แชร์

บทที่ 727

ผู้แต่ง: จูน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“ทำไมถึงกระเทือนถึงครรภ์ได้?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม

มุมปากกู้จือกระตุก นางพยายามฝืนยิ้มอ่อนโยนออกมา แต่กลับได้รอยยิ้มฝืดเผื่อนแข็งทื่อแทน

“หม่อมฉันเดินไม่ระวังจึงสะดุดล้ม ทำให้พระชายาเป็นห่วงแล้ว”

หยวนชิงหลิงเอ่ย “ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า ให้ข้าดูที่ท้องเจ้าหน่อยสิ”

กู้จือเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางสับสน “อะไรนะเพคะ?”

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าโดนชนที่ท้องหรือไม่” หยวนชิงหลิงกล่าว

รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย "เกรงว่าจะไม่เหมาะนะเพคะ? พระชายาทำให้หม่อมฉันอับอาย”

“ไม่เกี่ยวกับอับอาย พระชายาเว่ยถูกคนผลักตกลงมา ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าเป็นคนลงมือหรือไม่ เจ้าให้ข้าดูหน่อยสิ ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าจะขอโทษเจ้าเอง” หยวนชิงหลิงกล่าว

กู้จือโกรธจนอึ้งไปเลย “พระชายาทำแบบนี้ไม่เหมาะสมนะเพคะ? พระองค์ต้องมีหลักฐานก่อน ถึงจะมาสอบสวนหม่อมฉันได้ ตอนนี้พระองค์มีแค่ปากเปล่า บอกว่าหม่อมฉันผลักพระชายาเว่ยลงมา ยังจะมาตรวจสอบร่างกายที่ท้องของหม่อมฉัน มีที่ไหนรังแกคนเช่นนี้?”

หยวนชิงหลิงพูดนิ่ง ๆ กลับไป "ได้ วันนี้ข้าจะรังแกเจ้า อาซื่อ หมานเอ๋อร์ ไปตรวจดูที่ท้อง หรือสีข้างของนางเพื่อหารอยฟกช้ำ"

“พวกเจ้าเกินไปแล้วนะ” หญิงรับใช้เฒ่ามาขวา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 728

    กู้จือร้องไห้ดิ้นรน พยายามชักมือกลับด้วยเรี่ยวแรงที่มี “พระชายาฉู่ ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันเถอะ พระองค์กำมือหม่อมฉันไว้แบบนี้มันเจ็บ โอ๊ย เจ็บมาก”กู้จือร้องไห้ครวญคราง ถ้าหากข้างนอกได้ยิน คงคิดว่าหยวนชิงหลิงตบนางมากกว่าดึงมือนางไว้สาวใช้และหญิงรับใช้เฒ่าต่างร้อนใจ และรีบเข้าไปหยุดนาง อาซื่อและหมานเอ๋อร์หยุดขวางอยู่ข้างหน้าพวกนาง และพูดอย่างเย็นชา "ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องพระชายาแม้แต่ปลายผม ข้าจะตัดมือมันทิ้งซะ"กู้จือร้องไห้และพูดว่า "พระชายาฉู่ พระองค์มีสถานะสูงเช่นนี้ ทำไมต้องโมโหหม่อมฉันคนนี้ด้วย? หม่อมฉันผิดเอง พระองค์บอกว่าหม่อมฉันผลักพระชายา ก็ได้เพคะเป็นหม่อมฉันเอง หม่อมฉันจะไม่แก้ตัว"พระชายาจี้นั่งมองด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน ขณะที่พระชายาซุนอยากจะตบใครสักคน ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งเกินไปแล้วหยวนชิงหลิงจ้องมองนาง รอจนนางร้องไห้น้ำมูกไหล จึงค่อย ๆ ปล่อยนาง และพูดกับหมานเอ๋อร์ "นำกระจกสัมฤทธิ์มาที่นี่"หมานเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเจตนาของนางคืออะไร แต่นางยังคงไปเอากระจกสัมฤทธิ์บานใหญ่มา หยวนชิงหลิงก้าวถอยหลัง จัดแขนเสื้อของนางช้า ๆ และพูดอย่างเสียงเรียบว่า "ให้นางส่องดูสารรูปของนางว่าเป็นเช

