กู้จือร้องไห้ดิ้นรน พยายามชักมือกลับด้วยเรี่ยวแรงที่มี “พระชายาฉู่ ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันเถอะ พระองค์กำมือหม่อมฉันไว้แบบนี้มันเจ็บ โอ๊ย เจ็บมาก”กู้จือร้องไห้ครวญคราง ถ้าหากข้างนอกได้ยิน คงคิดว่าหยวนชิงหลิงตบนางมากกว่าดึงมือนางไว้สาวใช้และหญิงรับใช้เฒ่าต่างร้อนใจ และรีบเข้าไปหยุดนาง อาซื่อและหมานเอ๋อร์หยุดขวางอยู่ข้างหน้าพวกนาง และพูดอย่างเย็นชา "ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องพระชายาแม้แต่ปลายผม ข้าจะตัดมือมันทิ้งซะ"กู้จือร้องไห้และพูดว่า "พระชายาฉู่ พระองค์มีสถานะสูงเช่นนี้ ทำไมต้องโมโหหม่อมฉันคนนี้ด้วย? หม่อมฉันผิดเอง พระองค์บอกว่าหม่อมฉันผลักพระชายา ก็ได้เพคะเป็นหม่อมฉันเอง หม่อมฉันจะไม่แก้ตัว"พระชายาจี้นั่งมองด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน ขณะที่พระชายาซุนอยากจะตบใครสักคน ผู้หญิงคนนี้เสแสร้งเกินไปแล้วหยวนชิงหลิงจ้องมองนาง รอจนนางร้องไห้น้ำมูกไหล จึงค่อย ๆ ปล่อยนาง และพูดกับหมานเอ๋อร์ "นำกระจกสัมฤทธิ์มาที่นี่"หมานเอ๋อร์ไม่รู้ว่าเจตนาของนางคืออะไร แต่นางยังคงไปเอากระจกสัมฤทธิ์บานใหญ่มา หยวนชิงหลิงก้าวถอยหลัง จัดแขนเสื้อของนางช้า ๆ และพูดอย่างเสียงเรียบว่า "ให้นางส่องดูสารรูปของนางว่าเป็นเช
กู้จือถอนหายใจเบา ๆ และลูบท้องเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมองหญิงรับใช้เฒ่าด้วยตาบวมแดง "มาม้า บอกข้าตามตรงเถอะ ข้าผิดต่อพระชายามากใช่ไหม?"หญิงรับใช้เฒ่ารู้แค่ว่าตอนนี้นางได้รับความโปรดปปราน จึงสนแค่ปลอบนางเท่านั้น “ฮูหยิน มันผิดที่ตรงไหนกันเพคะ? ท่านอ๋องเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ผู้หญิงที่ไหนพบแล้วจะไม่หลงรักได้อย่างไร? และอีกอย่างท่านอ๋องก็ทรงโปรดท่านจริง ๆ นะเจ้าคะ”หญิงรับใช้เฒ่าเห็นว่านางเงียบจึงพูดต่อไปว่า “หากว่ากันคงเป็นตัวพระชายาเองที่คิดไม่ตก ที่จริงนางเป็นชายาเอก หากท่านคลอดลูกออกมาก็ต้องเรียกนางว่าแม่อยู่ดี ซึ่งดีกว่าลูกของนางที่ท้องแล้วก็จากไป”เมื่อกู้จือรู้เรื่องนี้ ตัวก็สั่นไปหมด นางถอนหายใจ และกล่าวว่า "ข้าจะยอมให้ลูกชายข้าเรียกคนอื่นเป็นแม่ของเขาได้อย่างไร?"หญิงรับใช้เฒ่าตกใจ “ฮูหยิน เรื่องนี้ช่วยไม่ได้นะเจ้าคะ”กู้จือนิ่งเงียบ รู้สึกขมขื่นใจเหลือเกินใช่ นางได้รับความโปรดปราน แต่ก็ไม่มีฐานะอะไรอยู่ดีหลังจากลูกเกิดมาแล้ว ก็ต้องเรียกพระชายาว่าแม่นางโศกเศร้าอยู่พักหนึ่ง และเมื่อนางนึกถึงสิ่งที่หยวนชิงหลิงพูด ก็อดอึดอัดใจขึ้นมาไม่ได้หยวนชิงหลิงและคนอื่น ๆ ออกไป พระชายาซุนถา
