บทที่ 29 ท่านทำเกินไปแล้วจางหมินเย่วนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่สัมผัสอันหวามไหวจะทำให้นางโอนอ่อนลงไปอย่างลืมตัว นางเคลิ้มไหวไปตามสัมผัสที่แรกเริ่มรุนแรงทว่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นเย้ายวนอ่อนหวานชวนให้หลงคล้อยตามอย่างไม่ยากเย็น สองมือที่เคยผลักไสแผงอกแกร่งให้ออกห่าง บัดนี้เริ่มดึงรั้งชายเสื้อของซ่งฟู่หลงเอาไว้แน่นอย่างกลัวว่านางจะหลุดลอยไปซ่งฟู่หลงลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากของจางหมินเย่วจนพอใจ ก่อนที่เขา จะผละออกจากร่างบาง พร้อมจ้องมองใบหน้าของจางหมินเย่วด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มจางหมินเย่วรู้สึกหมดแรงลงราวกับนางถูกดูดกลืนพลังไปจนสิ้น นางเพียงใช้ สองมือยึดร่างกายของซ่งฟู่หลงเอาไว้ ในขณะที่ลมหายใจหอบถี่ดั่งคนที่ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน“เย่วเอ๋อร์...ยังกล้าดื้อกับข้าอีกหรือไม่” เสียงแผ่วเบาแต่ยังคงสั่นเครือ พร้อมริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่กับริมฝีปากบางไม่ห่าง ทำเอาจางหมินเย่วได้แต่เหมือนเบือนหน้าหนีสัมผัสดังกล่าว นางเริ่มใช้สองมือผลักไสเขาออกไปอีกครั้ง“ใต้เท้า...ปล่อยข้าได้แล้ว...ท่านทำเช่นนี้นับว่าเกินไปแล้วนะ”ซ่งฟู่หลงหัวเราะหึๆ ออกมาอย่างนึกอารมณ์ดี สายตากรุ้มกริ่มจับจ้องมองร่างบางตรงหน้าอย่างไม่
บทที่ 30 โปรดปรานบ่ายวันหนึ่งขันทีประจำกายฮองเฮาได้เดินทางมายังจวนสกุลจางพร้อมกับนำข้อความจากหยางกุยฮวามาแจ้ง “ฮองเฮามีรับสั่งให้คุณหนูใหญ่สกุลจางเข้าเฝ้า” ขันทีบอกออกมา ก่อนจะยิ้มอย่างมีไมตรีให้แก่จางเหวิ่นชิง “ใต้เท้าจางช่างมีบุญยิ่งนัก ฮองเฮาทรงโปรดปรานคุณหนูใหญ่เป็นอันมาก มีรับสั่งให้นางเดินทางไปเข้าเฝ้าฮองเฮาด้วยพระองค์เอง”“ขอบคุณท่านขันทียิ่งนัก” จางเหวิ่นชิงโค้งคำนับก่อนจะยื่นถุงแดงเป็นของกำนัลให้แก่เขา ในขณะที่เซี่ยเหมยก็มีสีหน้าตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่งจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ นางหันไปหาสาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง “เจ้ารีบไปบอกโยวเอ๋อร์เดี๋ยวนี้”จางเซี่ยโยวเร่งให้หันจงแต่งกายให้นางอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้ามายังห้องโถง ทันทีที่ได้พบกับขันที จางเซี่ยโยวก็ย่อกายคำนับขันทีด้วยท่าทางที่สุภาพอ่อนน้อมขันทียิ้มรับให้กับจางเซี่ยโยวพร้อมมองนางด้วยสายตาประเมินอยู่ในที “คุณหนูใหญ่เชิญขอรับ” เขามีท่าทีนอบน้อมอย่างเห็นได้ชัดจางเซี่ยโยวถึงกับยิ้มกริ่มออกมาด้วยความปลาบปลื้ม“ท่านขันที...ไม่ทราบว่าฮองเฮามีธุระสำคัญอันใดกับข้าหรือ” จางเซี่ยโยวกล่าวถามอยากต้องการหยั่งเชิงขันทีรีบกล่าวปร
