แชร์

บทที่ 891

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
พิธีสักการะบูชาฟ้าดินครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เหล่าขุนนาง ทหาร และพลเรือนต่างก็มาเข้าร่วมด้วย

ใต้ปะรำพิธีมีผู้คนมากมาย

สายตาของอ๋องอันเฉียบคมมาก เมื่อเขาเห็นซูยี่มองไปที่เจ้าอาวาส เจ้าภาพกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อท่ามกลางฝูงชน

อ๋องอันยิ้มเย็น แน่นอนว่าเขาเดาถูก เจ้าอาวาสคือกุญแจสำคัญ

เมื่อพิธีสักการะบูชาฟ้าดินสิ้นสุดลง เขาจะสั่งให้คนไปขัดขวางซูยี่ และไม่อนุญาตให้เขาเข้าใกล้เจ้าอาวาส

จักรพรรดิหมิงหยวนขอให้เจ้าอาวาสขึ้นราชรถไปด้วยกัน หลังจากพิธีสักการะบูชาฟ้าดินแล้ว พระองค์ก็เสด็จกลับวังหลวงเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่บรรพบุรุษของตระกูลอวี่เหวิน

ซูยี่สลัดคนของอ๋องอันหลุดได้แล้ว แต่เขาทำได้เพียงเฝ้าดูราชรถหายลับไป

เขากระทืบเท้าและรีบไล่ตามไป แต่เข้าไปไม่ได้เพราะทหารคุ้มกันและมีฝูงชนจำนวนมาก เสียงนั้นดังมาก จนเขาตะโกนคอแทบแตกเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ยิน

เขาทำได้เพียงขี่ม้ากลับไปที่จวนอย่างรวดเร็ว และขอให้ท่านอ๋องรีบหยุดราชรถของฝ่าบาท

ในห้องคลอด อวี่เหวินห่าวเห็นว่าท้องของหยวนชิงหลิงถูกผ่าออกและขยายใหญ่ขึ้น เผยให้เห็นรอยเลือดสีแดงเหมือนปากของสัตว์ประหลาดน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวไ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 892

    กู้ซีตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง แต่ไม่รู้สึกถึงเสียงใด ๆหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงอาซื่อร้องไห้ดังขึ้นอาซื่อร้องไห้ นางเคยสงบสติอารมณ์ได้มาก่อน แต่นางรู้สึกกระวนกระวายใจจนไม่พูดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กทั้งสองที่มีสุขภาพดีถูกนำออกมา นางรู้สึกว่าหินก้อนใหญ่บนหัวใจของถูกยกออก เมื่อเห็นเด็กน้อยสองคนที่นอนอยู่บนเตียงข้างกันส่งเสียงอ้อแอ้เป็นครั้งคราว นางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา"อาซื่อ ยังมีอีกคน!" ฮูหยินเจียงหนิงคว้ามือนาง "อย่าเพิ่งร้องไห้ รีบช่วยเร็ว สวรรค์ สายสะดือพันรอบคอ..."หยวนชิงหลิงก็เห็นเช่นกัน แม้ว่ากระจกสัมฤทธิ์จะไม่ชัด แต่เมื่ออุ้มออกมา เห็นใบหน้าของเด็กเป็นสีม่วงคล้ำ และเขาก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน"ไม่ ไม่..." หยวนชิงหลิงร้องไห้ ตาของนางมองตามมือของหมอตำแย หมอตบก้นสองสามครั้ง แต่เด็กไม่ตอบสนองเลยฮูหยินเจียงหนิงรีบเดินไปทันทีปั้มหัวใจเบา ๆ แล้วเป่าปาก แต่เด็กนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ไม่ขยับเขยื้อนศีรษะของเขาหันไปทางด้านข้างเล็กน้อย และหันหน้าไปทางหยวนชิงหลิง ดวงตาของเขาปิดสนิทและดูเหมือนเขาไม่หายใจเลย"ไม่..." หัวใจของหยวนชิงหลิงแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 893

    มีความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวของเสียนเฟยอย่างรวดเร็วสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดคือ เด็กเกิดและหยวนชิงหลิงตาย"ข้าอยากเข้าไป" เสียนเฟยมองกู้ซีด้วยสายตาวิตกกังวล "พระชายาทำงานหนักมาก และตอนนี้นางกไลังตกเลือด ข้าควรไปอยู่กับนาง"กู้ซีส่ายหน้า "ขออภัย พระนางเสียนเฟย ท่านอ๋องสั่งไม่ให้พระนางเข้าไป"“เขาไม่เคยพูดเช่นนั้น” เสียนเฟยโกรธมากที่กู้ซีกล้าฝ่าฝืนคำสั่งนาง?กู้ซีพูดว่า "ท่านอ๋องพูด พวกเราทุกคนล้วนได้ยิน"เสียนเฟยโกรธจัด “ไปให้พ้น!”“ขออภัย พระสนมเสียนเฟย ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องที่นี่ หากปราศจากคำสั่งของท่านอ๋อง พระนางก็ไปข้างในไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” กู้ซีพูดขึ้นทันทีเสียนเฟยเย้ยหยัน "กู้ซี มาดูกันว่าเจ้าจะเอาอะไรมาหยุดข้าได้ ถ้าเจ้าแตะต้องข้า ก็มีโทษถึงตาย"นางเดินไปข้างหน้า นางเป็นนางสนมของจักรพรรดิ กู้ซีไม่กล้าแตะต้องนางจริง ๆ ทำได้เพียงถูกนางบังคับกลับ เสียนเฟยเย้ยหยันเขา "ห้ามข้าสิ!"นางข้าหลวงสี่เดินเข้ามาจากข้างนอก ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และหยุดนางไว้ "เขาไม่กล้าหยุด แต่หม่อมฉันกล้า"เสียนเฟยโกรธจัดจนตบหน้านางข้าหลวงสี่ "ถอยไป!"นางข้าหลวงสี่กัดฟันสู้ "เสียนเฟยฆ่าบ่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 894

    กู้ซีเดินออกไปอย่างช้า ๆ เมื่อถึงประตูห้องด้านนอก ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมา และฟันไปที่ดาบในมือของหลี่มู่ หลี่มู่ที่สัมผัสได้ถึงจิตสังหาร เขาก้มลงเอี่ยวตัวหลบ เขาพลาดท่าจนอาวุธในมือหลุดไปเสียนเฟยพูดด้วยความโกรธ "บังอาจนัก พวกเจ้าไปจัดการกู้ซีและถังหยางให้ข้า ข้ากับไทเฮาจะประทานรางวัลมากมายแก่เจ้า!"องค์รักษ์รีบวิ่งไปข้างหน้าช่วยหลี่มู่กององค์รักษ์ของกู้ซีและทหารของถังหยางก็วิ่งเข้ามาและการตะลุมบอนก็เกิดขึ้นในห้องเล็ก ๆ ด้านนอกนี้เสียนเฟยเฝ้าประตูอย่างแน่นหนาไม่ยอมให้ใครเข้าไปข้างในเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตาย ภายนอกกลับมีภัยอันตรายกีดขวางไว้เห็นได้ชัดว่าทั้งทหารและกององค์รักษ์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ทหาหารองค์รักษ์ที่ไทเฮาส่งมาที่จวนได้เข้าร่วมแทรกแซงเสียนเฟยส่งต่อพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา พวกเขาก็ปฏิบัติตามพระราชเสาวนีย์ของไทเฮาก็เท่านั้นชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ นางข้าหลวงสี่ก็ยังไม่สามารถพาสาวใช้เข้าไปในห้องด้านในได้ด้วยความสิ้นหวัง นางข้าหลวงสี่ดึงปิ่นนางออก คว้าคอเสียนเฟยเอาไว้และกดปิ่นของนางลงบนใบหน้าของเสียนเฟย และตะโกนด้วยความโกรธว่า "หยุดเดี๋ยวนี้!"“

