เขายกมือขึ้น "พาตัวออกไป!"ในตอนนี้เสียนเฟยโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย นางพยายามคุกเข่าอ้อนวอนอย่างน่าอนาถ "หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ!"แม้ว่านางจะปวดใจมาก แต่ร่องรอยแห่งความสุขก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจักรพรรดิทรงทราบว่านางคิดจะทำอะไร แต่พระองค์ก็ไม่ปลดนาง เพราะจักรพรรดิบอกว่าวันนี้เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งวันนี้เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง อ๋องฉู่มีลูกชาย ราชวงศ์มีทายาทสืบสกุลแล้ว รัชทายาทไม่สามารถมีแม่ที่ถูกปลดได้ฝ่าบาท พระองค์ทรงตัดสินพระทัยแล้วหรือ?เสียนเฟยถูกส่งตัวกลับไป และทุกคนที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็ถูกจัดการจักรพรรดิหมิงหยวนช่วยประคองนางข้าหลวงสี่ด้วยตัวเอง เขามองดวงตาแดงก่ำ และใบหน้าที่บวมแดงของนาง "วันนี้ลำบากเจ้ามากแล้วจริง ๆ"นางข้าหลวงสี่ร้องไห้น้ำตาไหล "บ่าวแค่อยากให้พระชายาปลอดภัยเท่านั้น!"“ใช่แล้ว ๆ” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสแล้วมองไปทางห้องผ่าตัด “เด็ก ๆ อุ้มออกมาได้หรือไม่?”เหตุผลที่เจ้าห้าสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะเจ้าอาวาสขอให้ราชรถพาเขากลับไปที่จวนอ๋องฉู่ อวี่เหวินห่าวจึงไม่ได้ไปไกลจากจวนมากนักเมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินว่าเขาได้ให้กำเนิดลูกชายสามค
หยวนชิงหลิงได้รับการขนานนามเป็นองค์หญิงรัชทายาท ถือได้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงแล้วเลือดออกที่เกิดจากหดตัวอย่างรุนแรงของมดลูกก็ต้องขอบคุณฮูหยินเจียงหนิงที่จัดการได้ทันเวลา ทั้งการนวดมดลูกเพื่อเสริมการบีบตัวของมดลูก เย็บห้ามเลือด และถ่ายเลือดก่อนที่เจ้าอาวาสจะกลับมาอย่างไรก็ตาม การเสียเลือดจำนวนมากในระยะเวลาสั้น ๆ ตอนนี้ก็นับว่ายังไม่พ้นขีดอันตรายรุ่นน้องฉีดออกซิโทซินและเย็บแผลเป็นเลขแปดเพื่อจัดการกับเลือดที่ไหลออกการถ่ายเลือดยังคงดำเนินต่อไป อวี่เหวินห่าวคอยปกป้องนางทุกฝีก้าว เฝ้าดูการไหลเวียนของเลือดอย่างต่อเนื่องในเส้นเลือดของนางราวกับใจของเขาห้อยอยู่อย่างน่าหวาดเสียวตลอด จนเขาไม่อาจทำใจสงบลงไปได้เลยพี่น้องสามคนถือกำเนิดขึ้น และมีคนมากมายต่างมีความสุข แต่หลายคนลืมไปว่าแม่ของเด็กเหล่านั้นยังคงนอนอยู่ที่นี่อย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีอวี่เหวินห่าวฟังการเต้นของหัวใจนาง ซึ่งมันเต้นเร็วมาก เจ้าอาวาสบอกว่าคงจะดีกว่าถ้าการเต้นของหัวใจช้าลงอีกสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงกระซิบข้างหูของนาง เพื่อให้กำลังใจนางให้พยายามเข้าใบหน้าซีดราวกับกระดาษ หน้าผากและไรผมนางเปียกชื้น เขายื่นมือออกไปและ
นั้นคือสิ่งที่รู้สึกเขาเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือความสำคัญของการสืบทอดการสืบทอดจะต้องมีใครสักคนไม่ว่าเจ้าห้าจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติสำหรับการสืบทอดนี้อีกประเด็นหนึ่งคือ ตัวเขาเองคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ สภาพร่างกายที่ย่ำแย่เช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็ยังสามารถให้กำเนิดบุตรได้ และทั้งสามคนก็ต่างรอดชีวิตมาได้ แน่นอนว่าหมอหลวงย่อมรายงาน โดยกล่าวว่าหยวนชิงหลิงถูกฮูหยินเจียงหนิงผ่าท้องแล้วนำเอาเด็กออกมาหลังจากที่ได้ยินนั้น เขาถึงกับตกใจเป็นอย่างมากหลังจากที่มู่หรูกงกงกงถาม ก็มองที่เขามาตลอดจักรพรรดิหมิงหยวนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ "ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจแล้วใช่หรือไม่?"มู่หรูกงกงกงคุกเข่าลง "ฝ่าบาททรงพระปรีชา!""ราชวงศ์เป่ยถังต้องการกษัตริย์ที่ชาญฉลาด" จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสทารกสามคนที่ถูกอุ้มออกมาอีกครั้ง ทารกต่างก็ร้องไห้ออกมา หมอหลวงเฉาเป็นทุกข์มากและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ซื่อจื่อทั้งสามร้องไห้ตั้งแต่พวกเขาเข้ามา พวกเขาไม่ยอมกินนม ดูสิพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาร้องไห้จนหน้าเขียวหมดแล้ว”เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวานมาก "เกิด
