อ๋องอันหัวเราะอย่างใจเย็น "หลานชายของข้า จะไม่มองชัด ๆได้อย่างไร?"อันที่จริงอ๋องอันเองไม่แน่ใจนัก เขาอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวของทหารและยามในจวนอ๋องฉู่เลยแม้แต่น้อย อวี่เหวินห่าวอยู่กับแขกตลอด ในจวนไม่มีคนรับใช้ที่แสดงท่าทีดูกระวนกระวายออกมาให้เห็นเลยสักนิดหากว่ากันแล้วตั้งแต่กลับจากบ้านแม่มาก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เด็ก ๆ น่าจะล้างหน้าจนเห็นหน้าที่ชัดเจน ต้องรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอนแต่ทำไมจวนอ๋องฉู่ถึงได้สงบขนาดนี้?เขาแอบคาดเดาอยู่ว่า คนเลวทรามอย่างจิ้งโฮ่วคนนี้จัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยหรือไม่?แต่คิดว่าไม่น่าใช่ มีคนมารายงานแล้วว่าจิ้งโฮ่วลักพาตัวเด็กออกมา และเรียกรถม้าตรงไปที่ซีซาน และเขาก็ได้ลงมือไปแล้วหากจิ้งโฮ่วทำสำเร็จ ตอนนี้อวี่เหวินห่าวก็ไม่ควรนิ่งได้ขนาดนี้ เด็กสามคนนี้อุ้มออกมาแล้วหน้าตาไม่เหมือนกัน เขาจะอธิบายได้อย่างไร?ความโกลาหลนี้เขาจะหยุดมันไว้ได้หรือ?ขณะที่เขากำลังคิด เขาก็เห็นถังหยางพาแม่นมอุ้มเด็ก ๆ ออกมาเนื่องจากเป็นเดือนพฤษภาคม หลังเที่ยงไปแล้วอากาศจะอุ่นขึ้นมาก เด็ก ๆ ที่พาออกมาจึงไม่ได้ห่อด้วยผ้าห่อตัว แต่สวมชุด
เพราะเด็ก ๆ น่ารักมากจริง ๆ และเมื่อเห็นมหาเสนาบดีฉู่อุ้มอยู่แบบนี้พอดี ทุกคนจึงอยากลองอุ้มให้เป็นสิริมงคลดูบ้างด้วยเหตุนี้ ในห้องโถงใหญ่ขนาดใหญ่ ราวกับว่ามีการแข่งขันวิ่งผลัด พวกเด็ก ๆ ต่างถูกผลัดกันอุ้มทีละคนว่าไปก็น่าแปลกใจ พวกเด็ก ๆ ไม่ชอบให้ใครแตะต้องสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเสี่ยวลั่วหมี่ที่จุกจิกเป็นพิเศษและร้องไห้ง่ายเมื่อเจอคนไม่คุ้นเคย แต่วันนี้เขาไว้หน้าพ่อของจริง ๆ ระหว่างนั้นไม่ร้องไห้เลย ยิ้มหัวเราะ ยิ้มจนใจผู้คนละลายหมดแล้ว?เสี่ยวลั่วหมี่ถูกพามาถึงด้านข้างอ๋องอันรุ่ยชิงอ๋องเป็นคนอุ้มมาให้รุ่งชิงอ๋องหลงเหลนมาก อุ้มไว้ไม่อยากปล่อยไปเลย เมื่อเห็นว่าอ๋องอันไม่รับไปอุ้มแบบนี้ เขาจึงพูดว่า "ถ้าเจ้าไม่อุ้ม ข้าจะอุ้มต่ออีกหน่อย"ทุกคนมองไปที่อ๋องอัน วันนี้เป็นวันมงคลฉลองครบเดือน ในฐานะเสด็จลุง ทำไมถึงไม่อุ้มเขากันอ๋องอันอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ท่ามกลายสายตาคนมากมายสายตาของอวี่เหวินห่าวกลายเป็นเย็นชาในทันที กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายหดเกร็งขึ้นมา ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่อ๋องอันแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรกับเสี่ยวลั่วหมี่ในตอนนี้ แต่ลูกอยู่ในมือของเขา เขาก็รู้สึกกังวลข
