องซึมและดูเหม่อลอย แม้เล่อจิ้นจะพยายามปลอบขวัญนางเช่นใดก็มิอาจทำให้จางหมินเย่วกลับมาสดใสได้อีก

    Last Updated : 2024-11-23
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 7 ข้าจะจัดการให้เอง

    จางเหวิ่นชิงกลับจวนด้วยโทสะที่อัดแน่น เสนาบดีเช่นเขากลับถูกขุนนางขั้นเจ็ดหักหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี จางเหวิ่นชิงกระแทกเท้าเดินเข้ามาภายในห้องโถงพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น “เย่วเอ๋อร์...ไปตามเย่วเอ๋อร์มาเดี๋ยวนี้”สาวใช้ต่างพากันลนลาน พ่อบ้านถึงกับเหงื่อตก เขารีบเดินกึ่งวิ่งออกไปตามคำสั่งอย่างรวดเร็วเล่อจิ้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาจางหมินเย่วที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในศาลากลางน้ำ กลิ่นหอมของดอกบัวที่บานสะพรั่งที่ทั่วผืนน้ำมิอาจข่มความว้าวุ่นภายในใจที่มีลงไปได้ ภาพซ่งฟู่หลงที่แลดูเฉยชาและไม่แยแสนางแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้ใบหน้าหวานแลดูเศร้าสร้อยไปถนัดตา“คุณหนู...แย่แล้วเจ้าค่ะ...คุณหนู”เสียงร้องเรียกของเล่อจิ้นทำให้จางหมินเย่วหลุดออกจากภวังค์ นางหันกลับไปมองสาวใช้ที่หน้าตาที่ตระหนกราวกับเห็นผี“เล่อจิ้น...มีเรื่องอันใดกันหรือ”“นายท่านเจ้าค่ะ...” เล่อจิ้นพูดไปพลางหอบเหนื่อยไปในที “นายท่านเรียกหาคุณหนูเจ้าค่ะ พ่อบ้านบอกว่านายท่านมีท่าทางโกรธมาก”จางหมินเย่วเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพยักหน้ารับ ช่วงนี้เรื่องที่ท่านพ่อโกรธนางก็คงมีแต่เรื่องของซ่งฟู่หลงเป็นแน่ หรือท่านพ่อของนางรู้เรื่องที่นางตามตอแยใต้เท้าซ่

    Last Updated : 2024-11-23
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 8 ขอประทานสมรส

    ตกหัวค่ำจางเหวิ่นชิงยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่กลัดกลุ้มอย่างหนัก เขาได้แต่นึกเสียใจและอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปเสีย เมื่อเขาเผลอรับปากจางหมินเย่วออกไปในช่วงกลางวันที่ผ่านมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อนึกถึงแววตาที่เปล่งประกายอย่างมีความหวังกับท่าทางตื่นเต้นดีใจขึ้นมาอย่างกะทันหันของบุตรสาวก็ทำให้จางเหวิ่นชิงไม่อาจถอนคำพูดที่ตนเองลั่นออกมาได้ “ท่านพี่ยังไม่นอนอีกหรือ” เซี่ยเหมยเอ่ยทักพร้อมยกมือขึ้นลูบลำแขนหนาของเขาอย่างห่วงใย จางเหวิ่นชิงถอนหายใจหนักออกมาอีกครั้ง “ข้ายังมิอาจทำใจยอมรับเจ้าคนหยิ่งผยองผู้นั้นได้” จางเหวิ่นชิงตัดพ้อออกมาให้ฮูหยินของตนรับฟัง สีหน้าฉายความขุ่นเคืองออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ท่านพี่...เรื่องความรักมิอาจบีบบังคับได้...ท่านก็ทำใจยอมรับเสียเถอะ” “แต่ว่า...เย่วเอ๋อร์ควรได้คู่ครองที่ดีกว่าเจ้าคนผู้นั้น ไม่ว่าข้าจะคิดเช่นใดคนผู้นั้นก็หาใช่คนที่เหมาะสมกับนาง” จางเหวิ่นชิงคำรามออกมา เซี่ยเหมยสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างแง่งอน “เช่นนั้นท่านพี่ก็ไปบอกเย่วเอ๋อร์เสียเองเลยว่าท่านจะมิช่วยนางแล้ว...แต่ว่า...ห