หมอหลวงเฉายื่นมือไปอุ้มเขาตรวจชีพจรดูและพูดว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินจากหมอตำแยว่าเหล่าซานถูกสายสะดือพันรอบคอตอนที่เขาอยู่ในครรภ์ เขาไม่ร้องไห้อยู่นาน ฮูหยินเจียงหนิงได้ช่วยเขาเอาไว้ ถึงจะร้องไห้ออกมาได้ แต่ตอนนี้ชีพจรอ่อนลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่ามีเสมหะในลำคอ ต้องสังเกตอีกสักพักพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเกือบจะมีอันตราย จักรพรรดิหมิงหยวนก็รู้สึกกระวนกระวายใจ "เจ้าต้องจับตาดูเอาไว้ และรายงานข้าทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น""พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับพระบัญชา!" หมอหลวงเฉาตอบ เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนที่เขาอุ้มมาแต่เมื่อเขาเห็นว่าเหล่าซานร้องไห้อีกครั้ง และเสียงของเขาก็ดูไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วเหล่าซานจะต้องอ่อนแอกว่าทารกทั่วไปจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้แม่นมอุ้มเขาไป เหล่าเอ๋อร์กับเหล่าต้าที่ได้กินนมแล้วนั้น แต่เหล่าซานนั้นยังไม่กินนมเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดจักรพรรดิหมิงหยวนทรงฟังเสียงร้องไห้ ทรงปวดพระทัยยิ่งนัก พระองค์ตรัสว่า "ได้ ๆ อย่าบังคับเขาเลย ถ้าเขาไม่อยากกิน ก็รอสักครู่เถอะ"แม่นมอุ้มออกมาให้เขาอีกครั้งเขาทั้งกอดและโอ๋เขา ทา
“จริงหรือ?” ไท่ซ่างหวงดูไม่ขุ่นเคืองเท่าไหร่แล้ว “แล้วคนที่เหลือเล่า หน้าเหมือนพ่อหรือแม่?”จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวว่า "ยังมองไม่ค่อยชัดนัก หน้าย่นดูน่าเกลียดเล็กน้อย ราชวงศ์ของเราไม่มีคนอัปลักษณ์ อาจจะเหมือนกับพระชายาฉู่ที่เป็นมารดาของพวกเขา เหมือนทางจิ้งโฮ่ว ทางนั้นหน้าตาช่างน่าเกลียด"ไท่ซ่างหวงเชื่ออย่างสุดซึ้งว่า ในแง่ของรูปร่างหน้าตานั้นตระกูลอวี่เหวินดีกว่ามากในความเป็นจริงรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษตระกูลอวี่เหวินนั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อพวกเขากลายเป็นจักรพรรดิ พวกเขาก็แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยงดงาม พวกเขาได้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น จนตอนนี้พวกเขามาถึงจุดสูงสุดของรูปลักษณ์แล้วสูงกว่านี้ก็เปรียบดั่งปีศาจแล้วไท่ซ่างหวงรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะไปพบกับเหลนทั้งสามของเขาทันทีที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสด็จทวดแล้วนั้น เหลนคนที่หนึ่งสองสามของเขานั้นช่างสำคัญเหลือเกิน“เจ้ากลับไปซะ ข้าจะนอน พรุ่งนี้ข้าจะออกจากวัง” ไท่ซ่างหวงกล่าวจักรพรรดิหมิงหยวนตกใจ “พระองค์จะออกจากวัง?”"ทำไม? ข้าไปไม่ได้รึ? ทำเป็นไม่เคยออกจากวัง ทำตื่นตูมไปได้!” ไท่ซ่างหวงโบกพระหัตถ์ไล่ "เจ้าไปซะ ข้าจะสูบยาส
เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินไปแล้ว จักรพรรดิหมิงหยวนได้เสด็จเข้ามาแล้วเมื่อเห็นแสงสว่างเรืองรองของชุดสีเหลืองสดใสที่ประตูตำหนัก นางทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเพื่อถวายบังคม "ฮู้กวงติง ถวายบังคมฝ่าบาท!"จักรพรรดิหมิงหยวนทอดพระเนตรรูปลักษณ์ที่สดใสของนางหลังจากอาบน้ำ ใบหน้าของนางไม่มีร่องรอยของการแต่งหน้า มันบริสุทธิ์ราวกับน้ำพุใส แววตาที่เป็นประกายร้อนแรงได้หายไป แต่นางรู้สึกอายเล็กน้อย กระวนกระวายใจนิดหน่อยเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก และระงับความร้อนรนภายในใจ แล้วพูดว่า "เสียมารยาทแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อคุยกับเจ้า"“เพคะ!” ฮู้กวงติงแอบแลบลิ้นด้วยความเขินอาย “ฝ่าบาท หม่อมฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหมเพคะ?”เมื่อเห็นนางลุกขึ้น จักรพรรดิหมิงหยวนก็แหย่นางเล่นว่า "ไม่ สวมแบบนี้ก็ดีแล้ว"ฮู้กวงติงเอื้อมมือไปกุมชุดนอน "มันไม่เรียบร้อยเพคะ"โม่โม่ในวังเคยสอนว่า เมื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาททุกอย่างต้องเรียบร้อยเป็นไปตามกฏระเบียบหลังจากที่จักรพรรดิหมิงหยวนนั่งลงแล้ว นางก็ทำตาโตและถามว่า "ฝ่าบาท พระองค์เสด็จมาดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไรรึเปล่าเพคะ?"นางรู้ว่าไม่ใช่เป็นการที่ฝ่าบาทจะมาเสด็จค้างคืนเฉย ๆ เพราะการเสด
อวี่เหวินห่าวถูหน้าของเขาลงบนฝ่ามือของนาง ดวงตาของเขาแดงก่ำ และเสียงของเขาก็แผ่วเบา "หยวน เจ้าเก่งมาก ๆ"เขาค่อย ๆ เข้าไปกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา ตอนนี้ได้กอดนางแน่น ๆ แล้ว เขารู้สึกอุ่นใจยิ่งนักหยวนชิงหลิงหลับตาและถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าดูเหมือนว่านางจะผ่านอันตรายมาทุกรูปแบบ แต่มันก็คุ้มค่าเสมอนางหันไปมองเด็กทั้งสามคนที่ถูกห่อตัวอยู่ แต่เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก นางพยายามยกศีรษะขึ้นมองอวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "อย่าขยับ ข้าอุ้มให้เจ้าดูเอง"เขายกทั้งสองขึ้นมา และพลิกตะแคงจับด้านหลังของผ้าห่อตัวเอาไว้ ให้ใบหน้าของพวกเขาหันลงมาที่หยวนชิงหลิง เพื่อที่นางจะมองเห็นได้โดยไม่ต้องหันมาทันใดนั้น ใบหน้าของทารกสองคนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ หยวนชิงหลิงตกใจอย่างมาก ก่อนที่นางจะได้เห็นชัด ๆ นางได้ยินเสียงนางข้าหลวงสี่ที่ร้องออกมาด้วยตวามตกใจว่า "ไอหย๊า ท่านอ๋อง ท่านอุ้มเด็กแบบนี้ได้อย่างไร นี่จะทำให้สำลัก.. "ก่อนที่นางข้าหลวงสี่จะพูดจบประโยค ทารกทั้งสองก็สำลักนมพ่นนมใส่ศีรษะและใบหน้าของหยวนชิงหลิง"อ๊ะ!" เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหยวนชิงหลิงเต็มไปด้วยน้ำนม อวี่เหวินห่าวจึงโยนทารกทิ้งด้วยความตกใจ และ
อวี่เหวินห่าวยอมรับความผิดพลาดของเขาอย่างตรงไปตรงมา "โม่โม่สั่งสอนได้ถูกแล้ว ข้ารู้แล้ว"โม่โม่มองไปที่เขาและพูดเบา ๆ "ท่านอ๋อง รอราชโองการแต่งตั้งลงมา พระองค์ก็จะได้เป็นรัชทายาทแล้ว ท่านต้องรับผิดชอบต่อลูก ๆ ให้ได้ก่อน จึงจะรับผิดชอบต่อใต้หล้าได้นะเพคะ"อวี่เหวินห่าวกล่าวว่า "ขอบคุณโม่โม่ที่สั่งสอน"หลังจากได้ยินเช่นนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจจริง ๆเขาเคยอยากต้องสู้แย่งชิง แต่มันก็แค่ชั่วครู่หนึ่งอย่างไรก็ตาม พูดกันตามตรง เขาไม่อยากที่จะเป็นรัชทายาทเลยแม้แต่น้อยไม่ใช่ว่าเขากลัวที่จะออกไปต่อสู้ แต่นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของเหล่าหยวนและของตัวเขาด้วยไม่ใช่ว่าเขาดูแคลนตัวเองและไม่มีความสามารถ แต่การเป็นอ๋องกับรัชทายาทนั้นแตกต่างกันการเป็นรัชทายาทนั้นหมายความว่า ทุกสายตาล้วนแต่จับจ้องมาที่เขา เขาต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายผิดหวังและที่สำคัญที่สุดคือ ปลายทางสุดท้ายของรัชทายาทอาจไม่จำเป็นต้องได้เป็นจักรพรรดิเสมอไปลองย้อนกลับไปดูว่า หากเขาอยากจะชิงตำแหน่งรัชทายาท ก็ต้องได้มาตามความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่ได้มาเพราะลูกสามคนเช่นนี้ก่อนหน้านั้นมีข้อพิพาทในราชสำนัก อย่างกา