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 729

    กู้จือถอนหายใจเบา ๆ และลูบท้องเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมองหญิงรับใช้เฒ่าด้วยตาบวมแดง "มาม้า บอกข้าตามตรงเถอะ ข้าผิดต่อพระชายามากใช่ไหม?"หญิงรับใช้เฒ่ารู้แค่ว่าตอนนี้นางได้รับความโปรดปปราน จึงสนแค่ปลอบนางเท่านั้น “ฮูหยิน มันผิดที่ตรงไหนกันเพคะ? ท่านอ๋องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ผู้หญิงที่ไหนพบแล้วจะไม่หลงรักได้อย่างไร? และอีกอย่างท่านอ๋องก็ทรงโปรดท่านจริง ๆ นะเจ้าคะ”หญิงรับใช้เฒ่าเห็นว่านางเงียบจึงพูดต่อไปว่า “หากว่ากันคงเป็นตัวพระชายาเองที่คิดไม่ตก ที่จริงนางเป็นชายาเอก หากท่านคลอดลูกออกมาก็ต้องเรียกนางว่าแม่อยู่ดี ซึ่งดีกว่าลูกของนางที่ท้องแล้วก็จากไป”เมื่อกู้จือรู้เรื่องนี้ ตัวก็สั่นไปหมด นางถอนหายใจ และกล่าวว่า "ข้าจะยอมให้ลูกชายข้าเรียกคนอื่นเป็นแม่ของเขาได้อย่างไร?"หญิงรับใช้เฒ่าตกใจ “ฮูหยิน เรื่องนี้ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ”กู้จือนิ่งเงียบ รู้สึกขมขื่นใจเหลือเกินใช่ นางได้รับความโปรดปราน แต่ก็ไม่มีฐานะอะไรอยู่ดีหลังจากลูกเกิดมาแล้ว ก็ต้องเรียกพระชายาว่าแม่นางโศกเศร้าอยู่พักหนึ่ง และเมื่อนางนึกถึงสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูด ก็อดอึดอัดใจขึ้นมาไม่ได้หยวนชิงหลิงและคนอื่น ๆ ออกไป พระชายาซุนถา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 730

    พระชายาซุนร้องอ๋อ สักพักก็กังวลใจขึ้นมาว่า “แต่เกรงว่าคืนนี้เจ้าสามกลับมา ต้องทำให้พระชายาเดือดร้อนแน่”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ท่านอย่ากังวลไป พระชายาเว่ยไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกง่าย ๆ"“ไม่ถูกรังแกง่าย ๆ? คนตายไปเท่าไหร่แล้ว” พระชายาซุนหวางเฟยพูดอย่างขุ่นเคืองหยวนชิงหลิงยิ้มไม่พูดอะไรหลังจากกลับมาที่ตำหนักของพระชายาเว่ยแล้ว พระชายาซุนแทบรอไม่ไหวที่จะบอกนางเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักเวินกู้ ว่านางเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารอย่างไร และช่างไร้ยางอายได้ขนาดไหนหลังจากได้ยิน พระชายาเว่ยยิ้มเล็กน้อย "จะไปสนทำไมว่านางทำอะไร?"“ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายก็ถูกฉกไปแล้ว” พระชายาซุนพูดด้วยความโกรธ ท่าทางเกลียดชังเหลือเกิน“หากเป็นของข้า ก็เอาไปไม่ได้ หากไม่ใช่ของข้า ก็ไม่แปลกนักหรอก” พระชายาเว่ยพูดอย่างเฉยชาพระชายาซุนไม่รู้จะพูดอะไรกับนางแล้วจริง ๆ ดังนั้นจึงนั่งลง และมองนางอย่างเป็นกังวล แล้วพูดว่า "หากคืนนี้เจ้าสามกลับมา เจ้าต้องเดือดร้อนแน่ เจ้าจะว่าข้าก็ได้ ข้าน้อมรับทุกอย่าง ข้าเป็นพี่สะใภ้รองของเขา คิดว่าคงจะไม่กล้าทำเกินไป”พระชายาเว่ยกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ด้วยฟันขาวของนาง เมื่อปล่อยคลาย