    Last Updated : 2024-11-23
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 9 ตำแหน่งเดียวที่มีให้

    “ฟู่หลง...เจ้าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ...” หนิงเว่ยเจี้ยนอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง ท่าทางทั้งตกใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน สายตาจ้องมองไปยังซ่งฟู่หลงอย่างเอาผิด หากแต่ซ่งฟู่หลงกลับยืนนิ่งเฉยอย่างไม่หวั่นเกรงหนิงเว่ยเจี้ยนหันไปหาขันทีข้างกายในทันที สายตาตำหนิส่งไปยังขันทีอย่างต้องการเอาเรื่อง ขันทีได้แต่หน้าเจื่อนพลางส่ายหน้าให้เป็นสัญญาณว่าอย่าได้ทรงกังวลใจไปนัก หนิงเว่ยเจี้ยนเห็นเช่นนั้นจึงได้ผ่อนอารมณ์ลง ความคิดแปรเปลี่ยนไปอีกครั้งพร้อมมองภาพเบื้องหน้าของคนทั้งสองอย่างนึกสนุกขึ้นมาจางเหวิ่นชิงเองก็ตกตะลึงกับคำกล่าวของซ่งฟู่หลงไม่ต่างกันมากนัก แต่เขาก็อดนึกแปลกใจในปฏิกิริยาของหนิงเว่ยเจี้ยนที่ดูจะร้อนรนใจมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำอย่างช่วยไม่ได้ แต่เพราะตอนนี้จิตใจของจางเหวิ่นชิงเอาแต่จดจ่ออยู่เพียงกับบุตรสาวเท่านั้น ทำให้จางเหวิ่นชิงละความสนใจในท่าทีดังกล่าวไปเสียสิ้น “ใต้เท้าซ่ง...เหตุใดข้าไม่เคยรู้ว่าท่านแต่งงานแล้ว” จางเหวิ่นชิงหันความสนใจกลับมายังซ่งฟู่หลง ตอนนี้ในใจเขาได้แต่กังวลใจเกี่ยวกับจางหมินเย่ว จางเหวิ่นชิงไม่อยากจะจินตนาการว่าหากบุตรสาวของตนรู้เรื่องนี้ นางจะเป็

    Last Updated : 2024-11-23
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 10 ข้ายอมทั้งนั้น

    จางเหวิ่นชิงเดินทางกลับจวนสกุลจางด้วยความโมโหและหงุดหงิด ในขณะที่เซี่ยเหมยและจางหมินเย่วกำลังนั่งรอเขาด้วยความตื่นเต้นและกระวนกระวายใจ จางหมินเย่วยืนชะเง้อมองไปที่ประตูอยู่ไม่เว้นว่าง สองมือจิกเกร็งไปมาด้วยความกระสับกระส่าย ทันทีที่จางเหวิ่นชิงก้าวเข้ามาภายในห้องโถง จางหมินเย่วก็ปรี่เข้าไปหาบิดาของตนในทันที “ท่านพ่อ...” จางเหวิ่นชิงที่ยังคงอารมณ์ขุ่นมัว เมื่อเขาได้เห็นบุตรสาวตรงหน้าก็พาลมีอารมณ์โมโหมากขึ้นไปอีก “เย่วเอ๋อร์...ข้าขอสั่งเจ้าเลิกยุ่งกับซ่งฟู่หลงอีกเป็นอันขาด” คำสั่งเฉียบขาดที่ดังขึ้นมา พร้อมใบหน้าถมึงทึง ทำเอาจางหมินเย่วถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตระหนก “ท่านพ่อเกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น” “เจ้านี่ช่างไม่รู้ความเสียจริง เจ้ารู้หรือไม่ซ่งฟู่หลงแต่งงานแล้ว” จางเหวิ่นชิงตวาดใส่จางหมินเย่วด้วยน้ำเสียงอันดัง จางหมินเย่วถึงกับอ้าปากค้าง “ใต้เท้าซ่งแต่งงานแล้วหรือเจ้าคะ” “เจ้าหนุ่มผู้นั้นเอ่ยปากต่อหน้าพระพักตร์ ทั้งท่าทางจองหองนั่น ข้าคิดแล้วก็แค้นยิ่งนัก” จางเหวิ่นชิงกล่าวออกมาพร้อมตวัดสายตาตำห