บทที่ 31 ไม่อาจเป็นคนสกุลจาง“อันอวี้...เจ้าคิดว่าโยวเอ๋อร์เป็นเช่นใดบ้าง” หยางกุยฮวาเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อบุตรชายของเขาเดินเข้ามาภายในตำหนัก“เสด็จแม่ หม่อมฉันพอใจยิ่งนัก หม่อมฉันรู้สึกยินดียิ่งหากเสด็จแม่ทำให้ลูกสมหวัง” หนิงอันอวี้กล่าวตอบออกไปตามตรง เขาหวนคิดถึงใบหน้าหวานของจางเซี่ยโยวกับท่าทางบอบบางของนางภายใต้อ้อมกอดของเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้หนิงอันอวี้ยิ้มกริ่มขึ้นมาด้วยความพออกพอใจเป็นอันมาก“ในเมื่อเจ้าคิดตรงกับข้าเช่นนั้น ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง หากเจ้าได้บุตรสาวคนโตของสกุลจางมาเป็นพระชายา ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าย่อมมั่นคงมากยิ่งขึ้นเป็นแน่”ในขณะที่หยางกุยฮวาคำนึงถึงหนทางสร้างความมั่นคงให้กับตำแหน่งของบุตรชาย หนิงอันอวี้กลับยิ้มกว้างออกมาอย่างรู้สึกขอบคุณมารดา ฐานอำนาจของสกุลจางเป็นเพียงเรื่องรองที่เขานึกถึง กลิ่นกายและสัมผัสอันนุ่มนิ่มต่างหากที่เขาต้องการครอบครอง“เช่นนั้นหม่อมฉันจะรอฟังข่าวดีจากเสด็จแม่”หลังจากที่หนิงอันอวี้กลับไป หยางกุยฮวาก็เรียกนางกำนัลข้างกายมาสอบถาม “ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ใด”“ทูลฮองเฮา...ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ตำหนักอักษรเพคะ”“เจ้าให้คนไปแจ้งฮ่องเต้ว่าข้ามี
บทที่ 32 งานเลี้ยงวังหลวงวังหลวงประกาศจัดงานเลี้ยงฉลองครบรอบอายุของหนิงเว่ยเจี้ยน เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างตั้งตาและเตรียมตัวกันอย่างพิถีพิถันเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงกันอย่างคับคั่งสกุลจางเองก็มิได้แตกต่างจากจวนสกุลอื่นๆ เท่าใดนัก เซี่ยเหมยนั้นจัดเตรียมชุดที่ตัดใหม่จากผ้าแพรผืนที่ฮองเฮาประทานให้กับจางเซี่ยโยวอย่างสวยงามอลังการ พร้อมกับบรรดาเครื่องประดับที่สั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้เข้ากับชุดดังกล่าวจางเซี่ยโยวจ้องมองตนเองในกระจกอย่างรู้สึกปลาบปลื้มใจ นับตั้งแต่คราวที่ได้เข้าเฝ้าฮองเฮานางก็มิได้พบกับหนิงอันอวี้อีกเลย งานเลี้ยงครั้งนี้จึงเป็นนับเป็นความหวังที่จะได้พบกับเขาอีกครั้ง“โยวเอ๋อร์...ฮองเฮาทรงโปรดปรานเจ้าเช่นนี้ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าจะต้องได้รับข่าวดีเป็นแน่...เจ้าไปงานเลี้ยงครั้งนี้ก็จงรักษากิริยาให้งามพร้อมอย่าให้ผู้ใด จับผิดเจ้าได้เป็นอันขาด”“ท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลใจไป...ข้าจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดผิดพลาดเป็นแน่” จากเซี่ยโยวกล่าวตอบให้กับมารดาของตน นับจากที่นางเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮาและหนิงอันอวี้ มารดาของตนก็ดูแลเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษจนจางเซี่ยโยวรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอัน
บทที่ 33 ลงโทษเด็กดื้อจางหมินเย่วเมื่อเห็นว่าบุรุษตรงหน้าเป็นซ่งฟู่หลง นางก็รีบดิ้นรนบ่ายเบี่ยงออกมาวงแขนของเขาในทันที “ใต้เท้า...ปล่อยข้านะ”ร่างบางตรงหน้าที่พยายามบิดตัวหนีแต่ทว่าอ้อมแขนแกร่งกลับรัดรึงนางเอาไว้ในอ้อมอก ยิ่งนางดิ้นรนมากเท่าใดร่างกายก็ยิ่งบดเบียดเข้าหาลำตัวของเขาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นซ่งฟู่หลงถึงกับเริ่มหายใจติดขัด ความถวิลหาที่มีประกอบกับความขุ่นเคืองใจที่ได้พบเจอ เมื่อยามที่จางหมินเย่วทำตัวสนิทสนมกับฉางหูตี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าดิ้นรนบ่ายเบี่ยงข้าหรือกลัวบุรุษผู้นั้นจะพบเห็นเข้า” น้ำเสียงประชดประชันดังแผ่วขึ้นมาข้างริมหูของนางจางหมินเย่วถึงกับควันออกหูเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้ากลัวพี่หูตี้จะมาพบเข้าแล้วจะเข้าใจข้าผิด” จางหมินเย่วเชิดหน้าขึ้นพร้อมกล่าวถ้อยคำประชดประชันออกไปอย่างไม่ลดละ“เย่วเอ๋อร์...