จวนอ๋องฉู่วันนี้ครึกครื้นมีชีวิตชีวาจริง ๆแม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกับรัชทายาท แต่ในวันนี้ย่อมต้องมากันที่นี่คู่สามีภรรยาอ๋องอันและอ๋องซุนที่มาพร้อมกัน ของขวัญจากจวนอ๋องซุนได้ถูกส่งมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ขณะที่อ๋องอันเข้ามา ได้ถือกล่องผ้ามายืนอยู่ตรงหน้าอวี่เหวินห่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "น้องห้า เจ้านี่ถือว่าได้โชคมงคลสี่อย่างจริง ๆ?"อวี่เหวินห่าวไม่ได้พูดอะไร อ๋องซุนก็ถามข้าง ๆ เขาว่า "โชคมงคลสี่อย่าง อย่างไรกัน?"อ๋องอันพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่รอง แฝดสามคือโชคสามอย่าง น้องห้าได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทถือเป็นโชคอีกอย่าง ถือเป็นโชคมงคลสี่อย่างไม่ใช่หรือ?"อ๋องซุนร้องอ๋อและเอ่ยอย่างขำขันว่า "จริงอยู่ แต่มีเรื่องดี ๆ ไม่มากไปหรอก และควรมีโชคมากกว่านี้ถึงจะดี"อ๋องอันหัวเราะเสียงดัง "ดูที่พี่รองพูดสิ หากว่ากันแล้วนั้น เขาได้ครองราชย์ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมาก พี่รองไม่ควรทำร้ายน้องห้า เขาจะไปกล้ามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าคนนอกได้ยินคงไม่เข้าใจผิดกันหรอกหรือ?”อ๋องซุนรู้สึกงุนงง "ข้าพูดตอนไหนว่าเขาได้ครองราชย์ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมาก? เสด็จพ่อยังอยู่ พูดแบบนี้ได้หรือ? น้องสี่ เจ้าทำร้ายน
อ๋องอันและอวี่เหวินห่าวยืนเผชิญหน้ากัน ภายใต้สีหน้าสงบที่ซ่อนแรงอาฆาตที่เดือดพล่านเอาไว้อ๋องอันยังรักษารอยยิ้มสุภาพอ่อนโยนจนกระทั่งอวี่เหวินห่าวเดินจากไปเพื่อทักทายแขก รอยยิ้มของเขาแข็งค้างไป และสายตาของเขาก็เย็นชาขึ้นมาบรรดาเจ้านายพระญาติได้เดินทางมาที่นี่เกือบทั้งหมดจวนอ๋องฉู่ก็คึกคักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อมองไปรอบ ๆ ในลานมีแขกผู้มีเกียรติมากมายช่วงประมาณยามเซินบ่ายสามกว่ าๆ ว่าไปแล้วควรนำเด็ก ๆ ออกมาให้แขกเห็น แต่ตั้งนานแล้วก็ไม่พาออกมา มีคนพูดถึงเรื่องนี้ว่ารัชทายาทคุ้มกันลูกแฝดสามอย่างเข้มงวดในช่วงปลายยามเซินเกือบห้าโมงเย็นนั้น มหาเสนาบดีฉู่ได้มาร่วมงาน ทำให้แขกทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งรู้หรือไม่ว่า มหาเสนาบดีไม่ได้มาร่วมในงานครึ้กครื้นเช่นนี้มานานแล้วบุคคลสำคัญรวมตัวกัน และบรรยากาศยิ่งดูสูงส่งเป็นทางการมากขึ้นไปอีกดูเผิน ๆ บรรดาชินอ๋องของราชวงศ์ก็มาถึงแล้ว ขุนนางระดับหนึ่งและสองล้วนมากันครบไม่ขาด ไม่ว่าจริงใจหรือไม่ก็ตาม วันนี้จะร่วมแสดงความมายินดีหรือไม่นั้น เท่ากับได้ตัดสินใจขีดเส้นไปแล้ว ไม่ว่าจะคิดอย่างไรวันนี้คงไม่มาไม่ได้ในเวลานี้อ๋องอันก็มองไปที่