    Last Updated : 2024-11-23
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 11 ไม่ยอมแพ้

    บทที่ 11 ไม่ยอมแพ้ จางหมินเย่วถูกขังอยู่ในศาลบรรพชนเป็นเวลากว่าห้าวันแล้ว แต่ทว่านางยังคงมีท่าทีแข็งขืนและไม่ยอมแพ้ เล่อจิ้นยกสำรับอาหารเข้ามาภายในห้อง นางมองนายหญิงของตนด้วยความเป็นห่วง นับตั้งแต่จางหมินเย่วถูกลงโทษนางก็แตะต้องอาหาร เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างกายบอบบางซีดผอมลงอย่างเห็นได้ชัด จนเล่อจิ้นอดนึกเป็นห่วงเสียมิได้ “คุณหนู...ท่านทานอาหารให้มากเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ หากท่านยังฝืนร่างกายเช่นนี้ ท่านจะล้มป่วยเอาได้นะเจ้าคะ”จางหมินเย่วหัวเราะหึๆ ออกมา “ป่วยงั้นรึ...ข้าป่วยได้ก็ดีสิ” เล่อจิ้นได้แต่ถอนหายใจในความดื้อรั้นของนางจนกระทั่งช่วงบ่ายของวันเล่อจิ้นเข้ามาภายในห้องเพื่อจัดเก็บสำรับ นางกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น “พ่อบ้าน...พ่อบ้านตามนายท่านและฮูหยินเร็ว...คุณหนูรองเป็นลมหมดสติไปแล้ว” เล่อจิ้นร้องพลางรีบวิ่งเข้ามาประคองร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน จางหมินเย่วนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นห้องอย่างไม่รู้สึกตัว จวนสกุลจางโกลาหลขึ้นอีกครั้ง จางเหวิ่นชิงรีบให้คนไปตามหมอมาที่จวนเป็นการด่วน ในขณะที่จางหมินเย่วถูกพาตัวกลับมายังเรือนนอน นางยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสงบนิ่ง จางเหวิ่นชิงรู

    Last Updated : 2024-11-28
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 12 ทวงสัญญา

    บทที่ 12 ทวงสัญญา จางเหวิ่นชิงสั่งให้พ่อบ้านเตรียมรถม้าในทันทีหลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เขาเร่งเดินทางไปยังจวนสกุลซ่งพร้อมขบคิดคำพูดและหนทางมากมายในหัว เมื่อมาถึงหน้าจวนสกุลซ่ง จางเหวิ่นชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าเป็นเวลานานกว่าที่เขาจะสงบใจและทำใจได้ จากนั้นจางเหวิ่นชิงจึงสั่งให้คนไปรายงานแก้ซ่งฟู่หลงว่าเขาต้องการพบซ่งฟู่หลงกำลังฝึกกระบี่อยู่ที่ลานกลางสวน เขาต้องหยุดชะงักลงเมื่อพ่อบ้าน เดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับรายงาน “เรียนนายท่าน...ใต้เท้าจาง จางเหวิ่นชิงมาขอพบขอรับ”ซ่งฟู่หลงขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะวุ่นวายกับตัวเขาไม่น้อยเช่นนี้ พ่อบ้านมีท่าทางอึดอัด “นายท่านจะให้ใต้เท้าจางเข้าพบหรือไม่ขอรับ”ซ่งฟู่หลงถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับ “บอกใต้เท้าจางให้รอข้าสักครู่ก่อน ข้าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นาน”จางเหวิ่นชิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะใหญ่กลางห้องภายในห้องโถงของเรือนสกุลซ่งด้วยท่าทางที่ใจเย็น เขาลอบสำรวจสภาพแวดล้อมภายในจวนรวมถึงเรือนรับรองแห่งนี้อย่างละเอียด บรรยากาศภายในจวนค่อนข้างเรียบง่ายและสงบร่มรื่น การตกแต่งแม้จะดูมิได้โอ่อ่าใหญ