เจ้าดื้อรั้นเช่นนี้เห็นทีข้าต้องลงโทษเจ้าเสียให้หลาบจำ” ซ่งฟู่หลงไม่รอช้า เขารีบก้มหน้าประกบปากบางอย่างต้องการลงโทษ “อื้ม...” ริมฝีปากหนาบดเบียดริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจ เขาขบเม้มพร้อมทั้งใช้ลิ้นร้อนไซร้หาความหวานตรงหน้าอย่างหิ
บทที่ 34 ฝันสลายหลังจากเสียงร้องเรียกของฉางหูตี้เงียบหายไปสักครู่หนึ่ง ซ่งฟู่หลงที่ดื่มด่ำความหวานนั้นจนสมใจก็ค่อยปล่อยร่างบางออกจากกาย แต่เขาก็ยังคงจ้องมองหน้าจางหมินเย่วอยู่อย่างชั่งใจจางหมินเย่วได้แต่มองหน้าซ่งฟู่หลงอย่างนึกน้อยใจในที น้ำตาเอ่อล้นตกลงอาบแก้มนวลของนาง จางหมินเย่วรีบยกมือปาดน้ำตานั้นเสีย “ใต้เท้า...สมใจท่านแล้ว ปล่อยข้าไปได้หรือยัง”น้ำเสียงตัดพ้อดังกล่าวทำเอาซ่งฟู่หลงถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมา “เย่วเอ๋อร์...”“ใต้เท้า...ท่านมิได้รักมิได้ใส่ใจในตัวข้า...เหตุใดท่านจึงต้องกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้”“เย่วเอ๋อร์...เจ้ากำลังเข้าใจผิด” ซ่งฟู่หลงตอบเสียงอ่อยลงในทันทีที่เห็นท่าทางขึงขังของนาง“เช่นนั้นใต้เท้ากำลังจะบอกว่าท่านรักข้าและกำลังหึงหวงข้าอย่างนั้นหรือ” จางหมินเย่วถามออกมาตามตรงพร้อมจ้องมองหน้าซ่งฟู่หลงอย่างต้องการคำตอบซ่งฟู่หลงถอนหายใจออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างต้องการหลบสายตา “เย่วเอ๋อร์...ข้ามีเหตุผลบางอย่างไม่อาจตอบคำถามเจ้าได้”จางหมินเย่วน้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง นางจ้องมองเขาอย่างรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “เช่นนั้นใต้เท้าโปรดอย่าได้มายุ่งกับข้าอีก...ท่านกับข้ามิได้เกี่ยวข้อ
บทที่ 35 ตำแหน่งชายารองหลังจากกลับมาถึงจวนสกุลจาง จางเซี่ยโยวก็อาละวาดโวยวายเสียงดังลั่นเรือน นางร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เซี่ยเหมยเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน นางได้แต่คอยปลอบขวัญบุตรสาวให้คลายความเศร้าใจ“ท่านแม่เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้...เหตุใดจึงมิเป็นข้า” จางเซี่ยโยวคร่ำครวญออกมาดั่งใจจะขาด ความฝันที่มีพังทลายลงไปต่อหน้าซ้ำผู้ที่มาแทนที่นางยังเป็นเพื่อนรักที่นางไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอันมา ครานั้นนางเคยเอ่ยถามเผิงจ้าวเสียนและได้คำตอบว่าเพื่อนรักปักใจอยู่กับผู้อื่นแล้ว นั่นทำให้จางเซี่ยโยวถึงคลายความกังวลที่มี แต่บัดนี้เผิงจ้าวเสียนกลับคว้าชายในดวงใจรวมถึงตำแหน่งที่นางหมายปองไปอย่างหน้าตาเฉย“โยวเอ๋อร์...เจ้าได้ล่วงเกินผู้ใดหรือไม่ ท่าทีของฮองเฮาและองค์ชายสี่ก่อนหน้านี้ล้วนสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”“ข้าจะทำอันใดกันเล่าท่านแม่ องค์ชายสี่ให้คำมั่นกับข้าว่าจะตบแต่งข้าเป็นพระชายา แต่นี่อะไรกันเหตุใดจึงเป็นจ้าวเสียน เหตุใดนางต้องทรยศข้าด้วย”“จ้าวเสียนนี่ก็ช่างกระไร กล้าหักหลังเจ้าอย่างหน้าตาเฉย ทำทีมิสนใจตำแหน่งแต่กลับทำตัวชุบมือเปิบเอาเสียได้”“ท่านแม่แล้วเราจะทำอันใดกันดี ข้าจะ