หยวนชิงหลิงร้องไห้สะอื้นอย่างไม่มีเสียงอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ และซบอกอวี่เหวินห่าวร้องไห้ออกมาอวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่สบายใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้ลูกกลับมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงลูกคนนี้ได้ประสบอันตรายถึงตายจากข้างนอกวันนี้“เสด็จพ่อได้สั่งให้เจ้าสี่เข้าวังแล้ว ไม่ต้องห่วง จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต” อวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลูบหลังนางเบา ๆ และปลอบนางอย่างอ่อนโยนหยวนชิงหลิงรับคำด้วยเสียงขึ้นจมูก และค่อย ๆ ถอยออก อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนาง และเช็ดน้ำตาด้วยความรู้สึกสงสารเสี่ยวลั่วหมี่กำปั้นของเขาแล้วชูขึ้นส่งเสียงอ้อแอ้ ดวงตากลมโตกลอกไปมา มองทางอวี่เหวินห่าวครั้งหนึ่งและหยวนชิงหลิงครั้งหนึ่ง ดูมีชีวิตชีวามากสุดที่รัก รักที่สุด ก็คือน้องคนสุดท้องที่มักทำให้พ่อแม่รู้สึกเป็นทุกข์อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสี่ยวลั่วหมี่เกิด เขาถูกสายสะดือพันรอบคอจนหายใจไม่ได้ และมีอาการตัวเหลืองเป็นอยู่นานไม่หายสักที เพิ่งครบเดือนแต่กลับเจอประสบการณ์เสี่ยงตายมาเช่นนี้ หยวนชิงหลิงและอวี่เหวินห่าวมองมาที่เขา และอดไม่ได้ที่จะรักและสงสารมากขึ้น"ไม่ดีเลย" อวี่เหวินห่าวถอนหาย
“เสด็จพ่อน่าจะรู้ว่าพี่ใหญ่ถูกใส่ร้าย ดังนั้นคงรออีกสักพักคงจะหาเหตุผลปล่อยเขาออกมา แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ คนสนับสนุนพี่ใหญ่ในราชสำนักอาจมีไม่มากนัก และรวมไปถึงเส้นสายของพี่ใหญ่ล้วนเป็นของพระชายาจี้ทั้งนั้น ดังนั้นพี่ใหญ่จึงไม่มีประโยชน์แล้ว”หยวนชิงหลิงนึกถึงฉู่หมิงหยาง "คุณหนูรองตระกูลฉู่ก็เสียเปล่า ไม่ได้อะไรกลับมาเลยจริง ๆ"อ๋องจี้เพิ่งแสดงตัวเผยโฉมของเขาออกมา และต้องออกจากการแย่งชิงตำแหน่ง แม้แต่หยวนชิงหลิงก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครที่น่าเศร้ามาก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องวุ่นวายที่เขาเคยทำก็ยังรู้สึกแค้นเขาอยู่ดีเมื่อมองอ๋องจี้ให้ดีแล้วนั้น นอกเหนือจากการเป็นลูกชายคนโตแล้วก็ไม่มีอะไรเลยจริง ๆอย่างดีก็เป็นเหมือนจิ้งโฮ่วเวอร์ชั่นที่อัปเกรดชัยชนะทุกอย่างที่เขาได้มาก่อนหน้านั้นล้วนได้มาจากผู้หญิงของเขาทั้งนั้นหลังจากใช้ประโยชน์จากพระชายาจี้ ในฐานะลูกชายคนโตกลับไปคุกเข่าเลียแข้งเลียขาตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา มิหนำซ้ำยังโดนอ๋องอันเล่นงานจนเกือบตายหลังจากกินบะหมี่น้ำแล้ว ก็เริ่มเตรียมงานเลี้ยงดื่มเหล้ากันหลังจากที่อ๋องอันจากไป บรรยากาศในจวนอ๋องฉู่ก็สดใสขึ้นมา และงา