พระชายาซุนร้องอ๋อ สักพักก็กังวลใจขึ้นมาว่า “แต่เกรงว่าคืนนี้เจ้าสามกลับมา ต้องทำให้พระชายาเดือดร้อนแน่”หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ท่านอย่ากังวลไป พระชายาเว่ยไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกง่าย ๆ"“ไม่ถูกรังแกง่าย ๆ? คนตายไปเท่าไหร่แล้ว” พระชายาซุนหวางเฟยพูดอย่างขุ่นเคืองหยวนชิงหลิงยิ้มไม่พูดอะไรหลังจากกลับมาที่ตำหนักของพระชายาเว่ยแล้ว พระชายาซุนแทบรอไม่ไหวที่จะบอกนางเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักเวินกู้ ว่านางเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารอย่างไร และช่างไร้ยางอายได้ขนาดไหนหลังจากได้ยิน พระชายาเว่ยยิ้มเล็กน้อย "จะไปสนทำไมว่านางทำอะไร?"“ไม่ว่าอย่างไร ผู้ชายก็ถูกฉกไปแล้ว” พระชายาซุนพูดด้วยความโกรธ ท่าทางเกลียดชังเหลือเกิน“หากเป็นของข้า ก็เอาไปไม่ได้ หากไม่ใช่ของข้า ก็ไม่แปลกนักหรอก” พระชายาเว่ยพูดอย่างเฉยชาพระชายาซุนไม่รู้จะพูดอะไรกับนางแล้วจริง ๆ ดังนั้นจึงนั่งลง และมองนางอย่างเป็นกังวล แล้วพูดว่า "หากคืนนี้เจ้าสามกลับมา เจ้าต้องเดือดร้อนแน่ เจ้าจะว่าข้าก็ได้ ข้าน้อมรับทุกอย่าง ข้าเป็นพี่สะใภ้รองของเขา คิดว่าคงจะไม่กล้าทำเกินไป”พระชายาเว่ยกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ด้วยฟันขาวของนาง เมื่อปล่อยคลาย
หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "กู้จือกำลังตั้งครรภ์ ไทเฮาคงจะไม่ให้นางออกจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน แต่ไทเฮาก็รักอ๋องเว่ยมากจนนางจะไม่ทำลายชื่อเสียงของเขา ดังนั้นน่าจะหาที่อยู่ใหม่เพื่อจัดการนาง และขอให้คนจับตาดูไว้ หลังจากที่นางให้กำเนิดลูกแล้วค่อยหาทางจัดการต่อ"“อ๋องเว่ยไม่ยอมอย่างแน่นอน” พระชายาจี้กล่าว“เขาไม่ยอม ก็ก่อความวุ่นวายเอาก็แล้วกัน”พระชายาจี้สถบเหอะออกมาหนึ่งคำ “เจ้านี่มันใจแคบมาก มีรึข้าจะมองไม่ออก? เมื่ออ๋องเว่ยก่อความวุ่นวาย เจ้าห้าของเจ้าก็จะหายไปจากสายพระเนตรของพ่อ พระชายาฉู่ เจ้าไม่ได้คิดถึงพระชายาเว่ย เจ้าคิดถึงตัวเองเท่านั้น"หยวนชิงหลิงยักไหล่ "พระชายาไม่ต้องการให้พวกเราคิดถึงนางอยู่แล้ว นางเองก็คงคิดไว้นานแล้วเช่นกัน"“เหตุใดเจ้าจึงเห็นเช่นนั้น?” พระชายาจี้ตกใจ นางเห็นทะลุแผนการกลอุบายต่าง ๆ แต่นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพระชายาเว่ยกำลังคิดอะไรอยู่ในอดีตนางไม่ได้ติดต่อกับพระชายาเว่ยมากนัก แต่ก็มีความประทับใจในตัวนาง ที่นางเป็นคนนุ่มนวลและอ่อนโยน"ข้าเดาเอา" หยวนชิงหลิงไม่อยากคุยกับนางมากนัก พระชายาจี้เป็นคนที่คาดเดาเก่ง ดังนั้นการพูดคุยกับนางไม่น่าจะจบลงอย่างง่ายดาย และ