อ๋องอันหัวเราะอย่างใจเย็น "หลานชายของข้า จะไม่มองชัด ๆได้อย่างไร?"อันที่จริงอ๋องอันเองไม่แน่ใจนัก เขาอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวของทหารและยามในจวนอ๋องฉู่เลยแม้แต่น้อย อวี่เหวินห่าวอยู่กับแขกตลอด ในจวนไม่มีคนรับใช้ที่แสดงท่าทีดูกระวนกระวายออกมาให้เห็นเลยสักนิดหากว่ากันแล้วตั้งแต่กลับจากบ้านแม่มาก็เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เด็ก ๆ น่าจะล้างหน้าจนเห็นหน้าที่ชัดเจน ต้องรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอนแต่ทำไมจวนอ๋องฉู่ถึงได้สงบขนาดนี้?เขาแอบคาดเดาอยู่ว่า คนเลวทรามอย่างจิ้งโฮ่วคนนี้จัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยหรือไม่?แต่คิดว่าไม่น่าใช่ มีคนมารายงานแล้วว่าจิ้งโฮ่วลักพาตัวเด็กออกมา และเรียกรถม้าตรงไปที่ซีซาน และเขาก็ได้ลงมือไปแล้วหากจิ้งโฮ่วทำสำเร็จ ตอนนี้อวี่เหวินห่าวก็ไม่ควรนิ่งได้ขนาดนี้ เด็กสามคนนี้อุ้มออกมาแล้วหน้าตาไม่เหมือนกัน เขาจะอธิบายได้อย่างไร?ความโกลาหลนี้เขาจะหยุดมันไว้ได้หรือ?ขณะที่เขากำลังคิด เขาก็เห็นถังหยางพาแม่นมอุ้มเด็ก ๆ ออกมาเนื่องจากเป็นเดือนพฤษภาคม หลังเที่ยงไปแล้วอากาศจะอุ่นขึ้นมาก เด็ก ๆ ที่พาออกมาจึงไม่ได้ห่อด้วยผ้าห่อตัว แต่สวมชุด
เพราะเด็ก ๆ น่ารักมากจริง ๆ และเมื่อเห็นมหาเสนาบดีฉู่อุ้มอยู่แบบนี้พอดี ทุกคนจึงอยากลองอุ้มให้เป็นสิริมงคลดูบ้างด้วยเหตุนี้ ในห้องโถงใหญ่ขนาดใหญ่ ราวกับว่ามีการแข่งขันวิ่งผลัด พวกเด็ก ๆ ต่างถูกผลัดกันอุ้มทีละคนว่าไปก็น่าแปลกใจ พวกเด็ก ๆ ไม่ชอบให้ใครแตะต้องสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเสี่ยวลั่วหมี่ที่จุกจิกเป็นพิเศษและร้องไห้ง่ายเมื่อเจอคนไม่คุ้นเคย แต่วันนี้เขาไว้หน้าพ่อของจริง ๆ ระหว่างนั้นไม่ร้องไห้เลย ยิ้มหัวเราะ ยิ้มจนใจผู้คนละลายหมดแล้ว?เสี่ยวลั่วหมี่ถูกพามาถึงด้านข้างอ๋องอันรุ่ยชิงอ๋องเป็นคนอุ้มมาให้รุ่งชิงอ๋องหลงเหลนมาก อุ้มไว้ไม่อยากปล่อยไปเลย เมื่อเห็นว่าอ๋องอันไม่รับไปอุ้มแบบนี้ เขาจึงพูดว่า "ถ้าเจ้าไม่อุ้ม ข้าจะอุ้มต่ออีกหน่อย"ทุกคนมองไปที่อ๋องอัน วันนี้เป็นวันมงคลฉลองครบเดือน ในฐานะเสด็จลุง ทำไมถึงไม่อุ้มเขากันอ๋องอันอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ท่ามกลายสายตาคนมากมายสายตาของอวี่เหวินห่าวกลายเป็นเย็นชาในทันที กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายหดเกร็งขึ้นมา ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่อ๋องอันแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรกับเสี่ยวลั่วหมี่ในตอนนี้ แต่ลูกอยู่ในมือของเขา เขาก็รู้สึกกังวลข