บทที่ 36 เกลี้ยกล่อม“โยวเอ๋อร์...ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง...หากเจ้ายอมรับปาก ข้าจะให้เสด็จแม่รีบสู่ขอเจ้าในทันที” หนิงอันอวี้คาดคั้นจางเซี่ยโยวอย่างหนักจางเซี่ยโยวได้ฟังก็ได้แต่นึกลังเลใจ หากบิดาของตนรู้เรื่องเข้าจะต้องโกรธเกรี้ยวและไม่ยอมรับเป็นแน่ เรื่องของจางหมินเย่วยังไม่ทันจางหาย ซ้ำนางยังจะเดินรอยตามน้องสาวของตนอีกหนิงอันอวี้เห็นสีหน้าและท่าทางที่ดูลังเลของจางเซี่ยโยว เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นช้อนคางของจางเซี่ยโยวขึ้นมา ก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปอย่างดูดดื่ม ในขณะที่มือหนาของเขาโอบรัดลำตัวของนางเข้ามาแนบชิด จากนั้นก็เริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและลำตัวอย่างจงใจสำรวจ รสสัมผัสที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มทำเอาจางเซี่ยโยวถึงกับอ่อนระทวยลงไป สองมือกำปกเสื้อของหนิงอันอวี้ไว้แน่น ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวามไหวที่ได้รับ“โยวเอ๋อร์...เจ้าเป็นของข้า” หนิงอันอวี้ครางออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นกระเส่าจางเซี่ยโยวได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาอันกรุ้มกริ่มนั้นอย่างนึกเขินอาย “องค์ชาย...ข้าจะลองพูดคุยกับท่านพ่อสักหน”หนิงอันอวี้ลูบไล้ไปตามลำแขนเรียวยาวนั้นอย่างหลงใหล “ขอเพียงเจ้ายินดีรับปาก ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เอง...เจ้าว่าเช่น
บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ
บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั
บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี
บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง
บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห
บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ
บทที่ 62 ผิดแผนเสียงเย็นยะเยือกที่ดังก้องกังวานของหนิงเว่ยเจี้ยนทำเอาเซี่ยเหมยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปกับพื้นนี้ แผ่นหลังเย็นวาบจนนางแทบลืมหายใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิรู้เรื่องอันใดเพคะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทาด้วยความกลัวที่แล่นเข้าจับหัวใจจางเหวิ่นชิงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างถึงกับหันหน้ามองฮูหยินของตนอย่างไม่คาดคิด ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น“ฮูหยินจาง...เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอยู่อีกหรือ” หนิงเว่ยเจี้ยนตวาดออกมาอย่างสุดจะทนเซี่ยเหมยถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างมิรู้จะทำเช่นใดต่อไป นางพยายามปรายตาขึ้นมองหยางกุยฮวาอย่างต้องการความช่วยเหลือหยางกุยฮวานึกเจ็บแค้นยิ่งนัก นางแทบอยากจะปรี่ตรงเข้าไปตบหน้าเซี่ยเหมยที่ทำตัวมิรู้ความเช่นนี้ แต่นางก็ได้แต่ทำเพียงกัดฟันแน่นพร้อมเบือนหน้าหนีออกไปเซี่ยเหมยรับรู้ได้ถึงการถูกตัดหางปล่อยวัด นางรู้สึกสิ้นหวังลงไปในทันที เซี่ยเหมยที่ยังคงน้ำตานองอาบสองแก้มถึงกับโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายที “หม่อมฉันผิดไปแล้ว...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”“เจ้าบอกว่าเจ
