หมอหลวงเฉายื่นมือไปอุ้มเขาตรวจชีพจรดูและพูดว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินจากหมอตำแยว่าเหล่าซานถูกสายสะดือพันรอบคอตอนที่เขาอยู่ในครรภ์ เขาไม่ร้องไห้อยู่นาน ฮูหยินเจียงหนิงได้ช่วยเขาเอาไว้ ถึงจะร้องไห้ออกมาได้ แต่ตอนนี้ชีพจรอ่อนลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่ามีเสมหะในลำคอ ต้องสังเกตอีกสักพักพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเกือบจะมีอันตราย จักรพรรดิหมิงหยวนก็รู้สึกกระวนกระวายใจ "เจ้าต้องจับตาดูเอาไว้ และรายงานข้าทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น""พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับพระบัญชา!" หมอหลวงเฉาตอบ เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนที่เขาอุ้มมาแต่เมื่อเขาเห็นว่าเหล่าซานร้องไห้อีกครั้ง และเสียงของเขาก็ดูไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วเหล่าซานจะต้องอ่อนแอกว่าทารกทั่วไปจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้แม่นมอุ้มเขาไป เหล่าเอ๋อร์กับเหล่าต้าที่ได้กินนมแล้วนั้น แต่เหล่าซานนั้นยังไม่กินนมเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดจักรพรรดิหมิงหยวนทรงฟังเสียงร้องไห้ ทรงปวดพระทัยยิ่งนัก พระองค์ตรัสว่า "ได้ ๆ อย่าบังคับเขาเลย ถ้าเขาไม่อยากกิน ก็รอสักครู่เถอะ"แม่นมอุ้มออกมาให้เขาอีกครั้งเขาทั้งกอดและโอ๋เขา ทา
“จริงหรือ?” ไท่ซ่างหวงดูไม่ขุ่นเคืองเท่าไหร่แล้ว “แล้วคนที่เหลือเล่า หน้าเหมือนพ่อหรือแม่?”จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวว่า "ยังมองไม่ค่อยชัดนัก หน้าย่นดูน่าเกลียดเล็กน้อย ราชวงศ์ของเราไม่มีคนอัปลักษณ์ อาจจะเหมือนกับพระชายาฉู่ที่เป็นมารดาของพวกเขา เหมือนทางจิ้งโฮ่ว ทางนั้นหน้าตาช่างน่าเกลียด"ไท่ซ่างหวงเชื่ออย่างสุดซึ้งว่า ในแง่ของรูปร่างหน้าตานั้นตระกูลอวี่เหวินดีกว่ามากในความเป็นจริงรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษตระกูลอวี่เหวินนั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อพวกเขากลายเป็นจักรพรรดิ พวกเขาก็แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยงดงาม พวกเขาได้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น จนตอนนี้พวกเขามาถึงจุดสูงสุดของรูปลักษณ์แล้วสูงกว่านี้ก็เปรียบดั่งปีศาจแล้วไท่ซ่างหวงรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะไปพบกับเหลนทั้งสามของเขาทันทีที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสด็จทวดแล้วนั้น เหลนคนที่หนึ่งสองสามของเขานั้นช่างสำคัญเหลือเกิน“เจ้ากลับไปซะ ข้าจะนอน พรุ่งนี้ข้าจะออกจากวัง” ไท่ซ่างหวงกล่าวจักรพรรดิหมิงหยวนตกใจ “พระองค์จะออกจากวัง?”"ทำไม? ข้าไปไม่ได้รึ? ทำเป็นไม่เคยออกจากวัง ทำตื่นตูมไปได้!” ไท่ซ่างหวงโบกพระหัตถ์ไล่ "เจ้าไปซะ ข้าจะสูบยาส
เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไปแล้ว จักรพรรดิหมิงหยวนได้เสด็จเข้ามาแล้วเมื่อเห็นแสงสว่างเรืองรองของชุดสีเหลืองสดใสที่ประตูตำหนัก นางทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเพื่อถวายบังคม "ฮู้กวงติง ถวายบังคมฝ่าบาท!"จักรพรรดิหมิงหยวนทอดพระเนตรรูปลักษณ์ที่สดใสของนางหลังจากอาบน้ำ ใบหน้าของนางไม่มีร่องรอยของการแต่งหน้า มันบริสุทธิ์ราวกับน้ำพุใส แววตาที่เป็นประกายร้อนแรงได้หายไป แต่นางรู้สึกอายเล็กน้อย กระวนกระวายใจนิดหน่อยเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก และระงับความร้อนรนภายในใจ แล้วพูดว่า "เสียมารยาทแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อคุยกับเจ้า"“เพคะ!” ฮู้กวงติงแอบแลบลิ้นด้วยความเขินอาย “ฝ่าบาท หม่อมฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหมเพคะ?”เมื่อเห็นนางลุกขึ้น จักรพรรดิหมิงหยวนก็แหย่นางเล่นว่า "ไม่ สวมแบบนี้ก็ดีแล้ว"ฮู้กวงติงเอื้อมมือไปกุมชุดนอน "มันไม่เรียบร้อยเพคะ"โม่โม่ในวังเคยสอนว่า เมื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาททุกอย่างต้องเรียบร้อยเป็นไปตามกฏระเบียบหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งลงแล้ว นางก็ทำตาโตและถามว่า "ฝ่าบาท พระองค์เสด็จมาดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไรรึเปล่าเพคะ?"นางรู้ว่าไม่ใช่เป็นการที่ฝ่าบาทจะมาเสด็จค้างคืนเฉย ๆ เพราะการเสด
อวี่เหวินห่าวถูหน้าของเขาลงบนฝ่ามือของนาง ดวงตาของเขาแดงก่ำ และเสียงของเขาก็แผ่วเบา "หยวน เจ้าเก่งมาก ๆ"เขาค่อย ๆ เข้าไปกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา ตอนนี้ได้กอดนางแน่น ๆ แล้ว เขารู้สึกอุ่นใจยิ่งนักหยวนชิงหลิงหลับตาและถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าดูเหมือนว่านางจะผ่านอันตรายมาทุกรูปแบบ แต่มันก็คุ้มค่าเสมอนางหันไปมองเด็กทั้งสามคนที่ถูกห่อตัวอยู่ แต่เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก นางพยายามยกศีรษะขึ้นมองอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "อย่าขยับ ข้าอุ้มให้เจ้าดูเอง"เขายกทั้งสองขึ้นมา และพลิกตะแคงจับด้านหลังของผ้าห่อตัวเอาไว้ ให้ใบหน้าของพวกเขาหันลงมาที่หยวนชิงหลิง เพื่อที่นางจะมองเห็นได้โดยไม่ต้องหันมาทันใดนั้น ใบหน้าของทารกสองคนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ หยวนชิงหลิงตกใจอย่างมาก ก่อนที่นางจะได้เห็นชัด ๆ นางได้ยินเสียงนางข้าหลวงสี่ที่ร้องออกมาด้วยตวามตกใจว่า "ไอหย๊า ท่านอ๋อง ท่านอุ้มเด็กแบบนี้ได้อย่างไร นี่จะทำให้สำลัก.. "ก่อนที่นางข้าหลวงสี่จะพูดจบประโยค ทารกทั้งสองก็สำลักนมพ่นนมใส่ศีรษะและใบหน้าของหยวนชิงหลิง"อ๊ะ!" เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยน้ำนม อวี่เหวินห่าวจึงโยนทารกทิ้งด้วยความตกใจ และ
