เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็พูดว่า "แล้วทำไมท่านไม่เรียกหมานเอ๋อร์เข้ามาถามล่ะ?"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "ก็ดี"เขาลุกขึ้นและออกไป ซูยี่ที่เพิ่งเข้ามาในลานพอดี เขาก็พูดว่า "ซูยี่ไปเรียกหมั่นโถวเข้ามา""พ่ะย่ะค่ะ!" ซูยี่วันนี้ไม่มีอะไรทำ และอยากที่จะมาดูพวกเด็ก ๆหมานเอ๋อร์ถูกเรียกตัวมา และเมื่ออวี่เหวินห่าวถามเกี่ยวกับแม่มดดำ นางถึงกับตกตะลึง "พระองค์ทรงทราบเรื่องแม่มดดำได้อย่างไรเพคะ?"“บอกมาสิแม่มดดำคืออะไรกันแน่” อวี่เหวินห่าวกล่าวหมานเอ๋อร์กล่าวว่า "แม่มดดำเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์ของหนานเจียงเรา และนับว่ามีฐานะสูงสุดในหนานเจียง แม้ว่าหนานเจียงของเราจะแบ่งเหนือใต้ แต่แม่มดดำก็คือแม่มดดำของหนานเจียงทั้งหมด และเป็นผู้นำแม่มดแห่งหนานเจียงทั้งหมด แม่มดดำไม่สามารถแต่งงานได้ เมื่อพวกเขาสืบทอดตำแหน่งแม่มดดำ พวกเขาจะมองหาและเลือกเด็กสาวสองคนจากหนานเจียงให้เป็นผู้สืบทอด"หยวนชิงหลิงพูดว่า "แล้วเจ้ารู้ไหมว่าลูกสาวคนหนึ่งของแม่มดดำในหนานเจียงได้เสียชีวิตแล้ว"“ทูลองค์หญิง บ่าวก็ไม่ทราบ และบ่าวเองก็ไม่ได้กลับไปที่หนานเจียงนานแล้วด้วยเพคะ” หมานเอ๋อร์กล่าวหยวนชิงหลิงถามว่า "เจ้าเพิ่งบอกว่
"เจ้า...เจ้ามาที่นี่ทำไม เจ้าคิดจะทำอะไร?" กู้จือเจ็บไปทั่วร่าง และหลังคลอดนางก็หมดสติไปทันที ตอนนี้ทั้งเหนื่อยและหิว ราวกับว่าร่างกายของนางถูกก้อนหินบดขยี้อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้ทำให้นางหยุดระแวงจิ้งเหอจวิ้นจู่ได้เลย“ก่อนหน้านี้เจ้าที่ถามข้า ว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไม่? ตอนนี้ข้าได้คำตอบแล้ว เจ้าอยากฟังไหม?” จิ้งเหอจวิ้นจู่พูดเสียงเบา ร่างกู้จือแข็งทื่อ นางค่อย ๆ หันหน้าไป ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อย "เจ้าฆ่าข้าไม่ได้"จิ้งเหอจวิ้นจู่กล่าวว่า "กู้จือ เจ้าลองบอกเหตุผลมา ให้ข้าไม่ฆ่าเจ้า"กู้จือกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก "หยวนชิงหลิงบอกว่านางจะปกป้องข้า และพาข้ากลับไปที่หนานเจียง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ เจ้ายังบอกว่าจะฟังนาง เพราะนางช่วยชีวิตเจ้า"กู้จือไม่เห็นแววตาในดวงตาของจิ้งเหอจวิ้นจู่เลย ท่าทางดูสงบมากและพูดว่า "ใช่ ข้าเคยพูดไปแล้ว ถ้านางอยากช่วยเจ้าและข้าฆ่าเจ้า ก็เพราะข้าเป็นหนี้นางหนึ่งชีวิต"“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ฆ่าข้าไม่ได้!” กู้จือลุกขึ้นลากร่างอันหนักอึ้งไปด้านข้าง “เห็นแก่ลูกข้า เจ้าอยากได้ลูกข้ามิใช่หรือ? เจ้าเอาไปเลย ไว้ชีวิตข้าด้วย"จิ้งเหอจวิ้นจู่ถอนหายใจ "จริง ๆ ข้าอยากจะปล