    Last Updated : 2024-11-28
  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 13 ตบแต่ง

    บทที่ 13 ตบแต่งจางเหวิ่นชิงเดินทางเข้าเฝ้าหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที เขาคุกเข่าลงตรงหน้าฮ่องเต้ด้วยท่าทางที่ร้อนรน“ถวายบังคมฝ่าบาท...หม่อมฉันมีเรื่องทูลขอ...ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันด้วย หม่อมฉันวอนขอราชโองการตบแต่งใต้เท้าซ่งฟู่หลงกับจางหมินเย่วบุตรสาวคนรองของหม่อมฉันตามที่ใต้เท้าซ่งเคยสัญญาเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ” จางเหวิ่นชิงที่ร้อนใจ เขารีบทูลขอความต้องการดังกล่าวแก่หนิงเว่ยเจี้ยนในทันทีหนิงเว่ยเจี้ยนจ้องมองจางเหวิ่นชิงอย่างสนใจ เขารับรู้มาว่าจางเหวิ่นชิงนั้นรักจางหมินเย่วบุตรสาวคนรองที่เกิดจากฮูหยินคนก่อนอย่างมาก เรียกได้ว่านางเป็นแก้วตาดวงใจของเขาเลยด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดเขาจึงยอมตบแต่งบุตรสาวสุดที่รักให้เป็นเพียงอนุแก่ขุนนางขั้นเจ็ดที่ไร้อำนาจอย่างซ่งฟู่หลงกัน และหลังจากขันทีนำข้อมูลของจางหมินเย่วมารายงานแก่เขา นางก็ถือได้ว่าเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นมากในบรรดาคุณหนูทั้งหลายในเมืองหลวงเลยทีเดียว ตัวเขาเองก็นึกชมชอบอยู่พอสมควรหากซ่งฟู่หลงจะตบแต่งจางหมินเย่วเข้ามาในจวนสกุลซ่ง“เจ้ารีบไปตามใต้เท้าซ่งมาเข้าเฝ้าข้าเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงราบเรียบแต่เฉียบขาดของหนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวออกมา ขันทีโค้งกายพร

    Last Updated : 2024-11-28

Latest chapter

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน

    บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิด

    บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีก

    บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจ

    บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 64 ทวงสัญญา

    บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 63 จนมุม

    บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 62 ผิดแผน

    บทที่ 62 ผิดแผนเสียงเย็นยะเยือกที่ดังก้องกังวานของหนิงเว่ยเจี้ยนทำเอาเซี่ยเหมยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปกับพื้นนี้ แผ่นหลังเย็นวาบจนนางแทบลืมหายใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิรู้เรื่องอันใดเพคะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทาด้วยความกลัวที่แล่นเข้าจับหัวใจจางเหวิ่นชิงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างถึงกับหันหน้ามองฮูหยินของตนอย่างไม่คาดคิด ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น“ฮูหยินจาง...เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอยู่อีกหรือ” หนิงเว่ยเจี้ยนตวาดออกมาอย่างสุดจะทนเซี่ยเหมยถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างมิรู้จะทำเช่นใดต่อไป นางพยายามปรายตาขึ้นมองหยางกุยฮวาอย่างต้องการความช่วยเหลือหยางกุยฮวานึกเจ็บแค้นยิ่งนัก นางแทบอยากจะปรี่ตรงเข้าไปตบหน้าเซี่ยเหมยที่ทำตัวมิรู้ความเช่นนี้ แต่นางก็ได้แต่ทำเพียงกัดฟันแน่นพร้อมเบือนหน้าหนีออกไปเซี่ยเหมยรับรู้ได้ถึงการถูกตัดหางปล่อยวัด นางรู้สึกสิ้นหวังลงไปในทันที เซี่ยเหมยที่ยังคงน้ำตานองอาบสองแก้มถึงกับโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายที “หม่อมฉันผิดไปแล้ว...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”“เจ้าบอกว่าเจ