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 731

    หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "กู้จือกำลังตั้งครรภ์ ไทเฮาคงจะไม่ให้นางออกจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน แต่ไทเฮาก็รักอ๋องเว่ยมากจนนางจะไม่ทำลายชื่อเสียงของเขา ดังนั้นน่าจะหาที่อยู่ใหม่เพื่อจัดการนาง และขอให้คนจับตาดูไว้ หลังจากที่นางให้กำเนิดลูกแล้วค่อยหาทางจัดการต่อ"“อ๋องเว่ยไม่ยอมอย่างแน่นอน” พระชายาจี้กล่าว“เขาไม่ยอม ก็ก่อความวุ่นวายเอาก็แล้วกัน”พระชายาจี้สถบเหอะออกมาหนึ่งคำ “เจ้านี่มันใจแคบมาก มีรึข้าจะมองไม่ออก? เมื่ออ๋องเว่ยก่อความวุ่นวาย เจ้าห้าของเจ้าก็จะหายไปจากสายพระเนตรของพ่อ พระชายาฉู่ เจ้าไม่ได้คิดถึงพระชายาเว่ย เจ้าคิดถึงตัวเองเท่านั้น"หยวนชิงหลิงยักไหล่ "พระชายาไม่ต้องการให้พวกเราคิดถึงนางอยู่แล้ว นางเองก็คงคิดไว้นานแล้วเช่นกัน"“เหตุใดเจ้าจึงเห็นเช่นนั้น?” พระชายาจี้ตกใจ นางเห็นทะลุแผนการกลอุบายต่าง ๆ แต่นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพระชายาเว่ยกำลังคิดอะไรอยู่ในอดีตนางไม่ได้ติดต่อกับพระชายาเว่ยมากนัก แต่ก็มีความประทับใจในตัวนาง ที่นางเป็นคนนุ่มนวลและอ่อนโยน"ข้าเดาเอา" หยวนชิงหลิงไม่อยากคุยกับนางมากนัก พระชายาจี้เป็นคนที่คาดเดาเก่ง ดังนั้นการพูดคุยกับนางไม่น่าจะจบลงอย่างง่ายดาย และ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 732

    หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าความทะเยอทะยานนี้ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริงแต่ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่นัก "เจ้าเมืองจิ้งเป่ยปราบกบฏชาวนา และสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน ทำไมถึงเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้?"ถ้าหากว่าการขับไล่ศัตรูที่รุกรานและปกป้องประเทศ ตำแหน่งอ๋องนับว่าเหมาะสมแล้วอวี่เหวินห่าวจึงอธิบายว่า "เนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ จิ้งเป่ยไม่ต่างจากหอกข้างแคร่ของราชวงศ์มาโดยตลอด ประชาชนที่อยู่ในจิ้งเป่ยมีเกือบแปดแสนคน และธรรมเนียมประเพณีของผู้คนแถวนั้นก็กล้าหาญ จริงจัง เข้มงวดมาก อีกทั้งตอนสมัยราชวงศ์ก่อน จักรพรรดิเจี้ยได้สั่งให้กวาดโจรทั่วประเทศด้วยกองทัพอันแข็งแกร่ง กลุ่มโจรต่าง ๆ จึงหลบหนีไปทางเหนือของจิ้งเป่ย ซึ่งอยู่ติดกับทะเลทรายทางตอนเหนือ ดังนั้นทางกองทัพจึงไม่ง่ายที่จะโจมตีกวาดล้างมัน ทำให้พวกโจรระแวดระวังจากทางเขตทะเลยทรายมากขึ้น ดังนั้นจักรพรรดิเจี้ยจึงทำได้เพียงปล่อยกลุ่มโจร กลุ่มโจรพวกนั้นจึงได้หยั่งรากอยู่ทางจิ้งเป่ย ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นตัวต้นเหตุของหายนะ ทุก ๆ ปีกลุ่มโจรทางตอนเหนือจะไปยังที่ต่าง ๆ ของเป่ยถังทั้ง เผา ฆ่า และปล้น และหนีกลับไปที่จิ้งเป่ยหลังจากการปล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 733

    ตอนนี้ท้องของนางใหญ่ขึ้นเล็กน้อย จึงอาบน้ำไม่สะดวกสักเท่าไร และตอนอาบน้ำนางเองก็ไม่ชอบให้นางข้าหลวงสี่และหมานเอ๋อร์รับใช้อยู่ข้าง ๆ อาบคนเดียวบางครั้งก็ลำบากเหมือนกันในห้องอาบน้ำอบอุ่นมาก เพราะได้จุดเตาถ่านรอเอาไว้ก่อน ที่จวนจิ้งโฮ่วมีพระชายาฉู่ผู้แสนล้ำค่าอยู่ ดังนั้นไปทุกที่จึงต้องมีเตาถ่านจุดเอาไว้อยู่อวี่เหวินห่าวเห็นว่าในห้องอบอุ่นมากพอแล้ว จึงให้คนยกเตาออกไป และออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับเข้ามาตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่ หยวนชิงหลิงได้บอกไว้ก่อนว่าไม่อยากแช่น้ำ ดังนั้นด้วยความใส่ใจอย่างยิ่งของหมานเอ๋อร์นางจึงทำเก้าอี้ที่ใช้สำหรับอาบน้ำให้นั่งอาบ ด้านในวางกระบวยยาวสำหรับตักน้ำไว้อาบเอาไว้อวี่เหวินห่าวช่วยนางถอดเสื้อผ้า แม้ว่าเขาจะเกิดในราชวงศ์ แต่เขาก็เป็นทหารมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงมีความหยาบกระด้าง ไม่ละเอียดอ่อนอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้เรียนรู้ความละเอียดอ่อนพิถีพิถันมากขึ้น เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงก็ได้ศึกษาจนกระจ่างแจ้งเมื่อมองดูผิวนาวเนียนเหมือนหน่อไม้ของนาง อวี่เหวินห่าวก็แอบถอนหายใจ เจ้าตุ๊กตาสามตัวนี้มาไม่ถูกเวลาเลยจริง ๆเขาช่วยประคองหยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ แล

