“ใต้เท้าทั้งสองทั้งมีคุณธรรมและซื่อสัตย์เช่นนี้ ทำให้ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก เด็ก ๆ เร็วเข้า ไปเตรียมเหล้าและอาหารให้ใต้เท้าทั้งสองเร็ว” ฮูหยินเฒ่าสั่งออกมาซูยี่ อาซื่อ และหมานเอ๋อร์มองทหารองค์รักษ์ที่เชื่อฟังและไปกับฮูหยินเฒ่าก็อดพูดไม่ได้ว่า “ฮูหยินเฒ่าช่างมีคุณธรรมและบารมีสูงส่งจริง ๆ”“มิใช่หรือ? นางพูดคำเดียวมีน้ำหนักกว่าพวกเราพูดเป็นร้อยอีก” อาซื่อทั้งชื่นชมและยกย่องด้วยเหตุนี้ อวี่เหวินห่าวจึงอยู่ที่จวนจิ้งโฮ่วได้จนถึงฟ้าสางไม่ยุ่งยากอะไรนัก นางข้าหลวงสี่ที่ไปแอบดู บอกว่าพวกทหารองค์รักษ์พักผ่อนอยู่ที่ห้องด้านข้าง ท่านอ๋องอยู่ต่อได้อีกสักหน่อยอวี่เหวินห่าวกอดหยวนชิงหลิงและถอนหายใจออกมา “สามีภรรยาบ้านอื่นนอนด้วยกันได้ แต่ข้ากลับทำเหมือนโจรไม่มีผิด”หยวนชิงหลิงก็สงสัย “พวกเขารับคำสั่งจากเสด็จพ่อ แต่เหตุใดถึงเชื่อฟังท่านย่ากัน?”อวี่เหวินห่าวเองก็สงสัย แต่ก็ไม่อยากสนใจ แค่ได้อยู่ต่อก็เป็นอันใช้ได้แล้วตอนที่อวี่เหวินห่าวไป พวกองค์รักษ์ปฏิบัติกับเขาอย่างเอาใจใส่และอบอุ่นมาก ไม่เคร่งขรึมเหมือนวันก่อน ๆ ตอนที่อวี่เหวินห่าวขึ้นม้า องครักษ์คนหนึ่งในนั้นก็เข้ามาช่วยดันก้นของเขาด้ว
ช่วงนี้จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกว้าวุ่นใจยิ่งนักแค่เรื่องเจ้าเมืองจิ้งเป่ยก็มากเกินพอแล้ว ตอนนี้เจ้าสามยังทำเรื่องชั่วช้าพรรค์นั้นออกมาอีก ยังไม่พอ ช่วงนี้ยังฝันเห็นหลัวกุ้ยผินหลายคืนติดต่อกันอีก ในฝันหลัวกุ้ยผินยังร้องขอความเป็นธรรมอีกด้วยยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้แก้ไขให้กระจ่างชัด?จักรพรรดิหมิงหยวนรับสั่งเรียกตัวอ๋องเว่ยเข้าวัง ในหอตำรานั้นเกิดอะไรขึ้น มู่หรูกงกงเองก็ไม่ทราบเช่นกัน รู้แค่ว่าอ๋องเว่ยเข้าไปอยู่นาน และด้านในก็มีเสียงตวาดที่ไม่ต่างจากฟ้าผ่าดังออกมามากมายหลายครั้งตอนที่อ๋องเว่ยออกมา เขาเดินคอตกออก และเดินกะเผลกอีกต่างหากมู่หรูกงกงเข้าไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็เรียกให้เขาไปสอบถามอาการของพระชายาเว่ยมู่หรูกงกงที่ออกไปแล้ว และกลับมาแล้วนั้นเข้าไปกราบทูลให้ทรงทรงว่า “อาการบาดเจ็บไม่สาหัส แต่หมอหลวงบอกว่าโชคดีนักที่พระชายาฉู่ช่วยไว้ได้ทัน มิฉะนั้นคงรักษาชีวิตพระชายาเว่ยไว้ไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรูกงกงก้าวไปข้าวหน้าเอ่ยกระซิบเบา ๆ “ฝ่าบาท บ่าวได้ทราบมาว่า ก่อนหน้านั้นที่พระชายาเว่ยได้แท้งลูกนั้น ท่านอ๋องเว่ยเป็นคนวางยาพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหมิงหยวนที่กริ้วจนหน้าดำทะ
จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะ "เจ้าไปโต้เถียงอะไรกับเขา? ไม่ว่าเจ้าจะมีความรู้แค่ไหน เจ้าสามารถเหนือกว่าเขาได้หรือ?"“ไม่ใช่ความรู้พ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นสามัญสำนึกทั่วไป เมื่อวานอากาศหนาวเย็นมาก เณรน้อยจึงมาจุดเตาถ่านให้พวกเราคลายหนาว คาดไม่ถึงว่าการจุดเตาถ่านก็ทำให้เกิดพิษได้”จักรพรรดิหมิงหยวนหัวเราะ “จุดเตาถ่านก็ทำให้เกิดพิษได้? เป็นไปไม่ได้ มีคนวางยาต่างหากเล่า ไม่อย่างนั้นจะถูกพิษได้อย่างไร?”เหลิ่งจิ้งเหยียนตอบว่า “ฝ่าบาทเองก็ทรงคิดแบบนั้นใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ? แต่ท่านเจ้าอาวาสก็ดื้อรั้นเหลือเกิน บอกว่าแค่จุดเตาถ่าน และปิดหน้าต่างไม่ให้มีลมระบายออกไปก็สามารถเอาชีวิตคนได้ กระหม่อมไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ การจุดเตาถ่านก็มีมานมนานแล้ว ก็ไม่เคยเห็นมีคนตายมิใช่หรือ?”“ใช่” จักรพรรดิหมิงหยวนรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว “ไม่เคยเห็นคนเหล่านั้นจุดเตาถ่านแล้วตาย? ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ไหนจะมีฝังท่อกระจายความร้อนไว้ใต้ดินที่บ้านกัน? ล้วนแต่พึ่งพาเตาถ่านกันเท่านั้น”เหลิ่งจิ้งเหยียนตอบว่า “กระหม่อมก็ปฏิเสธเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเขาว่าอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดิหมิงหยวนวางแก้วลง และมองไปที่เหลิ่งจิ้งเหยียน
หลัวกุ้ยผินเป็นผู้บริสุทธิ์ฝ่าบาทได้ยกเลิกคำตัดสินเดิมของตัวเอง หลัวกุ้ยผินไม่ได้ทำร้ายฮองเฮา โม่โม่คนนั้นเสียชีวิตด้วยเตาถ่านคำตัดสินนี้ที่ประกาศในท้องพระโรงทำให้เหล่าข้าราชบริพานต่างตกใจยิ่งนักในเวลานี้ฝ่าบาทยอมรับความผิดของตนเอง มันดูไม่ค่อยเหมาะมากนัก? ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เจ้าเมืองจิ้งเป่ยจะไม่ยิ่งกำเริบเสิบสานหรอกหรืออย่างไรเสีย ความคิดของจักรรพรรดิหมิงหยวนคือ ไม่ยอมอนุญาตให้มีการตัดสินคดีผิดพลาดแม้แต่คดีเดียวเขาตัดสินผิดพลาด ทำให้หลัวกุ้ยผินตายเปล่า และยังทำร้ายผู้คนในตระกูลหลัว ดังนั้นจึงทำการสั่งลงโทษตัวเอง รับโทษโบยแปดสิบทีอ๋องจี้แสดงความกตัญญูที่หน้าท้องพระโรง แบ่งเบารับโทษจากเสด็จพ่อมาสิบห้าทีอ๋องอันก็ออกไปช่วยรับอีกสิบห้าทีอ๋องซุนผู้อ่อนแอก็รับไปอีกสิบห้าทีอ๋องรุ่ยชิงที่เป็นน้องชายร่วมอุทรก็ช่วยรับด้วยอีกสิบทีทุกคนมองไปที่อวี่เหวินห่าวอ๋องฉีกับอ๋องหวยไม่มา เจ้าแปดเจ้าเก้าก็ไม่ได้อยู่ในท้องพระโรงอวี่เหวินห่าวรู้ว่าวันนี้ที่ท้องพระโรงมีการประกาศคำตัดสินคดีของหลัวกุ้ยผิน ดังนั้นเขาจึงเข้ามาในท้องพระโรงแต่เช้าแต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาไม่อยากถูก