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 61 เป็นไปไม่ได้

    บทที่ 61 เป็นไปไม่ได้สิ้นเสียงของขันทีประกาศก้อง หนิงเว่ยเจี้ยนก็ก้าวเดินเข้ามาภายในท้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่าที่ราบเรียบแต่มั่นคง ใบหน้าเรียบเฉยแต่กลับดุดันไม่ต่างจากราชสีห์ที่น่าเกรงขามยิ่งนักหยางกุยฮวาถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้” หยางกุยฮวาเพ้อออกมาอย่างหวาดหวั่น ฝ่าบาทที่นอนแน่นิ่งมิต่างจากหุ่นที่มีชีวิต บัดนี้กลับก้าวเดินมาตรงหน้าของนางราวกับมิมีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นหนิงอันอวี้หันหน้าไปหาหยางกุยฮวางอย่างรู้สึกตื่นตระหนก หยางกุยฮวารีบยกมือขึ้นแตะฝ่ามือของหนิงอันอวี้เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ลง จากนั้นนางจึงปรับสีหน้าและท่าทางให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหยางกุยฮวาและหนิงอันอวี้ก้าวเดินลงมาด้านล่างก่อนจะย่อกายคำนับหนิงเว่ยเจี้ยนอย่างสุขุม “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงหายประชวรแล้วหรือเพคะ มิมีใดมาแจ้งข่าวดีเช่นนี้ให้ข้าทราบเลย” หยางกุยฮวากล่าวออกมาพร้อมเดินไปด้านข้าง เพื่อประคองแขนของหนิงเว่ยเจี้ยนหนิงเว่ยเจี้ยนสะบัดมือจากการเกาะกุมของหยางกุยฮวาในทันทีอย่างนึกรังเกียจ หยางกุยฮวาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ หนิงอันอวี้รีบเข้ามาประคองร่างของหยางกุยฮวาด้

  • ใต้เท้าเจ้าขออย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย   บทที่ 60 ทวงคืน

    บทที่ 60 ทวงคืนจางหมินเย่วที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน ฉับพลันประตูก็ถูกเปิดออก ซ่งฟู่หลงก้าวเท้าเข้ามาด้านในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ใต้เท้า...” จางหมินเย่วรีบปรี่เข้าไปสวมกอดร่างแกร่งอย่างต้องการที่พึ่ง บัดนี้นางได้แต่นึกสับสนและไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ว่าเซี่ยเหมยจะวางแผนให้ร้ายนางเช่นนี้ จางหมินเย่วยังคงคาดเดาว่าอาจเป็นไปได้ที่นางจะถูกผู้อื่นใส่ร้ายแทน“เย่วเอ๋อร์...เจ้าบอกความจริงข้าได้หรือยัง” ซ่งฟู่หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและคาดคั้นออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนพุ่งเป้ามาที่จางหมินเย่ว ดังนั้นศัตรูย่อมหมายเอาชีวิตของเขาเป็นหลักอย่างแน่นอน“ข้า...ใต้เท้า...ข้าไม่ทราบเรื่องจริงๆ” จางหมินเย่วยังคงมืดแปดด้าน นางมิกล้ากล่าวหามารดาของตนไปได้ซ่งฟู่หลงถอนหายใจออกมาพร้อมมองหน้าจางหมินเย่วอย่างนึกน้อยใจ “เรื่องราวเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้าอยู่หรือ” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาจางหมินเย่วถึงกับเม้มปากและก้มหน้าสลดลงไป“ใต้เท้า...ขนมที่ข้าทำ...ข้าเพียงใส่ยาบำรุงที่ท่านแม่มอบให้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แต่ว่าท่านแม่ไม่มีทางให้ร้ายข้าเป็นแน่...ใต้เท้าต้องมีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายข้า

DMCA.com Protection Status