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 895

    เขายกมือขึ้น "พาตัวออกไป!"ในตอนนี้เสียนเฟยโต้แย้งอะไรไม่ได้เลย นางพยายามคุกเข่าอ้อนวอนอย่างน่าอนาถ "หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ!"แม้ว่านางจะปวดใจมาก แต่ร่องรอยแห่งความสุขก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจักรพรรดิทรงทราบว่านางคิดจะทำอะไร แต่พระองค์ก็ไม่ปลดนาง เพราะจักรพรรดิบอกว่าวันนี้เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งวันนี้เป็นวันที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง อ๋องฉู่มีลูกชาย ราชวงศ์มีทายาทสืบสกุลแล้ว รัชทายาทไม่สามารถมีแม่ที่ถูกปลดได้ฝ่าบาท พระองค์ทรงตัดสินพระทัยแล้วหรือ?เสียนเฟยถูกส่งตัวกลับไป และทุกคนที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้ก็ถูกจัดการจักรพรรดิหมิงหยวนช่วยประคองนางข้าหลวงสี่ด้วยตัวเอง เขามองดวงตาแดงก่ำ และใบหน้าที่บวมแดงของนาง "วันนี้ลำบากเจ้ามากแล้วจริง ๆ"นางข้าหลวงสี่ร้องไห้น้ำตาไหล "บ่าวแค่อยากให้พระชายาปลอดภัยเท่านั้น!"“ใช่แล้ว ๆ” จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสแล้วมองไปทางห้องผ่าตัด “เด็ก ๆ อุ้มออกมาได้หรือไม่?”เหตุผลที่เจ้าห้าสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะเจ้าอาวาสขอให้ราชรถพาเขากลับไปที่จวนอ๋องฉู่ อวี่เหวินห่าวจึงไม่ได้ไปไกลจากจวนมากนักเมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินว่าเขาได้ให้กำเนิดลูกชายสามค

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 896

    หยวนชิงหลิงได้รับการขนานนามเป็นองค์หญิงรัชทายาท ถือได้ว่าอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงแล้วเลือดออกที่เกิดจากหดตัวอย่างรุนแรงของมดลูกก็ต้องขอบคุณฮูหยินเจียงหนิงที่จัดการได้ทันเวลา ทั้งการนวดมดลูกเพื่อเสริมการบีบตัวของมดลูก เย็บห้ามเลือด และถ่ายเลือดก่อนที่เจ้าอาวาสจะกลับมาอย่างไรก็ตาม การเสียเลือดจำนวนมากในระยะเวลาสั้น ๆ ตอนนี้ก็นับว่ายังไม่พ้นขีดอันตรายรุ่นน้องฉีดออกซิโทซินและเย็บแผลเป็นเลขแปดเพื่อจัดการกับเลือดที่ไหลออกการถ่ายเลือดยังคงดำเนินต่อไป อวี่เหวินห่าวคอยปกป้องนางทุกฝีก้าว เฝ้าดูการไหลเวียนของเลือดอย่างต่อเนื่องในเส้นเลือดของนางราวกับใจของเขาห้อยอยู่อย่างน่าหวาดเสียวตลอด จนเขาไม่อาจทำใจสงบลงไปได้เลยพี่น้องสามคนถือกำเนิดขึ้น และมีคนมากมายต่างมีความสุข แต่หลายคนลืมไปว่าแม่ของเด็กเหล่านั้นยังคงนอนอยู่ที่นี่อย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีอวี่เหวินห่าวฟังการเต้นของหัวใจนาง ซึ่งมันเต้นเร็วมาก เจ้าอาวาสบอกว่าคงจะดีกว่าถ้าการเต้นของหัวใจช้าลงอีกสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงกระซิบข้างหูของนาง เพื่อให้กำลังใจนางให้พยายามเข้าใบหน้าซีดราวกับกระดาษ หน้าผากและไรผมนางเปียกชื้น เขายื่นมือออกไปและ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 897

    นั้นคือสิ่งที่รู้สึกเขาเข้าใจได้ทันทีว่านั่นคือความสำคัญของการสืบทอดการสืบทอดจะต้องมีใครสักคนไม่ว่าเจ้าห้าจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติสำหรับการสืบทอดนี้อีกประเด็นหนึ่งคือ ตัวเขาเองคิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์ สภาพร่างกายที่ย่ำแย่เช่นนี้ หยวนชิงหลิงก็ยังสามารถให้กำเนิดบุตรได้ และทั้งสามคนก็ต่างรอดชีวิตมาได้ แน่นอนว่าหมอหลวงย่อมรายงาน โดยกล่าวว่าหยวนชิงหลิงถูกฮูหยินเจียงหนิงผ่าท้องแล้วนำเอาเด็กออกมาหลังจากที่ได้ยินนั้น เขาถึงกับตกใจเป็นอย่างมากหลังจากที่มู่หรูกงกงกงถาม ก็มองที่เขามาตลอดจักรพรรดิหมิงหยวนเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ "ถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจแล้วใช่หรือไม่?"มู่หรูกงกงกงคุกเข่าลง "ฝ่าบาททรงพระปรีชา!""ราชวงศ์เป่ยถังต้องการกษัตริย์ที่ชาญฉลาด" จักรพรรดิหมิงหยวนตรัสทารกสามคนที่ถูกอุ้มออกมาอีกครั้ง ทารกต่างก็ร้องไห้ออกมา หมอหลวงเฉาเป็นทุกข์มากและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ซื่อจื่อทั้งสามร้องไห้ตั้งแต่พวกเขาเข้ามา พวกเขาไม่ยอมกินนม ดูสิพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาร้องไห้จนหน้าเขียวหมดแล้ว”เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวานมาก "เกิด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 898