หยวนชิงหลิงร้องไห้สะอื้นอย่างไม่มีเสียงอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ และซบอกอวี่เหวินห่าวร้องไห้ออกมาอวี่เหวินห่าวรู้สึกไม่สบายใจเช่นเดียวกัน ตอนนี้ลูกกลับมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริงลูกคนนี้ได้ประสบอันตรายถึงตายจากข้างนอกวันนี้“เสด็จพ่อได้สั่งให้เจ้าสี่เข้าวังแล้ว ไม่ต้องห่วง จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคต” อวี่เหวินห่าวค่อย ๆ ลูบหลังนางเบา ๆ และปลอบนางอย่างอ่อนโยนหยวนชิงหลิงรับคำด้วยเสียงขึ้นจมูก และค่อย ๆ ถอยออก อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนาง และเช็ดน้ำตาด้วยความรู้สึกสงสารเสี่ยวลั่วหมี่กำปั้นของเขาแล้วชูขึ้นส่งเสียงอ้อแอ้ ดวงตากลมโตกลอกไปมา มองทางอวี่เหวินห่าวครั้งหนึ่งและหยวนชิงหลิงครั้งหนึ่ง ดูมีชีวิตชีวามากสุดที่รัก รักที่สุด ก็คือน้องคนสุดท้องที่มักทำให้พ่อแม่รู้สึกเป็นทุกข์อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสี่ยวลั่วหมี่เกิด เขาถูกสายสะดือพันรอบคอจนหายใจไม่ได้ และมีอาการตัวเหลืองเป็นอยู่นานไม่หายสักที เพิ่งครบเดือนแต่กลับเจอประสบการณ์เสี่ยงตายมาเช่นนี้ หยวนชิงหลิงและอวี่เหวินห่าวมองมาที่เขา และอดไม่ได้ที่จะรักและสงสารมากขึ้น"ไม่ดีเลย" อวี่เหวินห่าวถอนหาย
“เสด็จพ่อน่าจะรู้ว่าพี่ใหญ่ถูกใส่ร้าย ดังนั้นคงรออีกสักพักคงจะหาเหตุผลปล่อยเขาออกมา แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ คนสนับสนุนพี่ใหญ่ในราชสำนักอาจมีไม่มากนัก และรวมไปถึงเส้นสายของพี่ใหญ่ล้วนเป็นของพระชายาจี้ทั้งนั้น ดังนั้นพี่ใหญ่จึงไม่มีประโยชน์แล้ว”หยวนชิงหลิงนึกถึงฉู่หมิงหยาง "คุณหนูรองตระกูลฉู่ก็เสียเปล่า ไม่ได้อะไรกลับมาเลยจริง ๆ"อ๋องจี้เพิ่งแสดงตัวเผยโฉมของเขาออกมา และต้องออกจากการแย่งชิงตำแหน่ง แม้แต่หยวนชิงหลิงก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครที่น่าเศร้ามาก แต่เมื่อนึกถึงเรื่องวุ่นวายที่เขาเคยทำก็ยังรู้สึกแค้นเขาอยู่ดีเมื่อมองอ๋องจี้ให้ดีแล้วนั้น นอกเหนือจากการเป็นลูกชายคนโตแล้วก็ไม่มีอะไรเลยจริง ๆอย่างดีก็เป็นเหมือนจิ้งโฮ่วเวอร์ชั่นที่อัปเกรดชัยชนะทุกอย่างที่เขาได้มาก่อนหน้านั้นล้วนได้มาจากผู้หญิงของเขาทั้งนั้นหลังจากใช้ประโยชน์จากพระชายาจี้ ในฐานะลูกชายคนโตกลับไปคุกเข่าเลียแข้งเลียขาตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา มิหนำซ้ำยังโดนอ๋องอันเล่นงานจนเกือบตายหลังจากกินบะหมี่น้ำแล้ว ก็เริ่มเตรียมงานเลี้ยงดื่มเหล้ากันหลังจากที่อ๋องอันจากไป บรรยากาศในจวนอ๋องฉู่ก็สดใสขึ้นมา และงา