บทที่ 61 เป็นไปไม่ได้สิ้นเสียงของขันทีประกาศก้อง หนิงเว่ยเจี้ยนก็ก้าวเดินเข้ามาภายในท้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่าที่ราบเรียบแต่มั่นคง ใบหน้าเรียบเฉยแต่กลับดุดันไม่ต่างจากราชสีห์ที่น่าเกรงขามยิ่งนักหยางกุยฮวาถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้” หยางกุยฮวาเพ้อออกมาอย่างหวาดหวั่น ฝ่าบาทที่นอนแน่นิ่งมิต่างจากหุ่นที่มีชีวิต บัดนี้กลับก้าวเดินมาตรงหน้าของนางราวกับมิมีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นหนิงอันอวี้หันหน้าไปหาหยางกุยฮวางอย่างรู้สึกตื่นตระหนก หยางกุยฮวารีบยกมือขึ้นแตะฝ่ามือของหนิงอันอวี้เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ลง จากนั้นนางจึงปรับสีหน้าและท่าทางให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหยางกุยฮวาและหนิงอันอวี้ก้าวเดินลงมาด้านล่างก่อนจะย่อกายคำนับหนิงเว่ยเจี้ยนอย่างสุขุม “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงหายประชวรแล้วหรือเพคะ มิมีใดมาแจ้งข่าวดีเช่นนี้ให้ข้าทราบเลย” หยางกุยฮวากล่าวออกมาพร้อมเดินไปด้านข้าง เพื่อประคองแขนของหนิงเว่ยเจี้ยนหนิงเว่ยเจี้ยนสะบัดมือจากการเกาะกุมของหยางกุยฮวาในทันทีอย่างนึกรังเกียจ หยางกุยฮวาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ หนิงอันอวี้รีบเข้ามาประคองร่างของหยางกุยฮวาด้
บทที่ 60 ทวงคืนจางหมินเย่วที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน ฉับพลันประตูก็ถูกเปิดออก ซ่งฟู่หลงก้าวเท้าเข้ามาด้านในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ใต้เท้า...” จางหมินเย่วรีบปรี่เข้าไปสวมกอดร่างแกร่งอย่างต้องการที่พึ่ง บัดนี้นางได้แต่นึกสับสนและไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ว่าเซี่ยเหมยจะวางแผนให้ร้ายนางเช่นนี้ จางหมินเย่วยังคงคาดเดาว่าอาจเป็นไปได้ที่นางจะถูกผู้อื่นใส่ร้ายแทน“เย่วเอ๋อร์...เจ้าบอกความจริงข้าได้หรือยัง” ซ่งฟู่หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและคาดคั้นออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนพุ่งเป้ามาที่จางหมินเย่ว ดังนั้นศัตรูย่อมหมายเอาชีวิตของเขาเป็นหลักอย่างแน่นอน“ข้า...ใต้เท้า...ข้าไม่ทราบเรื่องจริงๆ” จางหมินเย่วยังคงมืดแปดด้าน นางมิกล้ากล่าวหามารดาของตนไปได้ซ่งฟู่หลงถอนหายใจออกมาพร้อมมองหน้าจางหมินเย่วอย่างนึกน้อยใจ “เรื่องราวเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้าอยู่หรือ” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาจางหมินเย่วถึงกับเม้มปากและก้มหน้าสลดลงไป“ใต้เท้า...ขนมที่ข้าทำ...ข้าเพียงใส่ยาบำรุงที่ท่านแม่มอบให้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แต่ว่าท่านแม่ไม่มีทางให้ร้ายข้าเป็นแน่...ใต้เท้าต้องมีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายข้า