    หมอหลวงเฉายื่นมือไปอุ้มเขาตรวจชีพจรดูและพูดว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้ยินจากหมอตำแยว่าเหล่าซานถูกสายสะดือพันรอบคอตอนที่เขาอยู่ในครรภ์ เขาไม่ร้องไห้อยู่นาน ฮูหยินเจียงหนิงได้ช่วยเขาเอาไว้ ถึงจะร้องไห้ออกมาได้ แต่ตอนนี้ชีพจรอ่อนลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่ามีเสมหะในลำคอ ต้องสังเกตอีกสักพักพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเกือบจะมีอันตราย จักรพรรดิหมิงหยวนก็รู้สึกกระวนกระวายใจ "เจ้าต้องจับตาดูเอาไว้ และรายงานข้าทันทีหากมีอะไรเกิดขึ้น""พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับพระบัญชา!" หมอหลวงเฉาตอบ เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนที่เขาอุ้มมาแต่เมื่อเขาเห็นว่าเหล่าซานร้องไห้อีกครั้ง และเสียงของเขาก็ดูไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้วเหล่าซานจะต้องอ่อนแอกว่าทารกทั่วไปจักรพรรดิหมิงหยวนสั่งให้แม่นมอุ้มเขาไป เหล่าเอ๋อร์กับเหล่าต้าที่ได้กินนมแล้วนั้น แต่เหล่าซานนั้นยังไม่กินนมเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดจักรพรรดิหมิงหยวนทรงฟังเสียงร้องไห้ ทรงปวดพระทัยยิ่งนัก พระองค์ตรัสว่า "ได้ ๆ อย่าบังคับเขาเลย ถ้าเขาไม่อยากกิน ก็รอสักครู่เถอะ"แม่นมอุ้มออกมาให้เขาอีกครั้งเขาทั้งกอดและโอ๋เขา ทา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 899

    “จริงหรือ?” ไท่ซ่างหวงดูไม่ขุ่นเคืองเท่าไหร่แล้ว “แล้วคนที่เหลือเล่า หน้าเหมือนพ่อหรือแม่?”จักรพรรดิหมิงหยวนกล่าวว่า "ยังมองไม่ค่อยชัดนัก หน้าย่นดูน่าเกลียดเล็กน้อย ราชวงศ์ของเราไม่มีคนอัปลักษณ์ อาจจะเหมือนกับพระชายาฉู่ที่เป็นมารดาของพวกเขา เหมือนทางจิ้งโฮ่ว ทางนั้นหน้าตาช่างน่าเกลียด"ไท่ซ่างหวงเชื่ออย่างสุดซึ้งว่า ในแง่ของรูปร่างหน้าตานั้นตระกูลอวี่เหวินดีกว่ามากในความเป็นจริงรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษตระกูลอวี่เหวินนั้นไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อพวกเขากลายเป็นจักรพรรดิ พวกเขาก็แต่งงานกับผู้หญิงที่สวยงดงาม พวกเขาได้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น จนตอนนี้พวกเขามาถึงจุดสูงสุดของรูปลักษณ์แล้วสูงกว่านี้ก็เปรียบดั่งปีศาจแล้วไท่ซ่างหวงรอแทบไม่ไหวแล้วที่จะไปพบกับเหลนทั้งสามของเขาทันทีที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสด็จทวดแล้วนั้น เหลนคนที่หนึ่งสองสามของเขานั้นช่างสำคัญเหลือเกิน“เจ้ากลับไปซะ ข้าจะนอน พรุ่งนี้ข้าจะออกจากวัง” ไท่ซ่างหวงกล่าวจักรพรรดิหมิงหยวนตกใจ “พระองค์จะออกจากวัง?”"ทำไม? ข้าไปไม่ได้รึ? ทำเป็นไม่เคยออกจากวัง ทำตื่นตูมไปได้!” ไท่ซ่างหวงโบกพระหัตถ์ไล่ "เจ้าไปซะ ข้าจะสูบยาส

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status