หยวนชิงหลิงไม่กล้าดื่มมันเลย อย่างไรก็ตาม ถ้านางดื่มแก้วเล็ก ๆ นางก็เมาจนสติหลุดอยู่ดีแต่ด้วยการยุของพระชายาซุนและองค์หญิงเหวินจิ้ง นางจึงยกแก้วเหล้าขึ้นจิบลงไปกลายเป็นน้ำเปล่านางมองไปที่นางข้าหลวงสี่ด้วยความประหลาดใจ และนางข้าหลวงสี่ก็พูดเสียงเบาอย่างไร้ความรู้สึกว่า "องค์หญิงควรรู้องค์เองนะเพคะ พวกเราอย่าไปร่วมสนุกเลย"หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "นิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก""ไม่ได้เพคะ รัชทายาทบอกว่าพระองค์ดื่มเหล้าไม่ได้แม้แต่หยดเดียว" นางข้าหลวงสี่ปฏิเสธอย่างจริงจังวันนี้ทุกคนมีความสุขมาก และสุดท้ายตัวนางไม่ได้อยากอะลาวาดทำลายที่นี่เละเทะหยวนชิงหลิงบ่นพึมพัม "เช่นนั้นฟังเขาก็ได้"ทางด้านหอตำราหลวงอ๋องอันคุกเข่าต่อหน้าฝ่าบาท ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิหมิงหยวนที่ทรงกริ้วจนหน้าดำหน้าเขียวไปหมดแล้วแม้ว่ามู่หรูกงกงจะไม่ได้พูดอะไรในตอนที่เขาอยู่ในจวนอ๋องฉู่ แต่ก่อนเข้ามาที่หอตำราหลวงนั้นได้บอกเขามาแล้ว ว่าอ๋องอันเองก็รู้อยู่แก่ใจดีอ๋องอันรู้อยู่แก่ใจจริง ๆ เขาว่าแผนให้บัณทิตฮุ่ยรับข้อกล่าวหาทั้งหมด เขาจะบอกแค่ว่าเขาไม่รู้อะไรทั้งนั้นสำหรับจิ้งโฮ่ว ดูเหมือนว่าเขาจะถูก
จักรพรรดิหมิงหยวนพูดอย่างเคร่งขรึม "เจ้าถูกใส่ร้ายรึ? แม้ว่าไม่ใช่เจ้า แต่คนในจวนของเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าก็หนีไม่พ้นความผิดนี้ ถ้าเจ้าไม่มีความคิดเช่นนี้ คนใต้บังคับบัญชาของเจ้าจะเสี่ยงชีวิตวางแผนเพื่อเจ้ารึ?”อ๋องอันนึกอะไรบางอย่างออกและพูดว่า "เสด็จพ่อ พระองค์ตรัสถูกแล้ว กระหม่อมหนีความผิดไม่ได้ แต่เรื่องนี้ทุกอย่างมันดูแปลก ได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“แปลกอย่างไร?” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสอย่างโกรธเกรี้ยวอ๋องอันยกมือเช็ดเลือดที่ไหลลงมาจากหน้าผากของเขาแล้วพูดว่า "เสด็จพ่อไม่คิดว่ามันแปลกหรือพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อจิ้งโฮ่วบอกเจ้าห้าเรื่องที่บัณทิตฮุ่ยบงการเรื่องนี้ ทำไมเจ้าห้าถึงไม่ทูลเสด็จพ่อ แล้วยังให้จิ้งโฮ่วพาหลานชายไปเสี่ยงแบบไม่กลัวอันตรายใด ๆ นอกจากนี้ แม้ว่าบัณทิตฮุ่ยจะเป็นคนของกระหม่อม แต่กระหม่อมก็ไม่ไว้ใจเขามากนัก และไม่ได้ให้รับผิดชอบงานสำคัญมากด้วย เสด็จพ่อถามหน่อยเถิด หลายปีมานี้เคยให้เขาทำเรื่องที่สำคัญหรือไม่ เหตุใดจึงลักพาตัวหลานไปกัน ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลกับชีวิตกระหม่อม กระหม่อมจะไปให้เขาไปจัดการได้อย่างไร? กระหม่อมถูกใส่ร้าย เสด็จพ่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกด้วย"จ