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าความทะเยอทะยานนี้ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริงแต่ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่นัก "เจ้าเมืองจิ้งเป่ยปราบกบฏชาวนา และสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน ทำไมถึงเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้?"ถ้าหากว่าการขับไล่ศัตรูที่รุกรานและปกป้องประเทศ ตำแหน่งอ๋องนับว่าเหมาะสมแล้วอวี่เหวินห่าวจึงอธิบายว่า "เนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ จิ้งเป่ยไม่ต่างจากหอกข้างแคร่ของราชวงศ์มาโดยตลอด ประชาชนที่อยู่ในจิ้งเป่ยมีเกือบแปดแสนคน และธรรมเนียมประเพณีของผู้คนแถวนั้นก็กล้าหาญ จริงจัง เข้มงวดมาก อีกทั้งตอนสมัยราชวงศ์ก่อน จักรพรรดิเจี้ยได้สั่งให้กวาดโจรทั่วประเทศด้วยกองทัพอันแข็งแกร่ง กลุ่มโจรต่าง ๆ จึงหลบหนีไปทางเหนือของจิ้งเป่ย ซึ่งอยู่ติดกับทะเลทรายทางตอนเหนือ ดังนั้นทางกองทัพจึงไม่ง่ายที่จะโจมตีกวาดล้างมัน ทำให้พวกโจรระแวดระวังจากทางเขตทะเลยทรายมากขึ้น ดังนั้นจักรพรรดิเจี้ยจึงทำได้เพียงปล่อยกลุ่มโจร กลุ่มโจรพวกนั้นจึงได้หยั่งรากอยู่ทางจิ้งเป่ย ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นตัวต้นเหตุของหายนะ ทุก ๆ ปีกลุ่มโจรทางตอนเหนือจะไปยังที่ต่าง ๆ ของเป่ยถังทั้ง เผา ฆ่า และปล้น และหนีกลับไปที่จิ้งเป่ยหลังจากการปล
ตอนนี้ท้องของนางใหญ่ขึ้นเล็กน้อย จึงอาบน้ำไม่สะดวกสักเท่าไร และตอนอาบน้ำนางเองก็ไม่ชอบให้นางข้าหลวงสี่และหมานเอ๋อร์รับใช้อยู่ข้าง ๆ อาบคนเดียวบางครั้งก็ลำบากเหมือนกันในห้องอาบน้ำอบอุ่นมาก เพราะได้จุดเตาถ่านรอเอาไว้ก่อน ที่จวนจิ้งโฮ่วมีพระชายาฉู่ผู้แสนล้ำค่าอยู่ ดังนั้นไปทุกที่จึงต้องมีเตาถ่านจุดเอาไว้อยู่อวี่เหวินห่าวเห็นว่าในห้องอบอุ่นมากพอแล้ว จึงให้คนยกเตาออกไป และออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับเข้ามาตอนนี้ตั้งครรภ์อยู่ หยวนชิงหลิงได้บอกไว้ก่อนว่าไม่อยากแช่น้ำ ดังนั้นด้วยความใส่ใจอย่างยิ่งของหมานเอ๋อร์นางจึงทำเก้าอี้ที่ใช้สำหรับอาบน้ำให้นั่งอาบ ด้านในวางกระบวยยาวสำหรับตักน้ำไว้อาบเอาไว้อวี่เหวินห่าวช่วยนางถอดเสื้อผ้า แม้ว่าเขาจะเกิดในราชวงศ์ แต่เขาก็เป็นทหารมาหลายปี ดังนั้นเขาจึงมีความหยาบกระด้าง ไม่ละเอียดอ่อนอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้เรียนรู้ความละเอียดอ่อนพิถีพิถันมากขึ้น เรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงก็ได้ศึกษาจนกระจ่างแจ้งเมื่อมองดูผิวนาวเนียนเหมือนหน่อไม้ของนาง อวี่เหวินห่าวก็แอบถอนหายใจ เจ้าตุ๊กตาสามตัวนี้มาไม่ถูกเวลาเลยจริง ๆเขาช่วยประคองหยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ แล