เขาถูกหามออกไป สองขายืนตรงไม่ได้ด้วยซ้ำ สภาพของเขาคือเหมือนนอนตายขยับเขยือนไม่ได้ ต้องพึ่งองค์รักษ์แบกเขาออกไปหน้าประตูท้องพระโรง พวกข้าราชบริพานต่างเงยมอง ท่านมหาเสนาบดียิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น อวี่เหวินห่าวที่ถูกแบกเข้ามา ท่านมหาเสนาบดีถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “ท่านอ๋องยังสบายดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” อวี่เหวินห่าวกัดฟันพูด “ไม่ตายก็นับว่าดี ข้าจะจดจำความเมตตาของท่านมหาเสนาดีไว้”“ควรจดจำ ควรจดจำ ท่านอ๋องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องในวันนี้” ท่านมหาเสนาบดีเอ่ยอย่างยิ้ม ๆจู่ ๆ อวี่เหวินห่าวก็รู้สึกอยากฆ่าคนขึ้นมา แต่ก็ไม่มีแรงจะทำไหวจักรพรรดิหมิงหยวนมีรับสั่งลงมาให้ทำการรักษาแผลใส่ยาให้พวกท่านอ๋อง แล้วส่งกลับจวนเพื่อพักฟื้นเมื่อถังหยางเห็นอวี่เหวินห่าวคุกเขากึ่งหมอบบนรถม้ากลับไปที่จวนก็อดตกใจไม่ได้ จึงถามถึงสาเหตุ อวี่เหวินห่าวพูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า "มันเป็นความผิดของเสด็จพ่อชัด ๆ ทำไมข้าถึงต้องมาถูกโบยตีเช่นนี้ด้วย?"ถังหยางรู้สึกสงสาร “ไอหยา ท่านอ๋องผู้แสนดีของข้า ก้นท่านเมื่อไหร่จะเลิกถูกโบยทรมานแบบนี้สักที พระชายารู้คงต้องกังวลใจมากแน่”“อย่าบอกนางนะ” อวี่เหวินห่าวพยายามลุกขึ้น ถังห
วันนี้หยวนชิงหลิงไม่เห็นอวี่เหวินห่าวมา จึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก คิดว่าหลังจากเจ้าเมืองจิ้งเป่ยมาแล้ว เขาคงต้องยุ่งมากแน่นางทำแผลฆ่าเชื้อให้พระชายาเว่ย ที่หน้าผากนางเองก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ไม่ได้จัดการให้ดีจนเป็นหนอง แล้วยังมีแผลใหม่เกิดซ้ำขึ้นมาอีก ช่างน่าสงสารซะจริงหัวหน้าขันทีได้เข้ามาถ่ายทอดราชโองการ ว่าอนุญาตให้หย่าได้ และทำการแต่งตั้งนางเป็นจิ้งเหอจวิ้นจู่ และหัวหน้าขันทียังบอกอีกว่า ฝ่าบาทยังสั่งให้อ๋องเว่ยมาขอโทษนางด้วยตัวเองหยวนชิงหลิงเป็นกังวลใจมากถ้าอ๋องเว่ยมา จะมาทำให้กระทบกระเทือนจิตใจนางหรือไม่เพียงแต่รอแล้วทั้งสองคนก็ยังไม่มา คาดว่าเขาคงไปค่ายทหารทางตอนเหนือแล้ว หยวนชิงหลิงก็รู้สึกโล่งใจ และไม่ได้เรียกให้คนไปถามเพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายเหตุการณ์ที่กำแพงเมืองนั้นเป็นแผลใหญ่ในใจนาง แล้วจะนับประสากับจิ้งเหอจวิ้นจู่กันอาการบาดเจ็บของนางดีขึ้น ที่จริงสามารถกลับบ้านได้แล้ว แต่จิ้งเหอจวิ้นจู่อยากจะอยู่ในจวนจิ้งโฮ่วต่ออีกสองวัน และขอความเห็นจากหยวนชิงหลิงหยวนชิงหลิงเองก็รู้ว่า หากนางกลับบ้านแม่คงโดนสายตาที่บ้านมองอย่างระแวดระวังด้วยความเป็นห่วงกับอาการของนาง ดังนั้นหยว