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 734

    หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย และถามเสียงแหบแห้งว่า "หมายความว่าอย่างไร?"นิ้วของเขาค่อย ๆ ชี้ไปที่หัวใจของนาง “ในนี้ เปลี่ยนไปเป็นอีกคน”“หือ?” นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเฉยเมย "อย่าแสร้งทำเป็นสงบ ในใจเจ้าตื่นตระหนกมากนัก"หยวนชิงหลิงบ่นอืมพึมพัม นางก้มหน้าลงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย "ท่านบอกข้าทีว่าข้าลุกลี้ลุกลนอะไร"อวี่เหวินห่าวเชยหน้านางขึ้น มองตานางจนหยวนชิงหลิงขนลุกไปหมด “มองอะไรกัน? ท่านอยากจะพูดอะไร”แววตาอวี่เหวินห่าวอ่อนลง “ไม่พูดดีกว่า ไม่อยากเห็นเจ้าพยายามโกหกปิดบังเช่นนี้ เจ้ายังควบคุมคำพูดเจ้าไม่ได้เลย”หยวนชิงหลิงรู้สึกอายมาก "อันใดกันนี่?"อวี่เหวินห่าวยักไหล่ "ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนรู้วิชาแพทย์อย่างไร ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ กล่องยาก็ขยายใหญ่ขึ้นหรือหดเล็กลงได้ ไม่รู้ว่ายามาจากไหน แม้ว่าการแสดงของเจ้าจะดูสมจริงมากก็ตาม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างชัดนัก "หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ในตอนนั้นกลับท่านเชื่อ”"ข้านั้นช่างไร้เดียงสา ข้าเชื่อในตัวหญิงชั่วร้ายอย่างเจ้า ข้าก็คงเป็นมืออาชีพไปแล้วในชีวิตนี้" อวี่เหวินห่าวอุ้มนางขึ้น ห

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 735

    อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ โกรธจนจะลุกเป็นไฟแล้ว ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่คล้ายกันของตระกูลอวี่เหวินยิ่งเพิ่มความดุร้ายขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ดวงตาของเขาก็ลุกเป็นไฟ และเขาก็จ้องเขม็งไปที่หยวนชิงหลิงทันที เป็นไปตามที่หมานเอ๋อร์พูดเลยว่า เขาโกรธจนจะกินคนได้แล้วในทางกลับกัน หยวนชิงหลิงซึ่งมีใบหน้าสีเลือดฝาด และรอยยิ้มที่มุมปาก นางเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับย่อกายถวายพระพรเล็กน้อย "ไม่รู้ว่าพี่สามจะมาที่นี่ ไม่ได้ไปคารวะเสียนาน ขอพี่สามโปรดอภัย”พูดจบก็ไม่รอเขาพูดอะไร และนั่งลงทันทีแววตาของอ๋องเว่ยดูดุดันขึ้น เขากำลังง้างมือจะตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง“ปัง” เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น มีอะไรที่วางกระแทกลงไปกับโต๊ะอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งมองดูสิ่งที่หยวนชิงหลิงกำอยู่ในมือที่ตบลงกับโต๊ะเขาไม่ได้ตาบอด เห็นได้ชัดว่านั้นคือไม้เท้าจักรพรรดิที่ไท่ซ่างหวงประทานให้นางท่าทางใหญ่โตทั้งหลายถูกไม้เท้าจักรพรรดิกดทับไว้ทันทีเขาพูดอย่างเย็นชา "ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปที่จวนอ๋องเว่ย"หยวนชิงหลิงกล่าว “เพคะ พี่สาม พี่สะใภ้สามดีขึ้นบ้างหรือไม่? ยังเจ็บอยู่รึเปล่า? ข้าให้ยาไป

บทล่าสุด

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

DMCA.com Protection Status