หยวนชิงหลิงมองไปที่เขา หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย และถามเสียงแหบแห้งว่า "หมายความว่าอย่างไร?"นิ้วของเขาค่อย ๆ ชี้ไปที่หัวใจของนาง “ในนี้ เปลี่ยนไปเป็นอีกคน”“หือ?” นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเฉยเมย "อย่าแสร้งทำเป็นสงบ ในใจเจ้าตื่นตระหนกมากนัก"หยวนชิงหลิงบ่นอืมพึมพัม นางก้มหน้าลงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย "ท่านบอกข้าทีว่าข้าลุกลี้ลุกลนอะไร"อวี่เหวินห่าวเชยหน้านางขึ้น มองตานางจนหยวนชิงหลิงขนลุกไปหมด “มองอะไรกัน? ท่านอยากจะพูดอะไร”แววตาอวี่เหวินห่าวอ่อนลง “ไม่พูดดีกว่า ไม่อยากเห็นเจ้าพยายามโกหกปิดบังเช่นนี้ เจ้ายังควบคุมคำพูดเจ้าไม่ได้เลย”หยวนชิงหลิงรู้สึกอายมาก "อันใดกันนี่?"อวี่เหวินห่าวยักไหล่ "ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนรู้วิชาแพทย์อย่างไร ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ กล่องยาก็ขยายใหญ่ขึ้นหรือหดเล็กลงได้ ไม่รู้ว่ายามาจากไหน แม้ว่าการแสดงของเจ้าจะดูสมจริงมากก็ตาม แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้กระจ่างชัดนัก "หยวนชิงหลิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ในตอนนั้นกลับท่านเชื่อ”"ข้านั้นช่างไร้เดียงสา ข้าเชื่อในตัวหญิงชั่วร้ายอย่างเจ้า ข้าก็คงเป็นมืออาชีพไปแล้วในชีวิตนี้" อวี่เหวินห่าวอุ้มนางขึ้น ห
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ โกรธจนจะลุกเป็นไฟแล้ว ซึ่งมันทำให้ใบหน้าที่คล้ายกันของตระกูลอวี่เหวินยิ่งเพิ่มความดุร้ายขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ดวงตาของเขาก็ลุกเป็นไฟ และเขาก็จ้องเขม็งไปที่หยวนชิงหลิงทันที เป็นไปตามที่หมานเอ๋อร์พูดเลยว่า เขาโกรธจนจะกินคนได้แล้วในทางกลับกัน หยวนชิงหลิงซึ่งมีใบหน้าสีเลือดฝาด และรอยยิ้มที่มุมปาก นางเข้ามาอย่างช้า ๆ พร้อมกับย่อกายถวายพระพรเล็กน้อย "ไม่รู้ว่าพี่สามจะมาที่นี่ ไม่ได้ไปคารวะเสียนาน ขอพี่สามโปรดอภัย”พูดจบก็ไม่รอเขาพูดอะไร และนั่งลงทันทีแววตาของอ๋องเว่ยดูดุดันขึ้น เขากำลังง้างมือจะตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง“ปัง” เสียง ๆ หนึ่งที่ดังขึ้น มีอะไรที่วางกระแทกลงไปกับโต๊ะอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งมองดูสิ่งที่หยวนชิงหลิงกำอยู่ในมือที่ตบลงกับโต๊ะเขาไม่ได้ตาบอด เห็นได้ชัดว่านั้นคือไม้เท้าจักรพรรดิที่ไท่ซ่างหวงประทานให้นางท่าทางใหญ่โตทั้งหลายถูกไม้เท้าจักรพรรดิกดทับไว้ทันทีเขาพูดอย่างเย็นชา "ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปที่จวนอ๋องเว่ย"หยวนชิงหลิงกล่าว “เพคะ พี่สาม พี่สะใภ้สามดีขึ้นบ้างหรือไม่? ยังเจ็บอยู่รึเปล่า? ข้าให้ยาไป