หยวนชิงหลิงไม่กล้าดื่มมันเลย อย่างไรก็ตาม ถ้านางดื่มแก้วเล็ก ๆ นางก็เมาจนสติหลุดอยู่ดีแต่ด้วยการยุของพระชายาซุนและองค์หญิงเหวินจิ้ง นางจึงยกแก้วเหล้าขึ้นจิบลงไปกลายเป็นน้ำเปล่านางมองไปที่นางข้าหลวงสี่ด้วยความประหลาดใจ และนางข้าหลวงสี่ก็พูดเสียงเบาอย่างไร้ความรู้สึกว่า "องค์หญิงควรรู้องค์เองนะเพคะ พวกเราอย่าไปร่วมสนุกเลย"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "นิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก""ไม่ได้เพคะ รัชทายาทบอกว่าพระองค์ดื่มเหล้าไม่ได้แม้แต่หยดเดียว" นางข้าหลวงสี่ปฏิเสธอย่างจริงจังวันนี้ทุกคนมีความสุขมาก และสุดท้ายตัวนางไม่ได้อยากอะลาวาดทำลายที่นี่เละเทะหยวนชิงหลิงบ่นพึมพัม "เช่นนั้นฟังเขาก็ได้"ทางด้านหอตำราหลวงอ๋องอันคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาท ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิหมิงหยวนที่ทรงกริ้วจนหน้าดำหน้าเขียวไปหมดแล้วแม้ว่ามู่หรูกงกงจะไม่ได้พูดอะไรในตอนที่เขาอยู่ในจวนอ๋องฉู่ แต่ก่อนเข้ามาที่หอตำราหลวงนั้นได้บอกเขามาแล้ว ว่าอ๋องอันเองก็รู้อยู่แก่ใจดีอ๋องอันรู้อยู่แก่ใจจริง ๆ เขาว่าแผนให้บัณทิตฮุ่ยรับข้อกล่าวหาทั้งหมด เขาจะบอกแค่ว่าเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้นสำหรับจิ้งโฮ่ว ดูเหมือนว่าเขาจะถูก
จักรพรรดิหมิงหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม "เจ้าถูกใส่ร้ายรึ? แม้ว่าไม่ใช่เจ้า แต่คนในจวนของเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าก็หนีไม่พ้นความผิดนี้ ถ้าเจ้าไม่มีความคิดเช่นนี้ คนใต้บังคับบัญชาของเจ้าจะเสี่ยงชีวิตวางแผนเพื่อเจ้ารึ?”อ๋องอันนึกอะไรบางอย่างออกและพูดว่า "เสด็จพ่อ พระองค์ตรัสถูกแล้ว กระหม่อมหนีความผิดไม่ได้ แต่เรื่องนี้ทุกอย่างมันดูแปลก ได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“แปลกอย่างไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสอย่างโกรธเกรี้ยวอ๋องอันยกมือเช็ดเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อไม่คิดว่ามันแปลกหรือพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อจิ้งโฮ่วบอกเจ้าห้าเรื่องที่บัณทิตฮุ่ยบงการเรื่องนี้ ทำไมเจ้าห้าถึงไม่ทูลเสด็จพ่อ แล้วยังให้จิ้งโฮ่วพาหลานชายไปเสี่ยงแบบไม่กลัวอันตรายใด ๆ นอกจากนี้ แม้ว่าบัณทิตฮุ่ยจะเป็นคนของกระหม่อม แต่กระหม่อมก็ไม่ไว้ใจเขามากนัก และไม่ได้ให้รับผิดชอบงานสำคัญมากด้วย เสด็จพ่อถามหน่อยเถิด หลายปีมานี้เคยให้เขาทำเรื่องที่สำคัญหรือไม่ เหตุใดจึงลักพาตัวหลานไปกัน ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลกับชีวิตกระหม่อม กระหม่อมจะไปให้เขาไปจัดการได้อย่างไร? กระหม่อมถูกใส่ร้าย เสด็จพ่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกด้วย"จ