อวี่เหวินห่าวยอมรับความผิดพลาดของเขาอย่างตรงไปตรงมา "โม่โม่สั่งสอนได้ถูกแล้ว ข้ารู้แล้ว"โม่โม่มองไปที่เขาและพูดเบา ๆ "ท่านอ๋อง รอราชโองการแต่งตั้งลงมา พระองค์ก็จะได้เป็นรัชทายาทแล้ว ท่านต้องรับผิดชอบต่อลูก ๆ ให้ได้ก่อน จึงจะรับผิดชอบต่อใต้หล้าได้นะเพคะ"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "ขอบคุณโม่โม่ที่สั่งสอน"หลังจากได้ยินเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจจริง ๆเขาเคยอยากต้องสู้แย่งชิง แต่มันก็แค่ชั่วครู่หนึ่งอย่างไรก็ตาม พูดกันตามตรง เขาไม่อยากที่จะเป็นรัชทายาทเลยแม้แต่น้อยไม่ใช่ว่าเขากลัวที่จะออกไปต่อสู้ แต่นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของเหล่าหยวนและของตัวเขาด้วยไม่ใช่ว่าเขาดูแคลนตัวเองและไม่มีความสามารถ แต่การเป็นอ๋องกับรัชทายาทนั้นแตกต่างกันการเป็นรัชทายาทนั้นหมายความว่า ทุกสายตาล้วนแต่จับจ้องมาที่เขา เขาต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายผิดหวังและที่สำคัญที่สุดคือ ปลายทางสุดท้ายของรัชทายาทอาจไม่จำเป็นต้องได้เป็นจักรพรรดิเสมอไปลองย้อนกลับไปดูว่า หากเขาอยากจะชิงตำแหน่งรัชทายาท ก็ต้องได้มาตามความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ได้มาเพราะลูกสามคนเช่นนี้ก่อนหน้านั้นมีข้อพิพาทในราชสำนัก อย่างกา
อวี่เหวินห่าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปสั่งให้คนนำเด็ก ๆ ทั้งสามออกมาสามพี่น้องเพิ่งกินนมอิ่ม นอนอย่างพึงพอใจในผ้าห่อตัว แล้วจึงอุ้มพวกเขาไปให้ไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงดูคนนี้คนนั้นจนน้ำลายเกือบไหลลงมา ดวงตาของเขาเป็นประกาย แต่ก็ไม่ได้เอื้อมมือออกไปอุ้มพวกเขาตรงกันข้ามกับฉางกงกงอย่างมาก เขายื่นมือออกแล้วพูดว่า "เรียกบ่าวอุ้มเถอะพ่ะย่ะค่ะ"ไท่ซ่างหวงตบมือที่ยื่นออกมา "เจ้ากล้าเอื้อมมือไปอุ้มทารกทั้ง ๆ ที่ไม่รู้วิธีอุ้มทารกด้วยซ้ำ? แล้วถ้าพวกเขาบุสลายเล่า?"อวี่เหวินห่าวยิ้ม “อุ้มไปไม่บุสลายหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ เมื่อกี้หลานเผลอโยนไปที ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงก็เลิกคิ้วและเงยหน้าขึ้น "โยนรึ?"“ไม่ใช่หรือ เด็กสองคนนี้กล้าพ่นนม…” เขาพูดเมื่อเห็นพระพักตร์ของไท่ช่างหวงที่ทรงกริ้วจัด เขาสะดุ้งรีบเปลี่ยนคำพูด “หลานอุ้มพวกเขาเบา ๆ แล้ววางไว้ข้าง ๆ"นางข้าหลวงสี่ไม่ได้ช่วยเขา นางต้องมอบบทเรียนให้เขา มิฉะนั้นในอนาคตอาจจะเกิดเรื่องเลิ่นเลอเช่นนี้อีก นางพูดว่า "ไท่ซ่างหวง พระองค์ยังไม่ทราบ ตอนที่สองพี่น้องสำลักพ่นนม ท่านอ๋องโยนพวกเขาลงไปจริง เด็ก ๆ ร้องไห้จนหน้าแดงไปหมดแล้