กู้จือรู้สึกได้ถึงยมทูต ในใจก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ และนางเค้นสมองนึกเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของอ๋องอัน แต่ในความเป็นจริงนางติดต่อกับอ๋องอันค่อนข้างจำกัด และอ๋องอันก็ค่อนข้างระวังตัวเป็นอย่างมาก ที่จะไม่ให้นางรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ มากอีกด้วยนางนึกถึงคน ๆ หนึ่งและพูดอย่างรวดเร็ว "อ๋องอันติดต่อกับคุณชายหงเย่บ่อย ๆ พวกเขาต้องสมรู้ร่วมคิดกัน เขาส่งคนไปฆ่าอ๋องฉี และโยนความผิดให้อ๋องจี้ อ๋องจี้บริสุทธิ์ เจ้าไปหาพระชายาจี้ก็ได้ เจ้าช่วยพระชายาจี้ได้ พระชายาจี้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า...”หลังจากได้ยิน แววตาจิ้งเหอจวิ้นจู่ก็สั่นไหว "กู้จือ ข้าไม่สนใจสิ่งที่เจ้าพูด"“อีกอย่าง...” กู้จืออยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาที่จะร้องและยืนตัวสั่นด้วยความตื่นตระหนก “เจ้าอยากฟังเรื่องอ๋องเว่ยหรือไม่? อ๋องเว่ยมีเจ้าอยู่ในใจ จริง ๆ แล้วเขามีเจ้าอยู่ในใจ ... ”ร่องรอยของความเกลียดชังส่องประกายในดวงตาของจิ้งเหอจวิ้นจู่ จิตสังหารก็เกิดขึ้นทันที แสงเย็นของมีดสั้นก็ส่องวาบผ่านคอของกู้จือนางพูดอย่างไม่เสียใจเลยสักนิดว่า "กู้จือ เจ้าไม่ควรพูดถึงเขาเลย"กู้จือรู้สึกว่าคอของนางเย็น และเอื้อมมือไปสัมผัสโดยไม่รู้ต
ภูเขาลูกใหญ่มาก จึงสุ่มหาสักที่ที่มีดินร่วนเพื่อฝังศพกู้จืออาซื่อตักดินเติมลงในหลุมและพูดอย่างเฉยชาว่า "กู้จือ เจ้าได้รับกรรมที่ก่อแล้ว ตายแล้วไปก็ไปปรโลกซะ อย่าคิดจะกลับมาสร้างปัญหาอีก อย่างไรก็ตาม ตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย ตายไปแล้วต้องตกนรก แม้จะอยากกลับก็ไม่ได้อีก ในชาติหน้าขอให้เป็นคนดีนะ ถึงการเป็นคนดีจะลำบาก แต่ก็สุขใจ”นางเติมดินในหลุมให้เต็มและอัดให้แน่น วางหินสองก้อนไว้ด้านบนเป็นเครื่องหมาย นางรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย นางจึงนั่งหน้าหลุมศพเพื่อพักและพูดว่า "จิ้งเหอจวิ้นจู่ช่างแสนดีเหลือเกิน ทำไมเจ้าถึงโหดร้ายกับนาง นางเคยช่วยเจ้าไว้แท้ ๆ เป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคน เจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากคนตายเลย เอาเถอะ เจ้าไปซะเถอะ "หลังจากพูดจบ นางก็เดินกลับมาพร้อมกับแบกพลั่วมาจิ้งเหอจวิ้นจู่กำลังเก็บข้าวของในห้อง เตียงและเครื่องนอนของกู้จือถูกเผาทิ้งทั้งหมด มีกลิ่นเลือดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศอาซื่อเข้าไปช่วยเผาทุกอย่างที่ควรเผา แล้วถามจิ้งเหอจวิ้นจู่ว่า "ท่านจะกลับไปที่แห่งใด?"จิ้งเหอจวิ้นจู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ข้าจะกลับไปกับเจ้า จะแวะดูเด็กคนนั้นสักหน่อย"“แล้