หลังจากที่ไท่ซ่างหวงเข้าไปข้างใน เขาก็นั่งลงบนที่ประทับ และแม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ทำได้เพียงยืนเคียงข้างปรนิบัติรับใช้เขาไท่ซ่างหวงมองอ๋องอันอย่างเย็นชาและถามว่า "คนของเจ้าก่อเรื่องชั่วช้ามา เจ้ามีอะไรจะพูดอีก?"ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อ๋องอันไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยกับไท่ซ่างหวง ท่านตาของเขาตี้เหว่ยหมิงจะเล่าความเคลื่อนไหวของไท่ซ่างหวงให้เขาฟัง เขารู้เพียงว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องใหญ่และเรื่องยุมยิมทั้งภายในและภายนอกดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังพูดหว่านล้อมต่อไปว่า "เสด็จปู่ ให้ความเป็นธรรมแก่หลานด้วย เรื่องนี้หลานถูกใส่ร้าย"“ใส่ร้ายอย่างไร?” ไท่ซ่างหวงถามอ๋องอันโต้เถียงอย่างมีเหตุผล "เสด็จปู่ พระองค์ลองพิจารณาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งดูสิพ่ะย่ะค่ะ จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน น้องห้าปล่อยลูกตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้อย่างไร? และจิ้งโฮ่วเองก็เป็นพ่อตาของเขา ... "ไท่ซ่างหวงขัดเขาอย่างหยาบคาย "อย่าพูดเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะมีใครใส่ร้ายหรือหักหลัง ย่อมต้องมีใครสักคนสอบสวน เจ้าแค่พูดว่าตอนนี้คนในจวนเจ้าวางแผนร้ายลักพาตัวหลานไป เจ้าเป็นเจ้านาย มีอ
เขาอยากจะโต้เถียงกลับไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมและเย็นชาของไท่ซ่างหวง เขาก็เก็บความไมพอใจของเขาเอาไว้ และน้อมรับพระอาญาพร้อมกับทูลลาไปเขาพลาดแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดี แต่เขาไม่คิดว่าจะสะดุดล้มลงครั้งใหญ่แบบนี้ได้หลังจากกลับมาที่จวน เขาสั่งให้คนมาตรวจสอบทันที และพบว่าเป็นขุนพลหลัวจากกององค์รักษ์เงาที่เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เขาจึงสั่งให้คนไปเชิญตี้เหว่ยหมิง ท่านตาของเขามาทันทีเขาไม่เคยระวังกององครักษ์เงา และท่านตาเองก็รู้ความเคลื่อนไหวของกององครักษ์เงาทั้งหมดอยู่แล้วเขาเคลื่อนไหวสองครั้ง ครั้งแรกที่คำนวนพลาดไปก็คือหยวนชิงหลิงครั้งที่สองได้พิจารณาสถานการณ์ทั้งหมด รวมไปถึงความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นก็ล้วนได้คำนวนเอาไว้แล้ว อย่างมากบัณทิตฮุ่ยจะถูกโยนให้รับข้อกล่าวหาทั้งหมดไปคนเดียว ส่วนทางจิ้งโฮ่ว เขากำจุดอ่อนเอาไว้ เขาไม่กล้าพูดเหลวไหลอย่างแน่นอน คนผู้นี้นั้นกลัวตาย เห็นแก่ตัว ไม่สนใจคนอื่น และไม่สนครอบครัว ทำทุกอย่างได้เพื่อผลประโยชน์แต่คราวนี้ได้คำนวณไปหลายพันครั้ง และไม่คาดคิดว่าจะเกิดความผิดพลาดในฝั่งของกององค์รักษ์เงาขึ้นมาเมื่อตี้เหว่ยหมิงมาถึงจวนอ๋องอัน อ๋องอันและอาหรูไป