ซูยี่ยกมือขึ้น และเรียกคนหลายคนเข้ามาช่วยเปิดกล่องเมื่อกล่องทั้งหมดถูกเปิดออก และวางไว้ตรงหน้าอวี่เหวินห่าว อวี่เหวินห่าวก็ปิดปากของเขาและอุทานตกใจออกมา "โอ้สวรรค์!""สวรรค์!" ถังหยางและซูยี่อดไม่ได้ที่จะอุทาน ถังหยางที่เป็นคนควบคุมตัวเองได้ดี เขายังอดอุทานออกมาไม่ได้ใครจะคิดว่าราชวงศ์ในปัจจุบัน ไท่ซ่างหวงในตอนนี้จะทำเรื่องธรรมดาที่ดูอลังการจนน่าเกลียดได้ถึงเพียงนี้?ในบรรดากล่องทั้งสามสิบกล่อง ยี่สิบเจ็ดกล่องเป็นทองคำสีทองอร่ามทั้งหมด"พระองค์ไปปล้นทองคำในท้องพระคลังมาหรือ?" อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความตกใจ จากนั้นพูดกับถังหยางด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา "เร็วเข้า นับเร็วว่ามีเท่าไหร่"ถังหยางหยิบรายการของรางวัลออกมาจากข้างในและพูดว่า "ท่านอ๋อง มันมีเขียนไว้ที่นี่ หนึ่งแสนตำลึงทอง"อวี่เหวินห่าวยกนิ้วนับ "ทองหนึ่งตำลึงเท่ากับสิบตำลึงเงิน หนึ่งตำลึงเงินเท่ากับสิบกว้าน สิบกว้านเท่ากับหนึ่งเหรียญ นี่มันเท่าไหร่?"ซูยี่มองเขาอย่างตรงไปตรงมา "ท่านอ๋อง มันเป็นทองคำหนึ่งแสนตำลึง หากอยากจะเปลี่ยนเป็นเงิน มันจะเป็นเงินหนึ่งล้านตำลึง""สวรรค์ พวกเขาเกิดมาก็รวยแล้ว?" อวี่เหวินห่าวนั่งลงบนเก้าอ
เงินในท้องพระคลังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างส่งเดช และเงินจากในวังไม่สามารถใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า“ไม่รู้สิ ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน” อวี่เหวินห่าวกล่าวทองหนึ่งแสนตำลึง นั่นคือเงินหนึ่งล้านตำลึง จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็รู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยขึ้นมานางเริ่มคิดว่าตอนนี้เงินนั้นเพียงพอแล้ว หลังจากอยู่เดือนครบแล้ว นางควรเตรียมตัวสำหรับโรงเรียนแพทย์“ว่าแต่ เรื่องตั้งชื่อเล่า” หยวนชิงหลิงถาม"ยังไม่ได้ตั้ง" อวี่เหวินห่าวก็เศร้าเช่นกัน "ชักช้ามากนัก ปกติแล้วกรมพิธีการน่าจะร่างชื่อไว้แต่เนิ่น แล้วส่งไปให้เสด็จปู่เลือก พวกเขาเกิดมาได้หนึ่งวันแล้ว ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย”หยวนชิงหลิงขยับตัวเล็กน้อย เท้าของนางกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา อวี่เหวินห่าวรีบนวดนาง เจ้าอาวาสบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า หลังคลอดลูกต้องนวดขา"ทำไมเราไม่คิดชื่อเล่นก่อนล่ะ" หยวนชิงหลิงกล่าวอวี่เหวินห่าวเห็นด้วย แต่นึกคิดอะไรแบบนี้ออกจะเกินตัวไปหน่อยการคิดชื่อนั้นยากพอ ๆ กับการเขียนบทกวีอวี่เหวินห่าวมองไปที่นางและพูดเบา ๆ "เจ้าให้กำเนิดลูกผ่านความยากลำบากนับไม่ถ้วน ข้าให้สิทธิ์เจ้าคิดชื่อเล่นนะ เจ้าตัดสินใจเลือกเอาได้"หยวนชิงหลิงตกลงอ