อาซื่อและหมานเอ๋อร์รีบไปช่วยพยุงนาง หยวนชิงหลิงรู้ว่านางเหนื่อยจนหมดสติไป จึงพานางไปที่ห้องด้านข้างนอนพักสักครู่หลังจากพานางไปนอนแล้ว นางให้หมานเอ๋อร์ไปที่จวนตระกูลชุย เพื่อที่คนในจวนตระกูลชุยจะได้ไม่ต้องกังวล แต่อย่ามาที่นี่ก่อน ปล่อยให้นางอ่อนแอสักพัก หากคนในตระกูลชุยมา เกรงว่านางจะต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอย่างไรก็ตาม จิ้งเหอจวิ้นจู่สนิทกับพระชายาซุน ดังนั้นนางจึงเชิญพระชายาซุนมาเมื่อพระชายาซุนมาถึง หยวนชิงหลิงก็เล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง พระชายาซุนสะใจมาก และพูดว่า "ดี ฆ่าได้ดี คนแบบนี้สมควรตาย"“คนตายไปแล้วก็ช่างเถอะ ไม่ต้องตะโกนหรอก” หยวนชิงหลิงกล่าวพระชายาซุนพยักหน้า "ข้ารู้ ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ที่นี่เจ้าช่วยเก็บความลับไว้ได้ไหม?""คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่อาซื่อและหมานเอ๋อร์ และทั้งสองคนเก็บความลับได้" หยวนชิงหลิงรู้ว่าแม้ว่าบางครั้งพระชายาซุนจะเก็บความลับไม่อยู่ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิ้งเหอจวิ้นจู่นางมีขอบเขต ดังนั้นนางจึงไม่กลัวที่จะบอกให้นางรู้พระชายาซุนถอนหายใจด้วยความโล่งอกจริง ๆก่อนหน้านี้ที่จิ้งเหอจวิ้นจู่จะเก็บกู้จือไว้ นางเคยบอกด้วยว่าจิ้งเหอจวิ้นจู่ใจอ
นางยังสั่งให้คนส่งจดหมายถึงหยวนชิงหลิงนางบอกหยวนชิงหลิง ทั้งครอบครัวและเพื่อน ๆ ของนางในเมืองหลวง รู้สึกว่านางจมอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ ทุกคนอยากจะปกป้องนาง แต่นางก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ถ้าชีวิตคือประสบการณ์ นางอยากจะออกไปสัมผัสมันด้วยตัวเองหลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้ หยวนชิงหลิงรู้สึกมีความสุขจริง ๆ แม้ว่าการออกไปครั้งนี้อาจจะยากลำบากและอันตราย แต่ก็เป็นเรื่องดีที่นางสามารถใช้ชีวิตตามใจนางเอง และทิ้งโซ่ตรวนของเมืองหลวงไว้เบื้องหลังอวี่เหวินห่าวขอให้เซียวหงเฉินหาครอบครัวรับฉงเอ๋อร์ไปเลี้ยงเซียวหงเฉินหาได้อย่างรวดเร็ว เขาคือหยวนไหว่หลางจากฝูโจว เขาแต่งงานมาหลายปีและไม่มีลูก เขาพาฮูหยินไปเหมืองหลวงเพื่อรับการรักษา อยู่ที่เมืองหลวงรับรักษานานมากว่าหนึ่งปี ถ้าเขานำเด็กกลับไปที่ฝูโจว เขาสามารถประกาศต่อคนทั่วไปได้ว่าฮูหยินของเขาได้คลอดมาเองเซียวหงเฉินให้หยวนชิงหลิงวางใจได้ นางรู้จักหยวนไหว่หลางคนนี้มาหลายปีแล้ว เขาใจดี มีเมตตา สะสมทรัพย์สมบัติบริจาคเพื่อหมู่บ้าน ในระแวกนั้นยกย่องว่าเขาเป็นคนใจบุญหยวนชิงหลิงคิดว่ามันดีมาก ฝูโจวอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง กำหนดการประมาณสองวัน ถ้าสะดวกจะ