นางร้องไห้น้ำตาไหลริน “นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”อวี่เหวินห่าวยื่นมือออกมาให้นางมานั่งลงและพูดว่า "ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แต่อ๋องคนอื่น ๆ และเสด็จอาก็ถูกโบยด้วย พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น คดีของหลัวกุ้ยผินนั้นได้รับการสะสางแล้ว เสด็จพ่อยอมรับผิด และสั่งลงโทษตัวเองแปดสิบที ไม่สิ พวกเราทุกคนล้วนช่วยกันแบ่งเบา ส่วนข้าคือคนที่โดนน้อยที่สุด”"มีท่านอ๋องกี่คนที่ถูกโบย?" หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างเขา เมื่อเห็นว่าอาการบาดเจ็บได้รับการรักษาแล้ว นางจึงขอให้ถังหยางพันผ้าพันแผลทับ เพื่อไม่ให้เลือดติดผ้าปูที่นอนนางทั้งโกรธและเสียใจ นางห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้"พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สี่ และเสด็จอา รวมข้าด้วยก็ห้าคน" อวี่เหวินห่าวกล่าวหยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา เมื่อเห็นว่าถังหยางทำแผลค่อนข้างรุนแรงหยาบคาย นางจึงรีบไปช่วยเป่าแผลอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่ลืมที่จะถามว่า "แปดสิบทีแบ่งกันห้าคน ทำไมท่านถึงได้ยี่สิบห้าที? คำนวณอย่างไรก็ไม่ใช่ ยังบอกว่าตัวเองได้น้อยที่สุด ยี่สิบห้าทีไม่ได้น้อยที่สุดแล้ว"อวี่เหวินห่าวพูดบ่น "เมื่อเทียบกับแปดสิบทีแล้ว ถือว่าโดนน้อยกว่าแล้ว"หลังจากถูกหยวนชิงหลิงซักถามจนพูดออกมาว่า
หยวนชิงหลิงยังคงเจ็บใจ และก็รู้ว่าถูกโบยครั้งนี้มันคุ้มค่า อย่างน้อยหลัวกุ้ยผินก็พ้นข้อกล่าวหา และคนจากตระกูลหลัวทั้งหมดก็ได้รับการอภัยโทษด้วยอวี่เหวินห่าวจับมือนางไว้ "ไม่ร้องไห้นะ ดีไหม? ข้ายังสบายดี"หยวนชิงหลิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "ปวดมากไหม? ฉีดยาแก้ปวดดีไหม?"อวี่เหวินห่าวสูดหายใจเข้าลึก "ไม่ได้เจ็บสาหัส เจ็บนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าหากมีอะไรแก้ปวดหน่อยล่ะก็ ขอสักหน่อยก็ดี"รู้ว่าเขาพยายามอดทนอยู่ยี่สิบห้าที ถูกโบยไปจนเนื้อแตกขนาดนั้น จะไม่เจ็บได้อย่างไรกัน?ไม่ใช่ว่านางไม่เคยสัมผัสรสชาติเช่นนี้มาก่อน และหากพวกข้าราชบริพานจับตามองอยู่ พวกทหารคงลงมือโบยหนักขึ้นหยวนชิงหลิงฉีดยาแก้ปวดให้เขา และสั่งยาแก้อักเสบเพื่อไม่ให้เขาเป็นไข้ คืนนี้นางไม่กล้าไปไหน แม้ต้องฝ่าฝืนรับสั่งฝ่าบาทก็ตามข้าวเย็นนางก็กินไม่ลง ตักน้ำแกงกินได้ไม่กี่คำก็วางช้อนลงแล้วอวี่เหวินห่าวนอนกินข้าวอยู่บนเตียง เพื่อให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นง่อยไร้ประโยชน์ และไม่ยอมให้คนมาป้อนเพียงแต่การใช้ศอกค้ำเพื่อกินข้าวนั้นก็ลำบากอยู่เหมือนกัน จนในที่สุดก็ก้มหน้ากินในชามเหมือนหมูกินข้าวหยวนชิงหลิงที่เห็นทั้งขำและปว