อวี่เหวินห่าวถอนหายใจ "อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอกว่าจะมีคลังเล็ก ๆ หรือไม่ ในไม่ช้านี้จิ้งถิงกำลังจะมา ข้าคงจะไม่อดอยากจนเกินไป""แน่นอน ๆ" ถังหยางตระหนักได้ว่าเขาพยายามเอาใจทั้งสองฝ่าย และดีดลูกคิดได้อย่างราบรื่นในวันสำคัญ ต้องเริ่มซ้อมแผนการในวันพรุ่งนี้ก่อนอื่นในตอนประมาณเที่ยงคืนจะทำการโกนผมให้เด็ก ๆ ก่อน เรียกว่าเรียกว่าการโกนผมไฟครบเดือน หลังจากนั้น อวี่เหวินห่าวจะพาหยวนชิงหลิงและเด็ก ๆ ไปจุดธูปกราบไหว้ที่ศาลบูรพกษัตริย์ จากนั้นนำไปถวายพระพรไท่ซ่างหวง ไทเฮา ฮ่องเต้ และฮองเฮาหลังจากเสร็จแล้ว ก็กลับไปที่จวนจิ้งโฮ่ว เรียกว่าครบเดือนกลับบ้านแม่ เดินแวะรับอั่งเปาให้เป็นสิริมงคล หลังจากจุดประทัดเสร็จแล้วจึงกลับไปที่จวนอ๋องฉู่ เพื่อต้อนรับแขกเรื่อที่เข้ามากมายมายนอกจากนี้จะมีงานเลี้ยงที่จวนจิ้งโฮ่วได้เชิญญาติ และเพื่อน ๆ ของจวนจิ้งโฮ่วมา หยวนชิงหลิงได้สั่งให้คนไปบอกท่านย่าของนางเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และนางจะจ่ายเงินเองนางรู้ว่าเงินของท่านย่าถูกจิ้งโฮ่วรีดไถมาตลอดหลายปีจนว่างเปล่า นางไม่สามารถนำเงินออกมาจัดงานเลี้ยงดี ๆ ได้อีกแล้วในขณะนี้ยังเดินไม่ค่อยได้ ดังนั้นหยวนชิงหลิงจ
ได้ยินมาว่าตั้งแต่องค์หญิงรัชทายาทตั้งครรภ์ รัชทายาทไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย ด้วยเหตุนี้เขารบกวนหมอหลวงเฉาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมอหลวงเฉาเองก็ลำบากไม่น้อย แต่เขาจะทำอย่างไรได้? แม้แต่ผู้หญิงที่ฉลาดก็ไม่สามารถหุงข้าวได้ หากไม่มีข้าวและเขาไม่ใช่ผู้หญิงประมาณสามทุ่ม กู้ซีมาพร้อมกับกองทหารองค์รักษ์หนึ่งร้อยนาย กองทหารองค์รักษ์และทหารหลวงได้ทำการลาดตระเวนคุ้มกันไปด้วยกันแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก พวกเขาเคยทำมาก่อน และยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่งในช่วงเที่ยงคืนช่างตัดผมได้โกนผมพวกเด็ก ๆหลังจากพยายามเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ช่องว่างขนาดตัวระหว่างเด็ก ๆค่อย ๆ แคบลง อย่างน้อยหน้าตาก็ดูไม่เลวทีเดียวอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเปาจื่อย่อมแข็งแรงกว่าอยู่แล้ว รองลงมาคือทังหยวน และเสี่ยวลั่วหมี่ที่ผอมกว่านิดหน่อย แต่ใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ อ้วนขึ้น มองแวบเดียวก็บอกความแตกต่างไม่ได้ในทันทีช่างโกนผมรอบ ๆ ออกเหลือเพียงผมส่วนเล็ก ๆ บริเวณหน้าผากจนไปถึงกลางกระหม่อม เด็ก ๆ ที่เหมือนลูกบอลแป้งนั้นน่ารักมาก โดยเฉพาะเวลาชูแขนชูขาเล่นอดใจไม่ไหวที่จะอุ้มพวกเขาไว้ในอ้อมแขน แล้วตีหน้าผากพวกเ